Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 12345678910 ที่ เมษายน 30, 2017, 16:51:54
-
ดูจากข่าว ประเทศอื่นขับรถได้ช้ากว่ากว่าประเทศเราจริงหรอครับ (มีภาพประกอบ) เพราะอะไรหรอครับ เห็นหลายๆคนรอบตัวผมบ่นว่ากฎหมายไทยล้าหลัง รถปัจจุบันแรงขึ้นทุกวัน จะมาจำกัดความเร็วทำไม แต่พอดูข่าวแอบอึ้งที่ต่างประเทศให้ขับช้ากว่าเราอีก ? แอบสงสัยเพราะอะไร คนประเทศนั้นเค้าบ่นเหมือนคนประเทศเราไหมครับ ใครไปต่างประเทสหรือมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศมาชี้แนะทีครับ
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/18199278_10155590829882439_5287690792139661101_n.jpg?oh=8550d3978172105e1bf634a376e3d0cb&oe=5978F33E)
-
สนใจเยอรมัน ไม่จำกัดความเร็ว จะไปขับเล่นทุกวันหยุดเลย 8)
-
ผมสนใจอย่างทำไมบ้านเราในชุมชนขับเร็วกันจัง เราขับความเร็วตามป้ายโดนจี้ตูดซะอย่างงั้น
-
กฏหมายไทยไม่ล้าหลังหรอกครับ แต่ คนไทยเนี่ยแหะ ย้ำว่าคนไทยเนี่ยล้าหลัง
ผมยังจำภาพตอนไปทำใบขับขี่ แล้วดูสภาพแต่ละคนที่มาสอบนี่ สงสารตัวเองมากครับที่ต้องมาเจอเพื่อนร่วมทางแบบนี้
แต่ละคนพูดภาษาคนยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย สงสารเจ้าหน้าที่จริงๆ
อยากให้ขับช้าๆมากๆเลยด้วยซ้ำ ยิ่งบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วนนะ อันตรายมาก
คนเก็บขยะญี่ปุ่นนี่ยังดูดีเหมือนคนชั้นกลางบ้านเราเลย
-
เอาอย่างเยอรมันผมว่าก็ดีนะ ชุมชนควรช้าลงอีกให้มากครับ
ส่วนทางด่วนไม่จำกัดความเร็ว ก็ต้องรับผิดชอบต่อการขับขี่ของตัวเอง
แต่ในขณะเดียวกัน พวกขับแช่ขวาก็ต้องมีมารยาทและจิตสำนึกด้วย
ให้เลนขวาไว้สำหรับแซงเท่านั้น หรือประเมินความเร็วตัวเองแล้วอยู่ซ้ายกันไปตามลำดับ
-
กฏหมายไทยไม่ล้าหลังหรอกครับ แต่ คนไทยเนี่ยแหะ ย้ำว่าคนไทยเนี่ยล้าหลัง
ผมยังจำภาพตอนไปทำใบขับขี่ แล้วดูสภาพแต่ละคนที่มาสอบนี่ สงสารตัวเองมากครับที่ต้องมาเจอเพื่อนร่วมทางแบบนี้
แต่ละคนพูดภาษาคนยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย สงสารเจ้าหน้าที่จริงๆ
อยากให้ขับช้าๆมากๆเลยด้วยซ้ำ ยิ่งบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วนนะ อันตรายมาก
คนเก็บขยะญี่ปุ่นนี่ยังดูดีเหมือนคนชั้นกลางบ้านเราเลย
ตามนี้ครับ
-
ผมก็เห็นอยู่ที่ประมาณ 90-140 ทุกประเทศนั่นแหละครับ แล้วส่วนมากก็ +20 กัน แล้ว +20 กันตามหน่วยที่ใช้ด้วย ใช้ไมล์ก็ + 20 ไมล์ ใช้กิโล ก็ +20 กิโล ที่ผมไม่เคยเห็นเลยคือคนที่ชอบรถประเทศไหนเขาจะมาเรียกร้องให้กฎหมายมันลดให้มันต่ำลงแบบในประเทศเรา คือผมก็แปลกใจนะว่าประเทศไทยมีปัญหาอะไรกับเรื่องสิทธิมากเหรอครับ คือสิทธิหลายๆอย่างที่เราควรจะมี ไม่รักษาเอาไว้ซักอย่าง เรียกร้องให้เลิกๆ พังๆไปให้หมดโดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่ปลอดภัย ทั้งๆที่แล้วปัญหาหลักๆจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเลย กล้องจับความเร็ว ไม่มีคนใช้รถประเทศไทยอยากให้มีเพิ่ม เพราะมัน draconian มันต่อรองไม่ได้ มันเป็นเครื่องจักร ผมว่าประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวนะที่คิดว่ามันดี ผมถามจริงๆโดนจับที่ 121กม/ชม. คิดว่ามันทำให้โลกนี้ดีขึ้นมากเหรอครับ? ผมก็ไม่แน่ใจว่าขับช้าลง 1 กม/ชม. มันจะช่วยให้ปล่อยภัยขึ้นขนาดไหน (ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทางเทคนิค ความแม่นยำนะ เห็นข่าวจับความเร็วที่ 1123กม/ชม. ไหม?) แต่ว่าเรื่องที่ควรจะแก้ไขกันจริงๆก็เห็นชัดๆเยอะแยะ ไม่เห็นจะมีใครออกมาบ่น คือผมงงมากเลยอะ
