Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: pakkapolb ที่ ธันวาคม 08, 2017, 20:43:47
-
โจทย์มีดังนี้ครับ
อายุ 30 รถยุโรปคันแรก งบประมาณ 2.5-3 ล้าน
90% นั่ง 1-2 คน อยากไ้ด้รถขับสนุก เกาะถนน อัตราเร่งดี ส่วนตัวเป็นคนเท้าหนักพอควรครับ
ตอนี้กำลังเทียบระหว่าง
A4 45TFSI Quattro 2.99M พอดีงบเป๊ะ กับ
C350e Av (รู้สึกเฉยๆ กับ Option ที่ได้เพิ่มมาในรุ่น Amg เพราะเครื่อง/เกียร์ เดียวกัน น่าจะขับไม่ต่างกัน)
เดิมทีเล็งๆ 320d GT ไว้ด้วย แต่พอไปดูตัวจริงไม่ชอบภายในที่ดูสุดแสนจะน่าเบื่อของ BMW +กับเบาะสีแดงอย่างแรง
สองตัวนี้พี่ๆ มีความห็นว่ายังไงบ้างครับ
ตอนนี้จริงๆใจเอนไปทาง Audi นิดๆ เครื่องแรง ไม่มีไฟฟ้าให้ปวดหัว และได้ขับสี่ สมรรถนะน่าดีกว่า แต่ก็แอบหวั่นๆ กับอนาคตของศูนย์ในระยะยาว บวกกับหา user review ไม่ได้เลย แอบกลัวจะมีโรคประจำตัวซ่อนอยู่เหมือนกัน อีกอย่างคือส่วนลดน้อยมากกก
ส่วน c350 อันนี้ดีไซด์ถูกใจ ทั้งภายนอกภายใน โปรแรง ประหยัดกว่า A4 ไปหลายแสน แต่เท่าที่รีวิวมา ก็รู้สึกจะมีโรคประจำตัวให้ได้ต้องไปนอนอู่อยู่เยอะพอสมควร
ขอความเห็นพี่ๆ ช่วยตัดสินใจหน่อยครับ
กระทู้แรกเลย มีผิดถูกมรรยาทยังไง ชี้แนะด้วยครับ
ขอบคุนมากๆครับ
-
ถ้าเอาตามโจทย์นี้ก็ต้อง A4 ละครับ
ขับสนุก เกาะถนน อัตราเร่งอาจด้อยกว่านิดหน่อย แต่ได้อารมณ์กว่าแน่ๆ
-
รถยุโรปคันแรก ขอตัด C350e ออกก่อน หรือตัวเลือกในอนาคตถ้ามี e ตัดออกครับ
ส่วน 320d ตัวนี้ไม่น่ากลัวสำหรับจะเป็นยุโรปคันแรก แต่หน้าตารูปร่างไม่ถูกใจผมเช่นกัน
ดังนั้นที่น่าสนใจจริงๆคือ A4 ครับ ไหนๆก็สนใจ Audi แล้ว แนะนำให้ลองดู Jaguar XE ด้วยครับ
ผมมองว่าคู่นี้อรรถรสการขับขี่สูสีกัน และความเสี่ยงก็สูสีกัน ยังไงก็ขอให้ได้รถที่ถูกใจครับ
-
เชียร์ A4 อีกเสียงครับ เป็นรถที่น่าใช้มากแต่ที่บ้านผมยังไม่กล้าลองแบรนด์นี้
ก็เลยเทียบระหว่าง c350e กับ 330e แทน จากการหาข้อมูลข้อเสียและปัญหาต่างๆของรถทั้งสองรุ่นนี้ก็ไปจบที่330eครับ แนะนำให้ไปทดลองขับให้ครบทุกรุ่นที่สนใจจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจขึ้นอีกครับ
-
งานนี้คงต้องเลือกละครับว่า จะลุ้นเสี่ยงที่ตัวรถ หรือ จะลุ้นเสี่ยงที่ศูนย์บริการ ถ้าไม่รีบแล้วสนใจ Audi จริงๆ ผมจะรอดูสัก 6 เดือน หากยังเฉยเมยเช่น Volvo ผมคงขอลุ้นเสี่ยงตัวรถ
-
Benz ดูดีกว่าเยอะครับ. Audiได้แค่ความunique กว่าเท่านั้นในความเห็นผม
-
ไม่ลองดู 320D หรอครับ
-
ชอบ A4 ก็จัด A4 สิครับ ศูนย์บริการ ก็ดูไว้ใจได้ ถึงไว้ใจไม่ได้ ก็มีอู่นอกเยอะแยะ
