Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: demo2 ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 14:05:24

หัวข้อ: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: demo2 ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 14:05:24
มีข้อสงสัยเล็กน้อย หลังจากเมื่อวานขับรถบนถนนมิตรภาพ รถติดเพราะน้ำท่วมถนนเลยมีเวลานั่งพินิจรถรอบๆตัว เลยไปสดุกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถหัวลากทั้งหลาย มีหลากหลายยี่ห้อ ทั้งISUZU Mitsubishi Hino และก็ค่ายยุโรปทั้ง volvo scannia mercedes เลยเกิดคำถามในใจ ว่ารถประเภทนี้ ค่ายญี่ปุ่นกับค่ายยุโรปต่างกันไหม มันจะเหมือนๆกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือเปล่า เช่นที่เขาว่ากันว่ารถยุโรปแพงกว่า ซ่อมแพงกว่า เข้าศูนย์แพงกว่า จุกจิกกว่า ช่วงล่างการขับขี่ดีกว่า ภาพลักษณ์ดูดี รถญี่ปุ่นดูแลง่าย ราคาถูกกว่า ซ่อมง่ายและถูกกว่า ใช้ยาวๆดีกว่า ในแง่รถบรรทุกมันมีความแตกต่างไหมครับ
ปล แค่อยากรู้เฉยๆครับ ผมไม่ได้มีแผนจะออกรถบรรทุกแต่อย่างใด
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobank01 ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 16:38:35

ไม่มีความรู้นะครับ

รู้แต่ว่า รถเมล์ที่บ้าน มีทั้งเบนซ์ และ วอลโว่

พ่อเคยบอกว่า มันคือ ยี่ห้อครัช C ซึ่งไม่เหมือน เบนซ์ปกติ

อะไรก็ไม่รู้ 5555

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 16:47:59
ถ้ารถบรรทุกรถยุโรปเผลอๆเซอร์วิสถูกกว่าครับ รถยุโรปตอนนี้ถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 40,000-50,000 โล ส่วนรถญี่ปุ่น 10,000-20,000 โลครับ เคยคำนวณมาแล้วค่าบำรุงรักษาทั่วไปรถยุโรปถูกกว่าซะด้วยซ้ำ แต่อะไหล่บางชิ้นรถยุโรปแพงกว่าแต่ก็ไม่ได้เสียกันบ่อยๆ เครื่องยนต์ทน,อึด,ถึก วิ่ง7วันไม่ดับเครื่องได้ ขับสบายกว่ารถเก๋งซะอีก พวกรถทัวร์ช่วงเทศกาลวิ่งแบบนี้กันเป็นปกติครับ สังเกตดูรถทัวร์เดี๋ยวนี้แทบจะเป็นยุโรปล้วนๆแล้วครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 18:08:55
ที่ต่างเห็นแต่หัวลาก ยุโรป ยกล้อคู่หลังได้เวลาวิ่งรถเปล่า หัวลากญี่ปุ่นไม่เห็นมีครับ

หัวลากยุโรปส่วนมากจะเป็นรถเพลาท้ายมีระบบส่งกำลังแค่ล้อหลังคู่แรก ส่วนล้อหลังอีกคู่นึงนั้นไม่มีระบบขับเคลื่อนครับ เลยสามารถยกล้อขึ้นเก็บได้เค้าเรียกรถแบบนี้ว่า"สิบล้อเพลาเดียวยกเพลาได้" ส่วนรถญี่ปุ่นจะต่อระบบขับเคลื่อนทั้ง2เพลา ไม่สามารถยกล้อเก็บได้เค้าเรียกรถแบบนี้ว่า"สิบล้อเพลาคู่"ครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 19:24:24
รถหัวลาก ญี่ปุ่น / ยุโรป ราคาต่างกันน่าจะเกือบๆ 2 เท่าครับ

รถญี่ปุ่น (ยกเว้น UD เพราะใช้เครื่อง volvo ละ) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 20,000 กม.

รถยุโรป (volvo / scania / ud) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 50,000 กม.