-
Speed limit สูงหรือตำ่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เพื่อให้ได้จำนวนรถต่อเวลาสูงสุด กรุงเทพแค่ 30km/h ก็สูงพอแล้ว
ส่วนเรื่องคนขับไม่มีวินัย มันเป็นเราะกฏหมายอ่อนแอซะมากกว่า ได้เห็นคนไทยทุกระดับการศึกษาขับรถต่างประเทศ ขับเรียบร้อยทุกคน ขับตามกฎทุกอย่างไม่เห็นต้องสอนเลย คนกลัวกฎหมายขับรถใหม่ๆแทบจะคลานทั้งที่เคยอยู่เมืองไทยซ่าเหลือเกิน
-
รถบางรุ่นมันก็เซ็ตช่วงล่างมาแบบว่า...อ้าว !! นี่ผมขับ 140 แล้วเหรอว่ะ? ;D
-
กฎหมายในประเทศที่เจริญกว่าเราส่วนใหญ่จำกัดวิ่งแค่ 80-90 ครับ
ตัวบ้านใกล้บ้านเรามากสุดก็อย่าง สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ถ้าในเขตเมืองให้วิ่งแค่ 50-60
แล้วทีเด็ดคือ...ค่าปรับแพงมาก และปรับจริงจัง ถ้าขับเกิน limit ที่กำหนดจะโดนอัตราปรับแบบก้าวหน้าด้วย
ถนน autobahn ของเยอรมันไม่จำกัดความเร็วแค่บางช่วงนะครับ...ย้ำว่าไม่จำกัดความเร็วแค่บางช่วง
บางส่วนที่วิ่งผ่านเขตเมืองหรือช่วงที่มีทางร่วมทางแยกเขาก็จำกัด 60-80 เหมือนถนนทั่วไป
-
ผมก็เห็นอยู่ที่ประมาณ 90-140 ทุกประเทศนั่นแหละครับ แล้วส่วนมากก็ +20 กัน แล้ว +20 กันตามหน่วยที่ใช้ด้วย ใช้ไมล์ก็ + 20 ไมล์ ใช้กิโล ก็ +20 กิโล ที่ผมไม่เคยเห็นเลยคือคนที่ชอบรถประเทศไหนเขาจะมาเรียกร้องให้กฎหมายมันลดให้มันต่ำลงแบบในประเทศเรา คือผมก็แปลกใจนะว่าประเทศไทยมีปัญหาอะไรกับเรื่องสิทธิมากเหรอครับ คือสิทธิหลายๆอย่างที่เราควรจะมี ไม่รักษาเอาไว้ซักอย่าง เรียกร้องให้เลิกๆ พังๆไปให้หมดโดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่ปลอดภัย ทั้งๆที่แล้วปัญหาหลักๆจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเลย กล้องจับความเร็ว ไม่มีคนใช้รถประเทศไทยอยากให้มีเพิ่ม เพราะมัน draconian มันต่อรองไม่ได้ มันเป็นเครื่องจักร ผมว่าประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวนะที่คิดว่ามันดี ผมถามจริงๆโดนจับที่ 121กม/ชม. คิดว่ามันทำให้โลกนี้ดีขึ้นมากเหรอครับ? ผมก็ไม่แน่ใจว่าขับช้าลง 1 กม/ชม. มันจะช่วยให้ปล่อยภัยขึ้นขนาดไหน (ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทางเทคนิค ความแม่นยำนะ เห็นข่าวจับความเร็วที่ 1123กม/ชม. ไหม?) แต่ว่าเรื่องที่ควรจะแก้ไขกันจริงๆก็เห็นชัดๆเยอะแยะ ไม่เห็นจะมีใครออกมาบ่น คือผมงงมากเลยอะ
เคยไปขับต่างประเทศหรือเปล่าครับ ประเทศที่เจริญแล้วเขาเข้มงวดนะครับ ทั้งความเร็วในเขตเมือง โรงเรียน ที่พักอาศัย ฟิล์มกรองแสงนี่ก็เข้มงวด มีเครื่องวัดความเข้มมาวัดเลย ถ้าเกินโดนปรับแน่นอน
-
ดูจากข่าว ประเทศอื่นขับรถได้ช้ากว่ากว่าประเทศเราจริงหรอครับ (มีภาพประกอบ) เพราะอะไรหรอครับ เห็นหลายๆคนรอบตัวผมบ่นว่ากฎหมายไทยล้าหลัง รถปัจจุบันแรงขึ้นทุกวัน จะมาจำกัดความเร็วทำไม แต่พอดูข่าวแอบอึ้งที่ต่างประเทศให้ขับช้ากว่าเราอีก ? แอบสงสัยเพราะอะไร คนประเทศนั้นเค้าบ่นเหมือนคนประเทศเราไหมครับ ใครไปต่างประเทสหรือมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศมาชี้แนะทีครับ
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/18199278_10155590829882439_5287690792139661101_n.jpg?oh=8550d3978172105e1bf634a376e3d0cb&oe=5978F33E)
มันมีหลายตัวแปร ที่ไม่สามารถเอาข้อบังคับเรื่องจราจรเมืองไทย ไปเทียบ/ใช้เหมือนบางประเทศได้ ในแง่ที่ จะขับช้า ขับเร็ว ขับไม่จำกัดความเร็ว
1.วินัย, พฤติกรรมคนขับรถ, การรักษากฏอย่างเคร่งครัด, การเกรงกลัวบทลงโทษ
2.สภาพถนน วิศวกกรรมโยธาการออกแบบถนน เพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยง
