Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: J!MMY ที่ มิถุนายน 17, 2010, 05:59:56
-
เสร็จแล้วนะครับ เชิญได้ที่นี่
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1342:-eco-car-thailand-&catid=54:special-report&Itemid=55
เอาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และอัพเดทความเคื่อนไหวของผู้ผลิตทุกราย ในโครงการ ECO Car นะครับ
ถ้าชอบ ฝากกระจายต่อด้วยนะครับ อยากให้หลายๆคนได้อ่านกัน
-
ขอบคุณ คุณจิมมี่ อ่านเพลินได้ความรู้ชอบๆๆ ขอบคุณครับ
-
ตามข่าวที่ผมได้มา
ฮอนด้าเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ
ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเรียกเอเจนซี่โฆษณาหลายๆเจ้าที่ทำให้ฮอนด้ามาพิชชิ่งงานเจ้าอีโคคาร์ตัวนี้แข่งกัน
ดังนั้น มีนา 2011 แน่นอนตามที่จิมมี่บอกเลยจ้า
-
ขอบคุณมากคับ สำหรับ สาระ + ความรู้ดีๆ
-
ขอบคุณมากคับพี่จิมมี่ ชอบคอลั่มแบบนี้จริงๆ เลย :D
-
ขอบคุณมากครับ
เป็นแนวทางในการวางแผน ได้ดีเลยครับ
-
ถามพี่จิมมี่ว่า บทโหดของ Suzuki ถ้าหากว่าใช้ Swift เป็น eco car 1200cc ออกมาขายควบคู่กับ ขนาดปกติ คือ 1500 cc
มันมีกฎข้อบังคับอะไรของรัฐห้ามไว้มั๊ยครับ อย่าง Nissan เราก็เคยคาดหวังว่าจะได้เห็น March 1.5 แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ไปซะแล้ว แถมปัญหาที่เกิดขึ้น อ่านๆ ดูก็เหมือนจะเป็นปัญหาในการจัดการของ Nissan เองมากกว่า ที่จะติดเรื่องข้อบังคับ
ของรัฐ
-
บทความนี้ อ่านเพลินเลยครับ :D
-
เยี่ยมครับ
-
สรุปว่า สามปีแรกในเดือนมีนาคม เลยกลายเป็นฤดู eco car เลย
2010 Mar - March
2011 Mar - Honda ?
2012 Mar - Suzuki ?, Mitsubishi ?
2013 ไม่มี
2014 - Toyota ?
สนุกจริงๆ เยยยย
-
ขอบคุณมากครับพี่จิมมี่ ได้ความรู้เยอะเลยครับ
-
ขอบคุณครับ สุดยอดเลย :D
-
ถามพี่จิมมี่ว่า บทโหดของ Suzuki ถ้าหากว่าใช้ Swift เป็น eco car 1200cc ออกมาขายควบคู่กับ ขนาดปกติ คือ 1500 cc
มันมีกฎข้อบังคับอะไรของรัฐห้ามไว้มั๊ยครับ อย่าง Nissan เราก็เคยคาดหวังว่าจะได้เห็น March 1.5 แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ไปซะแล้ว แถมปัญหาที่เกิดขึ้น อ่านๆ ดูก็เหมือนจะเป็นปัญหาในการจัดการของ Nissan เองมากกว่า ที่จะติดเรื่องข้อบังคับ
ของรัฐ
ขออนุญาตตอบแทนนะครับ
ตามกฎแล้ว ECO-Car ต้องเป็น เบนซิน ต่ำกว่า 1,300cc. หรือ ดีเซล ต่ำกว่า 1,400 cc. ครับ