ที่เคยดูตาราง MA เทียบกัน ในช่วง 200,000 กม. รถยุโรปยังแพงกว่าสักหน่อยนะครับ แต่ถ้าเอาค่าเสียโอกาสการวิ่งงาน เพราะเข้าศูนย์ทีก็มีครึ่งวัน มาคิด ก็จะกลายเป็นว่า ยุโรป ถูกกว่าครับ

พวกที่นิยมยุโรป จะเป็นพวกวิ่งสายไกล ส่งของไปลาว หรือ พวก Linfox ที่วิ่งงานให้ Lotus หรือ รถบรรทุกน้ำมัน น่ะครับ รถพวกนี้ต้องชัวร์ ต้องทน ต้องอึด ครับ แล้วก็พวกนี้ ครบกำหนด เค้าเปลี่ยนรถเลย

กลับกัน ... พอรถอายุเยอะขึ้น เอาว่า เกิน 5 ปีขึ้นไป ที่รถต้องเริ่มซ่อมแล้ว ยุโรปอะไหล่ส่วนมากเบิกศูนย์ หาข้างนอกไม่ค่อยมีครับ

ยกตัวอย่าง volvo ... คลัชท์หมด ยกคลัชท์ที กำเงินไว้เลย 1 แสนบาท  พัดลมไฟฟ้าพัง อีก 3 หมื่นกว่า ยังไม่รวมว่า รถมันฉลาดเกิน ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา ระบบสั่งล็อค ดับเครื่องทันที จอดตายมันตรงนั้นแหละ โทรเรียกศูนย์อย่างเดียวครับ เจอค่าบริการนอกสถานที่อีกต่างหาก

ในขณะที่ญี่ปุ่น พวก isuzu / hino ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ อะไหล่มีเป็นเข่ง อะไรแบบนี้น่ะครับ

พอดีที่บริษัทมี volvo อยู่คันนึง
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oryor ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 19:38:32
รถส่วนบุคคลน่าจะทำให้ทนๆเหมือนกับรถบรรทุกนะ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 19:44:07
รถหัวลาก ญี่ปุ่น / ยุโรป ราคาต่างกันน่าจะเกือบๆ 2 เท่าครับ

รถญี่ปุ่น (ยกเว้น UD เพราะใช้เครื่อง volvo ละ) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 20,000 กม.

รถยุโรป (volvo / scania / ud) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 50,000 กม.

ที่เคยดูตาราง MA เทียบกัน ในช่วง 200,000 กม. รถยุโรปยังแพงกว่าสักหน่อยนะครับ แต่ถ้าเอาค่าเสียโอกาสการวิ่งงาน เพราะเข้าศูนย์ทีก็มีครึ่งวัน มาคิด ก็จะกลายเป็นว่า ยุโรป ถูกกว่าครับ

พวกที่นิยมยุโรป จะเป็นพวกวิ่งสายไกล ส่งของไปลาว หรือ พวก Linfox ที่วิ่งงานให้ Lotus หรือ รถบรรทุกน้ำมัน น่ะครับ รถพวกนี้ต้องชัวร์ ต้องทน ต้องอึด ครับ แล้วก็พวกนี้ ครบกำหนด เค้าเปลี่ยนรถเลย

กลับกัน ... พอรถอายุเยอะขึ้น เอาว่า เกิน 5 ปีขึ้นไป ที่รถต้องเริ่มซ่อมแล้ว ยุโรปอะไหล่ส่วนมากเบิกศูนย์ หาข้างนอกไม่ค่อยมีครับ

ยกตัวอย่าง volvo ... คลัชท์หมด ยกคลัชท์ที กำเงินไว้เลย 1 แสนบาท  พัดลมไฟฟ้าพัง อีก 3 หมื่นกว่า ยังไม่รวมว่า รถมันฉลาดเกิน ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา ระบบสั่งล็อค ดับเครื่องทันที จอดตายมันตรงนั้นแหละ โทรเรียกศูนย์อย่างเดียวครับ เจอค่าบริการนอกสถานที่อีกต่างหาก

ในขณะที่ญี่ปุ่น พวก isuzu / hino ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ อะไหล่มีเป็นเข่ง อะไรแบบนี้น่ะครับ

