Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: cipher ที่ กันยายน 16, 2017, 14:16:22
-
คือเอารถไปเช็คที่ศุนย์มาครับ ซึ่งทุกครั้งศูนย์ก็จะเสนอน้ำยาล้างเครื่องพวกนี้ให้ ทีนี้ผมเคยหาข้อมูลดูเห็นบางท่านว่ามันไม่จำเป็น ในคู่มือก็ไม่ได้บอก รถเก่าวิ่งมาเป็นแสนโลบางคันไม่เคยใช้น้ำยาพวกนี้แค่ดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะดีๆ ก็ยังวิ่งได้ปกติไม่เป็นไร
ช่างบางคนถึงขั้นบอกว่าทำมากๆ หรือใช้ไปก็ไม่ดีต่อเครื่องเพราะนอกจากกัดคราบเขม่าแล้วมันยังมีฤทธิ์กัดกร่อนส่วนอื่นๆ ด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันถึงขั้นนั้นเลยจริงมั้ย
ซึ่งรถผมเองก็ 4 ปี วิ่งมา 90,000 โลแล้ว ไม่เคยใช้เลย ก็ยังวิ่งได้ปกติดีไม่มีปัญหา เลยสงสัยจริงๆ ว่าน้ำมันหรือน้ำยาพวกนี้มันจำเป็นจริงๆ แค่ไหน แล้วข้อดีข้อเสียของมันนี่ยังไงบ้าง ไม่นับกรณีน้ำยา Max มโน ของคุณ Cloud Flying-Dragon นะครับ อันนั้นมันมโนจริง
-
เคยอ่านเจอมาประมาณว่า มันเป็นตัวทำละลาย ชะล้าง แล้วพอเอาเข้าไปในระบบ ตอนถ่ายออก ถ่ายยังไงก็ไม่เกลี้ยงแน่นอน
พอเติมน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไป มันก็ผสมกัน ทำให้หล่อลื่นได้แย่ลงอีก ประมาณนั้นครับ
บางคนก็บอกว่า นานๆทำทีก็พอได้ สักแสนโลค่อยทำ แต่อย่าทำบ่อยๆ ไม่ดีกับเครื่องครับ
ถ้าใช้ ผมว่าครั้งต่อไป ควรเปลี่ยนถ่ายเร็วขึ้นครับ
-
ผมว่าไม่จำเป็นครับ สารชะล้างในน้ำมันเครื่องก็พอแล้วครับ
ผลเสียคือเสียตังค์ อันนี้แน่นอน
-
น้ำยาล้างเครื่องเกิดในอเมริกายุคก่อน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดูแลรถ และน้ำมันเครื่องยุคคนั้นใช้ไปนานๆจะเป็นคราบโคลน แถมใช้เกินระยะลืมถ่ายไปก็มี
น้ำยาพวกนี้เหมาะกับการชะล้างคราบสกปรกในเครื่องครับ ฤทธิ์ค่อนข้างแรง
แต่ยุคนี้น้ำมันเครื่องพัฒนาไปไกลมากกว่าความต้องการของเครื่อง และมลภาวะจากเครื่องน้อยลงมากจนแทบไม่เหลือ ความสกปรกในตัวเครื่องจึงไม่ค่อยมี
ถ้าอยากให้เครื่องสะอาด แค่เปลื่ยนถ่ายน้ำมัน + ไส้กรองก่อน หรือ ตรงเวลา ก็เพียงพอแล้วครับ
---------------
ยุคก่อนถ้าอยากให้เครื่องสะอาด หลังถ่ายน้ำมันเก่าออก ผมจะเติมน้ำเครื่องเกรดเดี่ยวเบอร์ SAE-30 ลงไป ติดเครื่องค้างไว้ 15 นาที (ไม่ต้องเร่งเครื่อง)
จากนั้นถ่ายทิ้งแล้วเปลื่ยนกรองน้ำมันเครื่องใหม่ แล้วเติมน้ำมันเครื่องที่เราต้องการ แค่นี้เครื่องก็สะอาดเอี่ยมแล้วครับ
-
ผมว่าอยู่ที่น้ำมันเครื่องที่ใช้ ระยะเวลาเปลี่ยนถ่าย แล้วก็ลักษณะการขับครับ
ถ้าใช้เกรดกึ่งสังเคราะห์และเปลี่ยนที่10,000กม. ฟลัชบ้างก็ดี สัก 4-50,000 ครั้งก็ได้
ถ้าเกรดสังเคราะห์แท้เปลี่ยนทุก 10,000 กม.ก็อาจจะสัก 80,000-1แสนกม.ครั้ง
ถ้าเท้าหนักลากรอบบ่อย สัก 3-40,000 กม.สักครั้งก็ดีนะ
-
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง+กรอง ตามระยะ เพียงพอแล้วครับ
-
การฟลัชที่ถูกต้องคือหลังจากที่ถ่ายฟลัชชิ่งออยล์ออกแล้วต้องใส่น้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปล้างฟลัชชิ่งออยล์อีก 3-4 ลิตร สตาร์ทเครื่องทิ้งไว้สักสิบนาทีแล้วถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ทิ้ง หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องอันใหม่แล้วค่อยเติมน้ำมันเครื่องที่จะใช้งานจริงลงไป
น้ำมันเครื่องยังไงก็สู้ฟลัชชิ่งออยล์ไม่ได้ ถ้าเคยลองทำจะรู้ว่ามันมีประโยชน์ เสียงเครื่องนุ่มนวล เครื่องเดินเรียบกว่าเดิม ขนาดระยะเวลา 3 เดือนผมถ่ายน้ำมันเครื่อง 3 รอบ ใช้ 0W-20 ของ Havoline และ PTT วิ่งสองพันกว่าโล ฟลัชออกมายังดำเลย น้ำมันเครื่องไม่มีทางเทียบได้หรอกครับ คือมันก็สะอาดประมาณนึง
คือถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะผลิตออกมาทำไมให้ขายไม่ออก เพราะมันมีคนที่เข้าใจและใช้เค้าถึงได้ผลิตขายได้อยู่ และมันก็ไม่ได้มีเจ้าเดียว แถมผู้ผลิตก็คือยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำมันบ้านเมืองเรา ที่ชูว่าน้ำมันเครื่องของเค้าทำให้เครื่งยนต์สะอาด
-
เปิดฝาน้ำมันเครื่องมาดูถ้าไม่เจอโคลนเหนียวๆ หรือคราบๆเกาะตาม valvetrain ผมว่าไม่จำเป็นต้องทำนะคับ ถ้าน้ำมันถ่ายออกมาแล้วดำมันก็เรื่องปกติสำหรับผม น้ำมันดำสิดี ไม่งั้นมันจะไปดำที่ไหนได้นอกจากในเครื่อง
ถ้าเปิดมาเจอคราบๆโคลนฟลัชซักทีผลออกมาอาจจะดีขึ้นก็ได้คับ ผมทำเกือบทุกคันกับรถผมถ้าซื้อมือ2มา ไม่กี่คันที่จะเจอเครื่องสะอาดๆ
-
เท่าที่ได้รับคำแนะนำมาคือไม่จำเป็นถ้าถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะปกติครับ ใช้เมื่อเกิดปัญหาที่จำเป็นต้องใช้ครับ
-
มโน ล้วนๆครับ อย่าทำเลยเปลี่ยนถ่ายปกติก็พอ