Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: paulmoderndog ที่ พฤษภาคม 21, 2017, 04:50:49
-
สรุป โกงนานกว่า5ปี โดนย้อนหลังแค่5ปี https://www.autospinn.com/2017/05/niche-car-group-2-60-supercars-seized-in-tax-evasion-probe/ (https://www.autospinn.com/2017/05/niche-car-group-2-60-supercars-seized-in-tax-evasion-probe/)
-
ถ้าชำระภาษีครบถ้วนตามกฎหมายเป๊ะๆ Huracan คันนึงจะตกราคาเท่าไหร่ครับ
-
แจ้งทำราคารถเหลือ 11-12 ล้าน
แล้วมาขาย 24-30 ล้าน รวยเละ
-
แจ้งทำราคารถเหลือ 11-12 ล้าน
แล้วมาขาย 24-30 ล้าน รวยเละ
ใช่ครับ น้องเขยผมเคยบอกว่านิชคาร์ขายAventadorคันละ35ล้าน เค้าต่อรองยังไม่ยอมลดให้เลยครับ
-
ผมงงกับการคิดภาษีนิดนึงครับ
ภาษีนำเข้าจะคิดจากราคาขายปลีกเลยเหรอครับ เช่น ราคาโชรูมต่างประเทศ $100000 มองในมุมคนนำมาขายจะให้คิดภาษีจากราคา $100000 มันก็ไม่น่าใช่ มันก็ต้องคิดจากราคาทุนที่โรงงานให้ราคามารึเปล่าครับ คือถ้าคิดจากราคาขายปลีกจริงๆรถนำเข้ามันต้องแพงกว่าราคาปัจจุบันอีกเยอะเลย
อันนี้สงสัยมานาน ไม่เกี่ยวกับกรณีนิชคาร์
-
แหม่ ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ของเค้าเมื่อต้นปี จากเว็ปนี้
http://www.gqthailand.com/mobile/people/view/?url=wittawat-chinbaramee
โปร์ไฟล์ดูดีมาก ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะเกิดข่าวแบบนี้
ว่าแต่ ทำไมอยู่ดีๆถึงมาเล่นงานกับเรื่องนี้ล่ะ?
น่าคิดว่า โอเคเก็บภาษีไป สุดท้ายแล้วจะไปตกที่ไหน
-
เรียน ทุกท่าน
ระวังการวิจารณ์ กับ ข้อมูลที่มีเท่าที่อ้างกันครับ
ผมหวังดี
-
แหม่ ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ของเค้าเมื่อต้นปี จากเว็ปนี้
http://www.gqthailand.com/mobile/people/view/?url=wittawat-chinbaramee
โปร์ไฟล์ดีมาก ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะเกิดข่าวแบบนี้
ว่าแต่ ทำไมอยู่ดีๆถึงมาเล่นงานกับเรื่องนี้ล่ะ?
น่าคิดว่า โอเคเก็บภาษีไป สุดท้ายแล้วจะไปตกที่ไหน
อยากรู้ประวัติจังครับ ว่าที่มาที่ไปมาทำธุรกิจนี้เมื่อไหร่ ทำไมเป็นค่าอันดับต้นๆ
-
ผมงงกับการคิดภาษีนิดนึงครับ
ภาษีนำเข้าจะคิดจากราคาขายปลีกเลยเหรอครับ เช่น ราคาโชรูมต่างประเทศ $100000 มองในมุมคนนำมาขายจะให้คิดภาษีจากราคา $100000 มันก็ไม่น่าใช่ มันก็ต้องคิดจากราคาทุนที่โรงงานให้ราคามารึเปล่าครับ คือถ้าคิดจากราคาขายปลีกจริงๆรถนำเข้ามันต้องแพงกว่าราคาปัจจุบันอีกเยอะเลย
อันนี้สงสัยมานาน ไม่เกี่ยวกับกรณีนิชคาร์
น่าจะกลัวใบซื้อรถปลอม เลียนแบบโรงงานแต่
ทำถูกกว่า ทำให้เก็บภาษีได้น้อยลง
เลยยึดราคาขายไปเลยมั้งครับ
แบบว่า คันแรก ซื้อจาก รง มา สมมติ 100
คันที่ 2 รง ลดให้ 90
คันที่ 3 ทำใบปลอม เหลือ 70 (แต่ซื้อ รง มา 90)
ผมเดาๆ นะครับ
-
แหม่ ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ของเค้าเมื่อต้นปี จากเว็ปนี้
http://www.gqthailand.com/mobile/people/view/?url=wittawat-chinbaramee
โปร์ไฟล์ดีมาก ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะเกิดข่าวแบบนี้
ว่าแต่ ทำไมอยู่ดีๆถึงมาเล่นงานกับเรื่องนี้ล่ะ?