พอดีที่บริษัทมี volvo อยู่คันนึง

หืม รถบรรทุก Volvo มันไม่มีพัดลมไฟฟ้านะครับ ใช้พัดลมหน้าเครื่องตัวเดียวเลย แล้วก็อะไหล่ Volvo&Scania มีร้านขายเยอะอยู่ครับมีทุกเกรดแบบรถญี่ปุ่นเลยจะแท้,เทียบ,เทียมมีหมด แต่อะไหล่ศูนย์มีล้างสต็อคทุกปีครับ บางชิ้นลดถึง 70% ก็มี ขั้นต่ำมี 30% พร้อมส่งถึงที่ไม่ต้องออกไปซื้อด้วย แล้วก็ถ้าคุณซื้อ Service package ไว้ราคาอะไหล่ได้ลดเพิ่มอีกครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: demo2 ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 20:20:06
รถหัวลาก ญี่ปุ่น / ยุโรป ราคาต่างกันน่าจะเกือบๆ 2 เท่าครับ

รถญี่ปุ่น (ยกเว้น UD เพราะใช้เครื่อง volvo ละ) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 20,000 กม.

รถยุโรป (volvo / scania / ud) ถ่ายน้ำมันเครื่อง / เช็คระยะ ทุก 50,000 กม.

ที่เคยดูตาราง MA เทียบกัน ในช่วง 200,000 กม. รถยุโรปยังแพงกว่าสักหน่อยนะครับ แต่ถ้าเอาค่าเสียโอกาสการวิ่งงาน เพราะเข้าศูนย์ทีก็มีครึ่งวัน มาคิด ก็จะกลายเป็นว่า ยุโรป ถูกกว่าครับ

พวกที่นิยมยุโรป จะเป็นพวกวิ่งสายไกล ส่งของไปลาว หรือ พวก Linfox ที่วิ่งงานให้ Lotus หรือ รถบรรทุกน้ำมัน น่ะครับ รถพวกนี้ต้องชัวร์ ต้องทน ต้องอึด ครับ แล้วก็พวกนี้ ครบกำหนด เค้าเปลี่ยนรถเลย

กลับกัน ... พอรถอายุเยอะขึ้น เอาว่า เกิน 5 ปีขึ้นไป ที่รถต้องเริ่มซ่อมแล้ว ยุโรปอะไหล่ส่วนมากเบิกศูนย์ หาข้างนอกไม่ค่อยมีครับ

ยกตัวอย่าง volvo ... คลัชท์หมด ยกคลัชท์ที กำเงินไว้เลย 1 แสนบาท  พัดลมไฟฟ้าพัง อีก 3 หมื่นกว่า ยังไม่รวมว่า รถมันฉลาดเกิน ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา ระบบสั่งล็อค ดับเครื่องทันที จอดตายมันตรงนั้นแหละ โทรเรียกศูนย์อย่างเดียวครับ เจอค่าบริการนอกสถานที่อีกต่างหาก

ในขณะที่ญี่ปุ่น พวก isuzu / hino ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ อะไหล่มีเป็นเข่ง อะไรแบบนี้น่ะครับ

