Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Inwsatan ที่ กรกฎาคม 23, 2017, 19:11:40
-
ผมอาจจะได้ย้ายที่ทำงานไป30โลกลับ30โลรวม60โลตอนแรกเล็งมาสด้า2ไว้แต่เห็นกระแสตอนนี้เจ๊งกระจายเลยหวั่นๆผมควรเลือกอะไรดีครับvios city m2หรือไปอีโคคาร์ดีกะใช้ซัก10ปีไมล์น่าจะไกล้ๆ2แสน
แอบเสียดายm2ประหวัดดีแต่ถ้าพังรัวก็ไม่ไหว
-
JAZZ GK จ๊ะ
-
ผมก็เคยมอง m2 ไว้ บอกตรงๆถ้าดีเซล ก็แอบหวั่นเหมือนกัน แต่ถ้าเล็งเบนซินไม่น่าจะมีปัญหานะครับ
-
ดูรุ่นที่เป็นเบนซินแทนก็ได้ครับ ประหยัดไล่ๆกับตัวดีเซล.....
-
ซิตี้ วีออส แจ๊ส พวกนี้เลยกลางอายุตลาดไปแล้ว
ถ้าไม่รังเกียจว่ารถตกรุ่น 3 ตัวนี้หลับตาจิ้มยังได้เลย
ทนพอกัน สมรรถนะไม่ต่างกัน แค่ชอบภายนอกมั้ย ชอบภายในมั้ย แค่นั้นเลย
แต่ถ้ารอได้ เข้าใจว่ายาริสซีดานกำลังมา
-
แจ๊สมั้ยครับ
ของผมรุ่น idsi 2003 จะแตะสี่แสนโลแล้ว ยังสบายๆอยู่เลยครับ
-
แล้วแต่ชอบเลย ชอบทรงไหนเลือกคันนั้น
ถ้ารัก มาสด้า2 เล่นเบนชินก็ได้นะ 8)
มันไม่สำคัญเหรอกว่าอะไรอยู่ในห้องเครื่อง
มันสำคัญที่ใครอยู่หลังพวงมาลัย ;)
-
ถ้าหวั่นเรื่องซ่อม ซึ่งไม่รู้จะเกิดหรือไม่
แนะนำ H และ T แน่นนอน และถ้าเหลือตัวเลือกแค่นี้ เลือก Jazz
-
city ก็ทนนะ ใช้มาจะ 5 ปีแล้วไม่เจอปัญหาอะไรจุกจิกเลย
-
H กับ T เลือก ที่ชอบเลย ระยะยาว T ได้เปรียบเรื่องอะไหล่ ซ่อมบำรุงกว่า
-
ผมเคยทำงาน ไปกลับร้อยโล
เคยทำงานที่เลิกตี1ตี2
ที่แรก ทำงานเหมือนซอมบี้ ไม่มีเวลาส่วนตัว ครอบครัว ตื่นนอนก็ต้องเด้งไปทำงานเลย
ที่สองผมขับรถตกถนนเกือบตายเพราะนอนน้อย
ตอนนี้มาทำ โฮมออฟฟิศ ที่บ้านตัวเอง
อยากให้คำแนะนำว่า ให้หางานที่ใกล้บ้าน
ใกล้ครอบครัว ใกล้คนที่เรารักดีกว่าครับ
เวลาที่เหลือเราเอามาดูแลครอบครัว หรือต่อยอดธุรกิจอะไรได้
ตอนผมขับวันละร้อยโลผมใช้ อัลติสติเแก๊สครับ
-
ย้ายไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงานเถอะครับ
หรือไม่ก็หางานใกล้ๆบ้าน
อย่าเอาเงินไปลงกับรถ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับถนน มันไม่คุ้ม
ชีวิตยังมีอีกหลายอย่างที่ึคุ้มค่ากว่ารถยนต์เยอะครับ
-
จริงครับ
หาที่ทำงานใกล้บ้านดีที่สุดครับ
-
ควรเป็น B segment ขึ้นไปครับ 60 โล ผมว่าเอาเรื่องอยู่รถใหญ่มั่นใจกว่าทั้งการควบคุมเร่งแซง ความผ่อนคลายเวลาขับ รุ่นใหนก็ได้แล้วแต่ชอบครับ
-
ไปกลับ 60 โลนี่จริงๆ ไม่ไกลนะคับ
ถ้ารถไม่ติดขับสบาย รวมถึงวิ่งสบายกว่าในเมืองใกล้ๆ แต่รถติดคับ
-
30โล ถนนโล่งๆนี่ถือว่าใกล้มากนะ
-
ถ้าวิ่ง ไป30 กลับ30 โล เข้า-ออกกรุงเทพ ผมเชียร์ Mazda 2 รุ่น Diesel งับ
