Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jaesz ที่ พฤศจิกายน 04, 2017, 09:47:17
-
ดูบล็อกเครื่องใหม่ๆ ลดCC ใช้เทอร์โบกันหมดละ
หมดยุกเครื่องยนต์ NA จริงๆแล้วใช่ไหมครับ?
-
ไม่น่ามีแล้วละครับ เพราะไอเดียการลด CC กับ จำนวนลูกสูบลง โดยคงแรงม้าไว้เท่าเดิมหรือดีกว่าเดิม
ด้วยการใช้เทอร์โบและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วยนั้น มีจำนวนข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ เมื่อเทียบกับตอนใช้เครื่องใหญ่ๆ NA แบบสมัยก่อน
อย่างสมัยนี้เครื่อง 2.0T ก็จะเป็นตัวแทนของเครื่อง 3.0 NA ไปเรียบร้อย (ใน Benz E300 และ BMW 530i)
การเอาเครื่อง 2.0T มาแทน มันมีข้อดีมากกว่าหลายข้อ เช่น
1. บาล๊านซ์จุดศูนย์ถ่วงรถดีกว่า (เครื่องเบากว่า+สั้นกว่า) ส่งผลดีต่อการควบคุมรถ
2. ประหยัดน้ำมันกว่า เพราะแรงเสียดทานภายในเครื่องน้อยกว่า และตัวเครื่องเบากว่า
3. ค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า
4. การเซอร์วิสง่ายกว่า ก็เลยใช้เวลาน้อยกว่า
5. ก่อมลพิษน้อยกว่า
6. ข้อนี้สำคัญ คือ เสียภาษีน้อยกว่าครับ เพราะหลายๆประเทศก็จะคิดภาษีรถตาม ขนาดเครื่อง+มลพิษ
บางประเทศก็มีคิดตาม จำนวนสูบ+อัตราสิ้นเปลือง(ยิ่งกินมาก ยิ่งโดนถาษีมาก) อีกด้วยครับ
7. จากข้างบน ทำให้สามารถควบคุมราคารถได้ดีกว่า
จากที่กล่าวมา ไอเดียการลดขนาดเครื่องและใช้เทอร์โบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วย เลยเป็นทางเลือกที่ดีกับยุคสมัยนี้ครับ
อย่างการใช้เครื่องใหญ่ NA สูบเยอะ ข้อดีที่ที่เหนือกว่า เท่าที่ผมนึกออกก็ "เสียงเครื่องกับความสมูท" ครับ
ชัดเจนเลยคือเสียงเครื่อง อันแน่นอนจริงๆครับ เครื่องเล็กสูบน้อยสู้ไม่ได้จริงๆ ซึ่งมันเป็นเสน่ห์มากๆเลย
แต่ความสมูท ผมว่าเครื่อง 4สูบรุ่นใหม่ๆก็พัฒนาได้ดีขึ้นเยอะครับ เพราะส่วนมากเครื่อง 4สูบเค้าจะใส่เพลาถ่วงสมดุลมาด้วย
ก็จะช่วยได้เยอะครับ ส่วนถ้าพวก 6สูบเรียงนั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ เพราะนิ่งอยู่แล้ว ยกเว้นเครื่อง V ครับ ถึงจะใส่มา.
-
คงจะมาในเทรนด์นี้จริงๆ
เพิ่มเติมข้อดี(สำหรับบางคน)ของเครื่องแบบโบราณ na อีกข้อครับ นอกจาก เสียงเครื่อง กับ ความสมูท(เครื่องนิ่ง) ที่คุณ Peet Sayumpoo บอกแล้ว ก็มีความ linear ของการเร่งครับ
เป็นข้อดีสำหรบบางคนที่ชอบแนวนี้ แต่บางคนอาจชอบฟีลลิ่งที่เปลี่ยนแตกต่างระหว่างบูสมากับไม่มาของเครื่องเทอร์โบก็ได้
ความรู้ทางช่าง ผมไม่ค่อยรู้นะครับ (ใช้ความรู้ด้านอื่น หาเงินมาซื้อรถ) ถ้าขับรถเข้าไปในอู่ ช่างทุกคนรู้เรื่องเครื่องยนต์ดีกว่าผมหมด ผมขอเล่าประสบการณ์ในแง่ผู้ใช้ละกัน
คิดถึงสมัยก่อน เคยใช้ e34 เครื่องแค่ 2.0 ยังเป็น 6 สูบเรียง 24 valves ผมชอบฟีลลิ่งเวลาเหยียบคันเร่งลงไป มีความสมูทของเครื่อง + เสียงทุ้มๆ เหยียบไม่ค่อยไปหรอก(แรงม้าแค่ 150 + รถหนัก) แต่ชอบฟีลลิ่ง 6 สูบเรียงของมัน
ตอนนั้นก็ยังสนใจ e34 รุ่น 525i ทั้ง 2.5 และ 2.4 เพราะอยากได้ทั้งฟีลลิ่ง และเร็วขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้
ปัจจุบัน benz และ bmw ตัว amg กับ m ก็เป็นเทอร์โบกันหมดแล้ว
