Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikaku ที่ มีนาคม 02, 2017, 22:03:03

หัวข้อ: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: Nikaku ที่ มีนาคม 02, 2017, 22:03:03
อยากทราบความคิดเห็นเพื่อนสมาชิก เกี่ยวกับถุงลมนิรภัย มีหลายใบปลอดภัยกว่าไหม ?
ใครมีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันครับ Safety first อยากให้ค่ายรถยนต์บ้านเราเน้นเรื่องความปลอดภัย...
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ มีนาคม 02, 2017, 22:07:48
มีเยอะดีกว่ามีน้อยครับ นอกจากคู่หน้า ม่านนิรภัย หน้าและหลัง ถุงลมที่หัวเข่า ลองหาใน ในนี้ดู หรือดูในyoutube ดูครับ ผมแปะไม่เป็น ขออภัย

จำนวนถุงลมสำหรับผมเป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อรถครับ ต้องมากกว่า 4 ใบขึ้นไป
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มีนาคม 02, 2017, 23:00:34
ถ้าได้มีโอกาสได้ใช้ถุงลมนิรภัยแล้วจะทราบครับว่า มันช่วยคุณได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ มีนาคม 03, 2017, 01:13:52
ปลอดภัยกว่าสิครับ กรณีที่เป็นเคสเหมือนๆกันนะ
ยังไงเยอะกว่าก็ดีกว่า ไม่งั้นเค้าจะใส่มาทำไมเยอะแยะละ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: KaIaK118 ที่ มีนาคม 03, 2017, 01:28:20
มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีครับ

แลกกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าจ่ายไหว ยังไงก็ขอเยอะสุด รวมทั้งระบบช่วยเหลือต่างๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: BenzParagon ที่ มีนาคม 03, 2017, 01:33:42
ถ้าเกิดเหตุ ถึงขั้นได้ใช้ถุงลมนิรภัย ระบบถุงลมนิรภัยทำงาน

มีหลายใบ คือ เพิ่มความปลอดภัยในหลายจุดมากขึ้นครับ

แต่ถุงลมนิรภัย ในบางครั้งบางกรณี สามารถสร้างบาดแผลการบาดเจ็บให้กับร่างกายได้เช่นกัน



เพราะฉะนั้น ผู้ขับขี่ ควรขับรถให้ปลอดภัย ครับ

ตัดความเป็นไปได้ ที่สามารถทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ในขณะขับขี่ ให้มากที่สุด

ก่อนคิดพึ่งพาระบบความปลอดภัยต่างๆครับ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: ToRToNGPaT ที่ มีนาคม 03, 2017, 02:13:16
มีดีกว่าไม่มีครับ ถ้าจ่ายเพิ่มได้ก็จ่ายครับ ถึงเวลาจำเป็นต้องใช้ มันจะมีประโยชน์ขึ้นมาเห็นๆครีบ

แต่บางคนไม่คิดอย่างนั้นหนะสิ ยังเห็นถอด Airbag ออกแล้วเอาพวงมาลัยแต่งใส่  คิดในใจถ้าชนขึ้นมาจะคิดได้กันมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: prai ที่ มีนาคม 03, 2017, 02:20:30
ถุงลมแค่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญคือโครงสร้างตัวถังครับ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: seeker ที่ มีนาคม 03, 2017, 06:12:16
ถุงลมนิรภัยต้องใช้คู่กับเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ มีนาคม 03, 2017, 07:09:40
มีเยอะดีกว่าครับ ถ้าเคยใช้จะรู้ว่าใบเดียวก็มีค่า
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: sukhontha ที่ มีนาคม 03, 2017, 08:19:56
ถ้าไม่คาดเข็มขัด  เป็นอันตรายเหมือนกัน 
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: Darkart ที่ มีนาคม 03, 2017, 08:28:09
อย่างน้อยถุงลมนิรภัยสัก 4 ใบ และ คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย โครงสร้างตัวรถก็สำคัญครับ
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ มีนาคม 03, 2017, 09:13:34
มีไว้เยอะๆดีกว่าครับของแบบนี้ ผมซื้อ revo 7แสนกว่า เหตุผลสำคัญเพราะมันได้ 3airbag
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: bahamu ที่ มีนาคม 03, 2017, 11:25:57
รถแข่งf1 gt leman แรลลี่และสารพัดรายการ ไม่มีถุงลมในรถ
รถกองทัพไม่มี เขาว่าโดนแล้วออกยาก ไฟครอกตายก่อน
ขนาดในห้องนักบินขับไล่ โดยสารก็ไม่มี เขาว่าดีดตัวออกยาก