มิเช่นนั้นจะไม่ถูกนับเป็น ECO-Car แล้วจะต้องผลิตปีที่ 5 ได้มากกว่า 100,000 คัน/ปี
ไม่งั้นก็จะโดนปรับ
ถ้าทำ 1,500cc ออกมาแล้วดันขายดี ไปแย่งยอดของ 1,200cc. ละก็ เดือดร้อนเลยครับ
-
ETIOS มันน่าเกลียดตรงไหนหรือครับ ทำไมถึงคิดว่าคนไทยจะไม่ชอบครับ
ผมว่าน่าเอาตัว 4 ประตู มาลงเครื่อง 1.0 3สูบ ขายราคาต่ำกว่านิดหน่อย หรือเท่ากับมีนา
น่าจะขายดี เพราะยังมีคนแบบ
ป๋าสยิ๋มกึ่ย ในห้องหนึ่ง ที่ชอบรถใหญ่ๆ และคนไทยที่เน้นความคุ้มค่า ไม่เอาอะไรทันสมัยหรือสวยมากมาย
แบบผมก็มีนะครับ ;) :D :) ;) :D
(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/Worldsnewcar/Toyota_Etios/2010_01_05_Toyota_Etios_9.jpg)
ปล. ผมว่ารถที่อินเดีย option มากไปหน่อย ยังเอาออกได้อีก เช่น
DVD กับ แอร์ ก็ใส่แค่ ปรับค.เย็น กับ แรงลม (ปรับขึ้นบนลงล่างเอาออก) ปุ่มปรับวิทยุบนพวงมาลัย ก็จะได้รถที่ถูกลงได้อีกครับ
-
spec เครื่องของฮอนด้า น่าสนใจดีครับ 1.3 ลิตร 4 สูบ sohc 90 กว่าแรงม้า อัตราเร่งจะดีที่สุดในกลุ่มเหมือนรุ่นพี่หรือป่าวน้า ;D
-
ถามพี่จิมมี่ว่า บทโหดของ Suzuki ถ้าหากว่าใช้ Swift เป็น eco car 1200cc ออกมาขายควบคู่กับ ขนาดปกติ คือ 1500 cc
มันมีกฎข้อบังคับอะไรของรัฐห้ามไว้มั๊ยครับ อย่าง Nissan เราก็เคยคาดหวังว่าจะได้เห็น March 1.5 แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ไปซะแล้ว แถมปัญหาที่เกิดขึ้น อ่านๆ ดูก็เหมือนจะเป็นปัญหาในการจัดการของ Nissan เองมากกว่า ที่จะติดเรื่องข้อบังคับ
ของรัฐ
ขออนุญาตตอบแทนนะครับ
ตามกฎแล้ว ECO-Car ต้องเป็น เบนซิน ต่ำกว่า 1,300cc. หรือ ดีเซล ต่ำกว่า 1,400 cc. ครับ
มิเช่นนั้นจะไม่ถูกนับเป็น ECO-Car แล้วจะต้องผลิตปีที่ 5 ได้มากกว่า 100,000 คัน/ปี
ไม่งั้นก็จะโดนปรับ
ถ้าทำ 1,500cc ออกมาแล้วดันขายดี ไปแย่งยอดของ 1,200cc. ละก็ เดือดร้อนเลยครับ
นั่นคือเค้าต้องบริหารความเสี่ยงของเค้าเองใช่มั๊ยครับ ซึ่งสำหรับกรณี March มาถึงตรงนี้
ผมมองว่า เค้าสามารถเข็นเครื่อง 1.5 มาขายได้แล้วนะ เพราะอะไร? เพราะปริมาณความต้อง
การ Eco car เครื่อง 1.2 มันล้นไงครับ ผมเชื่อว่า รถ eco car คนต้องตั้งใจซื้อเพราะความ
ประหยัดของมัน โดยเฉพาะในเคส March เพราะฉะนั้น ถ้าจะจินตนาการไปว่า พอมีเครื่อง
1.5 ออกมา ราคาเท่าๆ กับรถตลาด B car ทั่วไป แล้ว คนจะแห่กันไปซื้อ March 1.5 ด้วย
ใจรัก ทั้งๆ ที่มีเครื่อง 1.2 จนยอดเครื่อง 1.2 ถูกแย่งไปนั้น ผมว่าโอกาสมันน้อยมากๆ จนแทบ