น่าคิดว่า โอเคเก็บภาษีไป สุดท้ายแล้วจะไปตกที่ไหน
อยากรู้ประวัติจังครับ ว่าที่มาที่ไปมาทำธุรกิจนี้เมื่อไหร่ ทำไมเป็นค่าอันดับต้นๆ
เมื่อก่อนเคยไปติดต่องานในยุคที่พ่อของเค้าเปิดโชว์รูมแถว
บางนา-ตราด ในชื่อเบนซ์ ศรีนครินทร์ ได้เห็นโลตัส ลัมโบ แบบใกล้ๆ โอ้ว..ฟินมาก
ยุคนั้นพ่อเค้าบริหาร มีชื่อเสียงพอสมควร และเป็นคนไม่ธรรมดาเลย
เลยไม่ค่อยแปลกใจกับข่าวนี้เท่าไหร่
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
-
ผมว่าอย่าวิจารณ์พาดพิงคนอื่นดีกว่ามั๊ยครับ
-
ผมงงกับการคิดภาษีนิดนึงครับ
ภาษีนำเข้าจะคิดจากราคาขายปลีกเลยเหรอครับ เช่น ราคาโชรูมต่างประเทศ $100000 มองในมุมคนนำมาขายจะให้คิดภาษีจากราคา $100000 มันก็ไม่น่าใช่ มันก็ต้องคิดจากราคาทุนที่โรงงานให้ราคามารึเปล่าครับ คือถ้าคิดจากราคาขายปลีกจริงๆรถนำเข้ามันต้องแพงกว่าราคาปัจจุบันอีกเยอะเลย
อันนี้สงสัยมานาน ไม่เกี่ยวกับกรณีนิชคาร์
น่าจะกลัวใบซื้อรถปลอม เลียนแบบโรงงานแต่
ทำถูกกว่า ทำให้เก็บภาษีได้น้อยลง
เลยยึดราคาขายไปเลยมั้งครับ
แบบว่า คันแรก ซื้อจาก รง มา สมมติ 100
คันที่ 2 รง ลดให้ 90
คันที่ 3 ทำใบปลอม เหลือ 70 (แต่ซื้อ รง มา 90)
ผมเดาๆ นะครับ
ประมาณนี้ครับ
แจ้งราคาจากแหล่งกำเหนิดต่ำกว่าความเป็นจริงเยอะมาก เพื่อดีแคล์ภาษีให้ต่ำลง ตรงนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับราคาขายออกสักเท่าไหร่หรอก แต่ได้ส่วนต่างกำไรที่เพิ่มขึ้นน่ะสิ ไม่อยากจะคิด
และหากโดนคำนวนภาษีย้อนหลัง (รัฐ มีอำนาจขอราคาที่แท้จริงจากโรงงานผู้ผลิต)
หากเป็นไปตามข่าวที่ว่า บวกค่าปรับอีกบาน ยิ่งไม่อยากจะคิดหนักเข้าไปอีก
-
ทำไมรู้สึกสะใจจัง เจ้านี้ทำแสบไว้กับบ้านผมตั้งแต่สมัยเป็น เบ๊นซ์ นครินทร์ ย้อมแมวเอารถชนหนักมาขายเป็นรถป้ายแดง ยังเจ็บใจจนถึงทุกวันนี้เลย >:(
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
เลี่ยงภาษีนิดหน่อยไม่ว่า เพราะภาษีหลายๆ ตัวก็เหมือนออกมาให้คนจงใจเลี่ยงอยู่แล้ว
แต่นี่มันเยอะมาก แบบว่ากล้ามากเลย มีแบ็กแน่น่าจะ
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
+1 ผมก็เห็นแบบนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจคือ ราคาตั้งในยุโรป กับราคาออกจากโรงงานขายให้ดีลเลอร์ มันต่างกันแค่ไหน ถึงเปิดช่องได้ขนาดนี้...