แต่ถ้ายี่ห้ออื่น บางตัวบางรุ่นก็ยังมีคนที่ชอบฟีลลิ่งเครื่องแบบ na และอยากให้เป็น na อยู่ แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่าช้ากว่าตัวเทอร์โบก็ตาม อย่าง GT3 , GT3 RS
-
ไปเทอร์โบกันหมดครับ ยุคนี้ ยิ่งค่ารถจากยุโรปเหลือน้อยค่ายมากที่จะพัฒนาเครื่อง NA อยู่
-
อย่าว่าแต่เบนซินปกติไม่เทอโบเลยครับ เอาแค่ไม่ไฮบริดในไทยนี่แทบจะไม่มีแล้วครับ
-
แม้แต่ดีเซล ต่อไปก็อาจจะไม่มีในรถยนต์นั่ง เพราะต้นทุนสูง กดค่ามลพิษลงยาก
อาจจะเหลือแต่ เบนซิน เทอโบ หรือ เบนซิน ไฮบริด ไปเลย
-
ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบฟีลลิ่งนะครับ
แต่ความทนทานต่ำต่างหากที่ผมไม่ชอบ คงต้องใช้น้อยๆเริ่มเสียแล้วขายทิ้ง
-
ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบฟีลลิ่งนะครับ
แต่ความทนทานต่ำต่างหากที่ผมไม่ชอบ คงต้องใช้น้อยๆเริ่มเสียแล้วขายทิ้ง
เรื่องความทนทานผมสงสัยว่ารถเครื่องเทอร์โบพวกนี้น่าซื้อมือ 2 อายุสัก 6-7 ปีมาใช้ไหมครับ ค่าซ่อมหนักมากน้อยแค่ไหนเทียบกับเครื่อง NA ครับ
-
เครื่องเทอร์โบ มันก็ไม่ได้แย่นั้นหรอกครับ อยู่ที่การใช้งาน และ การดูแลรักษา
ส่วน เครื่อง NA จะมีอีกไหม ผมว่ามี แต่อาจจะเป็นเฉพาะบางตัว บางรุ่น หรือ รุ่นพิเศษ ครับ
ทั้งหมดทั้งมวล ดูเครื่องยนต์จาก F1 เป็นตัวอย่าง เพราะมันคือต้นแบบที่มาเป็น production car ในอนาคต
-
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปเล่นเครื่อง NA อีกแล้วล่ะครับสำหรับยุคสมัยนี้
-
.
.
ผมไม่แน่ใจว่าคนที่บอกไม่ชอบเครื่องเทอร์โบสมัยนี้นั้น จะเคยลองใช้กันหรือยัง
โลกมันเปลี่ยนไปไกลแล้วครับ เทคโนโลยีมันล้ำหน้าไปมาก
อย่าไปคิดถึงเครื่องเทอร์โบสมัยก่อน ที่มันไม่ค่อยทน และซดน้ำมันมาก ทำให้เครื่องโทรมเร็ว
เดี๋ยวนี้เครื่องเทอร์โบมันใช้งานได้ปกติเลย ไม่ต้องมีเทอร์โบไทม์มิ่งด้วยซ้ำ
การดูแลรักษาก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แถมอัตราเร่งทันใจกว่าแบบไม่มีเยอะเลยครับ
เมื่อก่อนผมใช้ 850 TR5 มันยังเทียบกับ CLA250 สมัยนี้ไม่ได้เลย
แต่ TR5 ดีกว่าชัดเจนในการเก็บเสียง คือวิ่ง 170 เหมือนวิ่งอยู่ 100นึง
นอกนั้นผมชอบ CLA มากกว่า
-
ผมใช้เบนซ์ turbo มา ห้าปี กับรถ สี่คันที่บ้าน ยังไม่เห็นมีคันไหนพังเกี่ยวกับเรื่อง turbo เลย เรื่องท่อกรอบ ก็เป็นปกติ มีคันเดียวที่เป็น ส่วน oil cooler เบนซ์มีตั้งแต่ 30 ปีก่อนแล้ว ก็ไม่เห็นแปลกอะไร ปั้มน้ำไฟฟ้า มันอยู่ตรงไหนของเครื่องยนต์ ผมไม่เคยเห็น น่าจะเป็นพัดลมไฟฟ้ามากกว่า บางคนยึดติดกับเรื่องเดิมๆ ของเดิมๆ คิดว่า turbo มันตัวอันตราย อยากถามเหมือนกันว่าเคยใช้ไหม
ส่วนเรื่องสมรถนะ บอกได้เลยว่า 1.8 turbo ว่ิ่งเทียบเท่า 2.4 camry ได้สบายมาก
-
วันก่อนไปลองขับ 1.5T CVTมา
นั่ง 5 คนนะครับ น้ำหนักเฉพาะคนนั่งทั้ง 5 รวมประมาณ 270kg
เพื่อนถามว่าแรงเท่ารถผม 2.0 5AT รึเปล่า?
ผมตอบว่าแรงพอกันนะ
แต่แรงเท่ากับ ผมขับคนเดียว+ปิดแอร์
NA รอบสูงๆก็พอใช้ได้นะครับแต่มันต้องเลี้ยงรอบไว้สูงๆด้วยครับ
ซึ่งเกียร์ออโต้ มันมักจะเตะเกียร์ไปเรื่อยๆ เพื่อลดรอบการทำงานให้ไม่กินน้ำมันมากเกินไป
ขณะที่ 1.5T Torque มันมารอกดคันเร่งไปบางๆ ก็แซงได้แล้ว
เพราะTurbo รุ่นใหม่ๆ มันพฤติกรรม เหมือนเครื่องใหญ่ๆครับ กดเบาๆก็ไปไกลแล้ว
เครื่อง NA 5AT ของผมนี่กดมิดทรีน รอเทคเปิด 2 ทุ่ม