พอดีที่บริษัทมี volvo อยู่คันนึง
โอ้ ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เยอะขึ้นเลยครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: locomotive ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:00:22
ตอบในฐานะคนที่ขับรถใหญ่มานะครับ ต่างกันคนละโลกครับ รถญี่ปุ่นขับจะเหนื่อยกว่าของยุโรปมาก ในทางเขา สูงๆ ยุโรปกินขาดครับ มีทั้ง ครูชคอลโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน ยังกะรถเก่งราคาแพงนะละ แถมระบบกันสะเถือนหัวเก๋งเป้นถุงลมไฟฟ้าปรับหนืดได้ แต่ค่าซ่อมยังไงๆ ญี่ปุ่นถูกกว่า เท่าครึ่ง หัวยุโรปที่เคยขับ มี Volvo FM กับ Scania G-SERIES เป้นรถหัวลากส่งเครื่องจักรโรงงาน ก่อนหน้านั้นเคยขับมาญี่ปุ่น Hino Isuzu Fuso UD ที่ขับๆมา ของญี่ปุ่นที่ไกล้เคียงยุโรปได้มีแค่ Hino700 ครับ เมืองไทยหายากครับ เป็นรถสั่งนำเข้า และที่สำคัญหัวลากยุโรปมีแต่เกียร์ Auto นะครับ เกียร์ปุ่มกดแบบ All New CR-V เลย อธิบายแค่นี้ รายละเอียดเยอะ อธิบายยังไงๆ ก็ ไม่หมดครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:19:30
ตอบในฐานะคนที่ขับรถใหญ่มานะครับ ต่างกันคนละโลกครับ รถญี่ปุ่นขับจะเหนื่อยกว่าของยุโรปมาก ในทางเขา สูงๆ ยุโรปกินขาดครับ มีทั้ง ครูชคอลโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน ยังกะรถเก่งราคาแพงนะละ แถมระบบกันสะเถือนหัวเก๋งเป้นถุงลมไฟฟ้าปรับหนืดได้ แต่ค่าซ่อมยังไงๆ ญี่ปุ่นถูกกว่า เท่าครึ่ง หัวยุโรปที่เคยขับ มี Volvo FM กับ Scania G-SERIES เป้นรถหัวลากส่งเครื่องจักรโรงงาน ก่อนหน้านั้นเคยขับมาญี่ปุ่น Hino Isuzu Fuso UD ที่ขับๆมา ของญี่ปุ่นที่ไกล้เคียงยุโรปได้มีแค่ Hino700 ครับ เมืองไทยหายากครับ เป็นรถสั่งนำเข้า และที่สำคัญหัวลากยุโรปมีแต่เกียร์ Auto นะครับ เกียร์ปุ่มกดแบบ All New CR-V เลย อธิบายแค่นี้ รายละเอียดเยอะ อธิบายยังไงๆ ก็ ไม่หมดครับ
Hino S700 ผมยังไม่ได้ลอง พวกกันบอกว่าไม่แพ้ยุโรปครับขึ้นแม่สอดวิ่งตัวปลิวแถมประหยัดกว่าตัว FM2Pอีก ขับสบายมากหัวเก๋งเป็นถุงลม,เบาะลมปรับโช็คได้เหมือนรถยุโรปเป๊ะ แต่ราคาเอาเรื่องครับ 3.6 ล้านพร้อมประกัน+ล้อมิเนียม ดีสุดหาได้แค่นี้ราคาพอๆกับ Scania P360,Volvo FM11 รุ่นเริ่มต้นเลย
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: locomotive ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:30:25
ตอบในฐานะคนที่ขับรถใหญ่มานะครับ ต่างกันคนละโลกครับ รถญี่ปุ่นขับจะเหนื่อยกว่าของยุโรปมาก ในทางเขา สูงๆ ยุโรปกินขาดครับ มีทั้ง ครูชคอลโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน ยังกะรถเก่งราคาแพงนะละ แถมระบบกันสะเถือนหัวเก๋งเป้นถุงลมไฟฟ้าปรับหนืดได้ แต่ค่าซ่อมยังไงๆ ญี่ปุ่นถูกกว่า เท่าครึ่ง หัวยุโรปที่เคยขับ มี Volvo FM กับ Scania G-SERIES เป้นรถหัวลากส่งเครื่องจักรโรงงาน ก่อนหน้านั้นเคยขับมาญี่ปุ่น Hino Isuzu Fuso UD ที่ขับๆมา ของญี่ปุ่นที่ไกล้เคียงยุโรปได้มีแค่ Hino700 ครับ เมืองไทยหายากครับ เป็นรถสั่งนำเข้า และที่สำคัญหัวลากยุโรปมีแต่เกียร์ Auto นะครับ เกียร์ปุ่มกดแบบ All New CR-V เลย อธิบายแค่นี้ รายละเอียดเยอะ อธิบายยังไงๆ ก็ ไม่หมดครับ
Hino S700 ผมยังไม่ได้ลอง พวกกันบอกว่าไม่แพ้ยุโรปครับขึ้นแม่สอดวิ่งตัวปลิวแถมประหยัดกว่าตัว FM2Pอีก ขับสบายมากหัวเก๋งเป็นถุงลม,เบาะลมปรับโช็คได้เหมือนรถยุโรปเป๊ะ แต่ราคาเอาเรื่องครับ 3.6 ล้านพร้อมประกัน+ล้อมิเนียม ดีสุดหาได้แค่นี้ราคาพอๆกับ Scania P360,Volvo FM11 รุ่นเริ่มต้นเลย

