Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ พฤศจิกายน 09, 2017, 23:13:51
-
สวัสดีครับ
ผมได้อ่านติดตามบทความแนะนำของคุณ Jae อยู่บ่อยๆ
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงคิดว่า สักวันหนึ่ง อยากจะมีรถหรูๆ ดีๆ สักคัน ที่ไม่ใช่รถ D-seg ญี่ปุ่น เป็นรางวัลของชีวิต
อาจจะเป็นมือ 2 หรือรุ่นเริ่มต้นป้ายแดง
จากที่อ่านๆ มา เห็นมีแต่เรื่องที่ไม่ค่อยน่าอภิรมณ์เท่าไหร่เลยครับ
มีแต่ ระเบิดเวลาที่รอการพัง
เห็นด้วยกับคุณ Jae เรื่องเครื่องยนต์ ไม่ชอบเลย ที่รถยุโรปยุคนี้ มีแต่เครื่อง turbo ล้วนๆ แถมหลังๆ มามี Hybrid เพิ่มเข้ามาอีก
ผมเคยคิดครับ ถ้ารถยุโรปตัวเริ่มต้น เช่น รถอะไรก็ได้ที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ A-class หรือ Series 1 (อาจจะ mini moris)
ที่ยังขึ้นชื่อว่า เป็นรถหรูตัวเริ่มต้น กลับไปใช้หรือแชร์ platform ขับหน้า ร่วมกับรถญี่ปุ่นทั่วๆ ไป เช่น
Benz ก็แชร์กับ Nissan March / Sylphy หรือ BMW ก็แชร์กับ Yaris / Altis
ใช้เครื่อง 1.2 1.3 1.5 1.6 พ่วง CVT หรือออโต้ 6 speed (ไม่ต้องคลัชคู่)
แต่ทำรถให้ใช้วัสดุ ภายในดีๆ สวยงาม บุนิ่มต่างๆ
ขับดีในระดับที่น่าชื่นชม เช่น แบบ Mazda 2 / 3 หรือ Suzuki Swift หรือ Ford Focus
คือ ไม่ได้หวังว่า จะต้องเป็นรถขับหลัง มัลติลิ้ง ครับ เพราะชีวิตนี้ ขับแต่รถขับหน้าเก๋ง ไม่ก็กระบะ PPV ไปเลย
แต่เป็นรถที่บ่งบอกถึงฐานะได้ แต่ไม่จุกจิก วุ่นวาย ครับ
อยากถามทุกท่านว่า เคยรู้สึกแบบนี้กันไหมนะครับ
และคิดว่า มันพอที่จะเป็นจริงได้บ้างไหม ที่ ใน Gen ถัดไป จะมีรถของ Benz BMW ที่แชร์พื้นฐานกับ Toyota Nissan B/C-seg ครับ
-
ไม่ครับ ผมซื้อรถมาขับ. ไม่ได้ซื้อมาอวดสถานะตัวเองครับว่าขับรถยุโรปนะ
-
เรื่องรถถ้าไม่พร้อมผมไม่ซื้อครับ
ทุกวันนี้เห็น Benz BMW ก็รู้สึกเฉยๆ คิดแค่ว่าก็สวยดีเหมือนๆกันหมด ยี่ห้อที่ดูหรูผมชอบจากัวส์มากกว่า
ตอนนี้ไปทางคันใหญ่นั่งสบาย ซ่อมสะดวกๆดีกว่า
-
ถ้าคิดแบบเจ้าของกระทู้ จะไม่มีคำว่า Great Performance, Comfortable and Safety ในรถยุโรป ที่มันเสียจุกจิกก็เพราะมีเทคโนโลยีกับระบบไฟฟ้าเยอะ ตอนแรกผมก็คิดอย่าง จขกท รถยุโรปก็คงไม่ต่างอะไรจากรถญี่ปุ่นแค่วัสดุมันดูพรีเมี่ยมกว่า แต่.....ผมคิดผิดครับตั้งแต่ได้เจ้า C200 W204 มาขับ อัตตราเร่ง, การคอนโทลนรถ ,เข้าโค้ง 140+, ระบบ Safty เทียบกับ Camry ACV30 ที่บ้านเมื่อก่อนคนละโลกเลยครับ ทั้งขับสนุกและรู้สึกปลอดภัยกว่า Camry เสียอีก มีแค่อย่างเดียวที่ C200 สู้ไม่ได้คือพื้นที่ห้องโดยสาร (มันก็แน่ละครับ C200 จะไปเทียบ Camry ที่เป็น D-Segment ได้อย่างไร)
