Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kan.kom ที่ กรกฎาคม 19, 2017, 22:59:42
-
คงไม่หวังให้ใช้ได้ทั้งประเทศภายใน 20 ปี
แต่ถ้าเป็นกำหนดพื้นที่จะเป็นไปได้มั้ยครับ
สิ่งสำคัญที่บ้านเราเวลาจะเปลี่ยนอะไร
มันทำได้ยาก เพราะไม่ค่อยได้วางแผนระยะยาว
ซึ่งมันจะเป็นการสื่อไปถึงประชาชนว่า ต่อไปจะเป็นยังไง
ส่วนใหญ่นึกอยากจะเปลี่ยนก็ลงมือทำไปเลย
พอทำงั้น คนส่วนใหญ่ก็ปรับตัวไม่ทัน
ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องนั่งท้ายกระบะ อยู่ๆนึกอยากจะทำก็ทำ
แต่ถ้าบอกว่า อีกสิบปีนะทุกคน รับรู้กันนะ อะไรก็ว่าไป
เรื่องรถไฟฟ้าก็เล่นกัน ก็ควรจะสื่อสารบอกคนในประเทศให้รู้กัน
เหมือนตปท. เค้าก็บอกคนของเค้าแล้วว่า ปีไหนจะทำ
ประชาชนก็รับรู้ และเตรียมรับมือ
มันอาจจะมีผลต่อยอดขายรถบ้าง
แต่ผมเชื่อว่า ไม่มีใครมารอซื้อรถไฟฟ้าตอนที่เค้าบังคับใช้
เพราะมันคือแผนระยะยาว บางคนคงเปลี่ยนรถไปหลายรอบแล้วด้วย
ผลกระทบจากจุดนี้ คงมีผลในช่วงใกล้ๆการบังคับใช้
แต่อีก 20 ปี ผมเชื่อว่า รถไฟฟ้าคงมีขายกันหมด แต่จะหารถใช้น้ำมันขายกลับยากกว่าด้วยซ้ำ
-
แช้วรถที่ใช้กันอยู่จะเป็นยังไงต่อไปครับ อะไหล่จะยังหาได้ไหมครับ น้ำมันจะแย่งกันเติมรึเปล่าตอนนั้น
-
แช้วรถที่ใช้กันอยู่จะเป็นยังไงต่อไปครับ อะไหล่จะยังหาได้ไหมครับ น้ำมันจะแย่งกันเติมรึเปล่าตอนนั้น
สุดท้ายก็ค่อยๆหายไปครับ มีเติมแต่ลดลงไปเรื่อยๆ
พอหาเติมยาก ถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ ก็ไปมองหารถไฟฟ้าอยู่ดี
อันนี้พูดในแง่รถทั่วๆไปนะ
แต่ที่น่าเห็นใจ คือ นักสะสมรถคลาสสิกจะอยู่ลำบากขึ้น
อีกกลุ่มคือคนขายรถมือสอง (แต่ถ้าวางกรอบระยะยาวไว้แบบนี้คงปรับตัวทันมั้ง)
ไม่แน่ถึงจุดนั้นอาจพัฒนาไปถึงจะวางโซนนิ่งรถไร้คนขับแล้วก็ได้ครับ
สมัยนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเร็ว
-
เอาจริงๆ รัฐบาล แค่สนับสนุนนโยบาย ที่บริษัทรถจะนำมาเสนอก็พอ ไม่จำเป็นต้องออกนโยบายอะไรของตัวเองเลย
เพราะเมื่อไหร่ที่ รถไฟฟ้า ราคาตัวรถและค่าบำรุงรักษา ไม่ต่างจากรถน้ำมัน คนก็จะเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า กันแน่นอน
เหมือน กล้องฟิลม์ ที่ กลายเป็นแค่กล้องของเล่นคนบางกลุ่มไปแล้วในปัจจุบัน
เหมือน ม้วนเทป ที่หายไปตามกาลเวลา(และแผ่นซีดีก็จะค่อยๆหายไปเช่นกัน)
เหมือน นิตยสารไลฟ์สไตล์ ที่กำลังค่อยๆปิดตัวไปทีละเล่มๆ
เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ที่ดีกว่าเก่า คนก็ต้องเปลี่ยนตามอยู่ดี
-
คิดว่ารัฐบาลไทยคงไม่ทำครับ
-
คนใช้รถ EV ได้เลยคือคนใช้รถเก๋งเดิมอยุ่แล้ว และอยุ่ในเมือง กรุงเทพ ภาคกลาง อาจจะ นะ ใช้ได้ แต่คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเขาใช้รถกระบะ ทำมาหากิน มันเหมาะไหม คิดเอา ลุยน้ำ ลุยโครน ขึ้นเขา เข้าไร่ เข้าป่า ซึ่งคนกลุ่มนี้แทบไม่มีรถ EV ในสายตาเลย รวมทั้งผมด้วย
-
ท่านก็มีคำตอบอยู่ในคำถามแล้ว
-
ไม่มีอะไรยากหรอกครับ ^^
หลังจากที่จีนวางโซนนิ่งแล้ว
รถเก่าก็สามารถแปลงเป็นไฟฟ้าได้ทันที
ตอนนี้จีนเองก็มีชุดแปลงกันแล้วครับ
ง่ายๆเลย
ยกเครื่องออก เอาแบตตะกั่วกรด แทนที่
มอเตอร์ขนาด 72v20kwh อยู่ที่ดุมล้อพร้อมดรั๊มพ์ทั้ง 2 ข้างในล้อหลัง ถ้าใครมีฐานะหน่อยก็ใช้แบตลิเธียมเลย
หรือ ni-mh เค้าก็มีขายอยู่
แต่... ถ้าบ้านเรา คงต้องเพิ่มชุดแอร์เข้าไป คงรับประทานแบตน่าดู
https://f2rq3.app.goo.gl/?link=https%3A%2F%2Fm.alibaba.com%2Fproduct%2F1278161639%2F10KW-72V-96V-108V-120V-10KW.html&apn=com.alibaba.intl.android.apps.poseidon&ibi=com.alibaba.sourcing&isi=503451073&amv=69
-
เห็นด้วย
คำตอบอยู่ในคำถามแล้ว
-
เอาแค่จำกัดรถเครื่องยนต์ดีเซลก็พอเหม็นควันมากๆ โดยเฉพาะรถสาธารณะต่างๆ เปลี่ยนเป็น NGV หรือไฟฟ้าล้วนให้หมด
-
ประเทศโลกที่สามอีกสักพักครับ 30 ปีกว่า Infrastructure จะปรับตัวจะพร้อมที่สำคัญคือรัฐพร้อม ประเทศไทยประชาชนพึ่งรัฐไม่มีใครนึกอยากจะเปลี่ยนไม่มีคนอย่าง Elon Musk ก็ช้า ผมยังเป็นเลยฮ่าๆ
-
เห็นด้วยกับ จขกท ครับ
ส่วนรถประเภทที่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน ก็น่าจะมีอยู่ต่อไป
แต่ได้รับความนิยมน้อยลง อันเนื่องจากมาตรการลดมลภาวะอะไรต่างๆ
แต่รถ Hybrid หรือรถที่ใช้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมันได้จะยืดหยุ่นมากๆ ต่อการใช้งาน
เราถึงได้เห็นข่าวล่าสุดที่ว่า Honda จะพยายามรุกคืบตลาด Hybrid ต่อไปยังไงล่ะครับ
ไม่มีค่ายไหนที่ทิ้ง Hybrid นะครับ เพราะเมื่อมองในความยืดหยุ่นในการใช้งาน มันคือดีที่สุด
ถ้าส่วนใหญ่หันมาใช้รถไฟฟ้าหรือกึ่งไฟฟ้า คนที่ใช้น้ำมันเพียวๆ จะเริ่มถูกมองว่าเหมือนคนที่สูบบุหรี่แล้ว
เพราะควันลอยมารบกวนคนอื่นให้พลอยเสียสุขภาพไปด้วย คุณจะสูบได้ก็ในพื้นที่จำกัด
สำหรับรถก็คือการ Zoning