3.สมถรรนะรถยนต์ Active and Passive safety
-
เพื่อนผมหลายคน เวลาไปขับรถที่ต่างประเทศ หงอ ทุกราย เพราะเคยโดนปรับที่ต่างประเทศกันมาแล้ว
-
ผมก็เห็นอยู่ที่ประมาณ 90-140 ทุกประเทศนั่นแหละครับ แล้วส่วนมากก็ +20 กัน แล้ว +20 กันตามหน่วยที่ใช้ด้วย ใช้ไมล์ก็ + 20 ไมล์ ใช้กิโล ก็ +20 กิโล ที่ผมไม่เคยเห็นเลยคือคนที่ชอบรถประเทศไหนเขาจะมาเรียกร้องให้กฎหมายมันลดให้มันต่ำลงแบบในประเทศเรา คือผมก็แปลกใจนะว่าประเทศไทยมีปัญหาอะไรกับเรื่องสิทธิมากเหรอครับ คือสิทธิหลายๆอย่างที่เราควรจะมี ไม่รักษาเอาไว้ซักอย่าง เรียกร้องให้เลิกๆ พังๆไปให้หมดโดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่ปลอดภัย ทั้งๆที่แล้วปัญหาหลักๆจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเลย กล้องจับความเร็ว ไม่มีคนใช้รถประเทศไทยอยากให้มีเพิ่ม เพราะมัน draconian มันต่อรองไม่ได้ มันเป็นเครื่องจักร ผมว่าประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวนะที่คิดว่ามันดี ผมถามจริงๆโดนจับที่ 121กม/ชม. คิดว่ามันทำให้โลกนี้ดีขึ้นมากเหรอครับ? ผมก็ไม่แน่ใจว่าขับช้าลง 1 กม/ชม. มันจะช่วยให้ปล่อยภัยขึ้นขนาดไหน (ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทางเทคนิค ความแม่นยำนะ เห็นข่าวจับความเร็วที่ 1123กม/ชม. ไหม?) แต่ว่าเรื่องที่ควรจะแก้ไขกันจริงๆก็เห็นชัดๆเยอะแยะ ไม่เห็นจะมีใครออกมาบ่น คือผมงงมากเลยอะ
เคยไปขับต่างประเทศหรือเปล่าครับ ประเทศที่เจริญแล้วเขาเข้มงวดนะครับ ทั้งความเร็วในเขตเมือง โรงเรียน ที่พักอาศัย ฟิล์มกรองแสงนี่ก็เข้มงวด มีเครื่องวัดความเข้มมาวัดเลย ถ้าเกินโดนปรับแน่นอน
ในบางประเทศอาจจะใช่นะ (ซึ่งประเทศเหล่านั้น สำหรับผม ผมตั้งคำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปเหยียบตลอดชีวิต สิงคโปร์เป็นหนึ่งตัวอย่าง) แต่ส่วนมากจริงๆแล้ว กำลังคนมันมีไม่พอที่จะมานั่งจับตลอดเวลาหรอกครับ ถ้าอยู่มานาน รู้ว่าตรงไหนตำรวจไม่เห็น คิดว่าทุกคนจะขับตามความเร็วที่กำหนดไว้เหรอครับ? คนที่เพิ่งเข้าไปอยู่แล้วจะโดนจับผมมองว่าไม่แปลก แล้วก็จะรู้สึกว่ากฎ ค่าปรับมันแรง มีตรวจจับเข้มงวด แต่แม้แต่ในญี่ปุ่นเอง คนที่ชำนาญก็ขับเร็วเกินจนถึงจุดที่มีกล้องนั่นแหละครับ อยู่มานาน อยู่เป็น
และผมจะขอพูดตรงๆเลยว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับคนที่อยากให้การจราจรในประเทศมีความมีระเบียบวินัยมากขึ้น ผมมีปัญหากับคนที่โจมตีการใช้ความเร็ว "ที่เหมาะสมกับสภาพถนน" ว่ามันอันตราย เพราะผมรู้สึกว่าไปจำกัดสิทธิตรงนี้ยังไงอะไรๆมันก็ไม่ได้ดีขึ้น
ถ้าบอกว่าในเขตเมือง คนหลายคนขับรถเร็วเกินไป ผมก็สงสัยนะครับ ว่าเขตเมืองในกรุงเทพฯจริงๆ มีที่ไหนขับได้เกิน 80 บ้าง? ไม่ดีกว่า มีที่ไหนขับได้เกิน 60 บ้างครับ? พวกไหนขับเร็วเกินนั้นผมก็เห็นด้วยว่าคปต. แต่ผมจะยังคงยืนยันว่า การกำหนดความเร็วบนทางด่วนไว้ที่ 120 กม/ชม. นั้นไม่เหมาะสม ต่ำเกินไป สภาพถนนมันปลอดภัยสำหรับความเร็วที่มากกว่านั้น ถ้าเกิดไม่มีพวกคนที่ใช้รถพฤติกรรมที่อันตรายกว่ามากมายอยู่ ซึ่งนั่นก็ย้อนกลับไปที่วินัยของคนครับ ถูกต้อง วินัยของคนไทยมันมีปัญหา แต่ว่าการที่มาบอกว่าความเร็วเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกสิ่งอย่างตลอดนั้น ผมว่ามันผิดครับ เพราะปัญหาเรื่องการรักษากฎของคนไทยที่มันสำคัญกว่า ที่มันอันตรายกว่า มีอยู่เยอะมาก พูดแล้วพูดอีกเคยจะมีใครให้ความสนใจบ้างไหมครับ? ความเร็วมันเหมือนกับผู้ร้ายที่โจมตีง่ายสุด แต่ถ้าเกิดมันไม่ใช่ต้นเหตุละครับ? แล้วอะไรๆมันจะดีขึ้นไหม?