ผมขับ Audi รถเกรย์ มือสอง อายุ 7-8 ปี ยังชิลๆ เลย ของ จขกท ยังง่ายกว่าผมเยอะครับ
-
ชอบAudi ก็จัด Audiได้เลยครับ C350eก็น่าใช้แต่ระบบไฟฟ้าน่ากลัวที่จะชวนให้มีปัญหากวนใจมากๆครับ ถ้าเล็งAudi A4 Quattro 252แรงม้า ตัวนี้ไว้ผมคิดว่าเรื่องสมรรถนะไม่ต้องถามแล้วละครับเพราะรถคันไม่ใหญ่มากแต่เครื่องแรงแรงขนาดนี้ แถมยังขับสี่เอง วิ่งกันกระจายแน่นอน ส่วนตัวผมไม่ได้ห่วงศูนย์บริการเลยเพราะตอนนี้ดูแลได้ดีมากและยังมีฝรั่งอยู่ด้วยครับ ต่อไปถ้าไม่อยากเข้าศูนย์ก็มีอู่นอกหรือเกรย์ที่ซ่อมAudiได้หลายที่แต่ผมเจอมากับตัวว่าราคาอะไหล่ศูนย์ถูกกว่าเกรย์ด้วย สมาชิกในAudiclubthailandก็เคยสอบราคามาแล้ว ยืนยันเหมือนผมเลย ส่วนตัวA8Lที่ใช้อยู่จนครบ5ปีแล้วยังไม่มีอะไรจุกจิกครับ
-
เน้นขับสนุก ผมว่าไม่ต้องมอง C350e เลยครับ เพราะช่วงล่างถุงลม ฟิลลิ่งมันไม่แน่นหนึบสนุก แบบ A4 หรือ 320d แน่ๆ ถึงจะแรงกว่า แรงม้าปาไป 272 แรงม้า แต่ฟิลลิ่งสำหรับคนขับ ยังเป็นรองครับ
-
ถ้าไม่ติดว่าต้องมี "ดาว"
audi เป็นรถที่น่าสนใจมาก ผมเคยขับแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
A6 2.4 ขับสอง ตัวที่โฉมเดียวกับ A100 มาเป็น A6 ดึงดีมาก ช่วงล่างดี ดีทุกอย่าง ดีกว่า C220 W202 ของผมเองไปเยอะ
A8 4.2 Quattro ปีเดียวกับ A6 ตัวข้างบน ประมาณ 2005 อันนี้สุดยอด แรง เกาะ (โคตรเกาะ) เบรคดี ล้อสวย ภายในเลิศ
พวงมาลัยสวยดุ ในตอนนั้น เมื่อเทียบกับ BMW 740IL หรือ MB W140 S500 ในรุ่นปีเดียวๆ กัน ที่เคยขับ บอกเลยว่า A8 แดกเช็ด
ทั้งทางตรง และโค้งเยอะ ทั้ง Handling และระบบเบรค แม้แต่ปัจจุบันนี้ ถ้า A8 ตัวที่ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ รถใหม่ๆ แรงใกล้เคียงกัน
อย่า!! ได้มาแหยม
เรื่องศูนย์และบริการหลังการขาย Audi ในปัจจุบัน ผมว่าไม่น่ากลัว ยิ่งถ้าอยู่ใน กทม. ด้วย
เพราะ ตระกูลล่ำซำ เขามีธุรกิจประกันภัยด้วย ถ้ามันเหม็นจาก audi ธุรกิจประกันภัยก็กระเทือนไปด้วยแน่นอน
-
Audi เ็นรถขับสนุกมากคันนึงเลยครับ อยากเชียร์ตัว A4 avant black edition ครับ ราคากับสิ่งที่ให้คุ้มมากกก ส่วนตัวชอบมากกกก เพิ่มเงินอีกนิดเดียวเองครับ :)
-
มาแบบนี้ คงต้องไปหาค่าย 4 ห่วง
-
ตอนนี้แบรนด์Audi บ้านเรากับตัวแทนใหม่ผมว่าไม่ได้น่ากลัวแล้วครับ ราคาอะไหล่เท่าที่ผมเช็คมาคือค่อนข้างมีมาตรฐานอิงราคาโดยตรงจากทางฝั่งEU ไม่ได้markup แบบไร้สาระเหมือนทางยนตรกิจนะครับ
-
นั่งสองคนเพิ่มอีกนิด TTผมว่าจบสุดเลย ทั้งขับเร็วทั้งนั่งน้อยทั้งอายุยังไม่มาก
-