แต่ถ้าระหว่างจังหวัตแล้วโล่งๆ ไม่ค่อยมีรถ แนะนำ Jazz หรือ City ตามชอบ
ตามโจทย์นะ
-
ขอบคุณสำหรับหลายๆคำแนะนำครับถนนต่างจังหวัดโล่งๆขับไม่เกิน30นาทีถึงครับแต่เป็นเลนสวนมีขึ้นเขาลงเขาบ้าง
-
Jazz / Vios / City
หลับตาจิ้มได้เลยครับ ได้เครื่อง 1.5 กำลังวังชา ดีกว่า eco car แล้วก็ความทนทานหายห่วง ครับ
-
ขอบคุณสำหรับหลายๆคำแนะนำครับถนนต่างจังหวัดโล่งๆขับไม่เกิน30นาทีถึงครับแต่เป็นเลนสวนมีขึ้นเขาลงเขาบ้าง
เอาเกียรMT
-
GK MT ครับ ต่างจังหวัดถนนโล่งๆมีขึ้นลงเขา มันน่านัก
-
Mazda2 ปัญหามันไม่หนักเท่า CX-5 ครับตอนนี้ประเด็นเจ้าปัญหาของ CX-5 คือไอ้ตัว DPF ที่เป็นอุปกรณ์ใช้เพื่อกำจัดเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่หมดโดยเอาน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเผาเขม่าอีกที แต่ไม่รู้เพราะเมืองไทยรถติดหนักหรือน้ำมันมาตรฐานต่ำ หรือเป็นที่ไออุปกรณ์ตัวนี้เองก็ไม่รู้ทำให้ DPF มันตันครับ พอตันแล้วน้ำมันที่จะเอามาเผาเขม่าก็ดันเข้าไปปนกับน้ำมันเครื่องเอง ซึ่งผู้ใช้รถเองก็ไม่อาจทราบได้ว่ามันตันเมื่อไหร่ พอตันก็อาการเดียวกับเครื่องฮีทจนฝาโก่งนั่นแหล่ะครับ(ไม่ชัวร์เรื่องการทำงานของระบบนี้นะครับ แต่อ่านคร่าวๆมาเห็นว่าการทำงานประมาณนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ในรถรุ่นใหม่ๆเครื่องดีเซลก็มักติดเจ้าตัวนี้มาเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนด้วยไม่ได้มีเฉพาะมาสด้า)
ประเด็นคือมาสด้าไทยตีก็ทำมึนๆไปวันๆ ไม่เห็นออกพาร์ทอะไรมาแก้ไข (ผมติดตามมาตั้งแต่เคสแรกๆ จนตอนนี้มีหลายๆเคสเกิดขึ้นแบบเดียวกันแล้ว) บางศูนย์แนะนำให้ถอดไอ้ตัว DPF ออกเลยด้วยซ้ำหลังหมดประกัน(5555 มันใช่หรอ) ซึ่งในคลับเห็นพอหมดประกันก็ไปถอดกันทั้งนั้นนะครับ คงคิดว่าควันดำ มีเขม่าก็ยังดีกว่าเครื่องพัง แต่มันก็แก้ปลายเหตุสุดๆแหล่ะครับ ตอนนี้คนใช้ 2.2 D skyactive ก็คงเสียวๆกันทุกคนว่ารถตัวเองจะบึ้มหลังหมดประกันรึเปล่า หรือจะไปถอดตัว DPF ตอนก่อนหมดประกันประกันก็ขาดอีก
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูความรับผิดชอบของมาสด้าประเทศไทยหลัง Global ประกาศ recall ออกมาแล้วหล่ะครับ แต่สำหรับผม CX-5 ใหม่จะสวยงามแค่ไหนแต่ให้ซื้อคงขอเป็นเครื่องเบนซิลธรรมดาแล้วกันหรือไม่ก็ไปยี่ห้ออื่นดีกว่าดูจากการตีมึนที่ผ่านๆมาก็แนวๆฟอร์ดเฟียสต้ารุ่นแรกๆที่มีปัญหาเลยครับ
-
เน้นประหยัด ถ้าขับ MT ได้ ไม่สนกระบะตอนเดียว หรือตอนครึ่ง กันหรือครับ?