แต่ก็นั่นแหละครับ ผมก็นึกอยู่แล้วว่าเม้นไปก็หัวร้อนกว่าเดิม ผมควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ต้นเหตุของปัญหาก็พูดมากไม่ได้ สาเหตุความเป็นจริงมันไม่ถูกใจใครหรอกครับ ตัวเลขการเสียชีวิตในไทย กี่เปอร์เซ็นที่เป็นรถเก๋งธรรมดาครับ? แต่จะให้ไปพูดถึงประเด็นนี้ เดี๋ยวก็เข้าเรื่องการเมืองอีก กฎของเว็บห้ามไว้ ทั้งๆที่แค่ตั้งกระทู้มาประเด็นนี้มันก็เกี่ยวกับการเมืองแล้ว จริงๆการเมืองมันก็อยู่ทุกๆที่ โดยไม่รู้ตัว พวกเรากลัวคำนี้กันมากเกินไปหรือเปล่าครับ?
-
อยากได้ Autobahn บ้างครับ ::)
-
เอาตัวอย่างง่ายๆ อังกฤษ ผมอยู่ที่นั่นมาปีนึงตอนเรียน เช่ารถขับเที่ยวจนทั่วเกาะ (ยกเว้นเวลส์ไม่ได้ไปเลย) เลยทำให้ได้พบว่า ที่นั่น คำว่าจำกัดความเร็วของเขา (รวมถึงในยุโรปหลายๆประเทศ) เขาจะมีเขตจำกัดความเร็วครับ ซึ่งจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่า ข้างหน้ามีกล้อง จากจุดนี้ไปไม่มีกล้องแล้ว คือบอกกันเห็นชัดเจนมาก เป้นป้ายจราจรเลย ผมเคยถามคนอังกฤษว่าทำไม เขาบอกว่า เพราะเขาจำกัดความเร็วแค่ในเขตที่จำเป็น เช่น ใกล้ตัวเมือง มีชุมชน หรือเป็นจุดทางร่วมทางแยกของมอเตอร์เวย์เป็นต้น พื้นที่เหล่านี้จะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ห้ามเกินเด็ดขาด เพราะเสี่ยงอันตรายมาก คนก็จะเคารพเชื่อฟังกันอย่างดี
อย่างช่วงไหนที่ทางด่วนมีการก่อสร้าง เขาจะจำกัดความเร็วแบบแปรผัน ตรงนี้วิ่งได้แค่ 80ไมล์ต่อชม. ตรงนี้ได้แค่ 70 ไมล์ ตรงนี้อาจจะเหลือ 60 พอพ้นตรงนี้ก็ปล่อยให้ขับต่อไม่จำกัดความเร็ว ไม่มีใครมาคอยแอบซุ่มจับ คนก็ขับรถมีวินัย คือช่วงจำกัดความเร็วรถจะไม่ค่อยเปลี่ยนเลน จะไหลตามๆกันไปด้วยความเร็วที่กำหนด มันทำให้ระบายรถได้เร็ว รถไม่ติดเหมือนบ้านเราครับ
ผมว่าแทนที่จะแก้กฎหมาย แก้วิธีการบังคับใช้ และแก้ที่นิสัยคนขับ น่าจะตรงประเด็นกว่ามาก
-
ระบบมันย้อนแยง แล้วจะทำรถมาขายให้มันแรงเพื่อ ทำไมไม่คุมระบบ ล็อคความเร็ว120 ทุกคันผมก็แฮปปี้แล้ว เมืองไทยยิ่งพวกไร้จิตสำนึกเยอะ แถมกฎหมายก็อ่อน เอาจริงๆออกกฏหมายล็อคไมล์วิ่งแค่120 จบ ส่วนในเขตเมืองก็ตั้งกล้องจับปรับกันไป
-
ผมคิดว่ากฏหมายจำกัดความเร็วที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เหมาะสมอยู่แล้วนะ
เราอย่าลืมว่ากฏหมายคือกฏที่มีผลบังคับใช้กับคนทุก ๆ คน เวลาที่เราคิด
ถึงกฏหมายก็จะต้องคิดถึงคนอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเราเพียงคนเดียว
เช่นเรามักจะคิดว่ารถสมัยนี้วิ่งได้เร็ว ระบบความปลอดภัยเยอะแยะ ถนนก็ดี
กว้างขวางหลายเลน และตัวเราเองก็มีทักษะที่เก่งในการขับรถ สายตาดี
กะระยะเก่ง อ่านเกมขาด
แต่... เพื่อนร่วมทางเรา
- มีทั้งเด็กวัยรุ่นที่ขาดความยั้งคิด มือใหม่ขาดประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- มีคุณลุงคุณป้าที่หูตาไม่ไว แม่นเป๊ะ การตัดสินใจช้า ไม่เหมือนคนรุ่นหนุ่มสาว
- มีมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า ที่ไม่มีเซ้นส์ในการขับรถ นึกจะหยุด นึกจะเลี้ยวก็ไม่ให้สัญญาน
- มีมอเตอร์ไซค์พลีชีพที่จู่ ๆ ก็อาจจะตัดจากซ้ายไปขวาทีเดียว 3 เลน
- ฯลฯ
และ บนถนนเรายัง..
