Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Vancin ที่ พฤศจิกายน 08, 2017, 23:21:55
-
คือได้จอง 320d iconic ไป แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่อง finance ได้ส่วนลด + ประกัน + bsi 100000 กม
แต่พบว่ามี 330e iconic ออกใหม่ ราคาเต็มเท่ากัน คิดว่าส่วนลด และของแถมอาจจะน้อยกว่า
เลยอยากถามว่า นอกจาก plug in hybrid แล้ว ทั้ง 2 รุ่นนี้มีอะไรแตกต่างกันบ้างครับ
คุ้มที่จะจองใหม่หรือไม่ครับ
-
ถ้าไม่ได้เน้นแรงอะไรมาก 320d แหละครับ จบแล้ว
วัดกันหลัง 5 ปี 320d เป็นต่อเครื่อง Plugin เยอะครับ
แค่ราคาขายต่อก็ชนะขาดลอยแล้วครับ
-
330e ถูกกว่า40kครับ ส่วนที่ต่างกันคือ...
ล้อคนละลาย eได้Double-Spokeออกสปอร์ตกว่า dได้Multi-Spokeออกลักชูรี่
ภายในกับเบาะคนละสี eสีแดง dสีน้ำตาล
ลายไม้ eไม่มี(แต่จะเป็นอะลูมิเนียมแทน) dมี
คงประมาณนี้ครับ รอท่านอื่นมาเสริมอีกที ส่วนตัวผมว่าไปdดีกว่า
แต่ถ้าไม่ซีขายต่อ เน้นประหยัดมากๆในเมือง ได้อัตราเร่งที่ดีบางช่วง อยากได้อะไรที่ดูใหม่ๆ ก็ไปeได้เลย
-
เท่าที่ดูจากรูปและสเป็ค สิ่งที่ต่างกันมีดังนี้ครับ
1. 320d ได้ล้อลาย Multi-spoke โทนภายในออกแนว Luxury เบาะธรรมดา ไม่มีจอดิจิตอลใต้วัดรอบ
2. 330e ได้ล้อลาย Double-spoke เบาะสีแดง โทนภายในออกแนว Sport เบาะคู่หน้าเป็นแบบ Sport มีจอดิจิตอลใต้วัดรอบ
ส่วนที่ 330e ถูกกว่า 40,000 เพราะเป็น BSI 3 ปี Warranty 3 ปี
ส่วน 320d ที่ราคา 2,299,000 จะได้้ BSI 5 ปี Warranty 5 ปี ซึ่งไม่รู้โปรนี้ยังมีอยู่มั้ย ถ้าไม่มีก็จะลด 40,000 แล้วเหลือ warranty 3 bsi 3
ส่วน 330e ถ้าจะเอา BSI 5 warranty 5 ต้องจ่ายเพิ่มอีก 70,000
-
ถ้าใช้แบบสบายใจผมจะไม่เปลี่ยนไปใช้Hybridครับ ดีเซลทนทานและไม่จุกจิกกว่าแน่นอน
-
ตัดสินใจยากนะ
ชอบความแรงไหมครับ เพราะ D มันไม่แรงมาก แต่ ประหยัดมาก
ผมใช้ V40 เคยแลกรถกับเพื่อน ขับไปเขาใหญ่ ผมว่า มันออกแนวเรียบร้อย นุ่มนิ่ม ไปเรื่อยๆ ครับ
แต่ ประหยัดมากกกก
-
เน้นคุ้มค่าไป 320D ครับราคาขายต่อดีกว่าเยอะแน่นอน ถ้าใช้ยาวๆ ภาพรวม D น่าจะเซฟเงินได้เยอะครับเพราะ e ประกันแบตฯ แค่ 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสื่อมหลัง 5 ปีนั่นแหละและถึงแม้จะบอกว่าเปลี่ยนแค่ลูกย่อย ลูกละหมื่นกว่าๆ แต่แบตฯ มันมีอายุใช้งานนะครับ ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนทีละลูก สมมุติมี 12 ลูกเราก็จะเอารถเข้าศูนย์ 12 ครั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่งอยู่ดีครับ แต่ถ้ารักความแรงใช้รถไม่ยาว e ก็น่าสนใจครับ