ขับสนุก เกาะถนน อัตราเร่งดี และส่วนใหญ่มองแต่รถยุโรป ตัวผมเองเคยดูๆแนวนี้อยู่ครับ เอาจริงๆรถไฮบริดมันอัตราเร่งดีมากนะครับ แต่ราคาอะไหล่กับค่าซ่อมมันยังแพงเกินไปอยู่ และถ้าเป็นคนใช้รถหนักๆแล้ว พวกระบบต่างๆย่อมต้องบำรุงให้ถี่กว่าเดิมอยู่แล้วครับ ตอนนั้นผมมีรถที่เล็งๆไว้คือ
bmw 330i msport (F10) ผมเองเคยใช้ 330i e46 สมัยนานมาแล้วครับ นอกจากเครื่องที่จะแรงแบบติดเท้าแล้ว เทคโนโลยีช่วงล่างก็จะคนละแบบกับตัวทั่วไปพวก 320 318i อาจจะแข็งกว่า แต่ความหนึบ อาการดิ้นเวลาสาดโค้งไม่มี ดีกว่าแบบธรรมดาเยอะมากๆครับ ยิ่งถ้าไปติดพวก KW v2 v3 อีกด้วยละหายห่วงเลย
Audi ทั้งหลายแหล่ที่เป็นตัว ควอโทรขับเคลื่อนสี่ล้อครับ ไม่เคยมีแต่เคยเช่าที่ยุโรปหลายวัน ก็ลองทั้งทางหลวง ทั้งเอาโตบาน ข้อดีของสี่ล้อคือควบคุมง่ายครับ รถไม่ดื้อ แต่มันไม่มันเท่า bmw ที่เป็นขับเคลื่อนล้อหลังนะสิครับ
แต่สุดท้ายแล้ว ผมเลือก mini ครับ 55+ mini นี่จุดเด่นอย่างมากคือการควบคุมและความแรงของเครื่อง เรียกว่าตอบโจทย์ทุกอย่าง ตอนนั้นก็ลังเลระหว่าง r53s ที่เป็น supercharge กับ r56s ที่เป็น turbo ก็ไปลองทั้งคู่มาครับ ซัดเลียบด่วนจากทางขึ้นวัชรพลสุขาภิบาล 5 ซัด 100-240 (แรงมาก) ไปลงตรงเลยทาวอินทาวหน่อย ความมันของมินิคือรถหนึบมาก แต่ด้วยความเป็นท้ายตัด บางทีถ้าเข้าโค้งแรงมากๆ อาจมีท้ายดิ้นเบาๆได้ (ถ้าเข้าโค้งแค่แรงเฉยๆก็หายห่วงครับ) turbo แรงตั้งแต่รอบ 2000 เลย แต่ supercharge จะแรงเมื่อรอบ 4000 ไปแล้ว และคุณจะได้เสียง whining ที่ไพเราะมากๆ
สุดท้ายผมเลือก r53s ตัว supercharge ครับ เพราะมันขับได้ดิบกว่า
ขอให้ได้รถที่ถูกใจครับ
-
ถ้าในตัวเลือก ผมตัด Audi ทิ้งก่อนคันแรกเลยครับ
คันที่สองตัด Benz ออกเพราะ e น่าชวนปวดหัว
สุดท้ายเหลือ 320d ที่ดูแล้วน่าจะเหมาะกับรถยุโรปคันแรกที่สุดครับ
ที่ผมตัด Audi ก่อนเลย เพราะคนใช้น้อยมาก ศูนย์บริการก็มีแต่คนบอกว่าน่าจะดี น่าจะไว้ใจได้ แต่ยังไม่เคยมี Feedback ให้เห็นแบบจริงๆจังเลย ผิดกับอีก 2 ยี่ห้อ ที่คนใช้เยอะกว่า มีFeedbackให้เยอะกว่า อีกทั้ง อู่นอก ทั้ง Benz และ BMW หาได้ง่ายกว่า มีเยอะกว่า มีรถให้ช่างลองซ่อมได้เยอะกว่า หาอาการ อะไหล่ได้เร็วกว่า
ที่บอกมาเพราะผมเคยซื้อ Audi ใช้ 3 คัน ศูนย์ไม่ต้องพูดถึงนะครับ ฝาน้ำมันเครื่องยังลืมปิดเลย พออู่นอกก็คิวยาวคิวเยอะมาก ที่ชื่อดังๆก็รอคิวนานมาก ซ่อมก็หายบ้างไม่หายบ้าง สรุปคือขายทิ้งแบบราคาเมื่อเทียบกับ Benz BMW แล้วต่ำกว่าเยอะมาก และหาคนซื้อยาก
ตัวรถทั้ง 3 คัน คุณภาพการใช้งาน การขับขี่ไม่ต่างกันมากครับ แต่บริการหลังการขาย และหลังจากใช้ไปหลายปีต่างกันคนล่ะเรื่องเลยครับ