บางคันสามารถเปิดหลังคาได้ ช่วยหนีได้เร็วขึ้น
ประตูที่เปิดหลังคาได้ ช่วยได้มากเวลาคับขัน
แต่รถติดชิดกันในบางประเทศอาจเป็นหายนะ

เข็มขัดนิรภัย4จุดขึ้นไป มีในรถสปอร์ตและรถแข่งทุกชนิด
ส่วน3จุดมีในรถบ้านทุกคัน มีกม.บังคับใช้ วอลโว่ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

ถุงลมถ้าคุณภาพดี ไม่หลอกขายตัดราคาแบบทาคาตะ
มีไว้ให้อุ่นใจ แต่ถ้าหลอกขายไม่ต่างอะไรกับปืนลั่นใส่ในรถ
แน่นอนว่าคนซื้อไม่มีทางรู้เรื่องนี้ จนกว่าจะมีกระแสขึ้นมาจากทั่วโลก
มีคนสังเวยมากเมื่อไหร่ ถึงมาล้อมคอกกันทีหนึง

โครงสร้างรถที่ออกแบบมาอย่างดีสำคัญที่สุด แต่ต้นทุนแพง
แค่เข็มขัด4จุด เบาะรถแข่ง ต่อให้คว่ำคนนั่งยังหนุ่มก็ไม่เป็นอะไร
ถ้าความเร็วไม่เกิน60 แต่ถ้าเกิน100 สวดมนต์ได้เลย

คนบางคนนึกว่ารถที่ซื้อดีเท่าf1 ที่รับการชนด้านหน้าที่150ได้
ทั้งที่ในความเป็นจริงรถแพงเวอร์ๆ รับได้ประมาณไม่เกิน120
แต่ที่เกินมัก180 บางคัน300 ถุงลมอะไรก็ช่วยไม่ได้

ส่วนม่านถุงลม กันน่อง กันขา เกิดจากเบาะไม่สามารถกักตัวคนนั่งให้อยู่นิ่งได้
เข็มขัดไม่อยู่ในจุดที่จะรัดคนนั่งได้ทั้งตัว หัวส่าย ขากระเด็ง
จึงมีถุงลมมาช่วยพยุง แต่ของแบบนี้แรงแบบช้างถีบ หรือโดนเฮวี่เวทฮุค

ถ้าถุงพองเต็มที่ก่อนปะทะ ก็เบาหน่อย
ถ้าถุงกำลังพองที่ตัวเรา ก็ช้ำใน หนังฉีก
ดีที่สุดคือไม่ต้องใช้ เพราะมีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง

ท่านั่งที่เหมาะสมถึงจะทำให้ถุงลมทำงานอย่างปลอดภัย
แต่คนเราแขน ขา คอ ยาวไม่เท่ากัน เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องวัดดวง

ลองดูทดสอบชน แล้วดูสีหุ่นที่ติดตามถุงลมดูว่า สัมพันธ์กับใบคะแนนรึไม่
แต่หุ่นที่ทดสอบมีมวลและนน.ที่ผิดกับคนในยุคนี้ ซึ่งอ้วนและหนักกว่าหุ่น
แรงเฉื่อยที่กระทำต่อถุงลม ย่อมมีนัยะสำคัญในการทดสอบ

สรุปง่ายๆ รถแพงย่อมดีกว่ารถถูกในเรื่องนี้ ต่อให้ไม่มีถุงลม แม้แต่ใบเดียว ถ้าไม่เร็วกว่าที่ออกแบบ
เมื่อรถชนย่อมถึงตัวน้อยกว่า เพราะมีหลายปัจจัยในการกระจายแรงไม่ให้มาโดนคนนั่ง
ซึ่งไม่ได้สวมชุดป้องกัน หมวกนิรภัย เข็มขัด4จุดขึ้นไป

ถุงลมจึงเป็นปราการสุดท้าย เมื่อปัจจัยอื่นๆป้องกันไม่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: HHHsung ที่ มีนาคม 03, 2017, 13:16:10
รถแข่งf1 gt leman แรลลี่และสารพัดรายการ ไม่มีถุงลมในรถ
รถกองทัพไม่มี เขาว่าโดนแล้วออกยาก ไฟครอกตายก่อน
ขนาดในห้องนักบินขับไล่ โดยสารก็ไม่มี เขาว่าดีดตัวออกยาก