ถ้าตามที่เจ้าของกระทู้บอกคือตัวรถภายนอก/ภายในเป็น Series 3, C Class แต่เครื่องยนต์ภายใน ระบบ Safty เหมือน Toyota Honda Nissan จขกท คิดว่าเขาจะขายราคาเท่าไรละครับ ถ้าขายราคาเท่าเดิม 2-3 ล้านแต่ซ่อมไม่จุกจิกกับพวก Performance,Comfortable,Safety เหมือนรถญี่ปุ่น รับได้ไหมละครับ (ผมคนหนึ่งละที่จะบอกว่า Not Work)
ปล.อันนี้ความเห็นของผมน่ะ ;D
-
ถ้าคิดแบบเจ้าของกระทู้ จะไม่มีคำว่า Great Performance, Comfortable and Safety ในรถยุโรป ที่มันเสียจุกจิกก็เพราะมีเทคโนโลยีกับระบบไฟฟ้าเยอะ ตอนแรกผมก็คิดอย่าง จขกท รถยุโรปก็คงไม่ต่างอะไรจากรถญี่ปุ่นแค่วัสดุมันดูพรีเมี่ยมกว่า แต่.....ผมคิดผิดครับตั้งแต่ได้เจ้า C200 W204 มาขับ อัตตราเร่ง, การคอนโทลนรถ ,เข้าโค้ง 140+, ระบบ Safty เทียบกับ Camry ACV30 ที่บ้านเมื่อก่อนคนละโลกเลยครับ ทั้งขับสนุกและรู้สึกปลอดภัยกว่า Camry เสียอีก มีแค่อย่างเดียวที่ C200 สู้ไม่ได้คือพื้นที่ห้องโดยสาร (มันก็แน่ละครับ C200 จะไปเทียบ Camry ที่เป็น D-Segment ได้อย่างไร)
ถ้าตามที่เจ้าของกระทู้บอกคือตัวรถภายนอกเป็น Series 3, C Class แต่เครื่องยนต์ภายใน ระบบ Safty เหมือน Toyota Honda Nissan จขกท คิดว่าเขาจะขายราคาเท่าไรละครับ ถ้าขายราคาเท่าเดิม 2-3 ล้านแต่ซ่อมไม่จุกจิกกับพวก Performance,Comfortable,Safety เหมือนรถญี่ปุ่น รับได้ไหมละครับ (ผมคนหนึ่งละที่จะบอกว่า Not Work)
ปล.อันนี้ความเห็นของผมน่ะ ;D
ผมเคยลองขับ BMW 525i E34 โฉม 1995 ลองเหยียบไปถึง 180 ในถนนธรรมดาที่ทางเป็นคลื่นลอน
บอกตรงๆครับ Camry กับ Accord ในยุคนี้ยังนิ่งและมั้นสู้ E34 BMW เก่าๆไม่ได้เลยครับ ทั้งช่วงล่าง เบรค บาล๊านซ์ดีกว่าหมด
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นรถขับหลังด้วย+กับช่วงล่างดีเข้าไปอีก
ผมมีทั้งรถเก๋งขับหลังและขับหน้า เอากันเฉพาะในด้านการขับขี่ยังไงผมก็ชอบฟีลลิ่งของรถขับหลังมากกว่าครับ
จะว่าไป สำหรับรถเก๋งสมัยนี้ ระบบขับเคลื่อนนี่เป็นตัวบ่งบอกได้เลยน่ะครับ ว่ารถคันนั้นหรีเมี่ยมรึเปล่ารึเปล่า
ถ้าขับหลังนี่แสดงว่าเป็นรถพรีเมี่ยม ไม่ก็สปอร์ต คือเป็นรถพวกที่เน้นคุณภาพการขับขี่ :D
-
Lexusคือคำตอบครับ
-
Lexusคือคำตอบครับ
เห็นด้วยครับ ต้องการรถหรูที่มีไส้ในเป็นรถญี่ปุ่น Lexus สามารถตอบโจทย์ได้
แต่ถ้าต้องการจะแสดงฐานะจริงๆ แนะนำให้เล่น Porsche ครับผม
-
