Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sukaninake ที่ พฤศจิกายน 09, 2017, 17:03:42
-
สวัสดีครับ มีเรื่องรบกวนสอบถามเรื่องระบบ idle stop ใน CRV เข้าใจว่าช่วยประหยัด แล้วเรื่องของความสึกหรอของเครื่องยนต์ ล่ะครับมีผลมากไหม ถ้า ใช้ใน กทม ที่มีการจอดๆ วิ่ง แบบนี้ควรที่จะเปิดหรือปิดระบบ ดีกว่ากันครับ
-
ความสึกหรอของเครื่องไม่น่าจะมีครับ
มอเตอร์สตาร์ทอาจจะพังเร็วขึ้นหน่อย แต่เค้าก็คงออกแบบมาเผื่ออยู่แล้ว
และระบบนี้มันดับเครื่องไม่บ่อยหรอกครับ แบตมันไม่พอ
แต่พอดับแล้วแอร์มันแทบไม่เย็นเลย ส่วนใหญ่พอมันดับทีนึงผมก็กดปิดระบบครับ (ถ้ามันไม่ดับโชว์ผมลืมปิดทุกที)
-
ระยะยาวคงมีผลไม่มากก็น้อยเพราะมันยังค่อนข้างใหม่ รอดูกันไป
แต่ผมว่าดีนะ ค่อนข้างชอบ แต่ถึงจะชอบยังไงถ้าขับคันที่มีผมก็ปิดหมด 55+
-
เป็นระบบที่ประหลาด สงสารมอเตอร์สตาร์ทมาก
เหมือนมีมาไว้ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียเฉยๆ
แต่ในการใช้งานจริงคนจำนวนมากก็ปิดระบบนี้ไป
-
ไม่ได้ใช้ซีอาร์วีรุ่นนี้ (ใช้ยี่ห้ออื่น) ผมปิดฟังก์ชั่นนี้ทุกครั้งครับ เพราะ
1. รำคาญ
2. แบตฯทำงานหนัก(น่าจะพังเร็ว)
3. ไดสตาร์ททำงานหนัก(อายุสั้นลง)
4. ไม่ได้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
-
ไม่ทราบว่าใครพอจะมีข้อมูลไหมครับ ว่า รถที่มีระบบ i/s อายุการใช้งานของ motor start จะต่างจากรถที่ไม่มี i/s หรือ มีแล้วปิดระบบตลอด เท่าไหร่
ปกติได้ยินมาตลอดว่า i/s อาจทำให้อายุ mot start สั้นลง ซึ่งตามเซนส์แล้วก็น่าจะจริง แต่เมื่อกี้พอดีคิดขึ้นมาได้ คือยังไม่เคยเห็นเคสที่ต้องบำรุงรักษาตัวมอเตอร์สตาร์ทนี้เลย แทบจะฟังมาตลอด เลยอยากรู้ว่าอายุการใช้งานสั้นลงมากขนาดไหน
ปล. i/s แบบ วันนึงติดๆดับๆสัก 20-30ครั้ง
-
เข้าใจว่ามีผลกับไดร์สตารท์และเครื่องยนต์ในระยะยาวครับ
ขอเสริมในกรณีของ Mazda2 นี่ถ้าเหยียบแบรคไม่ลึกสุด เครื่องยนต์จะไม่ดับขณะจอดติดไฟแดงครับ
ขับจนชินก็จะรู้จังหวะและเครื่องก็จะไม่ดับขณะติดไฟแดงครับ
แต่ตอนดับเครื่องยนต์แอร์ก็ยังเย็นอยู่ครับ แต่จะค่อยๆร้อนขึ้นถึงจุดนึงเครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาครับ
-
ปิดตลอดครับ แอร์เหลือแต่ลม จังหวะ U Turn รถ เสียเซลฟ์มาหลายรอบ แทนที่จะเหยียบพุ่งออกไปเลยต้องชะงักรอรถสตาร์ท
-
ทำขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์เดียว คือให้ผ่านค่ามาตรฐานไอเสีย เพราะในการทดสอบมีการวัด CO2 ตลอดเวลา