บางคันสามารถเปิดหลังคาได้ ช่วยหนีได้เร็วขึ้น
ประตูที่เปิดหลังคาได้ ช่วยได้มากเวลาคับขัน
แต่รถติดชิดกันในบางประเทศอาจเป็นหายนะ

เข็มขัดนิรภัย4จุดขึ้นไป มีในรถสปอร์ตและรถแข่งทุกชนิด
ส่วน3จุดมีในรถบ้านทุกคัน มีกม.บังคับใช้ วอลโว่ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

ถุงลมถ้าคุณภาพดี ไม่หลอกขายตัดราคาแบบทาคาตะ
มีไว้ให้อุ่นใจ แต่ถ้าหลอกขายไม่ต่างอะไรกับปืนลั่นใส่ในรถ
แน่นอนว่าคนซื้อไม่มีทางรู้เรื่องนี้ จนกว่าจะมีกระแสขึ้นมาจากทั่วโลก
มีคนสังเวยมากเมื่อไหร่ ถึงมาล้อมคอกกันทีหนึง

โครงสร้างรถที่ออกแบบมาอย่างดีสำคัญที่สุด แต่ต้นทุนแพง
แค่เข็มขัด4จุด เบาะรถแข่ง ต่อให้คว่ำคนนั่งยังหนุ่มก็ไม่เป็นอะไร
ถ้าความเร็วไม่เกิน60 แต่ถ้าเกิน100 สวดมนต์ได้เลย

คนบางคนนึกว่ารถที่ซื้อดีเท่าf1 ที่รับการชนด้านหน้าที่150ได้
ทั้งที่ในความเป็นจริงรถแพงเวอร์ๆ รับได้ประมาณไม่เกิน120
แต่ที่เกินมัก180 บางคัน300 ถุงลมอะไรก็ช่วยไม่ได้

ส่วนม่านถุงลม กันน่อง กันขา เกิดจากเบาะไม่สามารถกักตัวคนนั่งให้อยู่นิ่งได้
เข็มขัดไม่อยู่ในจุดที่จะรัดคนนั่งได้ทั้งตัว หัวส่าย ขากระเด็ง
จึงมีถุงลมมาช่วยพยุง แต่ของแบบนี้แรงแบบช้างถีบ หรือโดนเฮวี่เวทฮุค

ถ้าถุงพองเต็มที่ก่อนปะทะ ก็เบาหน่อย
ถ้าถุงกำลังพองที่ตัวเรา ก็ช้ำใน หนังฉีก
ดีที่สุดคือไม่ต้องใช้ เพราะมีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง

ท่านั่งที่เหมาะสมถึงจะทำให้ถุงลมทำงานอย่างปลอดภัย
แต่คนเราแขน ขา คอ ยาวไม่เท่ากัน เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องวัดดวง

ลองดูทดสอบชน แล้วดูสีหุ่นที่ติดตามถุงลมดูว่า สัมพันธ์กับใบคะแนนรึไม่
แต่หุ่นที่ทดสอบมีมวลและนน.ที่ผิดกับคนในยุคนี้ ซึ่งอ้วนและหนักกว่าหุ่น
แรงเฉื่อยที่กระทำต่อถุงลม ย่อมมีนัยะสำคัญในการทดสอบ

สรุปง่ายๆ รถแพงย่อมดีกว่ารถถูกในเรื่องนี้ ต่อให้ไม่มีถุงลม แม้แต่ใบเดียว ถ้าไม่เร็วกว่าที่ออกแบบ
เมื่อรถชนย่อมถึงตัวน้อยกว่า เพราะมีหลายปัจจัยในการกระจายแรงไม่ให้มาโดนคนนั่ง
ซึ่งไม่ได้สวมชุดป้องกัน หมวกนิรภัย เข็มขัด4จุดขึ้นไป

ถุงลมจึงเป็นปราการสุดท้าย เมื่อปัจจัยอื่นๆป้องกันไม่ได้แล้ว

สงสัยรถที่คุณใช้จะสเปครถแข่งที่ราคาแพงกว่ารถทั่วไปเป็นสิบๆ เท่า ถึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ถุงลมก็ได้

