Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: radomying ที่ เมษายน 09, 2017, 18:52:46
-
พอดีไปจองตัว 320d celebration มาครับ แต่เห็นตัว 330e plugs in luxury ราคา 2ลัาน กลางๆ เกิดอาการรักพี่เสียดายน้องครับ สอบถามผู้รู้หน่อยครับ ว่าเลือกรุ่นไหนดี มีปัญหาน้อยสุด
ปล. รถยุโรปคนแรก กะใช้ยาวๆ
-
ใช้ยาวๆหนีไฟฟ้าให้ไกลๆเลยครับ ดีเซลถ้าบำรุงรักษาดีดีทนทึกอยู่น่ะครับ
-
ถ้าไม่สนราคาขายต่อ ไฮบริดครับ แรงกว่าเยอะ
อีกไม่เกิน10ปี ไฮบริดจะเปนรถปกติของคนไทย
-
ใช้ยาวๆหนีไฟฟ้าให้ไกลๆเลยครับ ดีเซลถ้าบำรุงรักษาดีดีทนทึกอยู่น่ะครับ
-
คิดถูกแล้วครับ
-
ใช้ยาวๆหนีไฟฟ้าให้ไกลๆเลยครับ ดีเซลถ้าบำรุงรักษาดีดีทนทึกอยู่น่ะครับ
+1 ครับ
รถยุโรปคันแรก หนีเรื่องระบบไฟฟ้าไปก่อนเลยครับ
ไว้มีประสพการณ์มากกว่านี้ ค่อยเล่นครับ
-
อยู่ให้ห่าง Hybrid จากใจ คนใช้ Hybrid ครับ
-
320d ครับ ปัญหาน้อยกว่าค่อนข้างชัวร์
-
ไว้รอไฟฟ้าทั้งเมืองก่อนก้อยังไม่สายไปครับ
-
คุณหวังอะไรจากคันนี้ ถ้าคิดว่าขับบีเอ็มแล้วจะโดนพวก c-seg turbo แซงไม่ได้เลยความคิดที่จะเปลี่ยนเป็น 330e ก็ไม่ผิดครับ แต่ถ้าขับเองโดนคนอื่นแซงได้ ขอช่วงล่างแบบยุโรป ชุดแต่งหล่อๆ เอาคันเดิมก็พอครับ
-
ใช้ 330e อยุ่ครับ ทุกอย่างปกดี แรงดีกว่า 320d ชัดเจนทุกย่านความเร็ว เงียบกว่าดีเซลชัดเจน ช่วงล่าง นุ่มแน่นกว่า 320d ด้วยครับ เพราะรถหนักกว่า หนักพอๆกับ F10 เลยครับ ผมใช้งานใกล้ๆ แบบมีที่ชาร์จไฟ ผมจำไม่ได้ละว่าเติมน้ำมันล่าสุดเมื่อไร
ผมใช้รถ Hybrid มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลยครับ ใช้งานปกติได้สบาย ขึ้นดอยอ่งขาง ดอยอินทนนท์ ไปหาดใหญ่ ภูเก็ต ไม่เคยมีระบบไฟรวนอะไรเลย
ขายต่อราคาตกมั้ย มันก็ตกทุกคันอ่ะครับ รถซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อกะขายต่อแล้วราคาต้องไม่ตก ถ้าคิดอย่างนั้นไปซื้ออย่างอื่น ที่ไม่ใช่รถ
เชียร์ 330e ครับ
-
ใช้ 330e อยุ่ครับ ทุกอย่างปกดี แรงดีกว่า 320d ชัดเจนทุกย่านความเร็ว เงียบกว่าดีเซลชัดเจน ช่วงล่าง นุ่มแน่นกว่า 320d ด้วยครับ เพราะรถหนักกว่า หนักพอๆกับ F10 เลยครับ ผมใช้งานใกล้ๆ แบบมีที่ชาร์จไฟ ผมจำไม่ได้ละว่าเติมน้ำมันล่าสุดเมื่อไร
ผมใช้รถ Hybrid มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลยครับ ใช้งานปกติได้สบาย ขึ้นดอยอ่งขาง ดอยอินทนนท์ ไปหาดใหญ่ ภูเก็ต ไม่เคยมีระบบไฟรวนอะไรเลย
