Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikle_pk ที่ พฤษภาคม 31, 2017, 17:04:44
-
จากกรณี แบตเตอรี่ ที่ราคา 8 แสน
แล้วภายหลัง Benz ได้มีหนังสือออกมาแถลงเกี่ยวกับราคา
โดยจะไม่เกิน 210,000 บาท ในภายหลัง ส่วนต่างขนาดนี้
เอาไว้เล่นแร่แปรธาตุอะไรได้บ้างก็น่าจะพอๆเดากันได้นะครับ
ศรัทธา ของคนที่ใช้ Benz ทั้งคนที่กำลังใช้อยู่ และคนที่กำลังจะซื้อ
เป็นยังไงบ้างครับ แน่ละ ผมว่ายอดขาย Plugin กระทบแน่นอน
ญาติผมก็ชักขากลับไปคนนึงแล้ว ทั้งๆที่จองไปแล้วด้วย เจอเคสนี้ไปก็ทำเรื่องขอ
เงินจองคืนกลับมาแล้ว
Benz เอง ก็ไม่ชัดเจนเรื่องการรับประกัน มีเงื่อนไข ซ้อนเงื่อนไข ในการรับประกันอีกที
ผู้บริโภคที่ใช้อยู่ก็ร้อนๆหนาวๆ ส่วนคนที่กำลังจะซื้อก็คงต้องกลับมาทบทวนกันหลายรอบหน่อย
เลยอยากจะรู้ครับ ว่า จากเคสนี้ ศรัทธาต่อตราดาว ของทุกๆท่านเป็นยังไง ครับ
-
ขอเป็นความรู้สั้นๆว่าตั้งราคา 8xxxxx แล้วลดเหลือ 2xxxxx ได้ประโยชน์อย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
-
ปรกติรถไฮบริดก็ขายยากอยู่แล้ว ตอนนี้เบนซ์ไทยแลนด์ดันทำให้มันแย่ลงอีก แย่มากๆ
---
ขับ 520d รัวๆ
-
มีข่าวนี้ออกมาทำให้กลัวรถ Hybrid มากขึ้นไปอีกครับ ปกติค่าสึกหรอรถที่ไม่เป็น Hybrid บางรายการยังทำให้รู้สึกว่ายังแพ้ก็มีอยู่นี่ต้องเพิ่มค่าระบบ Hybrid เข้าไปอีกและราคาไม่ถูกซะด้วย
-
ผมไม่ ศรัทธา มานานแล้วครับ พอได้สัมผัสเข้าจริงๆ แล้วประกอบกับสิ่งที่เห็นและรับรู้มาคงไม่เอาแล้วค่ายนี้
ตอนนี้ผมรู้สึกว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า เหมาะกับค่ายนี้จริงๆ :-X
ทุกวันนี้เหมือนค่ายนี้อยู่ได้ด้วยชื่อเสียงเก่าๆ แต่รถที่ขายๆกันตอนนี้ปัญหาอย่างเยอะ ถึงจะเป็นเครื่องยนต์ล้วนๆก็เถอะ
ทุกวันนี้ใช้ไปเคลมไปเจริญมาก :-X
-
ปกติก็ไม่ศัทธาอยู่แล้ว พ่อใช้ให้ขับไปนู่นนี่ก็ไม่เคยชอบมันเท่าไหร่ ยิ่งเจอราคาอะหลั่ยแต่ละตัว (เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน5000) ผมละเสียดายตังค์จริงๆ โคมไฟตัดหมอก7000 ไม่ไหว เจอราคาแบตในข่าวก็แทบช็อค แล้วยังกลับไปมาแบบนี้ หมดเลยครับ!
-
สมัยวัยรุ่น คลั่งไคล้ใบพัดสีฟ้ามากครับเพราะได้นั่งรถเพื่อน
พอทำงานประจำ เจ้าของบริษัทใช้ Serie7 มีปัญหาบ่อย
พวกระดับสูงๆของบริษัทบอกให้ฟังตลอด
จนเจ้าของเปลีั่ยนมาใช้ตราดาว(บริษัทอยู่ตึกเดียวกันด้วย)
เลยเริ่มรู้สึกว่าใบพัดสีฟ้าเริ่มขาลงหละ จึงหัดมองตราดาวบ้าง
ช่วงราวๆ 47-48 รู้สึกว่าเป็นช่วงเจิดจรัสตราดาวเลย เพราะนักเทนนิสผู้โด่งดังก็เพิ่งซื้อไปอีก
เข้าสู่คำถามจขกท
มีขึ้นก็มีลงครับ จากไลฟ์สไตล์ผมที่ใช้ศูนย์บริการหลายๆจังหวัดบ่อยๆ(คือไปมันทั่ว ^^")
รถไฮเทคต้องเสียบเครื่องเช็คอย่างเดียวนี่มันลดลงจากใจผมไปสักพักหละ
ยิ่งช่วงนี้ก็ต้องยอมรับว่ายิ่งลดจากใจไปอีกเหมือนกันสำหรับทุกค่ายเมืองหนาวกันเลย ฮา
(ไม่ใช่เรื่องราคาแบตนะครับ แต่เป็นเรื่องความทนทานโดยรวมมากกว่า คือเหมือนไม่เหมาะกับภูมิอากาศบ้านเราเท่าไหร่)
-
ผมว่า มันก็ไม่แปลกนะ เงาตามตัว ญี่ปุ่นก็แบบนี้
-
เบนซ์ไม่ควรยัดเยียดแต่ Hybrid ควรขายดีเซลปกติเหมือนเดิมด้วย
-
ศรัทธามีแน่นอนเหมือนเดิมครับ แต่เลิกยัดเยียด hybrid อย่างเดียวมาขายแล้ว แบตราคาแพงๆสักที คนไทยไม่ได้ต้องการใช้ระบบ hybrid ขนาดนั้น ควรจะเพิ่มทางเลือกให้อย่าง bmw ดีกว่าครับ ไม่ใช่พอตัวปรับปรุงออกมา ตัด ดีเซล เบนซินแล้วขายแต่ hybrid ซะอย่างนั้น
-
MBT เจอแบบนี้ก้อดีเหมือนกันนะครับ จะได้มาคิดทบทวน ว่าตัวเองพร้อมไหมกับการทำ full EQ platform
ในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ต่อระบบ Hybrid และการแก้ไขปัญหาหลังการขายที่ดีพอ