นึกถึงLexusอีกคน ถึงคนทั่วๆไปที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องรถจะไม่รู้ว่ามันพรีเมียม แต่คนขับรู้แน่นวลลลลล
-
สมัยเป็นหนุ่มเคยคิดอยู่เหมือนกันครับ
-
แนะนำให้ไปลองขับ Lexus GS ครับ ผมหลังจากได้ลองแล้วไม่แปลกใจ ทำไมสื่อหลายๆสำนักของต่างประเทศถึงยืนยันว่ามันขับดีกว่า BMW f10
และถ้าศึกษาระบบวิศวกรรมดีๆ เครื่องโตโยต้าที่เราบอกว่ามันเชย ล้าสมัย มันไม่เทอร์โบ เอาจริงๆ แล้วมีเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องของการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ด้วย รวมถึงจุดบอดจุดด้อยของบรรดาเบนซินฉีดตรง Direct Injection รุ่นใหม่ๆ ที่ค่ายรถยุโรปหลายๆค่าย ออกมาพูดแต่ข้อดีแต่ไม่บอกข้อเสียของมัน ส่วนโตโยต้าสามารถพัฒนาจนแก้ปัญหาจุดนั้นๆได้ แล้วถึงค่อยทำ
เอาจริงๆ ลองหาอะไรอ่านเยอะๆครับ จะตะลึงอะไรหลายๆอย่างจากรถญี่ปุ่น ความเป็นมาของ GTR แบรนด์ Lexus และอะไรหลายๆอย่าง บางทีภาพลักษณ์ ผมเฉยๆนะ
หลายคนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่า ในยุค 199x ในช่วงอดีตสมัยก่อน คนที่ทำหกสูบเรียงเทอรโบ ก็คือ Toyota และ Nissan ส่วน BMW ยังคงหมกมุ่นกับ NA อยู่เลย และช่วงปี 2000 ญี่ปุ่นก็เริ่มหมกมุ่นกับรถไฺฮบริด (prius เจนแรก) ขณะที่ BMW Benz ยังงมอยู่กับ NA ใน E60 และ ดีเซลเทอรโบ
ผมก็แปลกใจทำไมมาเห่อเอากันช่วงนี้ เอาจริงๆ ผมว่าค่ายญี่ปุ่นกับรถเทอรโบ และทน เขาทำได้แน่นอน (ก็เคยทำ) แต่จริงๆน่าจะเหตุผลทางการตลาดนี่ละหลักๆ
แต่ยอมรับเรื่องความสมูทของ NA Lexus จริงๆ เครื่อง เกียร มัน Linear มากๆ จนผมสงสัย ว่า BMW หกสูบเรียงตายไปแล้วกลายเป็นสี่สูบเบนซิน เสียงดังสะเทือนแบบดีเซล ส่วน Lexus กลายเป็นรถที่ราบเรียบเป็นแพรไหม เหมือน 6 สูบเรียงใน BMW สมัยก่อน ยุโรปยุคก่อนเน้นความ Refine กลายเป็น Power ส่วน รถญี่ปุ่นกลับกัน เน้น Smoothness + Refine มากกว่าเดิม (เหมือนรถยุโรปในสมัยก่อน) ::) ::)
ลองขับเยอะๆ และศึกษาหลายๆค่ายครับ แล้วจะเจออะไรสนุกๆอีกเยอะครับ ในเรื่องประวัติศาสตร์หลายๆค่ายรถยนต์ทั้งญี่ปุ่น ยุโรป อิตาลี รวมถึงอเมริกัน มันมีอะไรมากกว่าคำว่า ยุโรปดีกว่าญี่ปุ่นหรืออเมริกัน หรือรถของชนชาติไหนดีกว่ากันครับ บางทีสุดท้ายแล้ว ทุกค่ายก็มีความสามารถเหมือนกันหมด แต่อยู่แค่ว่าจะทุ่มเทในการทำรถรุ่นนั้นๆมากน้อยแค่ไหน และจงใจเซตให้มันเป็นแบบไหนมากกว่า