Hino700 ผมขับเอาเครื่องปั่นไฟไปส่งที่ ปอยเปด ครับ ความรู้สึกเหมือนขับ Scania นะครับแต่ยังมีกลิ่นอายรถญี่ปุ่นคือ พวงมาลัยยังขืนนิดๆ ซึ่งรถยุดรปพวงมาลัยจะสมุทมากกว่า แต่เป็นหัวลากที่แพงที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ที่ชอบที่สุดคือแอร์ไฟฟ้า Denso ของญี่ปุ่นแท้ๆ มีอ๊ดเตอร์มาให้ด้วย แอร์เย็นโคตรๆ ปรับ แอร์ ช้าย กลาง ขวา บริษัทผมเช่าซื้อมา 2 คันเอง แต่ตอนนี้โดนล้มแชมป์โดย UD Quester ครับ ใช้โครงสร้างจาก Volvo มาเลย เสียดายรูปผมเคยถ่ายตอนทำงานขับรถ ถ่ายเกือย 2000 ภาพ ในโทรศัพย์เก่า โดนโฟล์ลิฟ ที่บริษัทเหยียบซะพังป่นปี้หมด กู้คืนไม่ได้ ไม่งั้นมีภาพมาให้ดู
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eaton fuller ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:37:31
ผมใช้แต่รถยี่ปุ่นมาตลอด

ซ่อมง่าย ขายคล่อง เช่น ซื้อ Deca 360 มาใช้ 8 ปี ซื้อมารวมกระบะ 3.0 ล้าน ขายได้ 2.2 ล้าน


พรรคพวก ซื้อ สแกนเนีย 4.0 ใช้ 8 ปี กลัวค่าซ่อมบำรุง ขายได้ 0.8 ล้าน

น้ำมันรถยุโรป คุยว่ากินน้อย จริงครับ แต่ต้องคลานแทบตายวิ่งไม่เกิน 60 วิ่งเกินกว่านี้ก็กินพอๆกับรถยี่ปุ่น




แต่ที่ซื้อกัน เพราะ Image ดูน่าเชื่อถือและยิ่งใหญ่ ให้ความเชื่อมั่นกับผู้จ้าง
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 3aRtH ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:41:32
ขอพูดถึงเรื่องอะไหล่อย่างเดียวนะครับ พอดีบ้านผมขายอะไหล่รถบรรทุกอยู่ครับ ยุคก่อน UD ที่จะมาอยู่กับ Volvo อะไหล่ UD หลายๆชิ้นส่วนมากแพงกว่า Volvo ครับ หลังจากควบแล้วราคาอะไหล่ของ UD ลดลงมาพอสมควรรวมทั้ง Volvo ด้วยครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eaton fuller ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:44:14
Hino 700  เทคโนโลยีเครื่องยนต์ยังตามหลังยุโรปมาก

เครื่อง E13C ไม่รู้จูนมายังไง 13000 กินน้ำมันมากไป วอลโว่เอาหมด
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 21:52:43
Hino 700  เทคโนโลยีเครื่องยนต์ยังตามหลังยุโรปมาก