หรือถ้ายังไม่สามารถบริหารจัดการได้ชัดเจน ก้อยังไม่ควรจะตัดตัวเลือก non-Hybrid ออกไปหมด เหมือนที่กำลังทำอยู่
เพราะผมว่าลูกค้าอาจหนีไปซบอกค่ายคู่แข่งอื่นๆเยอะเลย ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังพอใจกับ C350e ที่ใช้อยู่ตอนนี้ ขับดี ประหยัด น้องเซลล์ที่ดูแลอยู่ After Sale Service ดีงาม
แต่ไม่รู้ถ้าเจอปัญหาใหญ่ๆ ทั้ง Battery ทั้ง Airmatic ต่อไปในอนาคต จะเปลี่ยนความคิดไหมนะครับ 555
-
ผมขอไม่เหมารวมทั้งแบรนด์
แต่ hybrid , plug in จากที่ไม่มั่นใจอยู่แล้ว
เจอข่าวราคาแบต ยิ่งตัดออกแบบไม่ต้องคิดมากเลย
เรียกว่าวิกฤตศรัทธาได้เลย
ส่วนรุ่นอื่นผมอยากได้นะ และอาจจะได้ซื้อด้วย
เช่น GLC250d หรือ Vito 116
แต่ถ้าเบนซ์ยังคงจับเสียบปลั๊กอย่างต่อเนื่องแบบนี้
ระหว่างเราคงเป็นได้แค่เส้นขนาน
-
เป็นที่ซื้อรถแล้วไม่ให้ราคากับ แบรนด์ เลยไม่มีผล
มองแค่ 1. ความต้องการใช้รถประเภทใหน
2. งบประมาณ เท่าไหร่
3. ความปลอดภัย
ดังนั้นซื้อรถใหม่ทุกครั้งไม่เคยได้เจ้าตลาดเลย กระบะก็ได้ bt 50 pro
เก๋ง ก็ได้ S80
-
มันไม่ได้แค่เบนช์หรอกครับ กระเทือนรถไฮบริดทั้งหมดเลย ที่โดนหางเลขไปด้วยก็ Lexus นี่แหละ เพราะใส่ไฮบริดมาทุกรุ่น
เรื่องเอกสารเคลมประกัน กับ ราคาจริง ก็ไม่รู้ว่าจะใส่ส่วนต่างกันเยอะเพราะอะไร
ตอน Lexus ผม เคลมแบตไฮบริด ก็ไม่มีลงราคาให้เห็นนะ มีแต่เอกสารเซ็นรับการเคลมเฉยๆ
-
ขอเป็นความรู้สั้นๆว่าตั้งราคา 8xxxxx แล้วลดเหลือ 2xxxxx ได้ประโยชน์อย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
ตอนเคลมแบตให้ลูกค้า ลงยอดสูงๆไว้เป็นค่าใช้จ่าย/ต้นทุนการบริหารงาน จะได้หักค่าใช้จ่ายตอนประเมินภาษีได้มากๆ
ตอนขายก็ใช้ราคาจริง ซึ่งต่ำกว่ามากมาย
สรุปง่ายๆว่า เป็นเทคนิคการบริหารภาษีรูปแบบนึง
เดาเอานะครับ
-
ผมว่าที่หมดศรัทธาคงไม่ใช่แค่MBครับแต่รถไฮบริดทั้งหมดโดนไปด้วย, ส่วนตัวกลัวรถระบบไฮบริดอยู่แล้ว, ได้ยินข่าวนี้ยิ่งกลัวไปใหญ่, คงไม่ซื้อแน่นอนรถไฮบริด
-
ตอนนี้ BMW ก็ยังไม่ชัดเจน ไม่รู้ในอนาคตจะมีแต่ 530e กับ 330e หรือเปล่า
แต่พอมีข่าวตของ Benz ออกมา หวังว่าหลายค่ายเริ่มกลับไปทบทวนแผนที่จะเอา Hybrid มาจำหน่ายโดยไม่มีเครื่องสันดาปปกติให้เป็นทางเลือก
เข้าใจว่า Benz คงอยากได้ข้อได้เปรียบเรื่องภาษีเครื่อง Hybrid ที่ทำราคาได้ดีกว่า
แต่คงลืมไปว่าระบบตัวเองยังไม่ค่อยสเถียร อะไหล่ก็ยังแพง และเรื่องการยอมรับของลูกค้าในไทยยังไม่ดีเท่าไหร่
Benz จึงน่าจะขายเครื่องสันดาปปกติควบคู่ไปก่อนเพื่อให้ช่างศูนย์มีความชำนาญ ระบบสเถียรขึ้น อะไหล่ถูกลง คนยอมรับมากขึ้น
แทนที่จะหักดิบโดยขายแค่ Hybrid/Plug-in hybrid ในทันทีทันใด
-
มันไม่ใช่แค่ไฮบริด แต่ภาพลักษณ์ในสินค้าของ Benz ตอนนี้มันก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ มาสักพักนึงแล้วด้วย ราคารถมือ 2 ของ Benz ตกต่ำลงไปมากทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะคนกลัวเรื่องจุกจิกซ่อมแพงและรถ Benz ก็ไม่ได้ทนทานเหมือนในอดีต ถ้าไม่มีตรา Benz แปะยี่ห้อไว้เพื่อเสริมภาพลักษณ์ก็คงม้วนเสื่อกันไปนานแล้ว กระแสโดนโจมตีเยอะเรื่องราคาค่าซ่อมรถในปัจจุบันที่แพงขึ้นมาก แล้วถัดมานี้ก็แบตไฮบริดค่าซ่อมเกือบล้านและยังมีการเล่นตัวในการเคลม หาว่าเลขไมล์เยอะเกินไปอีก กว่าจะเคลมได้ มันทำให้ความมั่นใจลูกค้าไม่มีเลยว่าจะเคลมได้หรือไม่ถ้ามีปัญหา กลายเป็นว่าต้องซื้อรถมาจอด ถ้าวิ่งเยอะกลัว Benz Thailand ไม่รับประกัน
-
อะไหล่แพงมันคงหนีไม่ได้กับรถไฮเทคครับ
Porsche Hybrid มีคนเปลี่ยนแบตราคาไม่ต่างกันกลับไม่มีคนมาโพสท์ในเน็ต
เรื่องของยี่ห้อคงเป็นเคสบายเคสไปแล้วครับ คนไม่ชอบใช้ก็คงไม่ใช้อยู่ดี