เอาจริงๆ ผมว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของเทคโนโลยีรถยนต์ละ (น่าจะหลังยุค E39 ไป) เลยเริ่มเทไปหา EV ตอนนี้ทุกค่ายทำได้ก็คือ เครื่องยนต์ก็เหมือนๆเดิม แต่สุดท้ายก็เพิ่ม Gimmick เติมระบบคอม ก็เท่านั้นเอง เช่น สารพัดลูกเล่นแฟนซี จอ LCD ไฟตกหมึกในห้องโดยสาร หรือพวก Gesture แบบใน G30 คือเป็นลูกเล่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมและการขับขี่ ::)
เกร็ดความรู้ เรื่องช่วงล่างรถ ระบบขับสี่อัจฉริยะ เลี้ยวสี่ล้อ สารพัดสุดล้ำนี่มีมาตั้งแต่สมัย GTR R32 แล้ว หรือ 1990 ละครับ ในรถสปอร์ตเยอรมันตลาดๆ พึ่งจะได้มาใส่ใน 991.2 เอง (ถ้าไม่นับพวก GT3 พวกนั้นนะ) ;D ;D
-
โดยส่วนตัวผม ถ้าอยากได้รถที่คุณภาพและวัสดุดีๆโดยที่ไส้ในเป็นรถญี่ปุ่น ผมก็มอง Lexus เป็นอันดับแรกครับ
แต่ถ้ามีการทำ MB ในแพลตฟอร์ม B-seg ญี่ปุ่นขึ้นมาจริงๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิดจะออกมาเป็นรุ่น starter ยิ่งกว่า GLA, CLA?
แบบนี้กลุ่มลูกค้าอาจจะไม่ใช่คนที่มีความคิดว่าอยากมี MB ไส้ในญี่ปุ่นน่ะสิครับ อาจจะกลายเป็นพวกตะกายดาวแทน
-
มีรถเยอรมันหลายคันที่ผมใช้ หรือคนรอบตัวใช้แล้วมันทนพอๆกับรถญี่ปุ่นแต่คนไม่นิยมซื้ิอเพราะมันเป็นรุ่นถูก คนไปซื้อรุ่นแพง ออพชั่นเยอะ เครื่องแรงกันหมด( BMW318 E46 M43, Benz 124 230E, BMW 120i Cabrio N43 E88, R56 Mini One, E60 520D M47, MB c180 w203, New Beetle 2001 AQY-คันนี้ติดแก๊ซด้วย)
ผมเลยคิดว่า คนที่มีความต้องการใช้รถแค่พอใช้ ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่ต้องมีออพชั่นมากมาย สนใจแค่ตัวถังแน่นๆ คนกลุ่มนี้มันมีน้อยกว่าคนชอบออพชั่นเยอะๆไฮเทคมากๆ
ถ้าทำรถยุโรปLow tech คนอาจจะไม่ซื้อมาก
-
สวีเดนไงครับ
Saab,Volvo ผมว่า มาตรฐาน ไม่ต่างจาก Benz หรือ BM
หรือ Volkswagen ก็ German Standard ครับบ
-
รถยุโรปเค้าโดนกฎหมายบีบบังคับให้ลดมลพิษลงเรื่อยๆไม่มีหยุดครับ ต่างกับญี่ปุ่นที่ยังไม่ได้บังคับจริงจัง ส่วนตัวเห็นด้วยกับสมาชิกหลายท่านว่าถ้าไม่อยากใช้Benz BMWก็จัดLexusไปเลยครับ หรูพอๆกัน
-
อยากได้รถญี่ปุ่น ความปลอดภัยแบบรถยุโรปครับ ( ราคาแบบรถญี่ปุ่นด้วย ) :-* :-* :-*
-
ถ้าเป็นรถที่บ้านเรามีขายก็คือ Lotus ครับ เครื่องโตโยต้าครับ
แล้วก็มีกระบะ Benz x class ครับ แต่บ้านเราไม่มีครับ
Bmw Z5 genต่อไป ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเครื่องตัวเดียวหนือไม่ครับ
-
เห็นด้วยกับLexus ครับ
CEO บ ที่ผมรู้จักแกบอกว่า เล่นมาทั้งBM ,Benz สรุปมาจบที่Lexus
-
Rolls-Royce เครื่อง J โบไงครับ
