Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Capulet ที่ พฤศจิกายน 14, 2017, 12:23:24
-
ไม่พูดถึงราคา ดีเซลตัวท็อปนะครับ (1,770,000) สนใจแค่ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม 200,000บาท กับสิ่งที่ได้เพิ่มมา ซึ่งรุ่นดีเซลตัวล่างไม่มี หลักๆคือ 1.ข้บเคลื่อน4ล้อ 2.Sunfoof 3.ระบบเครื่องเสียงที่ดีขึ้น 4.ระบบต่างๆที่ช่วยในการขับขี่ที่ให้มาอีก6-7อย่าง
เพื่อนๆว่า200,000บาทนี่มันแพงไปมั๊ยครับกับอ๊อปชั่นต่างๆที่เพิ่มเข้ามา ราคามันสมเหตุสมผลมั๊ยครับ
-
ตอนแรกก่ะว่า ตั้งต่างกันสัก 150000 กำลังดีครับ มาแบบนี้นี่ผมไม่รู้จะพูดไงดีเลย โจทย์นี้ ผมคงไปเอา ตัว sp อ่ะครับ ถ้าดีเซลจะแพงขนาดนี้อ่ะนะ
-
ผมว่าก็โอเคอยู่นะ ที่อัดเข้ามาคือพวกระบบความปลอดภัยทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้ซันรูฟบานใหญ่กว่านี้ได้ก็จะดี 555555
-
เมื่อเช้าไปลองนั่งด้านหลังดู ก็ยังรู้สึกว่านั่งไม่ค่อยสบาย ปรับเบาะกับไม่ปรับเบาะนี่ความรู้สึกแทบไม่ต่างเลย แต่ option นี่ถูกใจมาก
-
คุ้มครับ เพราะเราไปทำเพิ่มเติมที่หลังเองไม่ได้ โดยเฉพาะระบบความปลอดภัย
-
ถ้าสำหรับผมนะ ผมว่าคุ้มเพราะของที่ได้มาก็ของดีๆทั้งนั้น
แต่ถ้าส่วนต่างเท่ารุ่นเดิมจะสวยมากๆ 150-160K
ที่คุณต้องกังวลไม่ใช่ส่วนต่างหรอก เป็นปัญหาเรื่องน้ำดันมากกว่า เพราะมาสด้ายังไม่มีคำตอบให้เลย ใครจะกล้าซื้อถ้ารู้อยู่แก่ใจ
-
ผมว่า ราคาแรงไปนิดนะ ถ้าตัว ทอป มาไม่เกิน 1.72 ล้าน นี้ อย่างดีอะ
อีกอย่าง ในคลับตัวดีเซล มีปัญหาพอควรถึงแม้ ทางมาสด้า จะขยายระยะเวลาให้ก้ตาม แอบกังวล คันที่บ้านเหมือนกัน 555+
-
คุ้มครับ แต่ฝาท้ายน่าจะเป็นแบบ hand-free
-
ผมว่าคุ้มสุดคือรุ่น S
ตัว XDL มันเป็นฟังค์ชันฟุ่มเฟือยซะส่วนมาก อย่างลำโพง Bose ถ้าไม่ใช่สายหรูจริงๆ คงไม่เอาก็ไม่เป็นไร
-
ผมมองว่าคุ้มครับกับราคาที่เพิ่มไปอีก 10 กว่าเปอเซ็น
-
แพงเกิน ตัดซันรูฟทิ้งดีกว่า แล้วลดราคาเหลือ1.7ล้านคุ้มกว่า
ของเล่นที่ใส่มาถ้าเกรดดีทนทานถึงคุ้ม แต่ถ้าเปราะก็เหมือนตีหัว ต้องรอเวลาพิสูจน์
ราคาเกือบล้านแปด ถอยcrvดีเซลอุ่นใจกว่า ไม่ต้องมาลุ้นกับเครื่องเกียร์ที่ยังซ่อมไม่จบ
ขับไม่ต่างกันมากนัก ถึง1.6แรงจะน้อยไปหน่อย เกียร์กดปุ่ม แต่เครื่องคงไม่น่ามีปัญหามั้ง
ซันรูฟ เปิดประทุน จะเห่อกี่วัน มือสองคนไม่อยากเล่นเพราะหลังคาแบบนี้ถามอู่สีก็ได้ พวกรถตัดหลังคาเป่าไฟ
เก่าไปอะไหล่ชุดลูกกรอกสลิงแพง มักหาของเก่ามาใส่ ขนาดสามแฉกเจ้าของไม่ยอมซ่อมกันเยอะมาก
ดูแลไม่ดี พอสายยางแตกน้ำรั่วเข้าผ้าบุหลังคา ได้กรุใหม่ คิ้วยางกันน้ำของใหม่แพง ซื้อแต่ของเก่าไปเปลี่ยนกัน
สิบปีแรกไม่เห็นผลเท่าไหร่ 15-20ปี ดูไม่จืด กระจกแตก ร้าวเพราะชน ต้องหามาเปลี่ยนยากกว่าหลังคาเหล็กเยอะ
แถมร้อนกว่ามาก ต้องติดฟิล์มเพิ่มอีก คนที่ใช้เปิดดูกลางคืน หน้าหนาวมีไม่เยอะในบ้านเรา