จะเป็นไปไม่ได้ นอกจากนั้นค่ายรถก็มีเครื่องมือ นั่นก็คือ กลไกราคา ในการช่วยให้ยอดรุ่น 1.5
ไม่มาแย่ง 1.2 ได้อยู่แล้ว หรือถ้ามันพลิกโผขึ้นมา ว่า 1.5 มาแย่งตลาด 1.2 ได้จริงๆ ก็ยกเลิก
การขายไปซิครับ ยังไงก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วเพราะรุ่น 1.5 ต้องส่งญี่ปุ่นอยู่แล้ว จะขายหรือ
เลิกขายในเมืองไทยย่อมไม่กระทบอะไรมาก
Swift 1.2 กับ Swift 1.5 อาจจะเป็นคนละสถานะกับ March เพราะ คนหลงไหลฝักใฝ่ในรุ่น
1.5, 1.6 กันมาก อาจจะทำตลาดแบบ ควบ 1.2, 1.5 ไม่ได้ก็ได้ คงมีการแย่งยอดของ 1.2
แน่ๆ เหมือนกัน
แต่เมื่อมองมาถึงจุดนี้แล้วผมว่า Nissan ยอมปล่อยของออกมาเถอะครับ รุ่น 1.5 อะ มันไม่ทำ
ให้กระทบกระเทือนอะไรขนาดแย่งยอด 1.2 ถล่มทลายขนาดนั้นหรอก เพราะคนยึดติดกับ
March เครื่องเล็กๆ ไปแล้ว และให้ถือว่ารุ่น 1.5 ก็สามารถออกมาแบ่งเค้ก ตลาด Hatchback
B segment ได้บ้าง หรือคนที่ไม่สามารถรอเครื่อง 1.2 ก็อาจจะพลิกผัน มาเลือก 1.5 เป็นการ
แก้ปัญหา order ล้นไปในต้ว หรือทำออกมาเป็น limited edition ก็ได้ เพราะรุ่นแบบนั้นจะยกเลิก
เมื่อไหร่ก็ได้ คนไม่ว่ากันอยู่แล้ว
ดังนั้นผมว่า ถ้าไม่มีกฎหมายหรือกฎเกณท์อะไรมาห้าม การขายเครื่องยนต์หลายขนาดมันเป็น
ช่องว่างอะไรที่อวยผู้ผลิตรถสุดๆ แล้ว ยิ่งมีการส่งออกเครื่องใหญ่อยู่แล้วด้วยยิ่งเหมาะสม
ค่าิชิ้นส่วนต่างๆ ได้ถูกขึ้นอีกนิด เพราะมี 1-2 รุ่น แบ่งขายในกลุ่ม B car ปกติ การที่ Nissan
ไม่ยอมขายรุ่น 1.5 ลิตร หรือแม้แต่ลองตลาดซักหน่อย ทั้งๆ ที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่ในมืออยู่แล้ว
ทำให้ผมเสียดายสุดๆ เลย เฮ้อ...
-
ต้นเดือน กค. มีประชุมผู้จำหน่าย Tata ที่บางแสน ... ถ้ามีข่าว Nano จะแจ้งให้ทราบครับ
-
ถามพี่จิมมี่ว่า บทโหดของ Suzuki ถ้าหากว่าใช้ Swift เป็น eco car 1200cc ออกมาขายควบคู่กับ ขนาดปกติ คือ 1500 cc
มันมีกฎข้อบังคับอะไรของรัฐห้ามไว้มั๊ยครับ อย่าง Nissan เราก็เคยคาดหวังว่าจะได้เห็น March 1.5 แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ไปซะแล้ว แถมปัญหาที่เกิดขึ้น อ่านๆ ดูก็เหมือนจะเป็นปัญหาในการจัดการของ Nissan เองมากกว่า ที่จะติดเรื่องข้อบังคับ
ของรัฐ
ขออนุญาตตอบแทนนะครับ
ตามกฎแล้ว ECO-Car ต้องเป็น เบนซิน ต่ำกว่า 1,300cc. หรือ ดีเซล ต่ำกว่า 1,400 cc. ครับ