ลองหาใน Youtube ดู เป็นคนญี่ปุ่นทำ
บอกว่าเบื่อกับการรออะไหล่นาน
ตอนนี้ก็มีคนเอาเครื่อง J ลง Ford Fista ไปแล้วด้วยน้ะของไทยนี่แหละ
-
มันไม่ใช่อะคับ
-
ปัญหาคือ Lexus ในไทยมันแพงกว่าราคาที่ควรจะเป็นเพราะภาษีน่ะครับ ถ้ามันราคาพอๆ กับวอลโว่นี่เป็นเจ้าตลาดไปนานละ
-
ถ้าติดตราเบนซ์ช่วงล่างแบบEco car ทั่วไปนี่ผมคงผ่านเหมือนกัน หลังๆใช้W212ที่บ้านยังไม่ค่อยประทับใจเรื่องการขับขี่เลยรู้สึกช่วงล่างมันไม่แน่นเหมือนW124 หรือ W210ที่เคยขับ เอาตามตรงทุกวันนี้ขับBenz BMW ไม่ได้มองที่ว่ามันพรีเมี่ยมกว่าเจ้าอื่น แต่มองด้วยหลักเหตุผลของการขับขี่ และการดูแลรักษา เอาตามตรงที่บ่นๆกัน Benz BMW จุกจิกโง้นงี้ ส่วนตัวผมเฉยๆมากถึงมันจะจุกจิกแต่มันเป็นจุกจิกที่เข้าใจได้(ไม่รวมHybrid ไม่เคยใช้) แก้จบ อะไหล่มี ผ่านไป10ปี20ปี อะไหล่ก็ยังมีมาซ่อม ต่างกับแบรนด์อื่นๆหลัง20ปีอะไหล่หายากสุดๆ สุดท้ายจบด้วยการเปลี่ยนเครื่อง หรือ หาอะไหล่อย่างอื่นมาทดแทน บ้านผมซื้อรถละไม่ค่อยขายซะด้วย เอาตามตรงถ้าอยากได้ความทนทานลองมอง Lexusด้วยกันก็ได้เห็นหลายคนบอกทนอยู่นะ แต่คนรอบข้างผมเจอบอกLexus GSค่าอะไหล่หนักอยู่เจอจอแสดงผลเสีย โดนไปแสนกว่าบาทเหมือนกัน อะไหล่เชียงกงก็ไม่ค่อยมีรถบ้านเรามีน้อยไม่ค่อยมีใครสั่งมาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มาแต่เครื่องมากกว่า
-
ถ้าคุณได้ย้อนอดีตไปที่ w204FL ราวๆ ปี 2011- 2012 มันจะมีรุ่นเริ่มต้น ราคา 2 นิดๆ ออฟชั่นโล้นมาก ครับผมมีใช้อยู่ 1 คัน บอกเลยว่าด้วยความที่มันไม่มีอะไร มันเลยพาลไม่จุกจิกเลย ฟิวการขับก็ใช้ได้ และเอาเงินส่วนต่างมาแต่งต่อ สวยกว่ารุ่น Top อีก บอกเลยครับว่า ถ้าเอารุ่นที่ออฟ น้อยๆ มันจะไม่ปวดหัวครับ และบอกเลยว่าต้อง ขับหลังด้วย ขับหน้ายุโรปผมว่ายังไม่สุด ยิ่งถ้าจะเอามาแชร์กับรถญี่ปุ่นนี่อย่าเลยครับ เสีย จริงๆ ถ้าอยากได้ตามที่ จขกท นี้คงต้อง Lexus แล้วล่ะครับ จบแน่นอน แต่ราคาก็...... เอาที่โตต้าสบายใจ
(https://scontent.fbkk6-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/22406108_1809969245699479_7627380865914237298_n.jpg?oh=7a3b9d066b140fa2c759da6f673d2eaf&oe=5A690AD9)
-
ไม่เชิงนะครับ
อยากใช้ Benz, BMW อ่ะอยากใช้ แต่อยากให้มันลดระบบ electronics ให้น้อยลง แต่สมรรถนะเหมือนเดิมอ่ะ ซึ่งคงทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแทบทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับ electronics หมดแล้ว