ถ้าถามผมหมดศรัทธาในเบนซ์ไปตั้งแต่ขับหน้าในหลายๆรุ่น ไปแล้วครับ
-
เอิ่ม... มั่นใจนะครับว่าเพื่อนห้องข้างๆ จะไม่เข้ามาแจมด้วย
สรรพสามิต 10% กับ 30-35% เนี่ยมันหอมหวานนะครับ ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเอามาปรับอุปกรณ์เรียกลูกค้าได้อีกไม่น้อย ผมยังคิดด้วยซ้ำว่า Volvo New XC60 รอบนี้รุ่นขายไทยคงจะมี Plug-in แหงๆ
-
ราคาอะไหล่ MB มันค่อนข้างแพงครับ แต่พวกสาวก MB ก็ยังเหนียวแน่น ความจริงแล้ว ระบบ HYBRID ไม่ใช่มีแค่แบต อยากให้ลองดูราคาอุปกรณ์อย่างอื่น นอกเหนือแบตบ้าง พอเห็นราคา ชุดซ่อมที่นอกจากแบตแล้ว น่าจะหนาวไปกันอีกเยอะ
-
ส่วนตัวผมกระทบ แต่ไม่ได้กระทบเพราะแบรนด์นะครับ กระทบเพราะ Hybrid ในรถหรูอย่างเดียวเลย
คือถ้าตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ค่าซ่อมมันควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ก็คงไม่กล้าใช้อะครับ
-
หลังจากที่บ้านออก ML250 มา(เป็นรถพรีเมี่ยมคันแรก)ตอนนี้จะ 3 ปีแล้ว
1. หลังจากได้ขับออกจากโชว์รูม รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้ดีมากมายข
เท่ากับราคาของมันเลย มันก็แค่ดีระดับหนึ่ง นึกเสียดายตังค์
2. ใช้ปีแรกซื้อแพกเกจบำรุงรักษาไว้ ไม่ได้เสียค่าบำรุงรักษาอะไร แต่จริงๆ คือเสียไปแล้วตอนซื้อแพคเกจ
3. ปีที่ 2 เริ่มมีต้องเสียค่าใช้จ่ายบ้าง นอกเหนือจากที่แพคเกจครอบคลุม ผ้าเบรคคู่ละ เกือบหมื่น ยางปัดน้ำฝน6พันกว่า (มันแพงนึกว่าจะทน แต่แค่ 2 ปีก็ได้เปลี่ยนแล้ว)
4 ปีที่ 2 ขับรถลุยฝนตกหนัก ไฟเอนจิ้นโชว์ เข้าศูนย์เปลี่ยนเซ็นเซอร์ และหลังจากนั้นเข้าศูนด้วยอาการไฟโชว์ เร่งไม่ขึ้น เกียร์ไม่เปลี่ยนมาอีก 4 รอบ ในระยะเวลา 1 ปี แต่ละครั้งรออะไหล่ 1-4 สัปดา ปัจจุบันกำลังจะ 3 ปีเต็ม คิดว่าจะขายทิ้ง
ของแพงไม่กลัว แต่แพงแล้วต้องดีสมราคา ไม่ใช่แพงเพราะตั้งราคาให้แพงเพื่อให้ดูพรีเมี่ยม ของพรีเมี่ยมของดีราคาแพงขึ้นระดับหนึ่งพอรับได้ มาเห็นราคาอะไหล่แต่ละตัว มันแพงเว่อ แพงเพราะปั่นราคาจากเบนซ์ประเทศไทย
เบนซ์ที่ขายได้อยู่ทุกวันนี้ ลูกค้าใหม่เกินครึ่ง คือยังรู้สึกกันว่าเบนซ์คือดี ถ้ามีตังค์ต้องซื้อมาขับสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้หรอกว่ามันจะดีสมราคาหรือเปล่า ใช้แล้วซื้อแล้วนั่นแหละถึงจะรู้ กับลูกค้าเก่าที่เงินเหลือจริงหรือไม่ก็รถประจำตำแหน่ง
-
คิดว่า ผมเองก็ถอยเหมือนกันครับ หลังจากตั้งใจจะหวด e220d ค่อนข้างแน่นอนแล้ว
แต่ดันทำตัวเอง เลิก e220d หมด แล้วบังคัยไปเอา e350e แทน
เลยตัดสินใจรอ next accord ล่ะครับ
-
ชอบที้มันชนได้ 5 ดาวนี่แหละครับ คนไทยขับรถแย่ด้วยถ้าในอนาคตไม่มี เครื่องยนต์เพียวๆให้ใช้ก็ไป bm หรือ d seg ครับ
แต่เบนซ์นี่ ต่อให้แพงๆ มันก็ไม่สบายเหมือนรถตู้อ่ะนะ
-
ธรรมาภิบาล
รถที่แบตพังในประกัน ทุกคันจะโดนแจ้งค่าใช้จ่ายไปยัง สรรภากร เกือบล้าน(ต้นทุนไม่ถึงแสน)
รถทุกคันที่ไปชนตราดาว ถ้าเป็นฝ่ายผิดจะโดนค่าแบต เกือบล้านถ้าชนโดนแบตพัง รวมถึงประกันที่ต้องโดนเรียกเครม
รถทุกคันที่แบตเสีย แต่ เลยประกัน จะซื้อได้ในราคา สองแสนหนึ่ง
ถ้าผมเดาต้นทุนแบตตัวนี้ไม่ผิด น่าจะราวๆ 7xxxx ศูนย์รถจะเอากำไรอะไหร่ สามเท่าเป็นปกติ
ทีหลังชนรถตราดาว ถ้าไม่มีประกัน ต้องต่อรองค่าอะไหร่กับประกัน หาร10 >:(
-
ส่วนตัวผมถ้า Hybrid ค่ายไหนผมก็ไม่ซื้อ ซึ้งตั้งแต่เห็นบิลค่าซ่อม Prius แล้วครับ
ตราดาวผมว่าคนไม่เคยใช้ยังศรัทธาอยู่ แต่คนเคยใช่หรือผ่านมือก็แล้วแต่เจออะไรกันมาบ้าง บ้านเพื่อนผมโรงรถก็ยังมีแต่ตราดาวอยู่
-
ยิ่งใครเป็นแฟนตราดาวมานานๆ ศรัทธาเริ่มร่วงมาตั้งแต่ W220 ละครับ