มิเช่นนั้นจะไม่ถูกนับเป็น ECO-Car แล้วจะต้องผลิตปีที่ 5 ได้มากกว่า 100,000 คัน/ปี
ไม่งั้นก็จะโดนปรับ
ถ้าทำ 1,500cc ออกมาแล้วดันขายดี ไปแย่งยอดของ 1,200cc. ละก็ เดือดร้อนเลยครับ
นั่นคือเค้าต้องบริหารความเสี่ยงของเค้าเองใช่มั๊ยครับ ซึ่งสำหรับกรณี March มาถึงตรงนี้
ผมมองว่า เค้าสามารถเข็นเครื่อง 1.5 มาขายได้แล้วนะ เพราะอะไร? เพราะปริมาณความต้อง
การ Eco car เครื่อง 1.2 มันล้นไงครับ ผมเชื่อว่า รถ eco car คนต้องตั้งใจซื้อเพราะความ
ประหยัดของมัน โดยเฉพาะในเคส March เพราะฉะนั้น ถ้าจะจินตนาการไปว่า พอมีเครื่อง
1.5 ออกมา ราคาเท่าๆ กับรถตลาด B car ทั่วไป แล้ว คนจะแห่กันไปซื้อ March 1.5 ด้วย
ใจรัก ทั้งๆ ที่มีเครื่อง 1.2 จนยอดเครื่อง 1.2 ถูกแย่งไปนั้น ผมว่าโอกาสมันน้อยมากๆ จนแทบ
จะเป็นไปไม่ได้ นอกจากนั้นค่ายรถก็มีเครื่องมือ นั่นก็คือ กลไกราคา ในการช่วยให้ยอดรุ่น 1.5
ไม่มาแย่ง 1.2 ได้อยู่แล้ว หรือถ้ามันพลิกโผขึ้นมา ว่า 1.5 มาแย่งตลาด 1.2 ได้จริงๆ ก็ยกเลิก
การขายไปซิครับ ยังไงก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วเพราะรุ่น 1.5 ต้องส่งญี่ปุ่นอยู่แล้ว จะขายหรือ
เลิกขายในเมืองไทยย่อมไม่กระทบอะไรมาก
Swift 1.2 กับ Swift 1.5 อาจจะเป็นคนละสถานะกับ March เพราะ คนหลงไหลฝักใฝ่ในรุ่น
1.5, 1.6 กันมาก อาจจะทำตลาดแบบ ควบ 1.2, 1.5 ไม่ได้ก็ได้ คงมีการแย่งยอดของ 1.2
แน่ๆ เหมือนกัน
แต่เมื่อมองมาถึงจุดนี้แล้วผมว่า Nissan ยอมปล่อยของออกมาเถอะครับ รุ่น 1.5 อะ มันไม่ทำ
ให้กระทบกระเทือนอะไรขนาดแย่งยอด 1.2 ถล่มทลายขนาดนั้นหรอก เพราะคนยึดติดกับ
March เครื่องเล็กๆ ไปแล้ว และให้ถือว่ารุ่น 1.5 ก็สามารถออกมาแบ่งเค้ก ตลาด Hatchback
B segment ได้บ้าง หรือคนที่ไม่สามารถรอเครื่อง 1.2 ก็อาจจะพลิกผัน มาเลือก 1.5 เป็นการ
แก้ปัญหา order ล้นไปในต้ว หรือทำออกมาเป็น limited edition ก็ได้ เพราะรุ่นแบบนั้นจะยกเลิก
เมื่อไหร่ก็ได้ คนไม่ว่ากันอยู่แล้ว
ดังนั้นผมว่า ถ้าไม่มีกฎหมายหรือกฎเกณท์อะไรมาห้าม การขายเครื่องยนต์หลายขนาดมันเป็น
ช่องว่างอะไรที่อวยผู้ผลิตรถสุดๆ แล้ว ยิ่งมีการส่งออกเครื่องใหญ่อยู่แล้วด้วยยิ่งเหมาะสม
ค่าิชิ้นส่วนต่างๆ ได้ถูกขึ้นอีกนิด เพราะมี 1-2 รุ่น แบ่งขายในกลุ่ม B car ปกติ การที่ Nissan
ไม่ยอมขายรุ่น 1.5 ลิตร หรือแม้แต่ลองตลาดซักหน่อย ทั้งๆ ที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่ในมืออยู่แล้ว
ทำให้ผมเสียดายสุดๆ เลย เฮ้อ...