-
ได้ข่าวจะมีอะไรเฮฮาๆ จากสรรพสามิตมาอีก เช่น การเปลี่ยนอัตราคิดภาษีเป็นตาม MSRP
คราวนี้ล่ะครับ หึหึหึ
-
ไม่รู้ว่าจะตั้งภาษีสูงไปทำไม ในเมื่อในไทยไม่มีบริษัทประกอบรถที่เป็นคู่แข่งแลมหรือเฟออยู่แล้ว ลูกค้าก็คนละกลุ่มกันชัดเจน ไม่ให้ทางเลือกผู้บริโภคผู้ประกอบการสบายเลย ขายของแพง ไม่ค่อยมีคุณภาพ เอาเปรียบผู้บริโภค
-
ช่วงนี้มีข่าวเรื่องภาษีย้อนหลังรถ Gray ถ้าซื้อต้องเช็คอะไรบ้างครับ http://community.headlightmag.com/index.php?topic=22481.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=22481.0)
-
คุณ Smith686 นี่แก้พฤติกรรมค้น Google แปะไม่หายแฮะ บางทีไม่ได้อ่านบริบทเนื้อความเลย :-\
มันคนละเรื่องกัน และเป็นไปได้ ถึงรู้ในใจว่าเป็นเรื่องอะไร บางครั้งก็สงวนท่าทีก็ดีนะครับ
อีกอย่าง กรุณาอ่านข้อตกลงการใช้งานเว็บบอร์ดด้วยเถอะครับ!
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
เห็นด้วยมากๆครับ ภาษีเก็บได้เวอร์มาก 100% ผมว่าก็พอควรแล้วนะครับ
-
เรียนคุณๆที่กล่าวถึง พาดพิง หรือโยงไปเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย
ผมต้องขอให้พวกคุณโฟกัสไปที่เรื่องข่าวของนิชคาร์และประเด็นภายใต้หัวข้อนั้นโดยไม่ต้องไปลากเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ผมอาจให้อิสระในการพูดคุณไม่ได้ 100% แต่จะขอให้คุณเอ็นจอยกับ 80% ที่เหลือโดยไม่ต้องยุ่งเรื่องการเมืองให้เสียบรรยากาศ เพราะเรื่องแบบนี้เถียงที่ไหนมันไม่มีจบ
ผมขอดีๆนะครับ
ข้อความหาย ไม่ต้องสงสัย ผมลบเอง มาอีกก็ลบอีกครับ
-
ถ้าขายได้แบบไม่เสียภาษี กำไรพอประมาณ ก็ยังโอเค
แต่ถ้าขายแบบ เหมือนราคาเต็มที่คนซื้อๆ เหมือนรถเสียภาษีถูกต้องทั่วไป
แล้วเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋า อันนี้ไม่ใช่แค่เลี่ยงภาษี แต่โกง
คนรอบข้างผมที่ทำบริษัทก็มีวิธีเลี่ยงแบบโอเครับได้ มีกฎหมายรองรับ
แต่ถ้าเป็นแบบในข่าว ซึ่งไม่รู้ว่าไฟนัลหรือแค่ข้อกล่าวหา นี่เรียกว่าสุดๆ เลย
-
ผมแปลกใจอยู่อย่างนึง ลูกชายเค้ารวยมหาศาลขนาดนี้แต่ทำไมเที่ยวไปโกงเงินตามอู่ต่างๆ ไม่รู้กี่อู่ ที่รู้มาบางอู่ยอดแค่ 2-3 หมื่นเอง ยังไม่ยอมจ่ายเลย งงมากๆ
-
ถ้าขายได้แบบไม่เสียภาษี กำไรพอประมาณ ก็ยังโอเค
แต่ถ้าขายแบบ เหมือนราคาเต็มที่คนซื้อๆ เหมือนรถเสียภาษีถูกต้องทั่วไป
แล้วเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋า อันนี้ไม่ใช่แค่เลี่ยงภาษี แต่โกง
คนรอบข้างผมที่ทำบริษัทก็มีวิธีเลี่ยงแบบโอเครับได้ มีกฎหมายรองรับ
แต่ถ้าเป็นแบบในข่าว ซึ่งไม่รู้ว่าไฟนัลหรือแค่ข้อกล่าวหา นี่เรียกว่าสุดๆ เลย
เห็นด้วยมากๆครับ ถ้าเป็นประเด็นที่ คิดราคาขาย เสมือนว่า ต้นทุนเขาเสียภาษีถูกต้องนี่ โกงน่าเกลียดมาก
ส่วนเรื่องภาษีนำเข้า เก็บเยอะ ผมเฉยๆ เพราะขายคนรวยมากๆ เราได้ภาษีจากคนกลุ่มนี้เยอะ ก็ Win-Win กันอยู่แล้ว เขาไม่เดือดร้อน รัฐได้ตัง
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
+159 % ;D
-
อ่านอย่างเดียวล่ะกัน ผมคนรากหญ้า ;D
-
คนซื้อรถพวกนี้ ราคาไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่เทคนิคของผู้นำเข้านี่สิ น่าคิดมากๆ ส่วนกลโกง มันก็มีมาตั้งนานแล้ว คนของรัฐถ้าไม่เล่นด้วย ยากครับ
-
ไม่ขอวิจารณ์ละกันนะครับ
แต่ว่า Grey หลายๆเจ้า แค่รายเล็ก ก็ไม่ธรรมดาแล้วครับ เคยเห็นงานเปิดตัวGrey เจ้านึง นึกว่างานรวมรุ่น จปร. ระดับนี้จะเหลือเหรอ
