Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Pegasus7700 ที่ มีนาคม 20, 2017, 08:31:33
-
https://youtu.be/Ld3erjSDxag (https://youtu.be/Ld3erjSDxag)
https://youtu.be/ru0yyKoGqxQ (https://youtu.be/ru0yyKoGqxQ)
ซ้ำขออภัย ลบได้นะครับ.. เห็นว่ามีประโยชน์
-
วิสัยทัศน์อุโมงค์
ไม่ได้เกิดกับทุกคน
มันอยู่ที่ความชินของสายตา และความสามารถของแต่ละคน
ขับเร็วบ่อยๆ สมองจะสั่งการได้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อการตอบสนอง
ในระดับความเร็วนั้นๆ สายตาก็จะปรับตาม
ทดลองง่ายๆ
A ขับรถ 140 เป็นปกติ
B ขับไม่เคยเกิน 100 เลย
มาขับรถคันเดียวกันที่ความเร็ว 160
มันก็แน่นอน A จะเกิดน้อย - แถบไม่เกิด วิสัยทัศน์อุโมงค์ เลย
ส่วน B เกิดวิสัยทัศน์อุโมงค์แน่นอน
-
ถ้ากลางคืนยิ่งอุโมงค์มืดกันเลยทีเดียว ยิ่งต้งระวังกันครับ ขับขี่ปลอดภัยครับ
ถึงที่หมายเหมือนกัน เอาที่ปลอดภัย ไม่ใช่กับตัวเราเท่านั้น ต้องกับคนอื่นด้วยครับ
-
วิ่งเร็วขนาด กลางวันแสกๆ เห็นข้างหน้าชัด ด้านข้างเบลอ (ทฤษฏีถ่ายรูปแบบใหม่ละมั๊ง อิๆ ) อาจจะต่อจาก หน้าชัดหลังเบลอหรือเปล่า ถามคนคิดโฆษณาให้ผมหน่อยนะ
ผมว่า วิ่งแบบเห็นลักษณะนั้น คือ 240+ นะ 160-170 ยังไม่เบลอเลย
แต่มีหมา ......... กลัวตรงนี้แหละ โฆษณานี้เลยน่ากลัวสำหรับผม เพราะผมเคยชนหมา แล้วเจ้าของหมา เรียกร้องค่าหมา 4พัน ทั้งๆ ที่หมาวิ่งออกมาไล่กัด รถ จยย คันข้างหน้า แต่กัดไม่ทัน เลยวิ่งเป๋มาหารถผม ที่ขับเต่าๆ มา60มั๊ง เอ๋งเดียว หมาวิ่งเข้าบ้าน ผมก็จอดดูรถ เจ้าของหมาออกมาด่าผม ....ผมก็ถามว่าผมผิดหรอ หมาพี่ออกมาไล่กัดชาวบ้านนะ ก็เถียงกันไป ดีที่ประกันมาเคลม แล้วคุยให้ ....
ปัญหาไม่ใช่สายตา แต่เป็น "หูอื้อ" มากกว่า รถสมัยนี้ ขับ 160ก็อู้แล้ว
-
มีส่วนครับ
แต่ส่วนสำคัญคือ
ยิ่งเร็ว เวลาคิดให้ตัดสินใจ น้อยลงเป็นเสี้ยววินาที ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้มากขึ้น
-
หลัจากเห็นโฆษณานี้ผมหาทางโล่งๆ ลองทดสอบดูเพราะไม่เคยสังเกตุ พอได้ทำดู ผมไม่เจอเลยครับ ที่ความเร็วไม่เกิน 140 ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ขับเร็วเกินจากนี้แล้ว
น่าจะเป็นเรื่องตา และประสาทแต่ละคนเหมือนจอทีวี 30Hz 60Hz 100Hz 144Hz ที่จะมีแค่บางคนจับความต่างได้
-
ขอบคุณครับ มีประโยชน์
มีส่วน ขับเร็ว ตัดสินใจ ต้องเผื่อระยะข้างหน้าอีก ระมัดระวังมากเดิมครับ
-
:) เป็นตอนง่วงครับ เป็นแน่นอน
มันค่อยๆ เบลอจากข้างๆเข้ามาเลยครับ
ต้องแวะนอนกันเลยทีเดียว hahaha
ไม่เกี่ยวกันเนอะ แต่อันตรายจริงครับ
-
ถนนต่างจังหวัด อย่าเกิน 140 เป็นดีครับ ต่อให้รถเราจะเฟอร์เฟคขนาดไหนก็ตาม
-
เคยดูรายการหนึ่ง ให้ผู้ทดสอบยืนคนละฝากถนน บังคับให้มองไปที่แผ่นกากบาทที่มีคนถืออยู่อีกฝากถนน จากนั้นเอาคนมายื่นห่างจากจุดโฟกัสไม่กี่ฟุตทั้งซ้ายและขวา แล้วให้ผู้ทดสอบเลือกว่าผู้หญิงสวยอยู่ข้างไหน ผลทดสอบออกมาฮามาก ผู้ทดสอบเลือกได้มั่วมาก ผู้ชายเตี้ยๆหนวดเคราเพียบ แต่แต่งเป็นหญิงก็ยังถูกเลือก