-
เน้นคุ้มค่าไป 320D ครับราคาขายต่อดีกว่าเยอะแน่นอน ถ้าใช้ยาวๆ ภาพรวม D น่าจะเซฟเงินได้เยอะครับเพราะ e ประกันแบตฯ แค่ 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสื่อมหลัง 5 ปีนั่นแหละและถึงแม้จะบอกว่าเปลี่ยนแค่ลูกย่อย ลูกละหมื่นกว่าๆ แต่แบตฯ มันมีอายุใช้งานนะครับ ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนทีละลูก สมมุติมี 12 ลูกเราก็จะเอารถเข้าศูนย์ 12 ครั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่งอยู่ดีครับ แต่ถ้ารักความแรงใช้รถไม่ยาว e ก็น่าสนใจครับ
ปัจจุบัน 330e ประกันแบต 10 ปี 150,000 กิโลแล้วครับ
-
ถ้าชอบความแรง ขับในเมืองเป็นประจำ และเปลี่ยนรถบ่อย 330e ก็เล่นได้ครับ
แต่ถ้าเป็นผม จิ้มไปที่ 320d ครับ อย่างน้อยระบบมันไม่ซับซ้อนเหมือนมาก เวลามีปัญหาหาช่างง่ายกว่า(กรณีซ่อมนอกศูนย์) ความแรง+ความประหยัดก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ
ส่วนตัวทั้ง MB,BM ระบบไฮบริด ค่อนข้างน่ากลัวนะ มันไม่ได้มีแค่แบตอย่างเดียว พวกอุปกรณ์ต่อพ่วงนี่แหละตัวแพงเลยครับ
-
e หนักกว่าประมาณ 200-300 Kg.
เรื่องอัตราเร่ง e ดีกว่าแน่นอน
แต่ การเข้าโค้งและเบรคน่าจะต่างกันครับ
ผมคิดว่ารถที่เบากว่าในระบบช่วงล่างเดียวกันจะได้เปรียบตอนเข้าโค้งครับ
ดังนั้น ผมคิดว่า d จะได้เปรียบในการเข้าโค้ง
e จะได้เปรียบในทางตรง เพราะหนักกว่าและแรงกว่า ;)
-
ส่วนตัวมองว่าของแถมออฟชั่นไม่สำคัญเท่าไร ต่อรองยังไงรวมๆก็ได้เพิ่มไม่เกินหมื่นอยู่แล้ว แต่งเองไปได้ไกลกว่า
ใช้ไม่เกินห้าปีจัด e ไปเลยเลยครับได้ทั้งแรงและประหยัด ใช้ยาวนานกว่านี้จัด d ได้เปรียบระยะยาวกว่า
เห็นราคา e แล้วทำร้ายหัวใจเหลือเกินยิ่งคนซื้อเวอร์ชั่นแรกๆโมเดิรน์ลักชัวรี่นี่ เซ็งเป็นแถบ
-
ถ้าไม่ได้เน้นแรงอะไรมาก 320d แหละครับ จบแล้ว
วัดกันหลัง 5 ปี 320d เป็นต่อเครื่อง Plugin เยอะครับ
แค่ราคาขายต่อก็ชนะขาดลอยแล้วครับ
+1
-
เอา D ไปเถอะ ขนาดพ่อผมเป็นคนประหยัดสุด ๆ ยังจะซื้อ 320D เลยครับ .... ถ้าเป็นไฮบริดผมไม่เลือกรถยุโรป
-
อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดของ330eนะครับ
คือมันเป็น phev