เมืองบราซิลมันถึงดำเนินอยู่ได้ เนื่องจากความเหลื่อมล้ำที่เอื้อประโยชน์แบบนี้
-
เรื่องเลี่ยงภาษี ผมเข้าใจนะ (แทบทุกบริษัทเลี่ยงกันทั้งนั้น)
แต่ผมกลับมองว่าตัวภาษีเองนั่นแหละที่เป็นกลไกหลัก
ที่ทำให้คนต้องหาช่องทางในการเลี่ยง ภาษีบ้านเรามันโหดมาก
นะครับ เอาแค่รถโดนภาษีอย่างเดียว 328% แพงกว่าราคารถซะอีก
หากปรับกลไกภาษีให้ลงมาต่ำกว่านี้
ให้เหมาะสมตามจริงมากกว่านี้ การหลบเลี่ยง
ภาษีก็น่าจะน้อยลง คนยินดีจ่ายครับ แต่มันก็ต้องเหมาะสม
แต่ปัญจุบันผมมองว่าอัตรามันสูงเกินไปมากๆ
เห็นด้วยมากๆครับ ภาษีเก็บได้เวอร์มาก 100% ผมว่าก็พอควรแล้วนะครับ
พวกอวย protectionism กับพวกผลิตชิ้นส่วนเค้าบอก เค้าชอบกีดกันการค้า เอาเปรียบผู้บริโภค เลยหัวทิ่มจะเอากำแพงภาษีเว่อร์ๆแบบนี้ครับ
-
ส่วนตัว ไม่วิจารณ์ครับ รอ ตร แถลงข่าว
ปละเห็นว่า ไม่ควรกล่าวให้ร้ายใครครับ
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
-
ต่อครับ
ข้างบนนี่คือยกตัวอย่างมาแค่คันเดียว ของนิชคาร์
ตามที่แถลงข่าว บอกว่า ยังมีอีกหลายคัน ของผู้นำเข้าหลายกลุ่ม
คือถ้าทางหน่วยงานของรัฐไทยประสานไปทางบริษัทต่างประเทศแล้วได้ข้อมูลถึงระดับใบเสร็จรับเงิน ระบุเลข chassis เลขเครื่องยนต์
อย่างนี้เอามาเทียบกับที่ทางผู้นำเข้าแจ้งกับกรมศุลกากรได้เลย คีย์เลข chassis ลงไปในระบบข้อมูลของกรมศุลกากร ก็รู้ว่าแจ้งตรงตามราคาที่ซื้อจริงหรือไม่
อันนี้ลิงค์แถลงข่าวเต็ม อาจจะไม่ค่อยชัด ไม่ได้ซูมเอกสารบนบอร์ดที่แถลง แต่หาได้ตอนนี้เท่านี้น่ะครับ แต่ก็พอจะทำให้เข้าใจกระบวนการในเรื่องนี้อยู่ เทียบจากสองรูปที่ซูมข้างบนครับ
https://m.youtube.com/watch?v=Qh-OaIogcI0
-
เคสนี้เห็นราคาแล้ว ผมว่าผู้นำเข้าลำบากนะ
ภาษีถ้าคิดจากฐาน 11 ล้าน นี่ รถมันไม่ราคาทะลุ 50 ล้านเลยหรือคับ
กำไรเอาเยอะเพราะมันขายยาก สมตัวแล้ว
-
คนที่จ่าย 39 ล้าน แล้วมารู้ว่าโดนบริษัทนี้กินเปล่าๆ ไปร่วม 20 ล้าน
เขาจะว่ายังไง ลูกค้ามีพวกเจ้าพ่อด้วยมั้ย หรือยังมีระบบอีกแบบว่าถ้าคนมีอิทธิพลมาซื้อ
ก็จะขายรถจ่ายภาษีถูกต้องปกติ (กลัวผู้มีอิทธิพลเล่นงานทีหลัง)
ส่วนถ้าเป็นผม คงจะแค้นน่าดูชม น่ารวมตัวกันฟ้องเจ้าของบริษัทเพิ่ม
อย่างที่บอก ถ้าหลอกฐานภาษีรัฐได้ ก็ไม่น่ามาฟันเงินกับผู้บริโภคแบบนี้
คิดราคาแพงเพื่อหลอกให้เชื่อว่าคิดตามราคาที่มีภาษีถูกต้อง คนที่จะซื้อเขาก็
พร้อมจ่ายเพื่อความสบายใจอยู่แล้ว
อยากรู้ว่าจุดจบจะเป็นยังไง ถ้าผิดจริงๆ น่ะนะ
-
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท
จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท
รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท
นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท
ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน
-
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท
จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท
รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท
นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท
ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน
คิดที่ราคา 3.4 ล้าน บวกภาษีแล้วเท่าไหร่ครับ
มาลบกับ 39 ล้าน จะได้เห็นกำไรว่าได้เท่าไหร่
-
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท
จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท
รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท
นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท
ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน
คิดที่ราคา 3.4 ล้าน บวกภาษีแล้วเท่าไหร่ครับ
มาลบกับ 39 ล้าน จะได้เห็นกำไรว่าได้เท่าไหร่
ราคารถ (ไม่รวมค่าส่งกับประกัน) 3,400,000 บาท
ภาษีอากรขาเข้า 2,720,000 บาท
ภาษีสรรพสามิต 6,799,320 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 679,932 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 951,947.64 บาท
รวม 14,551,199.6 บาท
แต่ราคาที่เอามาคิดภาษีจริง ต้องเป็น C.I.F ดังนั้นราคาที่เค้าจ่ายจริง จะแพงกว่านี้นะครับ
ปล.เดาว่ากำไรคงตกเฉียดๆ 20 ล้าน
-
ราคา 105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท) เป็นราคาที่นิชคาร์สำแดงกรมศุลกากร ซึ่งทางกรมศุลให้สำแดงราคา C.I.F คือ รวมราคาค่าขนส่งและค่าประกันแล้วน่ะครับ
ทางดีเอสไอ จึงคิดจากราคานี้ได้เลย ถ้าขยายดูจากรูปที่แนบจะได้ตามนี้ครับ
ราคา C.I.F. 105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท)
ภาษีอากรขาเข้า 2,740,468 บาท
ภาษีสรรพสามิต 6,851,170 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 685,117 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 959,163.80 บาท
รวมภาษีต่างๆ 11,235,918.80 บาท ตัวเลขนี้คือภาษีที่ทางนิชคาร์ได้จ่ายจริง
แต่จริงๆแล้วควรต้องจ่ายมากกว่า 37,814,393.23 บาท (ยังไม่ได้คิดค่าขนส่งกับค่าประกันลงไปในตัวเลขนี้)
ทางดีเอสไอจึงแถลงว่าเฉพาะคันนี้ได้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้านบาทครับ
แต่อย่างที่บอกในความเห็นข้างบนว่า คันนี้เป็นรุ่นพิเศษ
ดีเอสไอแถลงว่าโดยเฉลี่ยแล้ว โกงภาษีไปคันละประมาณ 18-2x ล้านครับ
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
-
ผมเองไม่ออกความเห็นะครับเพราะถึงเปนในฝันเถอะแต่ไมมีปัญญาซีอเลยอะ
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ
ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ
ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)
ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น
เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์
ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption
ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ
ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)
ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น
เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์
ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption
ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ
ถูกต้องครับ
ถ้าถามผมว่ารถเมืองไทยแพงมั๊ย ผมก็ต้องตอบว่าแพงครับ
แต่ถ้าถามว่าการโกงภาษีถูกต้องหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไม่ถูกต้องครับ ผมเลยนำข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแสดงให้ดูว่า เฉพาะคันนี้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้าน ขอใช้คำว่าโกงภาษีครับ ถ้าเลี่ยงภาษี จะเป็นประมาณว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้
อย่างกรณีนิชคาร์นี่ไม่ใช่แค่แจ้ง options ไม่ครบ (รถออปชั่นเยอะ แจ้งเป็นรถออปชั่นน้อย หรือรถรุ่นสูงแจ้งเป็นรถรุ่นต่ำกว่า อย่างเช่น audi tts จดเป็น audi tt)