เรากลับรู้สึกว่า Nissan ไม่เน้นเครื่อง 1.5 ลิตรสำหรับเจ้า March ในตลาดโลกซะเท่าไรนะครับ
ตลาดญี่ปุ่นไม่มีเครื่อง 1.5 ลิตรแน่นอนแล้ว เท่าที่เราดูพรีเซนต์และรับรู้ข้อมูลมาคือ
เขาตั้งใจให้ March เป็นรถ B-segment แต่มี Cost ทั้งหลายอยู่ในระดับรถ A-segment ทั้งหลาย
แต่ถ้าคิดว่ากลัว Nissan จะไม่มีรถท้ายตัด 1.5 ลิตรขาย เราก็ต้องรอดูว่า W02C
จะมาประกอบในอาเซียนหรือเปล่า ซึ่งผมคาดเดาว่าน่าจะประกอบที่อินโด เพื่อมาแทนที่
ตระกูล Livina เมื่อนั้นค่อยเอาตัวนี้มาขายไทยก็ยังไม่สายเท่าไรนัก
เพราะตอนนี้ตลาดอีโคคาร์ 1.2 ลิตรมันร้อนแรงกว่าเห็น ๆ
ต้องฉกชิงโอกาสก่อนเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์
-
ต้นเดือน กค. มีประชุมผู้จำหน่าย Tata ที่บางแสน ... ถ้ามีข่าว Nano จะแจ้งให้ทราบครับ
มิน่าถึงนำข่าว Nano ให้เรารู้ก่อนใคร ;D
-
รอดู Nano ;D
-
ผมยืนยันตามที่คุณ ChaLaLa บอกครับ
ทุกค่ายมองตรงนี้กันหมดแล้ว
อีกอย่างนึง
จะ March Swift Honda หรือใครก็ตาม
ถ้าทำรถ 1.5 ลิตรออกมาขาย แม้จะใช้ตัวถังเดียวกับ 1.2 ลิตร
แต่มันจะไม่ถูกนับเป็น อีโคคาร์ กับเขาด้วยนะครับ!
และนั่นก็ทำให้ต้องเสียภาษี เพิ่มเข้าไปในราคาขายเต็มจำนวน เหมือน รถ B-Segment ทั่วไป
แต่รสนิยมคนไทย กลุ่มที่มองรถระดับ Mass แทบทุกกลุ่มนั้น
ซื้อรถนั้น ยังไง ตัวเลขแรงม้า ยังมีผลอยู่ดี ยิ่งเยอะ ยิ่งมีสิทธิ์ขายได้
พอกันกับอัตราสิ้นเปลืองนั่นละครับ
รถแต่ละรุ่นในอดีต มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่นะครับ
Starlet สมัยก่อน เอาเข้ามาขายบ้านเรา มีเครื่อง 1.0 และ 1.3 ลิตร
เป็นไงครับ 1.3 ลิตรขายดี แต่ 1.0 จ๋อยไปเลย
Sunny FF 1.3 และ 1.5 ปรากฎว่า 1.5 ขายดีกว่านะ ถ้าจำไม่ผิด
หรือไม่ต้องอื่นไกล Corolla สามห่วง AE-101 ดูดีๆจะพบว่า เครื่อง 1.6 ลิตร จะายได้เยอะกว่า 1.3 ลิตรครับ
แต่ก็ไม่ทุกเคสเสมอไปเหมือนกัน เพราะลักษณะการซื้อของผู้บริโภคแบบนี้ ใช้ได้กับ
รถที่ความจุกระบอกสูบ ต่ำกว่า 1.8 ลิตรเท่านั้น เกินกว่านี้ ไม่มีผล
-
ด้วยเงื่อนไขของ Eco Car ระบุชัดเจนว่า "ต้องเป็นรถยนต์ตัวถังใหม่ ซึ่งไม่เคยทำตลาดที่ประเทศไหนมาก่อน "
Swift ตัวใหม่ก็เปิดตัวไปแล้วในยุโรป ไม่น่าเข้าเงื่อนไข Eco Car
-
อ้าว....ไม่มี Hyundai i10 หรือครับเนี่ย ผมเข้าใจผิดมาตลอดซินะ :-\
(http://www.ridelust.com/wp-content/uploads/hyundai-i10-460x2761.jpg)
-
ด้วยเงื่อนไขของ Eco Car ระบุชัดเจนว่า "ต้องเป็นรถยนต์ตัวถังใหม่ ซึ่งไม่เคยทำตลาดที่ประเทศไหนมาก่อน "
Swift ตัวใหม่ก็เปิดตัวไปแล้วในยุโรป ไม่น่าเข้าเงื่อนไข Eco Car
ผมว่ากฎข้อนี้มันแปลกๆ นะครับ มีอะไรคลาดเึคลื่อนรึเปล่า
ถ้าเป็นรถตัวถังใหม่ ไม่เคยทำตลาดที่ประเทศไหนมาก่อน
แปลว่า ข่าวรถว่าที่ eco car ทั้งหลาย ที่เราเคยสงสัยกันก็ตัดออก
ไปได้หมดเลยโดยไม่ต้องคิดมาก หรือสืบเสิบอะไรมากมาย
ไม่ว่าจะ All-new Swift ที่จะเปิดตัวที่ต่างประเทศภายในปีนี้
หรือ Etios ที่เปิดตัวในอินเดีย หรือ Alto รถ A car ของ Suzuki
แล้วก็ Toyota Passo ที่รุ่นที่แล้วก็เปิดตัวไปตั้งนานแล้ว
ถ้ามีกฎข้อบังคับนี้อยู่ แล้วพวกเราเคยเอาพวกมันมาเป็น
candidate รถที่น่าจะเป็น eco car ได้ ได้ยังไงกันครับ ?