-
มันก็ไม่ได้พังไวไปไวอะไรขนาดนั้น
ชอบประหยัดมาสด้าสองตอบโจทย์สุดๆครับ ถ้าชอบเป็นทุนเดิมเก็บไว้ไปพิจารณา
ถ้าชอบอัตราเร่งวีออส ซิตี้ตอบโจทย์ มีแทรคชั่นให้ตั้งแต่ตัวล่าง
-
Mazda 2 เบนซินครับได้ทั้งความประหยัด ปัญหาเรื่องเขม่าไม่มีจึงไม่ต้องกลัวเครื่องสดุด
-
ผมเคยทำงาน ไปกลับร้อยโล
เคยทำงานที่เลิกตี1ตี2
ที่แรก ทำงานเหมือนซอมบี้ ไม่มีเวลาส่วนตัว ครอบครัว ตื่นนอนก็ต้องเด้งไปทำงานเลย
ที่สองผมขับรถตกถนนเกือบตายเพราะนอนน้อย
ตอนนี้มาทำ โฮมออฟฟิศ ที่บ้านตัวเอง
อยากให้คำแนะนำว่า ให้หางานที่ใกล้บ้าน
ใกล้ครอบครัว ใกล้คนที่เรารักดีกว่าครับ
เวลาที่เหลือเราเอามาดูแลครอบครัว หรือต่อยอดธุรกิจอะไรได้
ตอนผมขับวันละร้อยโลผมใช้ อัลติสติเแก๊สครับ
;D จริง เวลามีค่ามาก
เคย ขี่มอไซค์ไป 38โล กลับ 38โล
สลบทุกวัน แต่ดีเป็นแค่ช่วงฝึกงาน 4 เดือน
ถ้าเก๋งดีเซลห่วงปัญหา แล้วมองกระบะดีเซลไว้มั่งไหมครับ :D
แรงเหลือๆๆๆๆๆๆ เหลือเยอะเลยหล่ะ hahaha
-
ทางที่ขับรถติดแค่ไหนครับ ถ้าไม่ติดมากก็จัดได้เลยครับ
ผมก็เอา 2 มาเพื่อขับรถไปกลับที่ทำงานวันละ 100 โลเหมือนกัน
-
เล่นสวน ขึ้นเขา ลงเขาบ้าง
Cx3 น่าสนนะครับ เพิ่มตังค์อีกหน่อย 2.0 เบนซิน เรี่ยวแรงเหลือเฟือ ชื่อเสียยังไม่ค่อยมี
-
DPF มันคืออุปกรณ์ที่ไว้ดักเขม่า ต้องการน้ำมันดีเซลที่เป็นมาตรฐานอย่างน้อยก็ Euro 5 ขึ้นไป ซึ่ง Euro 5 เนี่ยมี sulfur แค่ 10 ppm
แต่น้ำมันดีเซลในไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ประมาณ 50 ppm (euro 4) จะมี euro 5 จริงๆก็แค่พรีเมียมของเจ้าตลาด 2 ที่ ซึ่งเอาจริงๆก็คงไม่มีคนที่ขับรุ่นนี้แล้วเติมแบบนั้นทุกครั้ง
ตราบใดที่น้ำมันดีเซลยังอยู่ที่มาตรฐานนี้รถดีเซลที่มี dpf ก็เหมือนนับถอยหลังรอตันครับ auto / manual regen ให้ตายก็ไม่รอด
-
ขอบคุณสำหรับหลายๆคำแนะนำครับถนนต่างจังหวัดโล่งๆขับไม่เกิน30นาทีถึงครับแต่เป็นเลนสวนมีขึ้นเขาลงเขาบ้าง
ลืมทุกอย่างที่พูดกันมาแล้วไปออก D-max 1.9 MT Cab 4 เลยด่วนๆ ครับผม ราคาพอๆกันเลยต่อ Carryboy ขนอะไรได้อีกหลายอย่าง
-
จิ๊บ ๆครับ ตอนผมทำงานใหม่ ๆ แมงกะไซด์ วิ่งไปกลับ ร้อยกว่า ทำงานอยู่ 8 ปี..... มันดีออก..