แต่กรณีนิชคาร์เป็นกรณีที่ทำราคาปลอมขึ้นมาใหม่เลย โดยที่รถบอดี้นี้ไม่มีขายในราคาที่นิชคาร์แจ้งเลยครับ (ในตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในแถลงข่าว)
ถ้าตามกฎหมาย กรณีนิชคาร์นี้ไม่ใช่แค่เสียภาษีเพิ่ม เสียค่าปรับแล้วจะจบครับ กรณีเสียภาษีเพิ่ม แล้วจบเรื่อง ต้องเป็นกรณีที่แจ้งของตรง แต่ตีความภาษีผิดจากที่รัฐตีความ เลยไปเสียคนละอัตรา
แต่กรณีนิชคาร์นี้ มีการทำเอกสารปลอมขึ้นมา (ทำราคาปลอม) และใช้เอกสารปลอมแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ซึ่งมีโทษจำคุกครับ แต่ละคัน แต่ละครั้ง ก็เป็นกระทงนึง ถ้าดำเนินคดีแบบตรงไปตรงมา โดนเรียงกระทงล่ะครับ
-
ราคาที่สำแดงกับศุลกากรที่ต่ำมากๆ แล้วเอามาตั้งราคาขายซ๊ะสูงปรี๊ดแบบนี้ ดูแล้วก็น่าสงสัยอยู่นะ
-
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู
สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร
ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )
นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ
ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ
ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)
ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น
เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์
ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption
ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ
ถูกต้องครับ
ถ้าถามผมว่ารถเมืองไทยแพงมั๊ย ผมก็ต้องตอบว่าแพงครับ
แต่ถ้าถามว่าการโกงภาษีถูกต้องหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไม่ถูกต้องครับ ผมเลยนำข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแสดงให้ดูว่า เฉพาะคันนี้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้าน ขอใช้คำว่าโกงภาษีครับ ถ้าเลี่ยงภาษี จะเป็นประมาณว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้
อย่างกรณีนิชคาร์นี่ไม่ใช่แค่แจ้ง options ไม่ครบ (รถออปชั่นเยอะ แจ้งเป็นรถออปชั่นน้อย หรือรถรุ่นสูงแจ้งเป็นรถรุ่นต่ำกว่า อย่างเช่น audi tts จดเป็น audi tt)
แต่กรณีนิชคาร์เป็นกรณีที่ทำราคาปลอมขึ้นมาใหม่เลย โดยที่รถบอดี้นี้ไม่มีขายในราคาที่นิชคาร์แจ้งเลยครับ (ในตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในแถลงข่าว)
ถ้าตามกฎหมาย กรณีนิชคาร์นี้ไม่ใช่แค่เสียภาษีเพิ่ม เสียค่าปรับแล้วจะจบครับ กรณีเสียภาษีเพิ่ม แล้วจบเรื่อง ต้องเป็นกรณีที่แจ้งของตรง แต่ตีความภาษีผิดจากที่รัฐตีความ เลยไปเสียคนละอัตรา
แต่กรณีนิชคาร์นี้ มีการทำเอกสารปลอมขึ้นมา (ทำราคาปลอม) และใช้เอกสารปลอมแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ซึ่งมีโทษจำคุกครับ แต่ละคัน แต่ละครั้ง ก็เป็นกระทงนึง ถ้าดำเนินคดีแบบตรงไปตรงมา โดนเรียงกระทงล่ะครับ
ชัดเจนมากครับ ;)
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
-
ค่าปรับภาษีย้อนหลังคงอ่วม อีกทั้งชื่อเสียงคงไม่น่าจะเป็นตัวแทนรถหรูได้อีกต่อไปแล้วละ
-
รบกวนถามครับ
1.แบบนี้เราจะซื้อรถจากเกรย์ หรือ ผู้นำเข้ารายอื่นที่ถูกต้องได้ยังไง เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่าเขาทำเอกสารขึ้นมาแบบกรณีนี้ไหมครับ
2.กับลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว จะต้องร่วมชำระกับทางผู้นำเข้าไหมครับ
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
-
เอาตรงๆนะ...