เครื่อง E13C ไม่รู้จูนมายังไง 13000 กินน้ำมันมากไป วอลโว่เอาหมด

E13C ท่อนล่างมันคือ K13C น่ะแหละครับ เพื่อนผมที่เคยเอามาเทสต์บอกว่าประหยัดกว่า FM2P แต่ยังประหยัดสู้ยุโรปไม่ได้เพราะมันเป็น2เพลานี่แหละ ผมดูช่วงล่างด้านหลังเป็นแหนบโค้งเหมือนรถยุโรปท่าทางจะนิ่มเอาเรื่องอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: demo2 ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 22:03:38
ตอบในฐานะคนที่ขับรถใหญ่มานะครับ ต่างกันคนละโลกครับ รถญี่ปุ่นขับจะเหนื่อยกว่าของยุโรปมาก ในทางเขา สูงๆ ยุโรปกินขาดครับ มีทั้ง ครูชคอลโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน ยังกะรถเก่งราคาแพงนะละ แถมระบบกันสะเถือนหัวเก๋งเป้นถุงลมไฟฟ้าปรับหนืดได้ แต่ค่าซ่อมยังไงๆ ญี่ปุ่นถูกกว่า เท่าครึ่ง หัวยุโรปที่เคยขับ มี Volvo FM กับ Scania G-SERIES เป้นรถหัวลากส่งเครื่องจักรโรงงาน ก่อนหน้านั้นเคยขับมาญี่ปุ่น Hino Isuzu Fuso UD ที่ขับๆมา ของญี่ปุ่นที่ไกล้เคียงยุโรปได้มีแค่ Hino700 ครับ เมืองไทยหายากครับ เป็นรถสั่งนำเข้า และที่สำคัญหัวลากยุโรปมีแต่เกียร์ Auto นะครับ เกียร์ปุ่มกดแบบ All New CR-V เลย อธิบายแค่นี้ รายละเอียดเยอะ อธิบายยังไงๆ ก็ ไม่หมดครับ
Hino S700 ผมยังไม่ได้ลอง พวกกันบอกว่าไม่แพ้ยุโรปครับขึ้นแม่สอดวิ่งตัวปลิวแถมประหยัดกว่าตัว FM2Pอีก ขับสบายมากหัวเก๋งเป็นถุงลม,เบาะลมปรับโช็คได้เหมือนรถยุโรปเป๊ะ แต่ราคาเอาเรื่องครับ 3.6 ล้านพร้อมประกัน+ล้อมิเนียม ดีสุดหาได้แค่นี้ราคาพอๆกับ Scania P360,Volvo FM11 รุ่นเริ่มต้นเลย

Hino700 ผมขับเอาเครื่องปั่นไฟไปส่งที่ ปอยเปด ครับ ความรู้สึกเหมือนขับ Scania นะครับแต่ยังมีกลิ่นอายรถญี่ปุ่นคือ พวงมาลัยยังขืนนิดๆ ซึ่งรถยุดรปพวงมาลัยจะสมุทมากกว่า แต่เป็นหัวลากที่แพงที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ที่ชอบที่สุดคือแอร์ไฟฟ้า Denso ของญี่ปุ่นแท้ๆ มีอ๊ดเตอร์มาให้ด้วย แอร์เย็นโคตรๆ ปรับ แอร์ ช้าย กลาง ขวา บริษัทผมเช่าซื้อมา 2 คันเอง แต่ตอนนี้โดนล้มแชมป์โดย UD Quester ครับ ใช้โครงสร้างจาก Volvo มาเลย เสียดายรูปผมเคยถ่ายตอนทำงานขับรถ ถ่ายเกือย 2000 ภาพ ในโทรศัพย์เก่า โดนโฟล์ลิฟ ที่บริษัทเหยียบซะพังป่นปี้หมด กู้คืนไม่ได้ ไม่งั้นมีภาพมาให้ดู

ขอบคุณมากครับสำหรับข่อมูล อยากมีโอกาสได้ขับหัวลากซักครั้ง เคยดูในยูทูปหัวลาก volvo แรงมากๆ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 29, 2017, 22:10:12
ตอบในฐานะคนที่ขับรถใหญ่มานะครับ ต่างกันคนละโลกครับ รถญี่ปุ่นขับจะเหนื่อยกว่าของยุโรปมาก ในทางเขา สูงๆ ยุโรปกินขาดครับ มีทั้ง ครูชคอลโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน ยังกะรถเก่งราคาแพงนะละ แถมระบบกันสะเถือนหัวเก๋งเป้นถุงลมไฟฟ้าปรับหนืดได้ แต่ค่าซ่อมยังไงๆ ญี่ปุ่นถูกกว่า เท่าครึ่ง หัวยุโรปที่เคยขับ มี Volvo FM กับ Scania G-SERIES เป้นรถหัวลากส่งเครื่องจักรโรงงาน ก่อนหน้านั้นเคยขับมาญี่ปุ่น Hino Isuzu Fuso UD ที่ขับๆมา ของญี่ปุ่นที่ไกล้เคียงยุโรปได้มีแค่ Hino700 ครับ เมืองไทยหายากครับ เป็นรถสั่งนำเข้า และที่สำคัญหัวลากยุโรปมีแต่เกียร์ Auto นะครับ เกียร์ปุ่มกดแบบ All New CR-V เลย อธิบายแค่นี้ รายละเอียดเยอะ อธิบายยังไงๆ ก็ ไม่หมดครับ
Hino S700 ผมยังไม่ได้ลอง พวกกันบอกว่าไม่แพ้ยุโรปครับขึ้นแม่สอดวิ่งตัวปลิวแถมประหยัดกว่าตัว FM2Pอีก ขับสบายมากหัวเก๋งเป็นถุงลม,เบาะลมปรับโช็คได้เหมือนรถยุโรปเป๊ะ แต่ราคาเอาเรื่องครับ 3.6 ล้านพร้อมประกัน+ล้อมิเนียม ดีสุดหาได้แค่นี้ราคาพอๆกับ Scania P360,Volvo FM11 รุ่นเริ่มต้นเลย