ดังนั้นถ้า เสียบปลั๊กชาร์จไม่ได้ ก็ลืมๆข้อดีที่เราคาดหวังไปบ้าง
คือประหยัดก็ไม่เทพ จะแรงก็แรงไม่สุด คือเวลากดมันก็แรงอยู่ แต่แบตมันจะช่วยแบบไม่ค่อยเต็มใจ
แป๊ปๆ ก็ไม่ดึงแล้ว ถ้าจะใช้โหมดชาร์จ เพื่อมาใช้โหมด ev ต่อ ผมเคยทดสอบแล้วมันจะเปลืองกว่า
พูดง่ายๆคือ ขับตอนแบตเยอะๆนี่คุณภาพการขับดีกว่าเยอะ ความนุ่มนวล การส่งกำลังเพราะเครื่องติดน้อยมาก
สรุปคือ ถ้าชาร์จได้ ไม่กลัวปัญหาตามเมนท์บนๆก็330e
แต่ถ้าชาร์จไม่ได้ 320 d โลดครับ
-
ถ้าใช้รถวิ่งยาวระดับ 40-50km. ต่อเที่ยว/ใช้รถยาวระดับ 7-10 ปี/ไม่มีปลั๊กชาทที่โรงรถ
แนะนำดีเซลครับ
330e เหมาะกับ
วิ่งเที่ยวล่ะ 20-30 โล / ใช้รถเต็มที่ 7 ปี / มีที่ชาทพร้อมอย่างน้อยๆ ในโรงรถต้องมี
ส่วนราคาขายต่อมันเรื่องของความพึงพอใจ หายไป 2-3 แสนจากเครื่องดีเซล
แลกกับสมถนะเครื่องยนต์ที่แรงกว่าตลอด 4-7 ปี บางคนเงินก้อนนี้ไม่ได้เป็นปัญหาครับ
ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันอะไร เอาจริงๆ คนซื้อรถ PHEV ไม่ค่อยสนหรอกครับ
-
เน้นคุ้มค่าไป 320D ครับราคาขายต่อดีกว่าเยอะแน่นอน ถ้าใช้ยาวๆ ภาพรวม D น่าจะเซฟเงินได้เยอะครับเพราะ e ประกันแบตฯ แค่ 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสื่อมหลัง 5 ปีนั่นแหละและถึงแม้จะบอกว่าเปลี่ยนแค่ลูกย่อย ลูกละหมื่นกว่าๆ แต่แบตฯ มันมีอายุใช้งานนะครับ ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนทีละลูก สมมุติมี 12 ลูกเราก็จะเอารถเข้าศูนย์ 12 ครั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่งอยู่ดีครับ แต่ถ้ารักความแรงใช้รถไม่ยาว e ก็น่าสนใจครับ
ปัจจุบัน 330e ประกันแบต 10 ปี 150,000 กิโลแล้วครับ
ใช่ครับประกันแบต 10ปี/150,000 กม. แต่ๆ..........พวกตัวพ่วงระบบไฮบริดต่างๆอย่างไดร์ชาร์จแบตอะไรงี้ประกันตาม BSI ที่เราซื้อน่ะครับ ราคาก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน
ส่วนตัวแล้วผมว่าเลือก 320d ดีกว่าระยะยาวสะบายใจกว่า
-
วิถีชีวิตแบบไหน?
อยู่บ้านเดี่ยวหรือคอนโดชานเมือง ขับเข้าไปทำงานในเมืองทุกวัน
วันหยุดไป ตจว.บ้าง บ้านมีที่จอด แล้วที่จอดติดปลั๊กไฟไว้แล้ว แนะนำ 330e ครับ
ถ้าอยู่คอนโดไม่มีที่ชาตแบตรถ แถมวิ่งชานเมืองไปทำงาน ตจว. ไปกลับรถเรื่อยๆตลอดทาง
วันหยุดสบายๆเข้าเมืองไปเที่ยวห้างบ้าง
กลับบ้านรถไม่ติดหนึบขยับสลับหยุดนิ่งบางครั้ง แนะนำ 320D
-
รออีกสักปีดีกว่าครับถ้าไม่รีบ