การทดสอบนี้แค่ทดสอบแบบยื่นนิ่งๆ
-
วิสัยทัศน์อุโมงค์
ไม่ได้เกิดกับทุกคน
มันอยู่ที่ความชินของสายตา และความสามารถของแต่ละคน
ขับเร็วบ่อยๆ สมองจะสั่งการได้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อการตอบสนอง
ในระดับความเร็วนั้นๆ สายตาก็จะปรับตาม
ทดลองง่ายๆ
A ขับรถ 140 เป็นปกติ
B ขับไม่เคยเกิน 100 เลย
มาขับรถคันเดียวกันที่ความเร็ว 160
มันก็แน่นอน A จะเกิดน้อย - แถบไม่เกิด วิสัยทัศน์อุโมงค์ เลย
ส่วน B เกิดวิสัยทัศน์อุโมงค์แน่นอน
จริงครับ
ผมขับ 140-160 ยืนพื้น ผมเก็บรายละเแียดได้ทุกเม็ดเลย
เพราะครั้งไหนขับ 80-90 เพราะรู้ว่าแถวนั้นมีกล้อง
เหมือนรอบข้างอยู่กับที่เลย แถมพาง่วงนอนอีก
คือ ตาผม ถ้าเทียบกับพวกกล้องมุมก้าง เลนนัยตาผมคงกว้างจริงๆ
อะไรที่มาข้างๆนี่ ผมเห็นได้ดี เวลาผมมองกระจกมองข้าง แทบไม่ต้องหันหน้าเลย คือ อะนนี้แฟนเคยสังเกตนะ
เวลาคนไม่รู้จักมานั่งรถผม ผมจะถูกถามว่า ที่เปลี่ยนเลนไปได้มองกระจกข้างบ้างปล่าวประจำ
แต่เดี๋ยวนี้ก็เบาลงเยอะแล้ว เพราะถนนสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน รถเปลี่ยนเลนกันแบบไม่ระวังข้างๆเยอะขึ้น พวกขี้แกล้งก็เยอะขึ้น
ลืมบอกไปครับ
เวลาผมขี่มอไซค์
ผมจะขี่อยู่แค่ 60 เอง 5555
ไม่รู้ทำไม กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมดเลย
ยิ่งในซอยคนเยอะๆโฟกัสผมเหลือไม่เกิน 5 เมตร
-
ถึงตัวเราจะมองได้กว้างกว่าคนปกติ (จะเพราะชิน หรือ สกิล หรือ คุณสมบัติติดตัว) ... ที่ความเร็วสูงขึ้น มองมุมมองคุณก็แคบลงอยู่ดี แค่ว่าแคบลงแล้วยังอาจจะกว้างกว่าคนปกติ
ที่อยากลองให้คิดดู คือ คุณมี safety factor จากการมองได้กว้างกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อย่าไปลดมันลงด้วยการขับเร็วเกินเหตุเลยครับ
ปล. จากที่เคยดูคลิปที่ track eye motion ของพวกนักแข่ง คิดว่า ที่หลายคนคิดว่าตัวเองไม่มีปัญหาเรื่อง tunnel vision (ผมเองก่อนนี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกนะ แต่ 1-2 ปีมานี้ รู้สึกได้เลยว่ามีปัญหานี้แน่ๆ อาจเป็นเพรสะขับทางไกลน้อยลง ไม่ได้ฝึกตัวเอง + แก่) น่าจะเป็นเพราะ ชิน หรือ มีทักษะ ในการกวาดตาเร็วๆไปตามจุดต่างๆตลอดเวลา จึงลดผลของ tunnel effect ลงได้
-
ดีครับ สนับสนุนด้วยหลักฐานจากการวิจัย ทำ CG ได้ดุเดือดดังหนังด้วย
-
การวางlayoutของเรื่อนไมล์ก็มีผลต่อวิสัยทัศน์ครับ
-
ความเห็นส่วนตัวครับ..... คลิปที่ทำออกมาก็เกือบจะใช่ละเพราะคนขี่มอไซด์ ใส่หมวกกันน๊อคที่ไม่มีกระจะครอบสายตา เวลาขี่เร็วๆตาก็จะพร่าถูกต้องแล้วครับ แต่คนขี่มอไซด์ส่วนใหญ่ใส่เต็มใบหรือมีกระจกบังลมเข้าตาอีกที การขับขี่ก็จะมองเห็นเส้นทางรอบข้างได้ดีขึ้น มันไม่ถึงขึ้นพร่ามัวแบบในคลิปหรอกครับมันยังมองเห็นรอบๆอยู่เพียงแต่ว่าถ้าขี่เร็วมากๆมันจะเบรคและตัดสินใจไม่ทันต่างหาก คหสต.ครับ แต่ก็ดีที่นำมารนณรงค์ ทำให้คนตระหนักมากขึ้น ยิ่งใกล้สงกรานต์จะมีน้ำเป็นตัวแปรอีก ถนนเปียกลื่นนี่น่ากลัวกว่าอุโมงอีกครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน
:) :) :)
-
เตือนไว้เพื่อให้ระวัง ขอคุณมากครับ ผมกลัวไม่ได้เห็นลูกโตครับขับไม่เกิน 115 ทุกวันนี้ ::) ::)
-
ผมไม่สนใจทฤษฏี แต่โฆษณาตลกดีครับ
-
ทฤษฎีนี้มีแต่คนที่สายตาไม่ปกตินั่นแหละครับที่เป็น ลองเทสดูแล้วที่ 180-190 มองข้างๆชัดปกติ ไม่เห็นจะมีอะไรแต่นั่นแหละ อันตรายคือมองเห็นแล้วเบรกไม่ทันต่างหาก ดังนั้นวิ่งถนนแบบในโฆษณา ผมวิ่ง 80-100 ไม่เกินนี้ ยิ่งที่ชุมชนหน่อ 60-80 นี่ก็เร็วละ
-
ต้องเร็ว140ขึ้นมั้งครับถึงจะเริ่มมองยาก มอไซค์บางคันไม่ติดกระจกข้างด้วยซ้ำ
เห็นลงไปนอนร้องข้างทางหลายคันแล้วพวกมุดมาเร็วๆระหว่างเลน
-
ยิ่งเร็ว ยิ่งขับยาก ยิ่งเครียด ขับช้าลงหน่อย ไปถึงช้ากว่าหน่อย สบายกว่าครับ ปลอดภัยด้วย
-
สดๆร้อนๆ เช้านี้เลยครับ อุโมงค์เกษตร
ผมฟังจากวิทยุนะครับ เหตุเกิดยังไงไม่รู้
แต่เกิดการชนที่อุโมงค์ฝั่งขาออกไปนวมินทร์
แต่ตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ กระเด็นไปอยู่ฝั่งขาเข้า หุหุ
รถเลยติดทั้งสองฝั่งเลย
-
กฏหใายจำกัดความเร็วคือทางออกสำหรับการจราจรของทุกคน แต่ถ้ามาเถียงว่าคนนี้เก่งทำได้คนนี้ไม่เก่งทำไม่ได้ก็เป็นอย่างทุกวันนี้นี่แหละ ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเก่งสุดท้ายชนตูมมมม.....ตาย.... :-\
-
:-X :-X :-X
-
Tunnel vision เป็นเรื่องจริงครับไม่จำเป็นต้องความเร็วสูงก็เกิดได้ ตัวอย่างที่ทำให้เกิดครับ
Glaucoma, a disease of the eye
Retinitis pigmentosa, a disease of the eye
Blood loss (hypovolemia)
Alcohol consumption
Extreme fear or distress, most often in the context of a panic attack
Excitement or extreme pleasure such as on a roller-coaster, causing a surge of adrenaline in the body
During periods of high adrenaline production, such as an intense physical fight
Altitude sickness, hypoxia in passenger aircraft
Exposure to oxygen at a partial pressure above 1.5-2 atmospheres, producing central nervous system oxygen toxicity, called narcosis. Other symptoms can include dizziness, nausea, blindness, fatigue, anxiety, confusion and lack of coordination
Pituitary tumours (or other brain tumours that compress the optic chiasm)
Prolonged exposure to air contaminated with heated hydraulic fluids and oils, as can sometimes happen in passenger aircraft
Severe cataracts, causing a removal of most of the field of vision
During the aura phase of a migraine
Intense anger, due to the body being rapidly flooded with adrenaline and oxygen
A bite from a black mamba and other snakes with the same strength venom
Mercury poisoning (especially methylmercury)
Sleep deprivation