Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ภูมิใจไหม? ที่ กันยายน 02, 2017, 16:06:21
-
เป็น isuzu spark เกียร์ธรรมดาครับ ที่ผมพยายามทำอยู่ก็มีดังนี้ครับ
1. เหยียบคันเร่งน้อย ๆ ค่อย ๆ เหยียบเหมือนมันเป็นไข่ไก่
2. เปลี่ยนเกียร์ให้เร็ว เหยียบ และยกคลัทซ์ให้เร็ว ไม่ให้รอบตก
3. ใช้รอบต่ำ อย่าให้เกิน 2500 รอบ ซึ่งเมื่ออยู่ที่เกียร์ 5 จะได้ความเร็วประมาณ 80 - 90 กำลังดีเลยครับ
4. ก่อนเบรคให้เข้าเกียร์ว่างให้รถไหล ๆ
ใครมีทิปเด็ด ๆ อย่าเก็บไว้ โปรดแนะนำผมบ้างครับ
และที่ข้องใจคือ
1. ที่ความเร็ว 80 เข้าเกียร์ว่าง เกียร์จะพังไหมครับ?
2. ระหว่างที่เหยียบคลัช ภาระเครื่องยนต์จะเหมือนเข้าเกียร์ว่างหรือเปล่า ง่าย ๆ คือ เหยียบคลัชไว้จะประหยัดหรือเปล่าครับ?
ขอบคุณครับ
-
ใช้วอร์คกิ้งสปีดคงไม่ส่งผลเสียต่อเกียร์ครับ ผมทำประจำตอนขับกระบะเกียร์ธรรมดาตั้งแต่ของพ่อจนถึงของตัวเองตนนี้ยังไม่เห็นมันเป็นอะไรนะ
-
ทุกอย่างใช้ได้แล้วครับ
ยกเว้น ข้อ 4 คือ ก่อนเบรคให้เข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยรถไหล << อันนี้ไม่เห็นผลครับ ผมเคยลองแล้ว <<<
ผมลองกับรถบริษัท เป็นวีโก้ตัว G มีจอ MID บอกตรงกลาง จะเข้าเกียร์เกียร์ว่างปล่อยไหล หรือ ไม่ว่าอยู่ในเกียร์ไหนก็ตาม แค่ถอนคันเร่งหน้าจอก็ขึ้น 99.99 ซึ่งทั้งหมดมีค่าเท่ากัน เพราะปั้มก็หยุดจ่ายน้ำมันไปแล้ว
1. 80 เข้าเกียร์ว่าง ไม่พังแน่นอนครับ แต่ไม่ควร เพราะความเร็วยังสูงอยู่ ยิ่งรถมีน้ำหนักบรรทุกไม่ควรทำ เพราะเบรคจะรับภาระมาก
2. ไม่ต้องเหยียบครับ รอจนความเร็วรถเริ่มต่ำลง แล้วค่อยเหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ว่างจะดีกว่า เหยียบไปก็เลียคลัทช์เปล่าๆ
และที่สำคัญ พยายามเปลื่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ + ทำความสะอาดหรือเปลื่ยนไส้กรองอากาศบ่อยๆ ก็ยิ่งช่วยให้ประหยัดครับ
-
ขอแชร์ประสบการณ์ของผมนิดหน่อยครับ
1.เปลี่ยนเกียร์ที่รอบประมาณ1800- 2000
2.ค่อยๆเร่งความเร็ว ไม่กระชาก
3.ปลดเกียร์ว่างปล่อยไหลเข้าไฟแดง(อันนี้ผมก็ทำประจำ แต่ไม่ทำตอนลงทางชัน)
4.ใช้ความเร็ว ให้รอบไม่เกิน 2000(ซึ่งรถผมรอบ 2000 จะวิ่งได้ประมาณ 95 กม.ต่อชั่วโมง)
5.เติมลงให้แข็งหน่อย(ของผมดีแม็กแค็ปตัวเตี้ยเติม 41 ทุกล้อ)
..ซึ่งผมขับไปกลับที่ทำงานวันละ 90 กม.ผมจับอัตราสิ้นเปลืองแบบเติมเต็มถัง(หัวจ่ายตัด ไม่เขย่า) ได้เฉลี่ย 17 หน่อยๆ ไม่เคยต่ำกว่านี้ แต่ผมวิ่งรถเปล่านะครับ ..ส่วนที่คุณข้องใจ ผมว่า
1.ผมวิ่งมาสองแสนโล หน่อยๆก็ทำมาตลอด คือมันยังไม่มีอาการจะพังเลย แต่ผมว่ารถหนักไม่น่าทำนะครับเพราะภาระเบรคจะมากขึ้นอาจทำให้เบรคสึกเร็วเพราะไม่มีแรงฉุดเครื่องช่วย
2.ผมเข้าใจว่าถ้าเหยียบคลัชท์ค้างไว้ มันก็คือการเลียคลัชท์ทำให้คลัชท์สึกเร็วขึ้น
-
4.ก่อนไฟแดงให้เข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยไหม
ข้อนี้ไม่เห็นด้วยครับ อันตราย + เปลืองผ้าเบรคหมดไวขึ้นครับ
-
อย่าขับจี้ตูดคนอื่นแบบพวกกระบะบ้าพลังยังไงก็ประหยัดครับ
-
เทคนิคการขับตามความเห็นข้างบน
เพิ่มเติม
เป่ากรองอากาศบ่อยๆ
เช็คลมยาง
เรียงของอย่าให้หนักหน้ามากนัก