- มีรถรุ่นรอง ๆ ไม่ใช่รุ่นท้อป ที่ไม่มีระบบช่วยเหลือที่อัจฉริยะ
- มีรถสภาพเก่าที่ล้อและยางไม่ 100% ไฟหน้า ไฟท้ายที่มัว ๆ ไม่แจ่มแจ๋ว
- มีรถกระบะ รถบรรทุก ที่คนขับไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขับห้อตะบึงอย่างเดียว
ถ้าชนก็เรียกประกัน
เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราแก้กฏหมายให้ขับได้เร็วขึ้น คนเหล่านี้เขาก็มีสิทธิ์ที่จะขับได้
เร็วขึ้นตามกฏหมาย อุบัติเหตุก็จะเกิดมากขึ้นและรุนแรงขึ้นไปอีกครับ
-
ผมว่าทุกวันนี้เหมาะสมแล้วคับ
และเห็นด้วยกับหลายๆ ท่านว่า ไม่จำเป็นต้องได้รถแรงๆ เลย ถ้ามันวิ่งได้แค่นี้
ผมว่าเครื่อง 1.0 1.2 หรือ 1.5 สำหรับรถใหญ่ก็เพียงพอแล้ว
-
ผมไม่ชอบตรงที่ระบุ 80-120
ตรงไหน 80 ตรงไหน 90 ตรงไหน 100 ตรงไหน 110 (ไม่นับ 120 เฉพาะมอเตอร์เวย์)
บางทีเจอถนนโล่งๆ 6-8 เลนจะให้ขับ 80 ก็ไม่ใช่นะครับ
เอาตัวอย่างง่ายๆ อังกฤษ ผมอยู่ที่นั่นมาปีนึงตอนเรียน เช่ารถขับเที่ยวจนทั่วเกาะ (ยกเว้นเวลส์ไม่ได้ไปเลย) เลยทำให้ได้พบว่า ที่นั่น คำว่าจำกัดความเร็วของเขา (รวมถึงในยุโรปหลายๆประเทศ) เขาจะมีเขตจำกัดความเร็วครับ ซึ่งจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่า ข้างหน้ามีกล้อง จากจุดนี้ไปไม่มีกล้องแล้ว คือบอกกันเห็นชัดเจนมาก เป้นป้ายจราจรเลย ผมเคยถามคนอังกฤษว่าทำไม เขาบอกว่า เพราะเขาจำกัดความเร็วแค่ในเขตที่จำเป็น เช่น ใกล้ตัวเมือง มีชุมชน หรือเป็นจุดทางร่วมทางแยกของมอเตอร์เวย์เป็นต้น พื้นที่เหล่านี้จะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ห้ามเกินเด็ดขาด เพราะเสี่ยงอันตรายมาก คนก็จะเคารพเชื่อฟังกันอย่างดี
อย่างช่วงไหนที่ทางด่วนมีการก่อสร้าง เขาจะจำกัดความเร็วแบบแปรผัน ตรงนี้วิ่งได้แค่ 80ไมล์ต่อชม. ตรงนี้ได้แค่ 70 ไมล์ ตรงนี้อาจจะเหลือ 60 พอพ้นตรงนี้ก็ปล่อยให้ขับต่อไม่จำกัดความเร็ว ไม่มีใครมาคอยแอบซุ่มจับ คนก็ขับรถมีวินัย คือช่วงจำกัดความเร็วรถจะไม่ค่อยเปลี่ยนเลน จะไหลตามๆกันไปด้วยความเร็วที่กำหนด มันทำให้ระบายรถได้เร็ว รถไม่ติดเหมือนบ้านเราครับ
ผมว่าแทนที่จะแก้กฎหมาย แก้วิธีการบังคับใช้ และแก้ที่นิสัยคนขับ น่าจะตรงประเด็นกว่ามาก
ใช่ครับ มันควรจะชัดเจน เรื่องป้ายบอกความเร็ว เรื่องกล้อง ที่ยุโรปบอกละเอียดมาก
ที่ฮ่องกงก็ได้ระบบอังกฤษมาเยอะ จุดส่องกล้องตำรวจก็มีป้ายบอก "police speed check"
ส่วนป้ายจำกัดควรเร็วติดเตือนทุก 400เมตรเลยมั้ง
บ้านเรายังใช้ระบบกึ่งโจรกันอยู่ ที่หนวดจะดักส่องตรงไหน ความเร็วเท่าไหร่ไม่รู้ เหมือนโดนปล้นเลย
เพื่อนผมก็โดนขับแค่ 97 ใบสั่งบอก Speed limit 80 ถ้าให้ปลอดภัยคงต้องขับ 80 ตลอดทาง
-