เมื่อก่อน ดาวคือแพง แต่ถึกทน ซ่อมไม่แพง มาพีคช่วง W123-W124
หลังจากนั้น ดาวคือแพง เริ่มเปราะ แต่ซ่อมจบ
ยุคหลัง ดาวคือแพง เปราะเหลือเกิน ซ่อมแพง และแถมด้วยตายกลางทาง
ล่าสุด W212 วิ่ง cruise อยู่ 100 กว่า เกียร์ตบลงมาเองเหลือเกียร์ 3 หน้าทิ่มทั้งคัน นี่ขายเต๊นท์ไปเรียบร้อย
ตอนนี้ถ้าไม่พี่โต พี่ฮอน ก็ไปพี่ใบพัดละ
-
คนมีไม่ได้บ่น คนบ่นไม่ได้มี เอาตามที่สบายใจแหละดีแล้ว คิดตามกำลังตนคงไม่ผิด
-
ศรัทธาที่บ้านผมมีต่อ ตราดาว ได้หมดลงตั้งแต่คุณพ่อได้ซื้อe300เจ้ากรรมมาแล้วครับ ก่อนซื้อไม่ได้ศึกษา พอซื้อมานั่งน้ำตาตกใน จุกจิกพอสมควร เวลาจะสตาร์ทรถออกไปไหนคอยลุ้นภาวนาขออย่าให้มีไฟโชว์อะไรเลย ถามว่าคันต่อไปเลือกตราดาวไหม พ่อผมตอบ ไปใช้รถญี่ปุ่นสบายใจกว่าเยอะ
-
ไม่ได้เพิ่งเริ่มมาลดครับ ถ้าเทียบศรัทธาก่อนและหลังข่าวนี้ก็คงบอกว่าเท่าเดิมครับ มันลดมาก่อนหน้านี้นานมากจนแทบจะหมดไปละครับ
-
หลังจากที่บ้านออก ML250 มา(เป็นรถพรีเมี่ยมคันแรก)ตอนนี้จะ 3 ปีแล้ว
1. หลังจากได้ขับออกจากโชว์รูม รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้ดีมากมายข
เท่ากับราคาของมันเลย มันก็แค่ดีระดับหนึ่ง นึกเสียดายตังค์
2. ใช้ปีแรกซื้อแพกเกจบำรุงรักษาไว้ ไม่ได้เสียค่าบำรุงรักษาอะไร แต่จริงๆ คือเสียไปแล้วตอนซื้อแพคเกจ
3. ปีที่ 2 เริ่มมีต้องเสียค่าใช้จ่ายบ้าง นอกเหนือจากที่แพคเกจครอบคลุม ผ้าเบรคคู่ละ เกือบหมื่น ยางปัดน้ำฝน6พันกว่า (มันแพงนึกว่าจะทน แต่แค่ 2 ปีก็ได้เปลี่ยนแล้ว)
4 ปีที่ 2 ขับรถลุยฝนตกหนัก ไฟเอนจิ้นโชว์ เข้าศูนย์เปลี่ยนเซ็นเซอร์ และหลังจากนั้นเข้าศูนด้วยอาการไฟโชว์ เร่งไม่ขึ้น เกียร์ไม่เปลี่ยนมาอีก 4 รอบ ในระยะเวลา 1 ปี แต่ละครั้งรออะไหล่ 1-4 สัปดา ปัจจุบันกำลังจะ 3 ปีเต็ม คิดว่าจะขายทิ้ง
ของแพงไม่กลัว แต่แพงแล้วต้องดีสมราคา ไม่ใช่แพงเพราะตั้งราคาให้แพงเพื่อให้ดูพรีเมี่ยม ของพรีเมี่ยมของดีราคาแพงขึ้นระดับหนึ่งพอรับได้ มาเห็นราคาอะไหล่แต่ละตัว มันแพงเว่อ แพงเพราะปั่นราคาจากเบนซ์ประเทศไทย
เบนซ์ที่ขายได้อยู่ทุกวันนี้ ลูกค้าใหม่เกินครึ่ง คือยังรู้สึกกันว่าเบนซ์คือดี ถ้ามีตังค์ต้องซื้อมาขับสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้หรอกว่ามันจะดีสมราคาหรือเปล่า ใช้แล้วซื้อแล้วนั่นแหละถึงจะรู้ กับลูกค้าเก่าที่เงินเหลือจริงหรือไม่ก็รถประจำตำแหน่ง
+1
ตามนี้เลยครับ หมดศรัทธา ทั้ง Benz และ BMW ละครับ ไปๆมาๆ มันไม่คุ้มราคาเอาเสียเลย ราคารถต่างกันครึ่งแสนถึงล้าน แต่ถ้าถามว่าขับดีกว่ากันเท่าตัวไหม ก็ไม่ ไหนจะเรื่องการจุกจิกอีก คือซ่อมแพงไม่ว่า เข้าใจ แต่รถจุกจิก พังง่ายคืออะไร รถเสียง่ายในมุมมองผมมันคือรถคุณภาพต่ำ
ผมว่าตอนนี้เบนซ์กินบุญเก่าๆ จากสมัย W124 นั่นละครับ เอาจริงๆ คนแก่ๆ บางคนยังเชื่ออยู่เลยว่ารถเบนซ์มันทน (แบบพ่อผมเมื่อก่อน) เอาจริงๆขับรถญี่ปุ่นสบายใจกว่าเยอะ
จริงๆผมหมดศรัทธาตั้งแต่ได้ไปลองสัมผัสยี่ห้ออื่นๆละครับ ได้ลอง Lexus ได้ลอง Volvo ทำให้รู้ว่ารถดีๆ ของค่ายอื่นมันก็ยังมีให้เลือกอีกมาก (ดีกว่าเยอรมันเจ้าตลาด) ถ้าไม่ยึดติดภาพลักษณ์มากจนเกินไป
เอาจริงๆผมมองว่า ภาพลักษณ์ในตำแหน่งหน้าที่การงานมันก็มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้รถช่วยเสริมเท่าไหร่ ยิ่งคนเก่งๆ บางคน ก็ไม่ได้ใช้รถดีอะไรมากมาย แค่ D Segment นี่ภาพลักษณ์ก็เหลือพอละ คนรู้จักผมที่รายได้ 8 หลัก หลายๆคน ส่วนใหญ่ก็ใช้กันแค่ D Seg นะ ไม่เห็นเขาจะเดือดร้อนกับภาพลักษณ์อะไรเลย
### จริงๆไม่ใช่แค่ค่าซ่อมแบตนะครับ อย่าลืมตัว Airmatic ด้วย (ที่ใส่มาให้ในตัวใหม่) ใครเคยใช้ S Class น่าจะรู้กิตติศัพท์มันดี มีโอกาสพังทุกแสนโล (หรือก่อน) และค่าซ่อม หกหลักแน่ๆ :P
-