ในช่วงการทดสอบในเมืองจะมีการให้ วิ่งๆ หยุดๆ คล้ายสภาพการใช้งานจริง ดังนั้นการให้ดับเครื่อง CO2 มันก็หายไป
ทำให้ค่าเฉลี่ยรวม ลดลง ครับ การทำงานของมัน มีแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี การสตาร์ทรถ กระแสจะมีค่าสูงช่วง
มอเตอร์สตาร์ททำงานบ่อย อายุก็จะสั้นกว่า แบตดึงกระแสกระชากบ่อยๆ ก็เสื่อมกว่า แถมถ้าเครื่องยนต์ไม่ทำงาน
คอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะไม่ทำงานตามไปด้วย คือมีแต่ลมอย่างเดียว ซึ่งถ้าจอดตกแดด แป๊บเดียวร้อนตับแลบแล้ว
-
สึกหรอมั้ย มันสึกหรอแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่กว่าอาการจะออกผมว่าน่าจะเบื่อขายรถทิ้งกันไปแล้ว
เคยอ่านเจอว่า average life span ของไดสตาร์ทของรถทั่วๆไปอยู่ที่ 30000 - 50000 ครั้งตลอดอายุรถ หมายถึงจะสตาร์ทรถได้เป็นจำนวนครั้งเท่านั้นก่อนไดสตาร์ทจะเสีย
แต่พอมาเป็นรถที่มี ass ไดสตาร์ทจะใช้ต่างออกไป โดย avg. life span อยู่ราวๆ 200000 - 300000 ครั้งตลอดอายุรถ
ตอนนี้ผมลองอยู่ครับ ขับแบบไม่เคยปิดระบบ ass เลย ดูสิจะพังตอนไหน
-
ไม่ได้ใช้ซีอาร์วีรุ่นนี้ (ใช้ยี่ห้ออื่น) ผมปิดฟังก์ชั่นนี้ทุกครั้งครับ เพราะ
1. รำคาญ
2. แบตฯทำงานหนัก(น่าจะพังเร็ว)
3. ไดสตาร์ททำงานหนัก(อายุสั้นลง)
4. ไม่ได้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
+1
-
ลองใช้อยู่เหมือนกันครับ ผมจะเปิดระบบใช้เฉพาะตอนที่รถติดไฟแดง หรือต้องจอดนานๆ เพราะตำรวจจราจรมาหยุดรถ ส่วนตัวคิดว่ามันช่วยประหยัดน้ำมันได้มากนะ แต่ถ้าเป็นขับรถแบบไหลไปเรื่อยๆ ตามการจราจรก็จะปิดระบบไปและใข้แต่ Auto brake hold นะครับ เพราะพอระบบมันเปิดๆ ปิดๆ กลัวมันจะพังเร็วเหมือนกัน เสริมอีกนิดนึงคือเรื่องการใช้งานร่วมกันระหว่างเปิดระบบ Auto start-stop กับระบบ Auto brake hold นะครับ
- ถ้าเปิด Auto start-stop แต่ไม่เปิด Auto brake hold เครื่องยนต์จะ start ตอนยกขาขึ้นจากแป้นเบรค
- ถ้าเปิดทั้ง 2 ระบบพร้อมกัน ผู้ขับขี่สามารถยกขาออกจากแป้นเบรคได้โดยเครื่องยนต์ไม่ทำงาน เครื่องยนต์จะเริ่มทำงานเมื่อตอนแตะคันเร่ง
ประสบการณ์ส่วนตัวคือชอบใช้ระบบแยกกันครับ เพราะเวลายกขาออกจากแป้นเบรคแล้วเครื่องติดก่อนเหยียบคันเร่ง มันรู้สึกว่ารถออกตัวได้ดี เพราะมีเวลาให้เครื่องยนต์ start ขณะที่ผู้ขับขี่สลับเท้าเหยียบแป้นเบรคไปเป็นคันเร่ง แต่พอเปิด 2 ระบบใช้งานร่วมกันตอนเหยียบคันเร่งลงไปให้รถเริ่ม start แล้วออกตัวมันไม่ค่อยทันใจครับ