แล้วถ้ากฎนี้มีจริง แล้วออกมาเพื่อจุดประสงค์อะไร ? แค่มีข้อกำหนด
การลงทุนขั้นต่ำเกิน 5,000 ล้านบาท ก็เป็นการกำหนดกลายๆ
อยู่แล้วว่าผู้ผลิตต้องทำ tooling ใหม่ ตั้งโรงงานใหม่ ซึ่งก็เป็นการ
ช่วยด้านการลงทุนของประเทศไทยได้ 100% อยู่แล้ว แล้วทำไม
ต้องกำหนดให้เป็น "ต้องเป็นรถยนต์ตัวถังใหม่ ซึ่งไม่เคยทำตลาดที่ประเทศไหนมาก่อน "
มันเป็นกฎข้อบังคับของโครงการ eco car จริงๆ หรือแค่ concept ที่ควรจะเป็นรถใหม่
รึเปล่าครับ เพราะไม่เห็นประโยชน์หรือเหตุผลใดๆ เลย ประโยชน์ที่เห็นก็มีแค่
เป็นรถที่เปิดตัวบ้านเราเป็นที่แรก ใหม่ๆ ซิงๆ สร้างความฮือฮาได้ก็แค่นั้น
งงครับ
-
โอ้ ต้องขอโทษด้วยครับ
ขอแก้ไขอย่างด่วนเลย
ที่ว่าไม่เคยทำตลาดที่หนมาก่อน
ขอแก้ไขเป็น
"ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน สำหรับตัวถ้งนั้นๆ ครับ"
(ดังนั้น การเอา Yaris มาวางเครื่อง 1.3 จึงหมดสิทธิ์ ครับ)
ขออภัยครับ ผมเขียนผิดเองงานนี้
-
โอ้ ต้องขอโทษด้วยครับ
ขอแก้ไขอย่างด่วนเลย
ที่ว่าไม่เคยทำตลาดที่หนมาก่อน
ขอแก้ไขเป็น
"ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน สำหรับตัวถ้งนั้นๆ ครับ"
(ดังนั้น การเอา Yaris มาวางเครื่อง 1.3 จึงหมดสิทธิ์ ครับ)
ขออภัยครับ ผมเขียนผิดเองงานนี้
ขอบคุณมากครับพี่จิมมี่ หายงงละ แต่ก็กลับมากังวล+ลุ้นต่อว่าน้อง
All-new Swift จะถูกตอน cc กลายมาเป็น eco car รึเปล่า เสียดาย
คุณค่ารถระดับ World rally คับ น้อง March จะมีแต่เครื่อง 1.2 ถาวร
เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ เท่ากับกรณีน้อง Swift ขอให้ Suzuki เลือก
ให้ดีๆ ก็แล้วกัน เครียด ๆ
-
เขียนดี สรุปดี ข้อมูลแน่น ขอบคุณที่มีข้อเขียนดีดีแบบนี้ให้อ่านครับ
-
ขอบคุณ คุณจิมมี่ ครับ