ขายต่อราคาตกมั้ย มันก็ตกทุกคันอ่ะครับ รถซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อกะขายต่อแล้วราคาต้องไม่ตก ถ้าคิดอย่างนั้นไปซื้ออย่างอื่น ที่ไม่ใช่รถ
เชียร์ 330e ครับ
+10
-
ใช้ 330e อยุ่ครับ ทุกอย่างปกดี แรงดีกว่า 320d ชัดเจนทุกย่านความเร็ว เงียบกว่าดีเซลชัดเจน ช่วงล่าง นุ่มแน่นกว่า 320d ด้วยครับ เพราะรถหนักกว่า หนักพอๆกับ F10 เลยครับ ผมใช้งานใกล้ๆ แบบมีที่ชาร์จไฟ ผมจำไม่ได้ละว่าเติมน้ำมันล่าสุดเมื่อไร
ผมใช้รถ Hybrid มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลยครับ ใช้งานปกติได้สบาย ขึ้นดอยอ่งขาง ดอยอินทนนท์ ไปหาดใหญ่ ภูเก็ต ไม่เคยมีระบบไฟรวนอะไรเลย
ขายต่อราคาตกมั้ย มันก็ตกทุกคันอ่ะครับ รถซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อกะขายต่อแล้วราคาต้องไม่ตก ถ้าคิดอย่างนั้นไปซื้ออย่างอื่น ที่ไม่ใช่รถ
เชียร์ 330e ครับ
นอกเรื่องนิดนึงสอบถามหน่อยครับเจ้า 330e มัมไม่มีโหมด Charge เหมือนกับ C350e ใช่ไหมครับ โหมดที่แบบขับใช้เครื่องยนต์เพรียวๆเพื่อปั่นไฟเข้ามอเตอร์ไฟฟ้า
-
ใช้ 330e อยุ่ครับ ทุกอย่างปกดี แรงดีกว่า 320d ชัดเจนทุกย่านความเร็ว เงียบกว่าดีเซลชัดเจน ช่วงล่าง นุ่มแน่นกว่า 320d ด้วยครับ เพราะรถหนักกว่า หนักพอๆกับ F10 เลยครับ ผมใช้งานใกล้ๆ แบบมีที่ชาร์จไฟ ผมจำไม่ได้ละว่าเติมน้ำมันล่าสุดเมื่อไร
ผมใช้รถ Hybrid มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลยครับ ใช้งานปกติได้สบาย ขึ้นดอยอ่งขาง ดอยอินทนนท์ ไปหาดใหญ่ ภูเก็ต ไม่เคยมีระบบไฟรวนอะไรเลย
ขายต่อราคาตกมั้ย มันก็ตกทุกคันอ่ะครับ รถซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อกะขายต่อแล้วราคาต้องไม่ตก ถ้าคิดอย่างนั้นไปซื้ออย่างอื่น ที่ไม่ใช่รถ
เชียร์ 330e ครับ
นอกเรื่องนิดนึงสอบถามหน่อยครับเจ้า 330e มัมไม่มีโหมด Charge เหมือนกับ C350e ใช่ไหมครับ โหมดที่แบบขับใช้เครื่องยนต์เพรียวๆเพื่อปั่นไฟเข้ามอเตอร์ไฟฟ้า
ถ้าต้องการให้เครื่องยนต์ทำงานเพียวเพื่อปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ มันทำได้ 2 วิธี ครับ
1. เลือกโหมด Save Battery โหมดนี้เครื่องจะติดแทบจะตลอดเวลา เท่าที่ลองดูจะดับเมื่อรถจอดนิ่งแค่นั้นเองนะครับ เวลาเครื่องทำงานถ้าตั้ง Display eDrive ไว้เราจะเห็นเลยว่าไฟมันปั่นเข้าไปเก็บในแบตตลอด