เอาตัวอย่างง่ายๆ อังกฤษ ผมอยู่ที่นั่นมาปีนึงตอนเรียน เช่ารถขับเที่ยวจนทั่วเกาะ (ยกเว้นเวลส์ไม่ได้ไปเลย) เลยทำให้ได้พบว่า ที่นั่น คำว่าจำกัดความเร็วของเขา (รวมถึงในยุโรปหลายๆประเทศ) เขาจะมีเขตจำกัดความเร็วครับ ซึ่งจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่า ข้างหน้ามีกล้อง จากจุดนี้ไปไม่มีกล้องแล้ว คือบอกกันเห็นชัดเจนมาก เป้นป้ายจราจรเลย ผมเคยถามคนอังกฤษว่าทำไม เขาบอกว่า เพราะเขาจำกัดความเร็วแค่ในเขตที่จำเป็น เช่น ใกล้ตัวเมือง มีชุมชน หรือเป็นจุดทางร่วมทางแยกของมอเตอร์เวย์เป็นต้น พื้นที่เหล่านี้จะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ห้ามเกินเด็ดขาด เพราะเสี่ยงอันตรายมาก คนก็จะเคารพเชื่อฟังกันอย่างดี
อย่างช่วงไหนที่ทางด่วนมีการก่อสร้าง เขาจะจำกัดความเร็วแบบแปรผัน ตรงนี้วิ่งได้แค่ 80ไมล์ต่อชม. ตรงนี้ได้แค่ 70 ไมล์ ตรงนี้อาจจะเหลือ 60 พอพ้นตรงนี้ก็ปล่อยให้ขับต่อไม่จำกัดความเร็ว ไม่มีใครมาคอยแอบซุ่มจับ คนก็ขับรถมีวินัย คือช่วงจำกัดความเร็วรถจะไม่ค่อยเปลี่ยนเลน จะไหลตามๆกันไปด้วยความเร็วที่กำหนด มันทำให้ระบายรถได้เร็ว รถไม่ติดเหมือนบ้านเราครับ
ผมว่าแทนที่จะแก้กฎหมาย แก้วิธีการบังคับใช้ และแก้ที่นิสัยคนขับ น่าจะตรงประเด็นกว่ามาก
แบบนี้แหละครับ ที่ผมต้องการอยากให้มีในประเทศไทย
ไม่ใช่ว่า ในเขตที่ผ่านชุมชน มีการจราจรคับคั่ง ไม่ยักกะมาจับความเร็ว
แต่ไปดักจับช่วงที่ถนนโล่งๆ ซึ่งรู้ว่าเป็นช่วงที่รถ (บางคัน ) ชอบทำความเร็ว แต่อุบัติเหตุ ก็มักจะไม่เกิดขึ้นในถนนช่วงนี้ เพราะไม่ค่อยมีปัจจัยเสี่ยงในด้านอื่นๆ
แต่มันทำยอดใบสั่งได้เป็นจำนวนมาก
-
ผมว่าค่อยๆเริ่มทีละอย่างครับเริ่มแรก ปรับระบบถนนให้มีจุด U Turn ที่เป็นไปตามสากลคือ สะพานกลับรถเถอะไอ้มากลับกลางถนน สี่เลนเนี่ยเสี่ยง แล้วก็รณรงค์ให้เลนขวาเป็นเลนแซง ไม่ใช่เลนขับขี่ ผมไปขับรถมาเลมคนมาเลทำตามทุกคันนะครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขับความเร็วตามกฎหมายก็เถอะผมเอา proton saga กดไป 140 นี้เสี่ยวมากพวงมาลัยเบาหวิวเลย พอแซงแล้วก็กลับเข้าซ้ายทำให้เป็นนิสัย
-
ส่วนตัวผมนะครับ ง่ายๆเลยคนไทยไม่ยอมรับกฏหมาย สั้นๆจบ
เอาแค่ง่ายๆในนี้ก็พอ จะทำให้รถมันแรงทำไม ถ้าขับได้แค่นี้ ผมเคยขับที่อังกฤษ รถแรงแค่ไหนเขาก็เคารพ
ป้ายความเร็วครับ ช่วงไหนเร็วได้เค้าก็เร็ว ช่วงไหนให้ขับแค่ 30 เค้าก็ขับ 30 ไม่เห็นจะตีโพยตีพายอะไรกันเลย
เราเสียอีกทีหงุดหงิดเพราะขับรถที่ไทยจนชิน แต่จะบอกว่ารถที่โน่นบางรุ่นเค้าให้เราจำกัดความเร็วได้ครับ
ผมเองก็ตั้งตลอดตามป้าย คือกดคันเร่งได้ แต่กดให้ตายมันก็ไม่ไปเกินกว่าความเร็วที่เราล๊อคครับ
ท้ายที่สุดแล้ว อุบัติเหตุในบ้านเมืองที่กฏหมายเค้าบังคับใช้อย่างรุนแรงมันก็น้อยกว่าจริงๆครับ
แล้วดูบ้านเราสิ สงกรานต์ที ตายกี่ศพ มีทั้งเมาขับ ขับเร็ว บลาๆ
ตัวอย่างก็มีให้เห็นชัดๆครับ อยู่ที่เรายอมรับความจริงหรือเปล่าแค่นั้นเอง
-
ผมก็ไม่เห็นด้วยนักที่จำกัดความเร็วแบบไร้ตรรกะนี้ คือขอใช้คำนี้เพราะคงไม่มีใครขับเชียงใหม่กรุงเทพด้วยความเร็ว 90 ตลอดเส้นทางได้
ผมมีปัญหาแค่ถนนหลวงแต่ล็อก 90 นี่แหละ ถนนบางเส้นอย่างอุตรดิตถ์-พิษณุโลก ขับ 90 ได้เหรอ ตรงขนาดนั้น? ส่วนในเมือง 80 ผมโอเค ทางด่วนก็โอเค
แต่ปัญหามันก็อย่างที่หลายๆท่านพูดไปแล้ว เอาแค่วันนี้ผมขี่มอเตอร์ไซค์แค่ระยะสามกิโล เจออัลติสคันหนึ่งจะออกจากที่จอด ไม่เปิดไฟ แล้วก็เลี้ยวกินเลนหาผมเลย