ไอ้ผสมไฟฟ้า ค่ายไหน ผมก็ไม่ศรัทธาอะ
;D ;D ;D
-
เขามองว่าลูกค้าเขา คือกลุ่มที่มีเงิน ไม่แคร์เรื่องค่าใช้จ่าย
มองว่าเป็นแบบเซ็นเชคเคลียร์อย่างเดียว
จะเรียกเอาเท่าไหร่ อยู่ที่ความพอใจ ประมาณกาแฟคาปูชิโน ร้านข้างทางเดิน 40 แต่ฝีมือสุดยอด กับร้านติดแอร์ 80 ฝีมือก็งั้น
อีกร้านมั่นใจในแบรนด์และ Theme ของร้านที่ลูกค้าติดใจภาพลักษณ์มานานหลายปี ขาย 120 แต่รสชาติกาแฟจริงๆ สู้ร้าน 40 ไม่ได้
ประมาณนี้
ผมมองว่าไม่ใช่แค่เบนซ์ แต่กลับทำให้ผู้คนขยาดระบบ "ไฮบริด"
เทียบราคาบ้านเกิด เจ้าแบตฯ 8 แสนกว่ารวมแวต เกือบ 9 แสนนี้ แทบจะซื้อรถใหม่บางคลาสที่บ้านเกิดได้เลยนะ
-
ธรรมาภิบาล
คำนี้แม้ไม่ค่อยมีใครใส่ใจ
แต่มันชัดเจนมากครับ
-
ธรรมาภิบาล
รถที่แบตพังในประกัน ทุกคันจะโดนแจ้งค่าใช้จ่ายไปยัง สรรภากร เกือบล้าน(ต้นทุนไม่ถึงแสน)
รถทุกคันที่ไปชนตราดาว ถ้าเป็นฝ่ายผิดจะโดนค่าแบต เกือบล้านถ้าชนโดนแบตพัง รวมถึงประกันที่ต้องโดนเรียกเครม
รถทุกคันที่แบตเสีย แต่ เลยประกัน จะซื้อได้ในราคา สองแสนหนึ่ง
ถ้าผมเดาต้นทุนแบตตัวนี้ไม่ผิด น่าจะราวๆ 7xxxx ศูนย์รถจะเอากำไรอะไหร่ สามเท่าเป็นปกติ
ทีหลังชนรถตราดาว ถ้าไม่มีประกัน ต้องต่อรองค่าอะไหร่กับประกัน หาร10 >:(
รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับว่า ทำแบบนี้คือตามเงื่อนไขตามช่องทางที่มีอยู่แบบถูกต้อง
หรือเลี่ยงแบบใช้ช่องว่างทางกฏครับ
-
Benz ทำไม่ถูกนานแล้วตั้งแต่ไม่ยอมรับผิดชอบความผิดพลาดของสินค้าตัวเองหลายๆรุ่น อดีตผู้บริหารเคยบ่นให้ผมฟังเองว่า ฝรั่งสนใจแต่จะเก็บข้อมูลการชำรุดเท่านั้น แต่ไม่ได้สนใจจะให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่หมดประกันแล้วเจออุปกรณ์ที่เสียแบบที่ไม่ควรเสีย แต่กลับใช้วิธีให้งบประมาณมาก้อนหนึ่งเพื่อช่วยชดเชยค่าอะไหล่ คือไปมองว่าให้งบในการเยียวยาแทนที่จะพิจารณาว่าสินค้าตัวเองด้อยคุณภาพ ถ้าเป็นในอเมริกาโดนร้องเรียนแถมฟ้องค่าเสียหายด้วยซ้ำ
-
ใจไม่สู้ ไม่ไหวก็บอกไป ถึงมีโอกาส ก็ไม่เป็นผู้กล้าซื้อครับ เน้นคู่แข่งโดยตรงเสียมากกว่า
-
เลิกขายเหอะ hybrid benz
-
หมดศรัทธาตั้งแต่ได้ลองขับ
-
ผมเฉยๆครับเพราะไม่เคยคิดจะใช้ไฮบริดตั้งแต่แรกแล้ว ขับน้ำมันถ้าไม่กระโชกโฮกฮากก็ประหยัดดีอยู่แล้ว
-
อยากเรียนเชิญท่านสมช. ท่านนึงที่เคลมตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญตราดาว ดาวนั้นดีเสมอ มาสนทนาเกี่ยวกับประเด็นนี้หน่อยครับ :P
-
คนมีไม่ได้บ่น คนบ่นไม่ได้มี เอาตามที่สบายใจแหละดีแล้ว คิดตามกำลังตนคงไม่ผิด
มันเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ครับคนที่เค้าพูดๆกันในกระทู้นี้มีคนที่ใช้จริงครับ
ผมว่าถ้าไม่รู้จะตอบอะไรให้ตรงคำถามบางทีไม่ต้องตอบก็ได้
คนใช้รถในหัวข้อที่เจ้าของกระทู้ที่คุยเค้าก็เป็นผู้เสียหายครับ
ผมไม่รู้นะต่อให้รวยขนาดไหนก็ตามคุณซื้อรถ E-Class รถคันไม่เกิน 4 ล้าน จ่ายค่าแบต 8 แสนกว่าใครจะไม่บ่น
คุณไม่เสียดายเงินถ้าต้องจ่ายเงินค่าแบตระดับเกือบล้านผมว่า
แปลก อยู่ดีๆต้องเสียเงินเกือบล้านคนรวยไม่คิดอะไรแบบตัดปัญหาไปซะหมดนะครับ
และคนขับ E-Class มีหลายระดับรายได้ก็ไม่แปลกที่เค้าตกใจราคาแบตที่แพงระดับซื้อรถเก๋งกระบะ
ขับได้อีกคันนึง
-
อยากเรียนเชิญท่านสมช. ท่านนึงที่เคลมตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญตราดาว ดาวนั้นดีเสมอ มาสนทนาเกี่ยวกับประเด็นนี้หน่อยครับ :P
น่าจะอยู่ที่ศูนย์เบนซ์ทำเรื่องขอเคลมแบตอยู่มั๊งครับ
-
My trust in Mercedes lost long time ago after they could not come out with design as decent as the old school models from 1950s to 1990s.