พูดง่ายๆ คืออยากให้ Benz, BMW ทำรถดีๆ เหมือนเดิม แต่กลับมาใช้ความเป็น mechanical มากกว่า electronics ครับ
ส่วนรถญี่ปุ่นแบรนด์บ้านๆ ก็ไม่ได้ค่อยอยากใช้เท่าไร เพราะสมรรถนะไม่ได้จริงๆ
ถ้ารถญี่ปุ่่นทำสมรรถนะได้ดีๆ แบบ Benz, BMW แล้วจุกจิกน้อยแบบ Toyota แบบนั้น ผมจะไม่ต้องคิดมากเลยที่จะไปใช้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ครับ
ส่วน Lexus ก็น่าใช้นะ แต่ราคาก็ทุred เกินจะรับไหวครับ
-
ผมกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนะครับ 5555+ คือตัวผมเองบอกเลย ฝั่งยุโรปผมขอบาย เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่พูดๆกันนั่นแหละครับ
แต่ผมเคยไปลองขับ BMW 528i F10 แล้วบอกตามตรงว่ายังติดใจในทุกๆเรื่องไม่หาย 555+ ก็ไม่แปลกใจครับ ถ้าเค้าจะขายดี หรือมีคนซื้อไปเยอะๆ มันมีดีของมันอยู่ครับ
จากที่ผมใช้รถมาและเห็นจากคนข้างเคียงก็ดี มันมี 4 ข้อที่ต้องแลกออกข้อนึงครับ
1. สมรรถนะ
2. ความสบาย
3. ราคา
4. ความทนทาน (ไม่จุกจิก)
ไม่มีรถคันไหนที่มาพร้อมกัน 4 ข้อแบบครบๆครับ
อย่างรถยุโรปที่ว่ากันมาด้านบน ก็ต้องแลกข้อที่ว่าด้วยความทนทานออก
ถ้าจะไป Lexus ก็ได้หมดครับ แต่ต้องแลกข้อ 3 (บวกลบข้อ 1 ด้วย) ออก
ถ้าจะไป D-Seg ของญี่ปุ่น ก็แลกข้อ 1 ออกครับ
-
ผมรู้สึกตรงกันข้ามครับ อยากมีรถญี่ปุ่นที่มีไส้ในแบบรถยุโรป ช่วงล่างเทพๆ ขับหลัง
-
ไม่เคยอ่ะครับ ผมกลับชอบขับหลังมากกว่าด้วยซ้ำ
-
อะไรก็ได้ครับที่เป็น Original
เราก็แค่เข้าใจที่มาที่ไปของมันตามท้องเรื่อง
ส่วนเล็กซัสนั้นผมไม่เคยทดลองขับ :)
-
lexus มือสองกริ๊บๆ เห็นราคาแล้วสบายใจดีครับ
ดีต่อใจ ซ่อมไม่แพง 555
-
แต่ผมชอบเครื่อง Benz นะครับ รถผม8ปีแล้ว วิ่ง1.5แสน ยังกินน้ำมันเท่ากับตอนออกใหม่ๆอยู่เลย เกียร์ก้อยังเปลี่ยนนุ่มอยู่ครับ ไหลลื่นดี ทั้งนี้เพราะดูแลดีด้วย
-
ปลอดภัยแบบวอลโว่ หน้าตาเล็กซัส เกาะถนนแบบซุบารุ เครื่องทนแบบโตโยต้า นั่งสบายแบบbenz ลุยน้ำรอระบายเท่าford ranger ค่าตัว+ค่าบำรุงรักษาEco car กินน้ำมันเท่าPRIUS ราคามือสองไม่ตก ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D
-
ไม่ครับ ผมซื้อรถตามที่เค้าสร้างรถมา ไม่ได้อยากเอาตราหน้ารถไปบอกชาวบ้านว่ามีเงินซื้อ
BMW ใส้ในโตโยต้า มันยังจะเป็น BMW เหรอครับ
ถ้าคิดแบบนี้ใช้ Lexus ก็อาจไม่จบ ตัวรถไม่จุกจิก แต่เสียขึ้นมา ค่าซ่อมโหดเอาเรื่อง จ่ายขึ้นหลักแสนก็มี
ถ้าอยากได้รถขับดี วัสดุดี ราคาไม่แพง ไม่จุกจิก ซื้อ Mazda 2 แล้วเอาภายในไปบุหนัง Nappa เลยก็ได้ครับ บ้านเราร้านรับทำเยอะเลย