กับอีกคันจอดรับคน อยู่ๆก็เบรก สองวิต่อมานึกได้ค่อยตีไฟ คือถ้ารู้ว่ามันฉุกเฉินจริงก็ควรเบรกช้าๆแล้วตีไฟ แล้วให้คนที่จะขึ้นรถเดินซักสิบก้าวนี่ไมไ่ด้เหรอ
ถ้ามันจะขนาดนี้จริงๆถึงผมจะรำคาญกับการจำกัดความเร็วบนถนนหลวงที่ 90 แค่ไหน แต่ผมว่ามันก็ช่วยได้ระดับหนึ่งในการป้องกันอุบัติเตุจากคนขับแบบนี้
-
ประเทศไทย ให้ขับ 120 แค่ Motorway กรุงเทพ-ชลบุรี เท่านั้นครับ ซึ่งตรงนี้ผมถือว่า สมเหตุสมผล
แต่ปัญหาคือ ทางหลวงระหว่างจังหวัด เช่น มิตรภาพ พหล เพชรเกษม ไม่ถือว่าเป็นทางด่วน ตามกฎหมายจึงให้ขับแค่ 90 เท่านั้น ลองนึกภาพว่า ถ้าคุณจะทำตามกฎจริงๆ คุณต้องขับ กทม-เชียงใหม่ / กทม-ขอนแก่น / กทม-ภูเก็ต ด้วยความเร็วไม่เกิน 90 ตลอดทาง ซึ่งถนนเหล่านี้ ควรเพิ่มเป็น 120 ในช่วงทางตรง และให้ลดความเร็วในช่วงทางโค้ง หรือทางเขา เท่านั้น
ยกตัวอย่างที่อังกฤษ มีป้ายบอกความเร็วระบุตลอดทาง เช่น ในเมืองให้ขับ 30 ชานเมือง 40 นอกเมือง 70 mph ที่น่าสนใจคือ ช่วงทางด่วนที่ไกลจากตัวเมือง ไม่มีป้ายบอกความเร็วใดๆ ทั้งสิ้น และรถทุกคัน ใช้ความเร็ว 80-100 mph พอเริ่มใกล้เมือง ก็จะมีป้าย 70 mph กลับมาอีกครั้ง
ส่วนเคสเยอรมัน อันนั้นต้องยอมรับว่า ใบขับขี่เขาได้ยากกว่าเราเยอะ แถมใช้เวลาหลายเดือน ของเราเพิ่มตรงนั้นนิด บวกตรงนั้นหน่อย ก็ด่ากันทั้งประเทศแล้ว
-
เพราะกฏหมายอ่อนแอ ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ซื่อสัตย์ เลือกปฎิบัติ คนใช้ถนนขาดสามัญสำนึก มันก็เป็นเช่นนี้ จำกัด 90 วิ่ง 130-150 เห็นกันมาเยอะแล้ว
-
คนไทยชอบทะเลาะกับกฏหมาย จะเอาแต่กฏกูไว้ก่อน
พอโดนจับก็บอกไม่จับคันนู่นละ คันนี้ละ เลือกปฏิบัติเหรอ
คำถามที่ควรถามคือ มผิดข้อหาอะไร ผิดจริงก็ว่ากันไป ไม่ผิดค่อยคุยกัน
แต่ปัจจุบันไม่ใช่ ไม่ฟังกฏ ไม่เคารพกฏ แต่จะขับรถ
ตอนสอบใบขับขี่ผ่านมาได้ คะแนนดี แต่พอขับจริง สอบตกตั้งแต่ตอนออกจากบ้าน
การที่เราไปสอบใบขับขี่ได้ แสดงว่า เรารับกับกฏหมายได้ใช่มั้ย
ถ้าบอกว่า กฏมันล้าหลังก็รอมันพัฒนาไป ถ้ารอไม่ได้ก็ไม่ต้องขับ ใช้รถสาธารณะเอา
เอาไว้เค้ากำหนดสปีดลิมิตใหม่ อย่างที่ตัวเองต้องการเมื่อไรก็ค่อยกลับมาขับ
เมื่องั้นอีกแบบ ไม่ต้องมีหรอกสอบใบขับขี่ ยกเลิกไปเลย ขับตามใจฉันเลยดีกว่า
ส่วนจยย. ทุกวันนี้ไม่ต้องไปสอบแล้วมั้ง
-
จะขับได้เร็วได้ช้า ขอให้ขับถูกกฎกันก่อนได้มั๊ย ที่ทุกวันนี้ขับรถยากขึ้น ก็เพราะพวกขับไม่ตามกฎนี่แหละ
-
เคยใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นสิบๆปีครับ ตอนผมอยู่ที่นู่นก็ได้มีโอกาสใช้รถแรงๆอยู่หลายรุ่นแต่ไม่เคยได้กดเต็มๆแบบแช่บนถนนหลวงเลยครับ เพราะกฎจราจรเคร่งครัดมาก แต่ข้อดีคือคนส่วนมากเคารพกฎจริงๆ เวลาขับรถทางไกลแล้วไม่เครียดเลย ในไทยผมว่าจุดนี้ควรปรับปรุงเพราะถนนหลายสายสภาพไม่เหมาะสมกับระดับความเร็วที่ตั้งไว้ อย่างในซอยบ้านผมให้ขับได้ 80 แต่สภาพถนนกับปริมาณคนข้ามถนนกับรถมอเตอร์ไซด์วิ่งไม่ควรจะให้วิ่งเกิน 50 เลย แต่รถส่วนใหญ่ก็ขับกันเร็วเหลือเกิน