-
พวกรถที่เป็นหัวฉีด ขณะที่ขับอยู่ในเกียร์แล้วเรายกคันเร่ง จังหวะนี้"หัวฉีดจะตัดการทำงานทันที" เรียกจังหวะนี้ว่า Engine brake
เครื่องจะหมุนอยู่เพราะแรงเฉือยจากล้ออย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหัวฉีดจะทำงานอีกที ก็ต่อเมื่อ
1. เราเหยียบคันเร่ง
2. รอบตกมาอยู่ในจุดของรอบเดินเบา (ประมาณ 800 rpm ลงมา)
หากท่านเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลหรือเข้าเกียร์ว่างแล้วไหลก็แล้วแต่ ก็จะทำให้เครื่องตกมาอยู่ในรอบเดินเบา
ก็เท่ากับว่าท่านไปทำให้หัวฉีดมันฉีดในจังหวะที่มันไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะท่านกำลังต้องการชลอความเร็ว...
ก็เท่ากับกินน้ำมันกว่าปล่อยให้มันเป็นจังหวะ Engine brake นั่นเองครับ
แถมทำให้รถเบรคยากขึ้นด้วยครับ เพิ่มความอันตรายเข้าไปอีก และก็แน่นอนครับ ทำให้เปลืองผ้าเบรคขึ้นด้วย
แล้วยังมีในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้งหมดก็จะอายุสั้นลงกว่าเดิม โดยเฉพาะชุดคลัทต์
เพราะในคนขับรถประเภทชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล จะมีการตัดต่อกำลัง(เหยียบ+ปล่อยคลัตช์) มากกว่าคนที่ขับถูกวิธีปกติครับ
การสึกหรอย่อมเกิดมากกว่าตามไปด้วย แถมเครื่องยนต์ยังต้องมีการถูกทำให้รอบตกอย่างรวดเร็ว(เหยียบคลัตช์ตอนวิ่งด้วยรอบสูง)
และกระชากขึ้นไปใหม่(ปล่อยคลัตช์ในขณะที่เครื่องเดินเบาอยู่ แล้วรถวิ่งเข้าเกียร์อยู่) อาจไม่ดีกับเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ด้วย
ณ ตรงจุดนี้ ถ้าเป็นคนขับที่ชำนาญ เค้าก็จะทำ Rev matching เป็นการแก้ปัญหาการกระชากในจังหวะนี้
ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกิดการสึกหรอ หรือ เกิดก็น้อยที่สุดครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถเกียร์ธรรมดาตามท้องถนนบ้านๆ
มีมากกว่า 80% ครับ ที่ไม่เคยทำหรือแทบจะไม่ทำ Rev matching (โดยเฉพาะจังหวะที่เชนเกียร์ลง)
สรุป การเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลในขณะที่รถวิ่ง (หรือเข้าเกียร์ว่างปล่อยไหลก็มีค่าเท่ากัน)
ผมแทบไม่เห็นข้อดีสักข้อเลยครับ ไม่สิ มันไม่มีข้อดีเลยนะครับ
หรือถ้ามี รบกวนกูรูช่วยบอกผมหน่อยน่ะครับ ผมก็อาจผิดพลาดได้ครับ ขอบคุณครับ ;)
-
เทคนิคการขับตามความเห็นข้างบน
เพิ่มเติม
เป่ากรองอากาศบ่อยๆ
เช็คลมยาง
เรียงของอย่าให้หนักหน้ามากนัก
เห็นด้วยอันนี้ครับ
-
พวกรถที่เป็นหัวฉีด ขณะที่ขับอยู่ในเกียร์แล้วเรายกคันเร่ง จังหวะนี้"หัวฉีดจะตัดการทำงานทันที" เรียกจังหวะนี้ว่า Engine brake
เครื่องจะหมุนอยู่เพราะแรงเฉือยจากล้ออย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหัวฉีดจะทำงานอีกที ก็ต่อเมื่อ
1. เราเหยียบคันเร่ง
2. รอบตกมาอยู่ในจุดของรอบเดินเบา (ประมาณ 800 rpm ลงมา)
หากท่านเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลหรือเข้าเกียร์ว่างแล้วไหลก็แล้วแต่ ก็จะทำให้เครื่องตกมาอยู่ในรอบเดินเบา
ก็เท่ากับว่าท่านไปทำให้หัวฉีดมันฉีดในจังหวะที่มันไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะท่านกำลังต้องการชลอความเร็ว...