Hino700 ผมขับเอาเครื่องปั่นไฟไปส่งที่ ปอยเปด ครับ ความรู้สึกเหมือนขับ Scania นะครับแต่ยังมีกลิ่นอายรถญี่ปุ่นคือ พวงมาลัยยังขืนนิดๆ ซึ่งรถยุดรปพวงมาลัยจะสมุทมากกว่า แต่เป็นหัวลากที่แพงที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ที่ชอบที่สุดคือแอร์ไฟฟ้า Denso ของญี่ปุ่นแท้ๆ มีอ๊ดเตอร์มาให้ด้วย แอร์เย็นโคตรๆ ปรับ แอร์ ช้าย กลาง ขวา บริษัทผมเช่าซื้อมา 2 คันเอง แต่ตอนนี้โดนล้มแชมป์โดย UD Quester ครับ ใช้โครงสร้างจาก Volvo มาเลย เสียดายรูปผมเคยถ่ายตอนทำงานขับรถ ถ่ายเกือย 2000 ภาพ ในโทรศัพย์เก่า โดนโฟล์ลิฟ ที่บริษัทเหยียบซะพังป่นปี้หมด กู้คืนไม่ได้ ไม่งั้นมีภาพมาให้ดู

ขอบคุณมากครับสำหรับข่อมูล อยากมีโอกาสได้ขับหัวลากซักครั้ง เคยดูในยูทูปหัวลาก volvo แรงมากๆ

ถ้าตัวเกียร์ AMT ขับง่ายเหมือนรถเก๋งเลยครับ แถมนิ่มนั่งสบายสุดๆอีกต่างหาก ถ้าขับคล่องแล้วลงเขาใช้แค่เปลี่ยนเกียร์ช่วยกับโยกรีทาร์เดอร์ก็ชิวๆเบรคเท้าไม่แตะยังได้เลยครับ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eaton fuller ที่ กรกฎาคม 30, 2017, 11:39:28
Hino 700  เทคโนโลยีเครื่องยนต์ยังตามหลังยุโรปมาก

เครื่อง E13C ไม่รู้จูนมายังไง 13000 กินน้ำมันมากไป วอลโว่เอาหมด

E13C ท่อนล่างมันคือ K13C น่ะแหละครับ เพื่อนผมที่เคยเอามาเทสต์บอกว่าประหยัดกว่า FM2P แต่ยังประหยัดสู้ยุโรปไม่ได้เพราะมันเป็น2เพลานี่แหละ ผมดูช่วงล่างด้านหลังเป็นแหนบโค้งเหมือนรถยุโรปท่าทางจะนิ่มเอาเรื่องอยู่ครับ