ส่วนรถ ถ้าสภาพถนนดี ๆ ก็ไปตามข้างบนแนะนำ ...
-
ขอบคุณสำหรับหลายๆคำแนะนำครับถนนต่างจังหวัดโล่งๆขับไม่เกิน30นาทีถึงครับแต่เป็นเลนสวนมีขึ้นเขาลงเขาบ้าง
แนะนำครับ เล่นกระบะ แคป, 4ประตู ก็ PPV ทุกประเภทให้เลือกขับเคลื่อน4ล้อครับ
ลืมรถระบบเก่งไปเลยครับ
เอาไปแต่งช่วงล่างด้วยก็ดีครับ
Most recommended
-
เชียร์กระบะด้วยคนครับ
เห็นว่าต้องขึ้นเขา ขึ้นดอยด้วย น่าจะเหมาะกว่าครับ
อันที่จริง
ถ้าเป็นตจว.ไป-กลับ 60 โล
ผมไม่ถือว่าเยอะนะ
ยิ่งถ้าถนนโล่งๆ รถไม่แน่น ขับแปปๆก็ถึงแล้วล่ะครับ
-
ไหนๆก็เชียรกระบะกันเยอะละ ผมเสริมเลยดีกว่า
เผื่องบทำช่วงล่าง เปลี่ยนโช้ค หน้าโหลด2นิ้ว หลัง3ดัดแหนบรองกล่อง
แม็ก18 TE37 ยางหน้า 245/45/18 ยางหลัง 275/40/18 ยางไทก็ได้ไม่แพงแล้ว
ทำแค่นี้เล่นโค้งไม่แพ้ b-seg เจ้าตลาดเดิมๆใส่ยาง195/55/15
เครื่องก็จะรีแม็บหรือลงกล่องเพิ่มก็ตามสะดวกเลย รับลองหนุกหนาน
-
2 เบนซิน สิครับ
-
ผมใช้mazda 2 เบนซิน
ไปกลับราว60โล ถ้าไปรับส่งแฟนก็อาจจะ80โล ขับย่านรถติด
น้ำมันตกเดือนละ2400-2700
ครบหมื่นประมาณสามสี่เดือน ตอนนี้6หมื่นนิดๆในระยะเวลาจะสองปี ยังไม่มีอะไรพังเปลี่ยนของเหลว กรอง ตามระยะ
ก็ถือว่าคุ้มนะครับ
-
Mazda2 ปัญหามันไม่หนักเท่า CX-5 ครับตอนนี้ประเด็นเจ้าปัญหาของ CX-5 คือไอ้ตัว DPF ที่เป็นอุปกรณ์ใช้เพื่อกำจัดเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่หมดโดยเอาน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเผาเขม่าอีกที แต่ไม่รู้เพราะเมืองไทยรถติดหนักหรือน้ำมันมาตรฐานต่ำ หรือเป็นที่ไออุปกรณ์ตัวนี้เองก็ไม่รู้ทำให้ DPF มันตันครับ พอตันแล้วน้ำมันที่จะเอามาเผาเขม่าก็ดันเข้าไปปนกับน้ำมันเครื่องเอง ซึ่งผู้ใช้รถเองก็ไม่อาจทราบได้ว่ามันตันเมื่อไหร่ พอตันก็อาการเดียวกับเครื่องฮีทจนฝาโก่งนั่นแหล่ะครับ(ไม่ชัวร์เรื่องการทำงานของระบบนี้นะครับ แต่อ่านคร่าวๆมาเห็นว่าการทำงานประมาณนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ในรถรุ่นใหม่ๆเครื่องดีเซลก็มักติดเจ้าตัวนี้มาเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนด้วยไม่ได้มีเฉพาะมาสด้า)