w221 ตราบาปของบ.แม่ ทุกคันบังคับซันรูฟหมด เคยคิดถามสาวกที่ซื้อจริงๆยาวๆบ้างไหมกว่าเขาอยากได้อะไร
รถโรงแรม ลีโม่ ประตูดูด ถุงลม ฝา เบาะไฟฟ้ายังไม่เอา แต่ถอดทิ้งไม่ได้
ประเภทเห่อแป๊บเดียวแล้วโดนลาก โดนยึด อย่าไปใส่ใจมาก
รถแค่โฉมสาม ยอดยังผีเข้าผีออกเพราะปัญหาเก่าแก้ไม่จบ ยังหาเรื่องให้ขายยากอีก
แล้วโฉมสองปล่อยยังไม่หมด ต้องกั๊กโฉมสามกี่เดือนถึงรับรถ คงเร็วแต่เบนซิน ดีเซลรอไปก่อน
สู้ราคาเดิมเพิ่มประกัน ดอกต่ำยังดีกว่า ราคาอะไหล่ใหม่ ช่วยแจ้งเร็วด้วย เดี๋ยวคนจะหาว่าฟันกว่ายุโรป
-
ผมว่า ราคาแรงไปนิดนะ ถ้าตัว ทอป มาไม่เกิน 1.72 ล้าน นี้ อย่างดีอะ
อีกอย่าง ในคลับตัวดีเซล มีปัญหาพอควรถึงแม้ ทางมาสด้า จะขยายระยะเวลาให้ก้ตาม แอบกังวล คันที่บ้านเหมือนกัน 555+
เห็นด้วยตามนี้ครับ ราคา 1.72 กำลังสวย ถ้ารับสมรรถนะเครื่อง 2.0 ได้ และไม่ได้ซีเรียสเรื่องซันรูฟ 2.0 SP ผมว่าทำราคามาดีกว่า
แต่ดูแล้ว 2.0 น่าจะอืดลงเพราะตัวหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยกิโล (ของเดิม 1.46 ตัน รุ่นใหม่ 1.6 ตัน)
ถ้าได้ลองขับอยากให้ไปลอง adaptive cruise control ว่าทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 30 มั้ย (ของ Mazda 3 ทำไม่ได้)
ถ้าทำงานถึงหยุดนิ่งได้จะช่วยคลายเครียดได้มากเวลารถติดบนทางด่วน
-
ส่วนตัวมองว่าคุ้มนะ
แต่ถ้าให้ซื้อคงไม่เอา (งบน้อย)
ผมชอบอย่างเดียวคือลำโพง BOSE สมัย Mazda3 เหมือนมีคนสั่งมาจาก Ebay เห็นว่าเสียงธรรมดานะ ไม่ได้ดีมากขนาดฟ้ากับเหว แต่เอาจริงๆก็อยากลองแหละ ตอนนี้ใช้ลำโพง Bluetooth BOSE Mini ก็ฟังดีนะเสียงไม่ดีขนาดว่าติดหูแต่ฟังนานๆไม่ล้า ออกแนวเรียบๆแต่อยู่ได้นานๆ ไม่เด่นเรื่องไหน แต่รวมๆแล้วโอเค
-
เคยเจอปัญหาจะซื้อตัวท้อปแต่มาติดที่ซันรูฟเหมือนกันครับสมัยที่ HRV ออกมาใหม่ๆ คืออยากได้ option ทั้งหมดแต่ไม่อยากได้ซันรูฟ...5555 ตอนนั้นยังไม่มีรุ่น E limited ออกมาครับ สุดท้ายเลยไปได้ CRV มาแทน
-
ผมว่าแรงไปหน่อย น่าจะอยู่สัก 1.7 ถ้วนๆครับ
ถ้าไม่ได้ขับไปลุยอะไรมากมาย วิ่งบนถนนดำเป็นหลัก ขับ 2 ก็เพียงพอแล้วครับ
ผมขับตัวเก่า เจอฝนลองวิ่ง 80 ++ ยังรู้สึกว่า มันเกาะดีกว่าเจ้า B-segment เยอะมากเลยครับ
ตัวที่ผมมองว่าคุ้มสุดน่าจะเป็น 2.0 SP ครับ แค่นี้ออปชั่นก็ใช้ไม่หมดแล้วครับ
-
(สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น 2.2 XD AT (2WD) + 210,000 บาท)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD (Real-time)
หลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ALH : Adaptive LED Headlamps
เครื่องเล่น DVD
ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE® Surrond Sound
ลำโพง 10 ตำแหน่ง
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS : Lane Daparture Warning System
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS : Lane-keep Assist System