รถที่คุณพูดมามันใช้่ถที่คนทั่วไปเอื่อมถึงหรือเปล่า ไม่มีประโยชน์จริงผู้ขายเค้าไม่ใส่มาให้เป็นต้นทุนรถหรอกครับ

ส่วนตัวก็มองว่าสำคัญนะ เพียงแต่เราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย ดังนั้นราคารถที่ขายจึงสำคัญกว่าออฟชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่ม

ง่ายๆ ดู ซิตี้ หรือ แจส ตัวปัจจุบัน มีหลายคนที่ซื้อตัวธรรมดาไม่ยอมซื้อรุ่น + ที่เพิ่มถุงลม ทั้งๆ ที่จ่ายเงินเพิ่มไม่มากเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: AboveGod ที่ มีนาคม 03, 2017, 13:47:40
ไม่เกี่ยวกับกระทู้นะครับ
แต่ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงความปลอดภัยของรถ ชอบนึกถึงคลิปนี้

https://youtu.be/bwdC1Yi3OG8
หัวข้อ: Re: ถุงลมนิรภัย ????
เริ่มหัวข้อโดย: bahamu ที่ มีนาคม 03, 2017, 13:55:57
รถแข่งf1 gt leman แรลลี่และสารพัดรายการ ไม่มีถุงลมในรถ
รถกองทัพไม่มี เขาว่าโดนแล้วออกยาก ไฟครอกตายก่อน
ขนาดในห้องนักบินขับไล่ โดยสารก็ไม่มี เขาว่าดีดตัวออกยาก

บางคันสามารถเปิดหลังคาได้ ช่วยหนีได้เร็วขึ้น
ประตูที่เปิดหลังคาได้ ช่วยได้มากเวลาคับขัน
แต่รถติดชิดกันในบางประเทศอาจเป็นหายนะ

เข็มขัดนิรภัย4จุดขึ้นไป มีในรถสปอร์ตและรถแข่งทุกชนิด
ส่วน3จุดมีในรถบ้านทุกคัน มีกม.บังคับใช้ วอลโว่ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

ถุงลมถ้าคุณภาพดี ไม่หลอกขายตัดราคาแบบทาคาตะ
มีไว้ให้อุ่นใจ แต่ถ้าหลอกขายไม่ต่างอะไรกับปืนลั่นใส่ในรถ
แน่นอนว่าคนซื้อไม่มีทางรู้เรื่องนี้ จนกว่าจะมีกระแสขึ้นมาจากทั่วโลก
มีคนสังเวยมากเมื่อไหร่ ถึงมาล้อมคอกกันทีหนึง

โครงสร้างรถที่ออกแบบมาอย่างดีสำคัญที่สุด แต่ต้นทุนแพง
แค่เข็มขัด4จุด เบาะรถแข่ง ต่อให้คว่ำคนนั่งยังหนุ่มก็ไม่เป็นอะไร
ถ้าความเร็วไม่เกิน60 แต่ถ้าเกิน100 สวดมนต์ได้เลย

คนบางคนนึกว่ารถที่ซื้อดีเท่าf1 ที่รับการชนด้านหน้าที่150ได้
ทั้งที่ในความเป็นจริงรถแพงเวอร์ๆ รับได้ประมาณไม่เกิน120
แต่ที่เกินมัก180 บางคัน300 ถุงลมอะไรก็ช่วยไม่ได้

ส่วนม่านถุงลม กันน่อง กันขา เกิดจากเบาะไม่สามารถกักตัวคนนั่งให้อยู่นิ่งได้
เข็มขัดไม่อยู่ในจุดที่จะรัดคนนั่งได้ทั้งตัว หัวส่าย ขากระเด็ง
จึงมีถุงลมมาช่วยพยุง แต่ของแบบนี้แรงแบบช้างถีบ หรือโดนเฮวี่เวทฮุค

ถ้าถุงพองเต็มที่ก่อนปะทะ ก็เบาหน่อย
ถ้าถุงกำลังพองที่ตัวเรา ก็ช้ำใน หนังฉีก
ดีที่สุดคือไม่ต้องใช้ เพราะมีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง

ท่านั่งที่เหมาะสมถึงจะทำให้ถุงลมทำงานอย่างปลอดภัย
แต่คนเราแขน ขา คอ ยาวไม่เท่ากัน เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องวัดดวง