As for Mercedes TH, they should have focused on pure-gasoline motors in the first place.
*uck their diesels *uck their hybrids
-
อยากจะแค็ปข้อความในเฟซรุ่นน้องที่ทำงานมาให้อ่านจริงๆครับ ติดว่าเจ้าตัวดูเฉยๆขำฮาไม่เดือดร้อน (แต่รุ่น C300 Bluetec amg นะครับ) รถออกธันวา 2015 แค่ 11 เดือนที่น้องโพสต์รายการสรุปซ่อม เดือนพย 59 รายการซ่อมรวมทั้งหมด 20 ครั้ง(แต่บางอย่างคงทำพร้อมกัน อันนี้ผมไม่แน่ใจ) แล้วนับจากเดือน พย. ก็ยังเข้าอีกแทบทุกเดือน ล่าสุดพค. ก็เข้าไปเปลี่ยนโช๊คสี่ต้น ผมยังว่าถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นข่าวดังไปแล้ว ยังงงเจ้าตัวไม่เครียดหรอ ทั้งๆที่ยุโรปคันแรกของที่บ้าน
-
ต่อให้รถราคา 10 ล้าน ค่าแบตมันก็ไม่ควร 8แสนครับ
มันเกินสมควรไปมาก รบกวนผู้มีอำนาจตรวจสอบหน่อยครับ
-
ไม่ลดลงครับ ไม่เคยศรัทธารถอยู่แล้ว
พอใจคันไหนก็ซื้อคันไหน อยากไปยึดติดกับยี่ห้อเลยครับ
ผมว่าบอร์ดเราคนมีคุณภาพ แต่การแขวะกันไปกันมานี่
ผมนึกว่า Board ฟุตบอลเลยครับ เดี๋ยวนี้นี่
-
เรียนตามตรงผมเคยจะจอง C350e แล้ว แต่พอฝังตัวในกลุ่มผู้ใช้ และหาข้อมูลมาเรื่อยๆ เลยขอบายดีกว่า ขนาดผมใช้ฟอร์ดยุหลายคัน ผมยังกลัว hybrid ของ Benz มากกว่า
-
โกงภาษีเปล่า แต่งตัวเลขในบัญชีให้รายจ่ายสูงขึ้น จากนั้นนำมาตัดรายได้ในบัญชีของบริษัท
-
ซื้อที่ตัวรถ ศรัทธาในแบรนด์อาจเฉยๆ น่าจะขึ้นกับความชอบแบรนด์มากกว่า
แต่จริงๆอยากให้ mbth มีรุ่นเครื่องยนต์ล้วนขายอยู่ด้วย ในทุกๆรุ่นครับ
-
หลังจากที่บ้านออก ML250 มา(เป็นรถพรีเมี่ยมคันแรก)ตอนนี้จะ 3 ปีแล้ว
1. หลังจากได้ขับออกจากโชว์รูม รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้ดีมากมายข
เท่ากับราคาของมันเลย มันก็แค่ดีระดับหนึ่ง นึกเสียดายตังค์
2. ใช้ปีแรกซื้อแพกเกจบำรุงรักษาไว้ ไม่ได้เสียค่าบำรุงรักษาอะไร แต่จริงๆ คือเสียไปแล้วตอนซื้อแพคเกจ
3. ปีที่ 2 เริ่มมีต้องเสียค่าใช้จ่ายบ้าง นอกเหนือจากที่แพคเกจครอบคลุม ผ้าเบรคคู่ละ เกือบหมื่น ยางปัดน้ำฝน6พันกว่า (มันแพงนึกว่าจะทน แต่แค่ 2 ปีก็ได้เปลี่ยนแล้ว)
4 ปีที่ 2 ขับรถลุยฝนตกหนัก ไฟเอนจิ้นโชว์ เข้าศูนย์เปลี่ยนเซ็นเซอร์ และหลังจากนั้นเข้าศูนด้วยอาการไฟโชว์ เร่งไม่ขึ้น เกียร์ไม่เปลี่ยนมาอีก 4 รอบ ในระยะเวลา 1 ปี แต่ละครั้งรออะไหล่ 1-4 สัปดา ปัจจุบันกำลังจะ 3 ปีเต็ม คิดว่าจะขายทิ้ง
ของแพงไม่กลัว แต่แพงแล้วต้องดีสมราคา ไม่ใช่แพงเพราะตั้งราคาให้แพงเพื่อให้ดูพรีเมี่ยม ของพรีเมี่ยมของดีราคาแพงขึ้นระดับหนึ่งพอรับได้ มาเห็นราคาอะไหล่แต่ละตัว มันแพงเว่อ แพงเพราะปั่นราคาจากเบนซ์ประเทศไทย
เบนซ์ที่ขายได้อยู่ทุกวันนี้ ลูกค้าใหม่เกินครึ่ง คือยังรู้สึกกันว่าเบนซ์คือดี ถ้ามีตังค์ต้องซื้อมาขับสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้หรอกว่ามันจะดีสมราคาหรือเปล่า ใช้แล้วซื้อแล้วนั่นแหละถึงจะรู้ กับลูกค้าเก่าที่เงินเหลือจริงหรือไม่ก็รถประจำตำแหน่ง
สะดุดยางปัดน้ำฝน6,000 ของผมw204ซื้อเนตมาเปลี่ยนเอง150บาท โหดมากๆครับโดยส่วนตัวถ้าไม่นับเรื่องแรง ประหยัด ภาพลักษณ์
ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่D segmentสู้ไม่ได้เลย
-
บ้านผมช่วงนึงเมื่อ20ปีก่อนเคยมีตราดาวสูงสุดเกือบ10คัน แต่ตอนนี้เหลืออยู่2 คัน ยอมรับว่ามันไม่เป็นแบบเมื่อก่อนแล้วที่อึด ทึก ทน หรู
เดี๋ยวนี้มันอ่อนแอ เปราะบางมากๆ รวมถึงความหรูหราค่ายอื่นๆก็ทำมาได้เทียบเท่าหรือดีกว่า
ขับรถญี่ปุ่นสบายใจมากกว่า 5 5 5