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS : Smart City Brake Support
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R : Smart City Brake Support-Reverse
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA : Driver Attention Alert
ระบบเตือนการชนด้านหน้า และ ช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS : Smart Brake Support
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน MRCC : Mazda Radar Cruise Control
สิ่งที่ได้เพิ่มมา ถือว่าคุ้มกับส่วนต่าง 200,000 บาท
เวลาขายต่อ ราคามือ 2 รุ่นท๊อป ก็ขายได้ราคามากว่ารุ่นล่าง เช่นกัน
ปล.สีส้ม คือออฟชั่นที่ผมชอบเป็นพิเศษครับ :D
-
ราคาแรงไปครับ ส่วนตัวมองว่ารุ่นที่น่าเล่นสุดคือ 2.0S กับ 2.2XD เพราะให้ option ด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายเพียงพอแล้ว สาเหตุที่ยังไม่อยากเล่นรุ่น top คือเสียวตอนระบบ sensor ที่มีในรุ่น SP, XDL พังนี่แหละ ค่าซ่อมอ้วกแน่
ปล. ถ้าดีเซลรุ่นนี้ยังไม่ปรับปรุงจากรุ่นเดิมผมก็คงตัดออกเหลือแค่ 2.0S
-
สำหรับผมนะ คุ้มครับ กับ2แสนที่ต้องจ่ายเพิ่ม
ของดีๆทั้งนั้น ติดเพิ่มเองไม่ได้ด้วย
แต่ถ้าคิดว่า1.77ล้านแพงไปสำหรับCX-5 ก็ไปเอาตัวล่าง ซึ่งผมว่าก็น่าเล่นเหมือนกัน
สรุปคือ งบเยอะไปตัวTop / คิดว่าเอา2แสนไปทำอย่างอื่นดีกว่า เล่นตัวรองก็น่าสนใจครับ
-
ขอถามครับ ขับสี่มันจำเป็นมั้ยครับสำหรับเราๆที่ใช้ในเมือง
-
ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มครับ แต่ 2 แสนของแต่ละคน ค่าไม่เท่ากันครับ
-
ขอถามครับ ขับสี่มันจำเป็นมั้ยครับสำหรับเราๆที่ใช้ในเมือง
ไม่จำเป็นครับ ขับสี่ตัวนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อมีล้อใดล้อนึงหมุนฟรี
เช่น ลุยหิมะ/ลุยออฟโรดเบาๆ ทางไม่เรียบหรือทางขรุขระ ยัดโค้งแรงๆ ฝนตกถนนเปียก
-
ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มครับ แต่ 2 แสนของแต่ละคน ค่าไม่เท่ากันครับ
เห็นด้วยครับ บางคน 2 แสน ถือว่าซื้อของเล่นเพิ่ม
แต่สำหรับผม หรือ คนทั่วๆไป กว่าจะหาได้ 2 แสน ลำบากครับ
ถ้าใช้ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ คงเอาตัวล่างดีเซลก็พอครับ
แต่ขับต่างจังหวัดกลางคืนบ่อยๆ นึ่ ยอมเสียครับ 2 แสน เพื่อความปลอดภัย
-
ขอถามครับ ขับสี่มันจำเป็นมั้ยครับสำหรับเราๆที่ใช้ในเมือง
ไม่จำเป็นครับ ขับสี่ตัวนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อมีล้อใดล้อนึงหมุนฟรี
เช่น ลุยหิมะ/ลุยออฟโรดเบาๆ ทางไม่เรียบหรือทางขรุขระ ยัดโค้งแรงๆ ฝนตกถนนเปียก
สำหรับผมถ้ารถสูงและงบประมาณถึง คิดว่าซื้อขับ 4 ดีกว่านะครับ มีไว้ใช้เผื่อเวลาถนนเปียกเนี่ยผมคิดว่ามันคุ้มมากนะครับ ถนนในกรุงเทพฯ มีหลายจุดที่ลื่นเวลาฝนตกมากๆ เลย
-
ผมทึ่งกับการที่ Mazda กล้าตั้งราคานี้มากๆเลยล่ะครับ
-
เบนซิน Top น่าจะขายดีสุด