ลองดูทดสอบชน แล้วดูสีหุ่นที่ติดตามถุงลมดูว่า สัมพันธ์กับใบคะแนนรึไม่
แต่หุ่นที่ทดสอบมีมวลและนน.ที่ผิดกับคนในยุคนี้ ซึ่งอ้วนและหนักกว่าหุ่น
แรงเฉื่อยที่กระทำต่อถุงลม ย่อมมีนัยะสำคัญในการทดสอบ

สรุปง่ายๆ รถแพงย่อมดีกว่ารถถูกในเรื่องนี้ ต่อให้ไม่มีถุงลม แม้แต่ใบเดียว ถ้าไม่เร็วกว่าที่ออกแบบ
เมื่อรถชนย่อมถึงตัวน้อยกว่า เพราะมีหลายปัจจัยในการกระจายแรงไม่ให้มาโดนคนนั่ง
ซึ่งไม่ได้สวมชุดป้องกัน หมวกนิรภัย เข็มขัด4จุดขึ้นไป

ถุงลมจึงเป็นปราการสุดท้าย เมื่อปัจจัยอื่นๆป้องกันไม่ได้แล้ว

สงสัยรถที่คุณใช้จะสเปครถแข่งที่ราคาแพงกว่ารถทั่วไปเป็นสิบๆ เท่า ถึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ถุงลมก็ได้

รถที่คุณพูดมามันใช้่ถที่คนทั่วไปเอื่อมถึงหรือเปล่า ไม่มีประโยชน์จริงผู้ขายเค้าไม่ใส่มาให้เป็นต้นทุนรถหรอกครับ

ส่วนตัวก็มองว่าสำคัญนะ เพียงแต่เราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย ดังนั้นราคารถที่ขายจึงสำคัญกว่าออฟชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่ม

ง่ายๆ ดู ซิตี้ หรือ แจส ตัวปัจจุบัน มีหลายคนที่ซื้อตัวธรรมดาไม่ยอมซื้อรุ่น + ที่เพิ่มถุงลม ทั้งๆ ที่จ่ายเงินเพิ่มไม่มากเท่าไหร่
[/quote]

เข้าใจอะไรผิดกลับไปอ่านใหม่ อย่ามั่ว
รถสมัยก่อนไม่มีถุงลม ก็มีคนใช้ ไม่จำเป็นต้องแพงมาก
ตอนนี้ก็มีคนขับอยู่เยอะ ที่ใช้อยู่ก็รถเก่าไม่มีถุงลม ราคาถูกกว่าแมงไซค์หลายคัน

ถ้าถุงลมคุณภาพดี ใช้ถูกต้องมีย่อมดี
แต่ถ้าไม่ดี อย่ามีดีกว่า ที่มาตั้งแง่นี้ อ่านไม่แตกหรืออคติ
ถุงลมมีอายุ ไม่ใช่อยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
ถึงเวลาไม่ทำงานบ.รถไม่รับผิดชอบ ต้องเปลี่ยนตามปี มีใครจ่ายบ้าง

ขนาดแคทตัน ยังตัดทิ้งตีหม้อพักแทน เพราะแคทห้างแพงเกิน แคทเทียบก็ไม่นิยม

รถแพงๆไม่ใส่มาก็มี แต่เป็นรถสั่งทำ ตรงไหนที่บอกว่าต้องแพงถึงมี
รถส่วนใหญ่ใช้ถุงลมราคาไล่ๆกัน อยู่ที่จำนวนที่ใส่
แต่คนซื้อไม่รู้ว่าใส่ยี่ห้ออะไร จุดระเบิดแบบไหน มีเซ็นเซอร์กี่จุด
แน่นอนรถถูกแพง ย่อมติดตั้งชุดอุปกรณ์ต่างกัน ไม่งั้นรถแพงๆจะขายออกยังไง
ถ้าความปลอดภัยไม่เหนือกว่า ไม่ต้องแพงเวอร์ หรือต้องกันระเบิดก็หาดูทดสอบชนไม่ยากแล้ว
แค่เบาะนำหนักยังต่างกันเป็นสิบกิโล ไม่ใช่แค่หนังนุ่มแต่รับแรงยึดกระดูกสันหลัง คอได้ดีด้วย