ก็เท่ากับกินน้ำมันกว่าปล่อยให้มันเป็นจังหวะ Engine brake นั่นเองครับ
แถมทำให้รถเบรคยากขึ้นด้วยครับ เพิ่มความอันตรายเข้าไปอีก และก็แน่นอนครับ ทำให้เปลืองผ้าเบรคขึ้นด้วย
แล้วยังมีในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้งหมดก็จะอายุสั้นลงกว่าเดิม โดยเฉพาะชุดคลัทต์
เพราะในคนขับรถประเภทชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล จะมีการตัดต่อกำลัง(เหยียบ+ปล่อยคลัตช์) มากกว่าคนที่ขับถูกวิธีปกติครับ
การสึกหรอย่อมเกิดมากกว่าตามไปด้วย แถมเครื่องยนต์ยังต้องมีการถูกทำให้รอบตกอย่างรวดเร็ว(เหยียบคลัตช์ตอนวิ่งด้วยรอบสูง)
และกระชากขึ้นไปใหม่(ปล่อยคลัตช์ในขณะที่เครื่องเดินเบาอยู่ แล้วรถวิ่งเข้าเกียร์อยู่) อาจไม่ดีกับเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ด้วย
ณ ตรงจุดนี้ ถ้าเป็นคนขับที่ชำนาญ เค้าก็จะทำ Rev matching เป็นการแก้ปัญหาการกระชากในจังหวะนี้
ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกิดการสึกหรอ หรือ เกิดก็น้อยที่สุดครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถเกียร์ธรรมดาตามท้องถนนบ้านๆ
มีมากกว่า 80% ครับ ที่ไม่เคยทำหรือแทบจะไม่ทำ Rev matching (โดยเฉพาะจังหวะที่เชนเกียร์ลง)
สรุป การเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลในขณะที่รถวิ่ง (หรือเข้าเกียร์ว่างปล่อยไหลก็มีค่าเท่ากัน)
ผมแทบไม่เห็นข้อดีสักข้อเลยครับ ไม่สิ มันไม่มีข้อดีเลยนะครับ
หรือถ้ามี รบกวนกูรูช่วยบอกผมหน่อยน่ะครับ ผมก็อาจผิดพลาดได้ครับ ขอบคุณครับ ;)
ขอบคุณครับ เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้เลยจริง ๆ
แต่ rev matching ก็ทำอยู่นะครับ กับรถอีกคันหนึ่ง ซึ่งขับอีกแบบนึงครับ
-
ไม่ขับแบบพวกกระบะซิ่งวิ่งสถุลก็ประหยัดขึ้นแค่ไหนในตัวมันเองอยู่แล้วครับ
ที่สำคัญอย่า coast ด้วยเกียร์ว่าง
-
ไม่ขับแบบพวกกระบะซิ่งวิ่งสถุลก็ประหยัดขึ้นแค่ไหนในตัวมันเองอยู่แล้วครับ
ที่สำคัญอย่า coast ด้วยเกียร์ว่าง
ขอบคุณที่ตอบกระทู้นะครับ
รถผมเป็นรถที่ปฏิวัติรถกระบะส่งของเลย
มีคอกที่สูงไม่เลยหลังคา ไม่ยื่นออกด้านข้าง ทาสีเดียวกับตัวรถ
มีลิฟท์ยกของที่ท้ายรถ เสริมแหนบไปแล้ว
และให้วิศวะเซนต์รับรอง มีใบรับรอง และลงรายละเอียดในเล่มเรียบร้อยครับ
ยุ่งยากมาก เสียเวลาเป็นวันสองวัน แต่ผมก็พยายามทำครับ
ตำหนวดจะได้ไม่กวนใจ และสบายใจคนขับด้วยครับ
ผมพยายามบอกลูกน้องให้ขับรถดี ๆ และถ้าผมขับเองก็จะขับเรียบร้อยมาก
แต่พอตกดึก ก็จะเอารถซิ่งออก ปลดปล่อยผีบ้าในตัว 5555