E13c กับ K13c   cc เท่ากัน แต่ E13 ใช้ปลอกแห้งแล้ว

เทคโนโลยีจึงต่างกัน มาก   

น่าจะ K13C ท่อนล่างเหมือน K13D หรือ EK100 มากกว่า


E13 ยังไงก็กินกว่า P11 ของ 2P แน่นอน   ต่างกันตั้ง 2000 cc 

แต่ถ้างานขึ้นเขาไปจีน-AEC    ถ้าเลือกได้ก็เอา 700 E13
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NS ที่ กรกฎาคม 30, 2017, 13:54:26
เท่าที่ได้คุยกับเจ้าของรถหลายๆคน พูดคล้ายๆกัน รถยุโรป แรงดี ประหยัด ทนทานมาก ราคาอะไหล่แพงกว่าญี่ปุ่น แต่ไม่ได้แพงเกินมาก แต่ราคารถมันแพงกว่าญี่ปุ่นพอควร
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กรกฎาคม 30, 2017, 22:43:12
เคยคุยกับเจ้าของอู่รถบรรทุก และแกก็ขับเองด้วย คือถ้ามีเงิน ซื้อ volvo แน่นอน แต่ก่อนแกเคยใช้ isuzu hino พอเริ่มมีเงิน ก็ขับ volvo หลังๆ ต้องการรถมากขึ้น เน้นจำนวน เลยไปออก isuzu มา แกบอกว่า ยังไงก็สู้ volvo ไม่ได้ การขับขี่ ความแรง ความสบาย ต่างกันเยอะ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: recycleman ที่ กรกฎาคม 31, 2017, 00:33:58
ส่วนใหญ่ผมก็ขับแต่ญี่ปุ่นเป็นหลักครับ แต่โดยส่วนตัวผมว่าพวกรถญี่ปุ่นถ้ามันเป็นสเปคญี่ปุ่นเลยเนี่ยไม่น่าจะต่างไรกับยุโรปมากหรอกครับ

พอมันมาเป็นสเปคไทยปุ๊บ มันจะเหมือนรถคนละคันกันไปเลย จะมีก็เพียงหน้าตาที่เหมือนกันกัน แต่ระบบโดยรวมต่างกันโดยสิ้นเชิง

ผมเคยลองพวกโปรเฟียกับจิก้า พวกนี้จัดว่าเด็ดใช้ได้ ระบบช่วยเหลือเพียบพร้อม ระบบไฟฟ้าต่างๆมาแบบจัดเต็ม ช่วงล่างนุ่มหนึบมากโยนโค้งแรงๆมั่นใจกว่าพวกเดกก้ารึว่า500ชัดเจน (แต่พอเข้าใจน่ะว่ารถมันคนละเซคเม้นกัน)

เอาง่ายๆแค่หน้าปัดก็คนละเรื่องกันแล้วครับ สเปคญี่ปุ่นนี่มีจอinfoบอกค่าต่างๆแบบละเอียดยิบ พอมาสเปคไทยมาเป็นแค่มาตรวัดแรงดันลมเบรค แค่นั้น

ผมเข้าใจแหละว่ารถบรรทุกในไทยยังคงเอาใจ"คนซื้อ"มากกว่า"คนขับ" เพราะคนซื้อคือเถ้าแก่เจ้าของกิจการที่ไม่อยากจ่ายแพงให้กับระบบอะไรที่ไม่จำเป็นเน้นลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ทนไม้ทนมือไม่ยุ่งยากไม่จุกจิก

รถบรรทุกสเปคไทยจึงมาโล้นๆมีแค่ของที่จำเป็น ความสะดวกสบายไม่ต้องพูดถึง adblue ไม่ต้องมีไม่จำเป็น ระบบไฟฟ้ายิ่งน้อยยิ่งดี

แต่ผมละอยากจะให้ค่ายรถบรรทุกในไทยเขารู้บ้างจังว่าก็มีไม่น้อยน่ะครับที่คนซื้อรถพวกนี้ก็ซื้อเองใช้เอง อยากให้มีออฟชั่นเด็ดๆแบบเมืองนอกมาบ้าง บางคนแทบจะต้องกินนอนอาศัยกับบนรถก็มีไม่น้อย

น่าจะมีตัวเลือกเสริมออฟชั่นเพิ่มของเล่นมาจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ด้วยจริงๆ
หัวข้อ: Re: รถบรรทุกยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nouiii1 ที่ กรกฎาคม 31, 2017, 18:41:07
ว้าว คอ บรรทุก ข้อมูลเน้นๆ มาเต็มมๆๆ 8)