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
-
คิดว่าถ้าจะยัดแต่ hybrid มา ก็ควรทำรถให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่า defect เต็มไปหมด แถมราคาซ่อมก็แพง แรกๆอาจจะอยู่ในประกัน แต่คนซื้อรถ คงไม่คิดแค่นั้นอยู่แล้ว ซ่อมนาน เพราะต้องรอทางเมืองนอกอีก บางคนอาจจะมี service รถทดแทน ใช้ระหว่างซ่อม แต่เชื่อเถอะครับ ไม่พอหรอก รถก็ไม่พอให้ลูกค้า จำนวนวันที่ให้ทดแทน ก็ไม่พอให้ลูกค้า
ผมว่าถ้าแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้ รถ hybrid ก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ แต่อย่างว่าแหละครับ เค้าขายดีที่สุดในบรรดารถระดับเดียวกัน มีปัญหา ก็แก้เป็นคันๆๆไป ประหยัดกว่าด้วย
-
รถยนต์ทุกวันนี้ ระบบไฟฟ้าทั้งนั้น มีทั้งระบบเรดาร์ ระบบเซ็นเซอร์มากมาย มันช่วยให้การขับขี่รถง่ายขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น
เทคโนโลยีล้ำๆมากมาย ผลดีก็มี ผลเสียก็มีเช่นกัน พังหรือเสียหาย นั้นเกิดขึ้นได้เสมอครับ ราคาค่าซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ก็ไม่ได้ราคาถูกๆ
บางชิ้นส่วนแพง บางชิ้นส่วนถูก แต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน ก็ต้องทำใจเตรียม ต้องปรับตัวละครับ เมือซื้อมาแล้ว ค่าใช้จ่าย ค่าบำรุงรักษาก็ต้องมีเช่นกัน
-
ยังไงในอนาคตรถยุโรป อย่างต่ำก็ต้องเป็น plug in
เพราะเป็นเป็นนโยบายของทางยุโรปเลย
บางประเทศออกเป็นกฎหมาย มีกรอบเวลาด้วย
ใครจะซื้อรถยุโรปคงต้องทำใจอย่างเดียว
ได้แต่หวังว่าถึงเวลานั้นราคาซ่อมคงถูกลงและปัญหาคงลดลงเยอะแล้ว
-
ไม่เคยศรัทธา benz เลย ยิ่ง mercedes benz thailand นี่ผมรู้สึกว่าเอาเปรียบและไม่รับผิดชอบเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า ไม่มีทางเลือก กั๊กให้เกรย์ตายไปหมดจากการไม่รับเซอรวิส อยากกินรวบแล้วทำของห่วยๆมาขาย นโยบายการเคลมแบบไม่สนใจลูกค้า
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
แต่ละรุ่นที่ยกมามันเด่นยังไงอะคับ ช่วยบอกหน่อย
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
แต่ละรุ่นที่ยกมามันเด่นยังไงอะคับ ช่วยบอกหน่อย
W07 Großer Mercedes - Ultimate luxury car of 1930s-40s, notoriously used by National socialists leaders and the evil guy of the east; Hirohito
W100 600 Pullman - Ultimate luxury car built from 1963 to 1981, notoriously used by dictators around the globe
W113 280SL Pagoda - one of the greatest roadster ever built, mid-century/MADMEN era icon, timeless design
R107 500/560SL Panzerwagen - Pagoda's immediate successor, a Mercedes with the second longest production run (1971-1989)
C107 450SLC 5.0/500SLC - R107's GT cousin since R107 is effortlessly cool, ditto C107
W109 300SEL 6.3 - True Muscle Sedan from Germany with big V8, fastest four door machine in '68 (0-100 in 6.5s!)
W116 450SEL 6.9 - like 300SEL 6.3 but as an ultimate sedan of 1970s
W126 500/560SEL - the best looking S-Klasse, penned by a great designer; Bruno Sacco
C126 500/560SEC - the best looking S-Klasse coupe, also designed by Bruno Sacco, ranked among the most beautiful post war car
W124 500E/E500 - "Wolf in Sheep's Clothing", best E-Klasse built jointly by Mercedes and Porsche
R129 SL73AMG - Mercedes with the largest engine displacement, massive V12!