2. ผลักคันเกียร์ไปที่โหมด Manual วิธีนี้เครื่องจะไม่ดับเลยครับ จอดนิ่งก็ไม่ดับ ปั่นไฟเก็บเข้าแบตตลอดครับ โหมดนี้จริงๆ หลักๆ ผมว่าเค้าน่าจะทำมาเพื่อให้เร่งได้ทัยใจมากขึ้นมากกว่าครับ เช่นตอนออกตัว ถ้าเครื่อวติดอยู่แล้ว มันจะออกตัวได้ไวกว่าการออกตัวด้วยมอเตอร์แล้วเครื่องค่อยสตาร์ทตามครับ แต่ผลพลอยได้คือ ในโหมดนี้พอเครื่องไม่ดับ มันก็จะปั่นเอาพลังงานส่วนเกินไปเก็บไว้ในแบตนั่นเองครับ
มี 2 วิธีนี้แล้ว จึงไม่ต้องสร้างโหมด Charge มาอีกโหมดแล้วครับผมว่านะ
-
ลองถามตัวเองสิครับ ว่าคุณอยากได้รถที่ตอบโจทย์อะไรคุณ อยากได้แรง อยากได้ประหยัด ดูแลง่าย ขายได้ราคา ศูนย์เยอะ บริการดี
เอาจริงๆ ถ้าคุณใช้รถ 4-5 ปีเปลี่ยน แล้วไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อหรืออะไรทั้งสิ้น ก็เอาตามที่ใจคุณต้องการละครับ
BMW ยังไงก็มมี BSI ถ้าคุณคิดว่าในสี่ถึงห้าปีคุณใช้รถไม่เกินแสนโลแน่นอน ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะใช้รถเยอะหน่อย ขายต่อแล้วราคาตกไม่เยอะเท่าอีกรุ่น เอาที่แบบที่มันปกติทั่วไป จะดีกว่าไหม
-
จะบอกว่ารถราคาตกมันก็ตกทุกคันจริงไม่เถียง แต่ดูว่ามันตกเท่าไหร่ดูสัดส่วน ดูคนเล่นต่อ
ถ้าคุณไม่ซีตรงนี้คุณก็เล่นได้เลยครับ
-
ใช้ยาวๆ และยอมรับเสียงดังแบบดีเซลได้ 320d ก็พอครับ แรงน้อยกว่า แต่ก็เพียงพอกับใช้งานทั่วไป ไม่ได้ไปแข่งกับใคร อย่าได้แคร์ถ้าจะมี civic turbo หรือ focus มาดัน มาแซง ก็คงหลัง 200+ ถ้าเขาทำมาเพื่อการนี้ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ ว่าแต่ปีหนึ่งจะเจอสักกี่ครั้ง ส่วน 330e ไม่เคยลองแต่ก็ชอบตรงแรงเงียบๆ ผมไม่กลัว ไฮบริด เพราะ มี bsi แต่ถ้าใช้ยาวๆผมกลัวมันเสียมันเสื่อมหลังหมด bsi มากกว่า
-
320D นี่แรงน้อยหรอครับ
แค่นี้ก็เหลือๆ แล้ว 0-100 7.2วิ
นี่มาเล่นๆ เหรอครับ
แต่ 330e มันเป็นปลั๊กอิน ไฮบริด (เทคโนโลยี่ที่บีเอ็มไปแลกเปลี่ยนกับโตโยต้ามา)
ขับได้ทั้งไฟฟ้าล้วนๆ เครื่องยนต์ล้วนๆ และผนวกกัน ระบบหนึ่งเสียยังขับอีกระบบได้ครับ
ถ้าวันนึงส่วนใหญ่ขับไม่เกิน 35 กม. นี่ใช้ไฟฟ้าล้วนๆ ยังได้ น้ำมันแทบไม่ต้องเติม
-
ตามคำตอบข้างบน ผมว่าครบถ้วนเลยนะ ทั้ง 2 คัน มีข้อดี/ข้อเสีย ลองชั่งใจดูดีๆครับ ว่าจะเลือกอะไร