-
ไม่ครับ ผมซื้อรถมาขับ. ไม่ได้ซื้อมาอวดสถานะตัวเองครับว่าขับรถยุโรปนะ
ตามนี้ครับ พังก็ช่างแต่ซื้อมาขับนี่ไม่ได้อยากเอาแค่กรอบมาบังว่าฉันรถยุโรปนะ
-
ผมว่าหลายคนคงจะเข้าใจคุณรถสีเขียวผิดไปนะครับ (ผิด ไป๊........... ซิลลี่ฟูล)
เค้าหมายถึง เค้าต้องการรถยุโรปที่ทนทึกเหมือนยุคก่อนครับ แบบกะจะใช้ยาว ๆ ใช้แล้วสบายใจ ใช้ไปเรื่อย ๆ ครับ
คือ performance ที่ได้มากจาก mechanic ไม่ใช่ electronic ครับ
แต่ผมก็ชอบสังคม HLM นะครับ มีหลายแง่มุมดีครับ ถ้าคิดเห็นเหมือนกันหมดมันก็ไม่สนุก ถูกไหมครับ
-
เอาจริงๆนะครับ รถญี่ปุ่นโดยเฉพาะ D-Seg ที่ระบบไฟฟ้าต่างๆท่วมคันไม่แพ้รถยุโรปใช่ว่าจะไม่จุกจิกนะ เจอโน่นนี่นั่นกันอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่มันซ่อมไม่ยากเท่ารถยุโรปและอะไหล่ไม่แพงเท่า ยกเว้นรถไฮบริดที่ราคาอะไหล่บางชิ้นได้ยินราคาแล้วลมจับแค่นั้นเอง
-
ถ้ารับไม่ไหวกับค่าบำรุงรักษา ระยะเวลารออะไหล่ ค่าแรงแพง ฯลฯของรถยุโรป
ก็ใช้รถหยุ่นต่อไปก็ได้ครับ ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ดูแย่หรอกครับ
ไปโดนใครไซโคว่าภาพลักษณ์ดีต้องขับเบนส์บีเอ็ม เลิกได้แล้วค่านิยมนี้มันตกยุคแล้ว
-
SAAB 9-2X ::)
-
ผมว่าหลายคนคงจะเข้าใจคุณรถสีเขียวผิดไปนะครับ (ผิด ไป๊........... ซิลลี่ฟูล)
เค้าหมายถึง เค้าต้องการรถยุโรปที่ทนทึกเหมือนยุคก่อนครับ แบบกะจะใช้ยาว ๆ ใช้แล้วสบายใจ ใช้ไปเรื่อย ๆ ครับ
คือ performance ที่ได้มากจาก mechanic ไม่ใช่ electronic ครับ
แต่ผมก็ชอบสังคม HLM นะครับ มีหลายแง่มุมดีครับ ถ้าคิดเห็นเหมือนกันหมดมันก็ไม่สนุก ถูกไหมครับ
ไม่เชิงนะครับ
อยากใช้ Benz, BMW อ่ะอยากใช้ แต่อยากให้มันลดระบบ electronics ให้น้อยลง แต่สมรรถนะเหมือนเดิมอ่ะ ซึ่งคงทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแทบทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับ electronics หมดแล้ว
พูดง่ายๆ คืออยากให้ Benz, BMW ทำรถดีๆ เหมือนเดิม แต่กลับมาใช้ความเป็น mechanical มากกว่า electronics ครับ
ส่วนรถญี่ปุ่นแบรนด์บ้านๆ ก็ไม่ได้ค่อยอยากใช้เท่าไร เพราะสมรรถนะไม่ได้จริงๆ
ถ้ารถญี่ปุ่่นทำสมรรถนะได้ดีๆ แบบ Benz, BMW แล้วจุกจิกน้อยแบบ Toyota แบบนั้น ผมจะไม่ต้องคิดมากเลยที่จะไปใช้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ครับ
ส่วน Lexus ก็น่าใช้นะ แต่ราคาก็ทุred เกินจะรับไหวครับ
