Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: JONNY ที่ สิงหาคม 25, 2017, 12:21:12
-
อนาคต 5-10 ข้างหน้าถ้ารัฐส่งเสริม ธุรกิจประเภทนี้ให้ครอบคลุม ถูกต้อง และยอมรับ เรียกรถได้ สะดวกขึ้น ไม่ต้องเดินออกไป โบกรถ ตากแดดตากฝน คงไม่จำเป็นต้องซื้อรถ ชีวิตคนเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์คงยอดลดลง คงส่งผลกับแรงงานใน อนาคตแน่ เพื่อนๆคิดว่าไงครับ
-
ยากครับ ตามตจว. ลำบากครับ
ถ้าแค่ในกทม. ก็มีแท็กซี่เรียกได้เป็นสิบปีแล้ว ไม่ได้ทำให้คนซื้อรถน้อยลง
-
หมายถึงรถรับจ้างหรือรถ Taxi ในแบบที่ควรจะเป็น
- เรียกให้มารับ-มาส่ง กี่โมงก็ได้
- ไปทุกที่ไม่มีปฎิเสธ ไม่มีเงื่อนไข
- ปลอดภัย มั่นใจได้
- มีความส่วนตัวในระดับหนึ่ง เกิดจะอยากไปกันสองต่อสอง
- สะดวกสบาย หรูหรา ตามระดับที่เรียก (หรือถ้าจู่ๆอยากนั่งรถแต่งซิ่งก็มีให้เรียกได้)
- ราคาคาดเดาได้ คำนวณค่าใช้จ่ายได้ เหมือนกับที่เราขับรถและเติมน้ำมันเอง
- ไม่ต้อง Maintainance เพราะไม่ใช่รถตัวเอง
ถ้าทำได้แบบนี้หมด ก็คงมาแทนที่การซื้อรถขับรถเองได้ครับ
-
รถ Taxi ยังมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงครับ
ผมมองว่า คนจะใช้รถน้อยลง เมื่อ รถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ครอบคลุม และ ค่าบริการไม่แพงมากกว่าครับ
-
ทิศทางที่ควรเป็นและเหมาะสมคือขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ดูง่ายๆ ประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่เค้ามาทางนั้น
แต่บ้านเราบิดเบือนมานาน กว่าจะกลับมาต้องใช้เวลา และความอดทนเอาการ แต่อีกไม่นานครับ จะได้ใช้ๆ กันแล้ว
ปล. เรื่องรถแนวนั้น เลิกคิดไปเลย มนุษย์เป้นตัวแปรที่คุมยากที่สุด เลี่ยงได้เลี่ยง มีความเสี่ยงมากว่าเครื่องจักรมากมาย
-
ถ้าบริการเรียกรถ อย่างเดียว ผมคิดว่า ไม่มีผลอย่างเป็นนัยสำคัญครับ
การตัดสินใจซื้อรถ กับ การเลือกวิธีการเดินทาง (ขับเอง/Taxi/รถไฟฟ้า/บริการต่างๆ) เหตุผลประกอบมันคนละอย่างกันนะครับ
-
นั่งอูเบอร์ก็ยังรู้สึกว่าเป้นรถคนอื่นจะทำอะไรก็เกรงใจเจ้าของรถ เช่น ซื้อกับข้าวกลิ่นแรง หรือทุเรียน
ไม่น่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถ
แถมราคาค่าแท๊กซี่ออนไลน์ก็ไม่ได้ถูก รวมๆน่าจะผ่อนรถอีโคคาร์ได้ ถ้าใช้ทุกวัน
-
เป็นไปไม่ได้
เชื่อว่าเรียกรถออนไลน์แทบจะไม่ effect เลย ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพงต่อให้เป็น taxi บ้านๆโบกมือเรียกไปทุกที่ไม่งอแง ก็แพงกว่าผ่อนรถตัวล่างแน่นอน ใช้แอปเรียกไม่ต้องพูดถึง แพงกว่าเห็นๆ