-
กฏ อ่ะดี
คนปฎิบัติตาม กับ คนรักษากฎอ่ะ หนังคนละม้วน
-
ตอนไปอเมริกา แรกๆ ก็งงครับ ถนนมอเตอร์เวย์ (Inter state) ใหญ่ เท่าบ้านเท่าช่อง จำกัดความเร็วที่ 55 mph 65 mph นานๆ ทีเจอ 75 mph แรกๆ ไปก็ซ่า (แต่ไม่เคยขับเกิน 100 mph นะครับ เขาบอกกันมาว่าถ้านโดนเดิน 100 ถือเป็นเรื่องใหญ่) ซื้อเรดาห์มา พลาดบ้าง โดนปรับบ้าง ก็ไม่ค่อยเข็ด จนครั้งสุดท้าย ถูกจับ 57 mph ในโซน 55 mph ทำให้โดนยึดใบขับขี่ 6 เดือน หายซ่าไปเลย จากนั้นเวลาไปต่างประเทศ ขับใน Speed Limit ตลอด + ไม่เกิน 10 mph เฉพาะในช่วงแซงเท่านั้นด้วย
-
แนะนำว่าติดกล้องหน้ากล้องหลัง เกิดเหตุมาคุณมีหลักฐานหนักแน่น ไม่มีใครกล้าเถียง
สมัยนี้ตำรวจมันไว้ใจไม่ได้
-
อยากได้ Autobahn บ้างครับ ::)
อยากได้เหมือนกันครับ อยากให้มีช่วงจำกัดความเร็วที่ชัดเจน ตรงไหนเป็นจุดเสี่ยงจำกัดไปเลย และให้มีป้ายบอกสุดเขตควบคุม ถนนนอกเมือง และไม่มีจุดเสี่ยง ก็ให้ทำความเร็วได้เต็มที่แบบนี้ ผมคนนึงขอปฏิญาณตัวเลยว่าจะทำตามกฎหมาย ทำความเร็วตามท ี่กำหนดเป๊ะๆ
แต่ทุกวันนี้ตามที่ท่านด้านบนกล่าวไว้ ตำรวจมักจะไปจับความเร็วบริเวณที่ไม่มีจุดเสี่ยง และหลายคนเห็นว่าปลอดภัยและเร่งทำความเร็วกัน โดยส่วนตัวแล้ว กฎหมายมีขึ้นเพื่อความสงบสุขและความปลอดภัย แต่การกระทำของตำรวจแบบนี้ ไม่ได้ช่วยลดอุบัติเหตุ หรือเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นมากนัก เพราะถนน ณ จุดนั้นมันปลอดภัยอยู่แล้วครับ
-
ที่ญี่ปุ่นมีกล้องจับความเร็วถี่มาก
และ มีตำรวจคอยจับความเร็วเป็นระยะครับ
แต่
เขาไม่ได้จับซี้ซั๊วครับ
เช่น ช่วงเร่งแซง ถ้าแซงออกไป แล้วกลับเข้าเลนเดิม และใช้ความเร็วไม่เกินกำหนด อย่างนี้ จะไม่โดน
ถึงแม้ว่าช่วงที่มีกล้อง จะจับความเร็วเราได้เกินตามที่กำหนด ก็ตาม
ทางด่วนหลายช่วง เริ่มเปลี่ยนมาจับ ความเร็วเฉลี่ย กันแล้ว
จะมีกล้องอยู่เป็นระยะ แล้วระบบจะหาค่าเฉลี่ยความเร็วของรถ ว่าจากจุด A ไปจุด B ควรใช้เวลากี่นาที
ถ้าค่าเฉลี่ยเกิน ก็โดนครับ
บางช่วงในทางลงเขายาวๆ ถนนโล่งๆ ความเร็วเกินมาบ้าง ก็ไม่จับครับ
ผมเองก็เคยขับบนทางด่วนด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นช่วงที่ทางลงเขายาว รถน้อยและเป็นทางตรงตลอด
ก็ยังไม่โดนใบสั่งจนถึงทุกวันนี้
แต่ถ้าจงใจอัดบนทางด่วน ปาดไป ปาดมา ซักพักจะมีตำรวจไล่ตามครับ
สิงคโปร ก็จับความเร็วบนทางด่วน โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยนะครับ
ไม่ใช่มาตั้งกล้องตรงทางลงเขาจุดเดียว แล้วมาบอกว่าขับเร็วเหมือนบ้านเรา
โดนจำกัดความเร็วนี่ยอมครับ
แต่ขอให้แฟร์บ้าง เหมือนหลายๆ ประเทศ
ไม่ใช่มาตั้งกล้องจุดเดียว แล้วมาบอกว่าขับเร็ว
-
ควรจะลงความเร็วในเขตเมือง เหลือ 50 กม./ชม. ทางหลวง 100 กม./ชม. ทางด่วนไม่เกิน 120 กม./ชม.
ควรจะปรับกฎหมายการจำกัดความเร็ว ให้เหมือนกันทุกๆจังหวัด ให้เป็นมาตรฐานเดี่ยวกันทั้งหมดครับ
-
คนไทยขับเร็วไปครับ เร็วเกินกำหนดไปกันหลายคนแล้วก็มาโวยว่าให้ขับช้า
แต่พอไปต่างประเทศเห็นนิ่ง ขับเรียบร้อยกันทุกคน ;D