มีรถเยอรมันหลายคันที่ผมใช้ หรือคนรอบตัวใช้แล้วมันทนพอๆกับรถญี่ปุ่นแต่คนไม่นิยมซื้ิอเพราะมันเป็นรุ่นถูก คนไปซื้อรุ่นแพง ออพชั่นเยอะ เครื่องแรงกันหมด( BMW318 E46 M43, Benz 124 230E, BMW 120i Cabrio N43 E88, R56 Mini One, E60 520D M47, MB c180 w203, New Beetle 2001 AQY-คันนี้ติดแก๊ซด้วย)
ผมเลยคิดว่า คนที่มีความต้องการใช้รถแค่พอใช้ ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่ต้องมีออพชั่นมากมาย สนใจแค่ตัวถังแน่นๆ คนกลุ่มนี้มันมีน้อยกว่าคนชอบออพชั่นเยอะๆไฮเทคมากๆ
ถ้าทำรถยุโรปLow tech คนอาจจะไม่ซื้อมาก
ใช่ครับ จริงๆ ที่ผมอยากให้มันมี คน รถยี่ห้อดีๆ (ไม่ใช่ของ ญี่ปุ่น) ที่ง่ายๆ ไม่จุกจิก
ขับแล้วเน้นที่ยี่ห้อ บ่งบอกถึงความสำเร็จได้พอสมควรครับ
-
ผมกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนะครับ 5555+ คือตัวผมเองบอกเลย ฝั่งยุโรปผมขอบาย เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่พูดๆกันนั่นแหละครับ
แต่ผมเคยไปลองขับ BMW 528i F10 แล้วบอกตามตรงว่ายังติดใจในทุกๆเรื่องไม่หาย 555+ ก็ไม่แปลกใจครับ ถ้าเค้าจะขายดี หรือมีคนซื้อไปเยอะๆ มันมีดีของมันอยู่ครับ
จากที่ผมใช้รถมาและเห็นจากคนข้างเคียงก็ดี มันมี 4 ข้อที่ต้องแลกออกข้อนึงครับ
1. สมรรถนะ
2. ความสบาย
3. ราคา
4. ความทนทาน (ไม่จุกจิก)
ไม่มีรถคันไหนที่มาพร้อมกัน 4 ข้อแบบครบๆครับ
อย่างรถยุโรปที่ว่ากันมาด้านบน ก็ต้องแลกข้อที่ว่าด้วยความทนทานออก
ถ้าจะไป Lexus ก็ได้หมดครับ แต่ต้องแลกข้อ 3 (บวกลบข้อ 1 ด้วย) ออก
ถ้าจะไป D-Seg ของญี่ปุ่น ก็แลกข้อ 1 ออกครับ
+1 สุดยอดเลยครับคุณหมอ ผมชอบสมการ 4 ข้อนี้มากๆ มันตรงจริงๆ
-
ผมคนนึงที่ไม่ชอบรถยุคใหม่ๆก็เพราะระบบไฟฟ้าท่วมคันจนเกินความจำเป็น ทำให้ทุกวันนี้เปลี่ยนรถเป็นมือสองทั้งนั้นครับ ดังนั้น สมการ 4 ข้อข้างบนของคุณหมอ ก็ออกไปที่ Lexus ตรงโจทย์ทุกข้อ ( ราคาเปลี่ยนมือของ Lexus เจ้าของเก่าช่วยไว้มาก )
ถ้ามีผู้โดยสารด้วย ตอนนี้ GS S190 น่าสนใจมากครับ
แถมต่อไปเกิดเท้าหนักขึ้น ก็เอา 3UZ ตรงรุ่นมาร้อยน็อตได้เลย แถมอะไหล่ก็เยอะ ช่างก็มากมาย
-
สมการนี้ ก็มีแล้วไง
Lexus CT200H ไงครับ
ใส้ใน Prius รถญีปุ่น แต่สมรรถณะดีกว่า และราคาแรง รวมทั้งได้ขับแบรนด์หรูด้วย
แต่ แต่ ราคาแพงกว่า Prius 2 เท่า คิดว่าคุ้มไหมล่ะครับ มันก็ทนทานแบบโตโยต้าด้วยนะครับ
และถ้าจ่ายเพิ่ม 2 เท่าคิดว่าไม่คุ้ม มือสองปีใหม่ๆ ก็มีราคาไม่แรงด้วย
(แต่ถ้าเทียบกับราคามือสองของ Prius กลายเป็นแพงกว่า 2 เท่ากว่าซะงั้น)
-
ไม่เคยเลยครับ ไม่แม้แต่จะคิดจริงๆ