การคมนาคมสาธารณะน่าจะช่วยได้เล็กน้อย แต่ 5-10 ปีไม่น่าจะช่วยได้มากมันต้องขยายเมืองไปไกลมากๆจน คนบ้านไกลไม่ต้องขับรถมา ถึงวันนั้นคนคงซื้อรถน้อยลง
แต่ในเมืองก็คงติดเหมือนเดิม
-
ไม่ต้องใช้ 4 g เรียกออนไลน์
อาอี๊ผมก็มีเบอร์เรียกแท๊กซี่ เขียวเหลือ และ innova
ประมาณ 20 คันได้มั๊งครับ
ก็เห็นรถยังติดเหมือนเดิม
-
มีแค่ส่วนน้อยครับ แต่คนรู้จักผมหลายคนที่ทำงานในเมืองและเดินทางไม่ไกลก็เรียกบริการพวกนี้ตลอด ตัวผมปัจจุบันแทบจะไม่ขับรถเข้าไปในเมืองแล้วครับ กดเรียกรถมารับตลอด
-
ผมว่ามีส่วน แต่น้อยมากครับ
ที่น่าจะส่งผลเยอะคือรถไฟฟ้า ถ้าไปได้ทั่วถึงอย่างรวดเร็วและราคาถูกจะทำให้น่าสนใจกว่าซื้อรถ นึกภาพคนแน่นรถไฟแบบอัดเป็นปลากระป๋องเวลาเร่งด่วนได้เลย เผลอๆอาจต้องใช้เจ้าหน้าที่ดันคนเข้ารถไฟแบบญี่ปุ่นก็เป็นได้ ควรมีมาตรการเพิ่มจำนวนรถไฟที่วิ่งเพื่อรองรับจำนวนคนในช่วงเวลาดังกล่าว
ข้อดีคือไม่ต้องหาที่จอด ไม่ต้องติดไฟแดง เดินทางสะดวกและรวดเร็ว ราคาถูก
ข้อเสียคือคนแน่น โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน และถ้าต้องแบกของเยอะๆจะลำบาก อีกข้อที่รู้คือถ้าเป็นที่ญี่ปุ่น พวกเมาแล้วอ้วกบนรถไฟเจอได้เป็นเรื่องปกติ :'(
-
ผมใช้รถน้อยลงเพราะ uber นะ
-
ถ้าเอาเฉพาะเรื่องเรียกรถนะครับ ..
ปกติผมก็ไม่เคยไปยืนเรียกอยู่แล้ว โทรไปให้ รปภ. เรียกให้ ซึ่งคันที่ขับมาหน้าบ้าน ก็คือคันที่จะไปแน่ ๆ ล่ะ
มันน่าจะสำหรับคนในเมืองชั้นใน ถึงจะเห็นผลนะครับ ที่จอดรถไม่มี ขับรถเองก็ติดมาก
แต่ ๆ ๆ ๆ ราคา จะเป็นตัวชี้วัด ถ้า แท๊กซี่ ราคานี้ ยังไงขึ้นแท๊กซี่ ทุก ๆ การเดินทางยังไงก็ไม่คุ้มอะครับ
-
ผมว่ามันทำคน"ใช้"รถน้อยลง แต่ไม่น่าจะมีผลให้คน"ซื้อ"รถน้อยลง
-
มีรถติดไว้สักคันก็ดีกว่าถ้าพอซื้อไหว
-
เชื่อว่า กทม. ซื้อน้อยลงแน่
-
อาจจะมีเรื่องของการลดการใช้ลงด้วยเหตุผลต่างๆ ของแต่ละบุคคลครับ แต่เรื่องซื้อส่วนตัวคิดว่าถ้ามีไว้สักคัน จะเล็กจะใหญ่ก้อน่าจะดีกว่า เช่นเคสที่รอเรียกรถไม่ไหว :-X
-
ถ้าทำได้ เอาเป็นเรียกแล้วมารับ
แล้วเเท๊กซี่ไม่มีคน ไม่ต้องวิ่งหาผู้โดยสาร น่าจะดี
แก้ได้ทั้งรถติด เปลืองพลังงาน ปฏิเสธผู้โดยสาร สกรีนคนขับ ทำให้ความปลอดภัยผู้โดยสารมีมากขึ้น
แต่คงติดที่ ราคาค่าโดยสารคงต้องแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ตัวรถขายได้น้อยลง มันคงเป็นไปได้ยาก หรือ เป็นไปไม่ได้ อยู่ดี บ้านเรามันมีมือที่มองไม่เห็นเยอะ
-
น้อยลง แต่คงน้อยลงไม่มาก เพราะรถยังเป็นหน้าเป็นตา เป็นการแสดงสถานะในสังคม