ประเด็นคือมาสด้าไทยตีก็ทำมึนๆไปวันๆ ไม่เห็นออกพาร์ทอะไรมาแก้ไข (ผมติดตามมาตั้งแต่เคสแรกๆ จนตอนนี้มีหลายๆเคสเกิดขึ้นแบบเดียวกันแล้ว) บางศูนย์แนะนำให้ถอดไอ้ตัว DPF ออกเลยด้วยซ้ำหลังหมดประกัน(5555 มันใช่หรอ) ซึ่งในคลับเห็นพอหมดประกันก็ไปถอดกันทั้งนั้นนะครับ คงคิดว่าควันดำ มีเขม่าก็ยังดีกว่าเครื่องพัง แต่มันก็แก้ปลายเหตุสุดๆแหล่ะครับ ตอนนี้คนใช้ 2.2 D skyactive ก็คงเสียวๆกันทุกคนว่ารถตัวเองจะบึ้มหลังหมดประกันรึเปล่า หรือจะไปถอดตัว DPF ตอนก่อนหมดประกันประกันก็ขาดอีก
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูความรับผิดชอบของมาสด้าประเทศไทยหลัง Global ประกาศ recall ออกมาแล้วหล่ะครับ แต่สำหรับผม CX-5 ใหม่จะสวยงามแค่ไหนแต่ให้ซื้อคงขอเป็นเครื่องเบนซิลธรรมดาแล้วกันหรือไม่ก็ไปยี่ห้ออื่นดีกว่าดูจากการตีมึนที่ผ่านๆมาก็แนวๆฟอร์ดเฟียสต้ารุ่นแรกๆที่มีปัญหาเลยครับ
DPF มันคืออุปกรณ์ที่ไว้ดักเขม่า ต้องการน้ำมันดีเซลที่เป็นมาตรฐานอย่างน้อยก็ Euro 5 ขึ้นไป ซึ่ง Euro 5 เนี่ยมี sulfur แค่ 10 ppm
แต่น้ำมันดีเซลในไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ประมาณ 50 ppm (euro 4) จะมี euro 5 จริงๆก็แค่พรีเมียมของเจ้าตลาด 2 ที่ ซึ่งเอาจริงๆก็คงไม่มีคนที่ขับรุ่นนี้แล้วเติมแบบนั้นทุกครั้ง
ตราบใดที่น้ำมันดีเซลยังอยู่ที่มาตรฐานนี้รถดีเซลที่มี dpf ก็เหมือนนับถอยหลังรอตันครับ auto / manual regen ให้ตายก็ไม่รอด
ที่บ้าน ผมใช้ cx5 2.2d ภรรยาใช้ mazda 1.5d ระยะ 80,0000โล กับ 40,000โล ยังไม่มีปัญหาแต่ตรวจสอบถังพักน้ำบ่อยๆ cx5 ต่อประกันกับ มาสด้าขยายความคุัมครองเพิ่มอีก 2 ปี แต่ทั้ง 2คัน หมดประกันเมื่อไรก็คงถอด dpf หรือ egr ออกเหมือนกัน ต้องขออภัยไม่ใช่ไม่รักโลกแต่ มาสด้า co2 ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว(น่าจะไม่เกิน 100 จำหน่วยไม่ได้) ชอบอยู่ครับ ทั้ง2รุ่น และคิดว่า "มาสด้า (ญี่ปุ่น) "คงต้องแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่เป็นปัญหาใหัจบ(เช่นที่เคยมีมาสด้า3เบนซินลอตแรกๆเเครื่องดับเพราะท่อน้ำมันไม่ทนแกสโซฮอลน์) เพราะในโฉมใหม่และอีกหลายรุ่นเช่น cx8,9 " มาสด้ายังใช้เครื่องดีเซลชุด 1.5dและ2.2 ตัวนี้อยู่"