เคยดูรอยแผลจากถุงลม ฉีกหนังคนรึยัง มีหลายเคสที่บาดเจ็บจากถุงลมระเบิด
ได้แผลไหม้ พุพองที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างแขนและการพองตัวของถุงลมที่200-300กม./ชม.
ทั้งที่ไม่ได้ชนแรง แต่เซ็นเซอร์มีน้อยจุด และถุงลมจุดระเบิดแรงเกินไป
ภายหลังแก้ให้ช้าลง อยู่นานขึ้น กลายเป็นออกยาก ถ้ามีน้ำมันรั่ว

ถ้าไม่แต่งตัวรัดกุมแล้วถุงลมระเบิดรอบตัว และเสียดสีหนังคน จะเป็นยังไง
เบาะนั่งจะมีเซ็นเซอร์รับนน.ไม่ถึงถุงลมไม่ทำงาน ห้ามให้เด็กนั่งหน้ารถเด็ดขาด
ของที่แขวนระหว่างกระจกหน้า เป็นสะเก็ดชั้นดีไว้พุ่งมาโดนคนนั่งให้สาหัส
อ่านคู่มือรถให้ละเอียดก่อนซื้อ เพราะชีวิตใครชีวิตมัน ไม่ใช่เชื่อแต่โฆษณา

แล้วถ้าชนแรงแต่ถุงลมไม่ทำงาน จะทำยังไงมัวแต่หวังพึ่งตัวรอง ตัวหลักไม่เน้น
คานหน้า หลัง แผงประตูนิรภัย เหล็กความหนาแน่นสูง เบาะยึดกระดูกคอ สันหลัง
พวงมาลับยุบตัว แป้นเท้าหดตัว เครื่องหักมาเป็นคานตัวที่สอง รถที่จะซื้อมีรึยัง

ไม่ได้อ่านข่าวทาคาตะรึไง ในไทยมีรถที่ใช่ยี่ห้อนี้มาก และไม่ได้เรียกคืนก็เยอะ
จะรับผิดชอบแทนคนอื่นไหม ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

ซื้อรถไปถ้าแกะมาดูเอง หมดประกัน ถ้าระเบิดแล้วมีสะเก็ดกระเด็นไปโดนแล้วตาย
คุ้มไหมล่ะ มีคนโดนแบบนี้ทั่วโลกเป็นร้อยคนแล้ว จะมาให้เห็นดีเห็นงามคงไม่เหมาะ
สคบ.เราไม่มีอำนาจไปเอาเรื่อง บ.รถจะใส่ใจรึไม่เป็นเรื่องที่คนซื้อต้องขอร้อง

ขนาดเมกัน มีส่งฟ้องจำนวนมากยังใช้เวลาหลายปี จนยุ่นยอมรับแบบแถๆด้วยซ้ำ
เพราะบ.รถขาดทุน และบ.ถุงลมยี่ห้ออื่นแย่เพราะโดนตัดราคา การโกงแบบนี้แหล่ะ
ที่คนซื้อไม่รู้ เห็นรถใส่ไปเยอะแยะก็นึกว่าดีหมด ใช้ไปหน่อยเดียวเสียได้ทั้งคัน
ยิ่งบางคันขายแพง กำไรเยอะ มีคนจำใจขายขาดทุนเพราะทนซ่อมไม่ไหว

ลองไปผ่อนแบบแท็กซี่ดูก็ดี จะได้รู้ว่า คนขับรถรับจ้างเขาต้องการอะไรจริงๆกันแน่
ดาว์นหมื่นผ่อนล้าน เคยทำรึยัง ปิดบัญชีแสนยาก โยกตอนโอนทะเบียน
ดอกโหด เบี้ยประกันแพงเกิน อายุทะเบียน ประเภทรถไม่เหมาะสมกับรถยุคนี้

นักแข่งรถรักชีวิตไม่แพ้คนบนถนน แต่มีคนตายเพราะออกจากรถไม่ทันเยอะมาก
เคยเจอไหมโค้งเดียวกัน วนมาอีกทีเพื่อนลงไปบินข้างทาง ตายศพไม่สวยก็มี

สมัยก่อนพอจะร้องเรียนให้แก้กฎ ยากแสนเข็ญเพราะกลัวคนดูไม่เร้าใจ เรตติ้งตก
ไม่ต่างกับแกลดิเอเตอร์ ในโคลีเซี่ยม ที่ต้องได้เห็นเลือดถึงสนุก