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
ขอแจมด้วย อิอิ
- OF1617/63 185HP
- OF1621/63 210HP (Electric Retarder Optional)
- OH1625/63 V8 250HP (Electric Retarder Optional)
- OH1628/63 V8 280HP (ABS Standard,Elecrtric Retader Optional)
ทั้ง4รุ่นนี้ให้ 80% ยังอยู่ในสภาพเดิมๆจากโรงงานแม้ว่าจะผ่านมาแล้ว20กว่าปีก็ตาม
-
ผมมองแวปแรก รู้สึกว่า Fake แน่ๆ ใบเสนอราคานั้น ดูแปลกๆ ลองเอาเลข part no. ไป search ก็ไม่เจออะไร
ที่ว่า Benz แถลงการณ์ มีแต่ข่าวตามสื่อออนไลน์ จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่รู้ ตีโพยตีพายกันไปหมด
อะไหล่ benz แพงจริง และแพงกว่าแบตไฮบริดญี่ปุ่นแน่ๆ แต่ 8 แสนนี่โดย Common sense มันเป็นไปได้ยาก...
ฺเบนซ์ นะฮะไม่ใช่ เบนท์ลีย์
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
แต่ละรุ่นที่ยกมามันเด่นยังไงอะคับ ช่วยบอกหน่อย
W07 Großer Mercedes - Ultimate luxury car of 1930s-40s, notoriously used by National socialists leaders and the evil guy of the east; Hirohito
W100 600 Pullman - Ultimate luxury car built from 1963 to 1981, notoriously used by dictators around the globe
W113 280SL Pagoda - one of the greatest roadster ever built, mid-century/MADMEN era icon, timeless design
R107 500/560SL Panzerwagen - Pagoda's immediate successor, a Mercedes with the second longest production run (1971-1989)
C107 450SLC 5.0/500SLC - R107's GT cousin since R107 is effortlessly cool, ditto C107
W109 300SEL 6.3 - True Muscle Sedan from Germany with big V8, fastest four door machine in '68 (0-100 in 6.5s!)
W116 450SEL 6.9 - like 300SEL 6.3 but as an ultimate sedan of 1970s
W126 500/560SEL - the best looking S-Klasse, penned by a great designer; Bruno Sacco
C126 500/560SEC - the best looking S-Klasse coupe, also designed by Bruno Sacco, ranked among the most beautiful post war car
W124 500E/E500 - "Wolf in Sheep's Clothing", best E-Klasse built jointly by Mercedes and Porsche
R129 SL73AMG - Mercedes with the largest engine displacement, massive V12!
ก้ยังสงสัยอยุ่ว่าเด่นยังไง เป้นรถที่พวกผุ้นำเลือกใช้หรอ คือ BMW Volvo หรือแม้แต่ Range Rover พวกผุ้นำ ฑูตเค้าก้ใช้ เรื่องดีไซน์ ผมว่าพวก โฟล์คเต่า หรือ 911 ยังจะ timeless มากกว่า คือเข้าใจมั้ยเอ่ยคำว่าเด่น เช่นพุดถึง BMW คนจะนึกถึง การขับขี่ ช่วงล่าง พูดถึง Volvo คนจะนึกถึงวัสดุ ความปลอดภัย ละ Benz หละ มีอะไร ถึงจะต้องศรัทธา
-
ไม่ได้จะกวนนะคับ แต่สงสัยว่ายี่ห้อนี้เคยมีอะไรให้ศรัทธาอะคับ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง วัสดุ หรือการขับขี่
W07 Großer Mercedes
W100 600 Pullman
W113 280SL Pagoda
R107 500/560SL Panzerwagen
C107 450SLC 5.0/500SLC
W108 300SEL 6.3
W116 450SEL 6.9
W126 500/560SEL
C126 500/560SEC
W124 500E/E500
R129 SL73AMG
etc...
แต่ละรุ่นที่ยกมามันเด่นยังไงอะคับ ช่วยบอกหน่อย
W07 Großer Mercedes - Ultimate luxury car of 1930s-40s, notoriously used by National socialists leaders and the evil guy of the east; Hirohito
W100 600 Pullman - Ultimate luxury car built from 1963 to 1981, notoriously used by dictators around the globe
W113 280SL Pagoda - one of the greatest roadster ever built, mid-century/MADMEN era icon, timeless design
R107 500/560SL Panzerwagen - Pagoda's immediate successor, a Mercedes with the second longest production run (1971-1989)
C107 450SLC 5.0/500SLC - R107's GT cousin since R107 is effortlessly cool, ditto C107
W109 300SEL 6.3 - True Muscle Sedan from Germany with big V8, fastest four door machine in '68 (0-100 in 6.5s!)
W116 450SEL 6.9 - like 300SEL 6.3 but as an ultimate sedan of 1970s
W126 500/560SEL - the best looking S-Klasse, penned by a great designer; Bruno Sacco
C126 500/560SEC - the best looking S-Klasse coupe, also designed by Bruno Sacco, ranked among the most beautiful post war car
W124 500E/E500 - "Wolf in Sheep's Clothing", best E-Klasse built jointly by Mercedes and Porsche
R129 SL73AMG - Mercedes with the largest engine displacement, massive V12!
ก้ยังสงสัยอยุ่ว่าเด่นยังไง เป้นรถที่พวกผุ้นำเลือกใช้หรอ คือ BMW Volvo หรือแม้แต่ Range Rover พวกผุ้นำ ฑูตเค้าก้ใช้ เรื่องดีไซน์ ผมว่าพวก โฟล์คเต่า หรือ 911 ยังจะ timeless มากกว่า คือเข้าใจมั้ยเอ่ยคำว่าเด่น เช่นพุดถึง BMW คนจะนึกถึง การขับขี่ ช่วงล่าง พูดถึง Volvo คนจะนึกถึงวัสดุ ความปลอดภัย ละ Benz หละ มีอะไร ถึงจะต้องศรัทธา
W124,W140 ช่วงล่างนั่งสบาย สมัยนั้นเอารถsizeเดียวกันมาเทียบได้เลย Volvo940,960โคตรแข็งเข้าโค้งทีรู้เลยใครเกาะกว่ากัน BMWขับแต่นั่งหลังไม่สบายเท่า จุกจิกกว่าพอสมควร อะไหล่มือสองbenzโคตรเยอะหาง่าย ช่างซ่อมก็เยอะกว่า ใช้มาหมดทุกยี่ห้อที่กล่าวมายกเว้นrange roverเพราะไม่เน้นขับSUV