แต่ถ้ายกเลิกรถน้ำมันร้อยเปอร์เซ็นต์ ทางเลือกก็มีจำกัดทันที ผมว่ารถใช้ไฟฟ้าจะออกแบบให้ถึกมันก็ทำได้
แต่มันไม่สะดวก เราอาจจะต้องพกเครื่องปั่นไฟที่ต้องใช้น้ำมันปั่นไฟอยู่ดี ค่ายรถถึงไม่ทิ้งรถ Hybrid
ครับ แล้วยิ่งพัฒนาไปเยอะๆ มี plugin มาช่วยด้วยอะไรด้วย มันก็เหมือนรถ EV แต่ยืดหยุ่นกว่าตรงที่
เติมน้ำมันได้ด้วย
-
ผมว่ารถน้ำมันน้อยลงเรื่อยๆ แต่หวังว่าและคิดว่าไม่น่าจะหายไป
Weekend car ยังไงๆ ผมว่าก็ยังมีคนอยากใช้รถน้ำมันรถเครื่องยนต์ธรรมดาอยู่นะครับ
ถึงรถไฟฟ้า รถ hybrid จะสามารถทำ feeling เสียงเครื่อง อะไรต่างๆให้เหมือนรถสันดาปได้
คหสต.ผมว่าในความรู้สึกมันปลอมอะครับ ถึงในอนาคตอาจจะเสมือนได้ 100% มันก็คือของปลอม
-
อีก 20 ปีผมว่ารถน้ำมันก็ยังวิ่งเกลื่อนเมืองอยู่นะ อาจจะลดเหลือสัก 70-80 % มั้ง เพราะผมไม่เชื่อว่าเมืองเกษตรกรรมอย่างเราๆจะเปลี่ยนผ่านได้เร็วเหมือนประเทศอื่นๆเค้านะ แค่ห้ามนั่งท้ายกระบะก็ยังไปไม่รอดเลย
-
ผมมองว่า ที่เปลี่ยนไม่ได้เกิดจากตัวของผู้ใช้เอง
โลกยุคปัจจุบัน ที่มันเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะการเปลี่ยนจากตัวของผู้ผลิต
อิทธิพลของกระแสต่างๆ มันทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว
รถไฟฟ้าเองก็เช่นกัน
ในอนาคตถ้าผู้ผลิตรถ หันไปขายรถไฟฟ้ากันซะส่วนใหญ่
ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้ไกล ในขณะที่รถเครื่องสันดาบในปัจจุบันไม่ได้พัฒนาต่อ
คนซื้อรถจะเลือกอะไร มันไม่ใช่ตัวเลือกให้เรารู้สึกลังเล
แต่มันเป็นตัวเลือกที่เหมือนบังคับให้เราตอบตัวเองได้ชัดๆว่า ยังไงก็ต้องไปเลือกรถไฟฟ้าในที่สุด
ส่วนรถเก่า อีก 20 ปีถ้ายังทนใช้ได้อยู่ก็ใช้ไป แต่ทุกอย่างมันก็ต้องเดินไปข้างหน้า
ทิ้งของเก่าไว้ข้างหลังอยู่ดี
-
เท่าที่เห็นไม่มีตั้งเป้าแบบนั้น แค่ตั้งเป้าว่าจะสร้างจุดชาร์ตไฟให้เพียงพอกับรถไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีมากขึ้นประมาณ 20% ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า
-
นี่ประเทศไทยครับ
-
No wonder this nation is the sickman of Asia.
-
แค่ประกาศว่า รถยนต์ที่ไม่ใช้น้ำมันไม่จัดเก็บภาษีใดๆทั้งสิ้น 0%จริงๆ ถ้านำเข้าเก็บภาษี5%
แต่ถ้าทำแบบนี้ ใครจะมองตาเขียวบ้าง ลองนึกๆดู
-
โซนนิ่ง บ้านเราใช้กับเรื่องอะไรบ้างครับ แล้วได้ผลบ้างมั๊ย???
-
โซนนิ่ง บ้านเราใช้กับเรื่องอะไรบ้างครับ แล้วได้ผลบ้างมั๊ย???
ได้ผลหรือไม่ว่ากันอีกเรื่องครับ :D