พวกคุณทราบมั้ยว่า. กรมศุลกากร. มีคนฉลาดกว่าพวกทำธุรกิจแบบนี้. เทคนิคแบบนี้
เพียงแต่เขาเลือกจะทำตอนไหน
-
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ
จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ
เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด
เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)
แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน
ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา
แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร
--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย
-
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ
จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ
เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด
เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)
แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน
ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา
แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร
--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย
เทคนิค "undervalue" แบบนี้คือ buyer คุยกับ Seller ฝั่งต่างประเทศให้รู้เรื่อง แพลนกันล่วงหน้า จะได้พูด และให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน เทคนิคนี้ไม่ใช่ใช้ในวงการรถยนต์อย่างเดียว วงการอื่นๆก็มี
-
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ
จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ
เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด
เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)
แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน
ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา
แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร
--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย
เคยเจอ เคส สำแดงว่าเป็นรถมือ2ใช้แล้ว แต่พอมาขายในประเทศ กลับขายเป็นรถใหม่
เป็นเกรย์มาเก็ตเหมือนกันนี่แหละครับ
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
-
ตอนของออกเพื่อให้ได้ราคาที่ถูก แล้วค่อยมาใส่ใหม่ ยังพอทน
แต่เป็น used แล้วมาขายเป็นของใหม่เนี่ยสิ :-X
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี
ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก
แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง
แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม
ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ
แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ
ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้
-
้ถ้าโดนย้อนหลัง แบงค์คงเซ็ง เพราะเกินครึ่งของลูกค้าที่นี่ซื้อผ่อนเจ้าของรถก็คือแบงค์ แบงค์คงมีปัญญาจ่ายย้อนหลัง ไม่ก็จ้างทนายให้ชนะคดีหรือจ่ายน้อยที่สุด ไม่ก็ไปฟ้องเก็บจากนิชคาร์อีกที ขออย่างเดียวอย่าไปขึ้นดอกกกู้ ลดดอกฝากกับคนชั้นกลาง
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี
ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก
แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง
แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม
ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ
แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ
ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้
objective คือ build volume ของ tax ด้วย incentive ต่างๆ
ไม่ได้บอกว่าให้ ยกเลิกภาษีนำเข้า สรรพสามิตเลย แต่แนะว่าควรปรับปรุง คิดใหม่ ลดลง คิดเอาง่ายๆแบบ starter เอาเกณฑ์ช่วงปี 92/93 ถึงปี 97 มาเป็น benchmark ครับ พอคุณมี incentive ไปล่อให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินมากกว่าไปซื้อของนำเข้า ได้ volume เข้ามาแล้ว คุณเอาคืนตอนเก็บภาษีอื่นๆ เช่นภาษีมลภาวะตาม carbon footprint, ภาษีขนาดรถยนต์ อายุพาหนะ และอื่นๆ คุณได้เงินเข้ามาต่อเนื่อง แทนที่คุณขู่แบบทื่อๆเอา กำแพงสูงเว่อร์ๆมา
ส่วนเรื่องของทำในประเทศจะทำยังไงถ้า เสรีการค้ามากขึ้น ก็บอก solution ข้างบนครับ คุณสร้าง incentive ให้คนสนใจของภายในมากกว่าของนำเข้า ด้วยการเก็บสรรพสามิตน้อยกว่า หรือให้ดีไม่มีเลย หรือมี tax incentive ประจำปีอื่นๆสำหรับรถทำภายในประเทศ ทั้งนี้จะทำให้ ราคาของทำในประเทศถูกกว่าของนอกอย่างชัดเจน ล่อตาล่อใจผู้บริโภคได้ดีกว่านี้ (ปล. อย่างที่เห็นๆกัน consumer behavior ไทยเน้นคุ้มร้อยแปด ถูกไว้ก่อน)
ถ้ามัวแต่คิดทื่อๆแบบทุกวันนี้ ก็ไม่แปลกเลยว่าทำไมเราดักดาน เชื่อตามที่พวกค่ายรถมันโม้ทุกอย่าง โดนเอาเปรียบมาตลอด 40 กว่าปี
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี
ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก
แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง
แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม
ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ
แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ
ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้
เห็นใจนี่ผมไม่เก็ทเลย 555
เหมือนสงสารคนรวยว่ากลัวจะซื้อรถสปอร์ตในราคาแพงเกินไป
หรือสงสารว่านิชคาร์อาจต้องยอมขายขาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผู้บริโภคระดับบนเหรอครับ จริงๆ ขายไม่ได้ ก็ไปขายรุ่นอื่นได้หนิครับ ;)
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี
ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก
แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง
แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม
ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ
แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ
ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้
เห็นใจนี่ผมไม่เก็ทเลย 555
เหมือนสงสารคนรวยว่ากลัวจะซื้อรถสปอร์ตในราคาแพงเกินไป
หรือสงสารว่านิชคาร์อาจต้องยอมขายขาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผู้บริโภคระดับบนเหรอครับ จริงๆ ขายไม่ได้ ก็ไปขายรุ่นอื่นได้หนิครับ ;)
ผมว่านีสคาร์ บริษัทแม่จ้องจะเอากำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่ลืมดูหรือไม่สนใจว่าตัวแทนจะขายรถในไทยได้ไหมนะคับ
เอาจริงๆ ถ้าบริษัทแม่จะช่วยมันก็น่าจะกดต้นทุนภาษีลงมาได้
อย่างไปเอากำไรเป็นค่าสิทธิที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการก็ย่อมได้
แต่นี่ผมดูราคาแล้วเก็บเต็มแบบไม่ช่วยอะไรเลย ขายขาด
แล้วมันจะไปสู้ super car เจ้าอื่นได้ยังไงคับ
-
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น
แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน
มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน
ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง
นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ
วิธีแก้
- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)
- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้
Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't
แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน
เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี
ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก
แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง
แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม
ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ
แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ
ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้
เห็นใจนี่ผมไม่เก็ทเลย 555
เหมือนสงสารคนรวยว่ากลัวจะซื้อรถสปอร์ตในราคาแพงเกินไป
หรือสงสารว่านิชคาร์อาจต้องยอมขายขาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผู้บริโภคระดับบนเหรอครับ จริงๆ ขายไม่ได้ ก็ไปขายรุ่นอื่นได้หนิครับ ;)
ผมว่านีสคาร์ บริษัทแม่จ้องจะเอากำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่ลืมดูหรือไม่สนใจว่าตัวแทนจะขายรถในไทยได้ไหมนะคับ
เอาจริงๆ ถ้าบริษัทแม่จะช่วยมันก็น่าจะกดต้นทุนภาษีลงมาได้
อย่างไปเอากำไรเป็นค่าสิทธิที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการก็ย่อมได้
แต่นี่ผมดูราคาแล้วเก็บเต็มแบบไม่ช่วยอะไรเลย ขายขาด
แล้วมันจะไปสู้ super car เจ้าอื่นได้ยังไงคับ
ทำธุรกิจ ถ้าดีลไม่ดี ก็อย่าไปดีลครับ แต่ถ้าดีลไม่ดี
แล้วหาทางออกโดยวิธีการที่ไม่โปร่งใส แปลว่าใจคุณอยาก
ทำเอง แถมสร้างช่องทางเสร็จสรรพ์ มีแผน มีการสร้างความร่วมมือ
แบบนี้ก็กลายเป็นโจรสิครับ ก็เข้าสู่ตำราเดิม คนทุกคนมีทางเลือก
ไม่ได้ถูกบังคับ แต่ที่คุณบอกว่าสภาพมันบังคับ คือใจคุณเลือกทางนั้น
แต่เคสนี้นิชคาร์โกงมหาศาลเลยนะครับ น่าเห็นใจนี่ไม่นะ
ได้ส่วนต่างต่อคันขนาดนี้ จะบอกว่าปัญหาคือโดนบริษัทแม่บีบคงจะไม่ใช่แล้ว
ปัญหาคือนับเงินไม่ทันเลยมากกว่า ศูนย์ใหม่ที่ใหญ่มากๆ ที่ย้ายจากริมถนนศรีนครินทร์
ก็แสดงให้เห็นว่ากำไรงดงามมากๆ
แต่ที่พูดทั้งหมด คือ จนท ฟันธงว่าโกงจริงๆ นะครับ
ผมก็ไม่อยากปักปรัมก่อนที่ทุกอย่างจะ final
-
คนซื้อรถที่ไม่รู้เรื่องด้วย จะเดือดร้อนไปด้วยนะสิครับ ไม่รู้จะเป็นยังไง โดนยึดรถ???
-
คนซื้อรถที่ไม่รู้เรื่องด้วย จะเดือดร้อนไปด้วยนะสิครับ ไม่รู้จะเป็นยังไง โดนยึดรถ???
น่าจะ
-
ตอนนี้รัฐขาดเงินอย่างหนัก เคสแบบนี้คิดว่ากรมศุลไม่รู้หรอครับ ? ได้ไฟเขียวในการเชือดจากใคร ?
-
ตอนนี้รัฐขาดเงินอย่างหนัก เคสแบบนี้คิดว่ากรมศุลไม่รู้หรอครับ ? ได้ไฟเขียวในการเชือดจากใคร ?
เห็นด้วยเลยครับ ไม่ทันคิดนะเนี่ย
แบบนี้ค่อยๆ เชือดไปทีละบริษัทสินะ
-
ยังจำได้ เคยซื้อ slk200 r172 รถเกรย์ เอาชุดจดมาจดเอง
เห็นราคารถในอินวอย์แค่ 6-7 แสนบาทไทยเองครับ
-
ตอนผมนำสินค้าเข้าก็ต้องใช้อินวอยที่ออกโดยต้นทางจากต่างประเทศเพื่อมาคำนวณภาษี
แล้วนี่เขาเอาอินวอยมาจากไหนกรมศุลดูไม่ออกว่าปลอมใช่ไหมครับ