Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ิbibi ที่ ธันวาคม 08, 2017, 23:55:08
-
ผม สนใจ ตัว audi a4 ขับ 2 ครับ แล้วเมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไป ดูรถ เดโม่ ทางเซลล์ เค้าบอกมาว่า ตอนนี้ a4 เค้าปรับออปชั่นลง ผมเลยอยากจะขอคำปรึกษาว่า
1. a4 รถใหม่ มีออปชั่นอะไรที่ถูกตัดลงไปบ้าง จากที่สอบถามไป เซลล์แจ้งว่า ไม่มี ambient light กับ เปลี่ยนเครื่องเสียง
2. ถ้าเปรียบเทียบ กับ 320d iconic ทุกท่านว่า ในระยะยาว รุ่นไหนจะจุกจิกกว่ากันครับ
3. ผมวางแผนว่าจะใช้ ในระยะ 6-7 ปี ทุกท่านคิดว่าราคาจะตก แรงมั้ยครับ
ขอบคุณทุกท่านมากครับ
-
อีกเรื่องที่อยากจะถามเพิ่มเติมคือ เรื่องอัตราการสิ้นเปลือง ทางเซลล์แจ้งไว้ว่า 16กิโล/ลิตร ใช้จริงจะได้เท่านี้มั๊ยครับ
-
1.ถามเซลล์จะได้คำตอบที่ถูกต้องกว่านะครับ แต่ตามสเปคเดิมรุ่นนี้ก็มีAmbient Light ส่วนเครื่องเสียงเป็นแบบธรรมดาไม่ใช่พวกBoseหรือB&Oอยู่แล้ว แต่ที่ใช้อยู่ในA8ผมก็ว่าดีใช้ได้แล้ว ถ้าเทียบกันดีกว่าเครื่องเสียงธรรมดาในGLEที่รู้สึกเบสบวมๆครับ ส่วนA4ยังไม่เคยลองฟังจริงจังเลย
2.ระยะยาวคงตอบยากแต่เครื่องดีเซลน่าจะอึดกว่าเครื่องเบนซิน
3.ราคาตก อันนี้แรงกว่าBMWแน่นอนครับ ขนาดVolvo S80 โฉมก่อนของหุ้นส่วนผมยังเหลือแค่5แสนเองทั้งๆที่วิ่งไปนิดเดียวครับ
อัตราสิ้นเปลืองที่เซลล์บอกไว้น่าจะวิ่งทางไกลอย่างเดียว ในเมืองหรือรถติดไม่น่าเป็นไปได้ครับ
-
ระยะยาวทนกว่า ต้อง 320d ครับ ดีเซลถึงทน
อัตราสิ้นเปลือง 16 km/l คงต้องขับทางไกล ไม่เกิน 110 km/h หละครับ
ผมขับ 320i ถ้าขับ 100 km/h ยาวๆ ก็ได้ 17 km/l
ถ้าขับ 120 km/h จะได้ประมาณ 14-16 km/l ครับ
ถ้าขับในเมือง รถติดๆ ได้แทบไม่เกิน 11 km/l ขนาดใช้งาน idle stop ด้วยนะนั่น ถ้าไม่ใช้ ตัวเลขจะยิ่งลดไปอีก
A4 ผมว่าน่าจะใกล้เคียงกัน หรืออาจจะประหยัดกว่า BMW 320i นิดๆ เพราะได้เกียร์ dual clutch ใช่มั้ยครับ
-
ส่วนตัวผมว่าเครื่องเทอร์โบเบนซินจุกจิกน้อยกว่าดีเซล เพราะชิ้นส่วนน้อยกว่า ซับซ้อนน้อยกว่ามาก ปัญหาจะเกิดจากชิ้นส่วนประกอบไม่ใช่ตัวเครื่องยนต์
เรื่องกินน้ำมันใช้จริงดีเซลได้13โล/ล เบนซิน11โล/ล ขนาดเครื่อง2.0เท่ากัน
2ตัวเลือกนี้ผมว่า320dยังน่าสนใจกว่า
แต่ถ้าเอาไม่ตกรุ่นเร็วและซื้อตอนนี้ผมว่าc350Eน่าสนกว่า เพราะในระยะ6-7ปีแบตยังประกัน ตัวเริ่มต้นลดเยอะ ขายต่อไม่น่ากังวล
-
ถ้าเทียบในด้านของตัวรถ ผมว่าทั้ง 320D iconic และ A4 เป็นรถที่น่าขับทั้งคู่
สิ่งที่คุณต้องทำใจก่อนคือ Audi ราคาจะตกมากกว่าเวลาขายต่อครับ
แต่สิ่งที่คุณได้รับคือความแตกต่างจากตราใบพัดและตราดาว
-
ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ สำหรับ ข้อมูล แล้วจะนำไปประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ พรุ่งนี้คิดว่าจะกลับไป มอเตอร์ โชว์อีกรอบ ทางเซลล์ออดี้ เค้า ลดราคาให้ผม ค่อนข้างดีเลย ถ้าไปลองนั่งลองดูตัวรถอีกที แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจจะได้ตัดสินใจเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ สำหรับ ข้อมูล แล้วจะนำไปประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ พรุ่งนี้คิดว่าจะกลับไป มอเตอร์ โชว์อีกรอบ ทางเซลล์ออดี้ เค้า ลดราคาให้ผม ค่อนข้างดีเลย ถ้าไปลองนั่งลองดูตัวรถอีกที แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจจะได้ตัดสินใจเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอโทษนะครับ
ผมเองก็สนใจรุ่นนี้อยู่
อยากทราบว่าเซลล์ให้ส่วนลดเท่าไหร่ครับ :)
-
ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ สำหรับ ข้อมูล แล้วจะนำไปประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ พรุ่งนี้คิดว่าจะกลับไป มอเตอร์ โชว์อีกรอบ ทางเซลล์ออดี้ เค้า ลดราคาให้ผม ค่อนข้างดีเลย ถ้าไปลองนั่งลองดูตัวรถอีกที แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจจะได้ตัดสินใจเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอโทษนะครับ
ผมเองก็สนใจรุ่นนี้อยู่
อยากทราบว่าเซลล์ให้ส่วนลดเท่าไหร่ครับ :)
ผมต้องบอกก่อนนะครับว่า รถที่ผมดู เป็นรถ ผู้บริหาร แล้วทางเซลล์ เค้าลดอยู่แล้ว 4แสน ซึ่ง ผม ต่อเค้าอีก 5 หมื่น พร้อมประกันภัยอีก1ปี พรุ่งนี้ผมว่าจะไป ขอ พรมยางกับ ฟิล์ม เพิ่มครับผม
-
ส่วนตัวผมว่าเครื่องเทอร์โบเบนซินจุกจิกน้อยกว่าดีเซล เพราะชิ้นส่วนน้อยกว่า ซับซ้อนน้อยกว่ามาก ปัญหาจะเกิดจากชิ้นส่วนประกอบไม่ใช่ตัวเครื่องยนต์
เห็นด้วยครับ ถ้าย้อนไปสมัย 20กว่าปีก่อน ที่ดีเซลใช้ปั๊มจานจ่าย VE (ปั๊มขับด้วยกลไก) แล้วเบนซินใช้หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ (ใช้ ECU คุม)
ถ้าเป็นสมัยนั้น ดีเซลมันจุกจิกน้อยกว่าเบนซินจริงๆครับ แต่เดี๋ยวนี้เครื่องดีเซลกับเบนซินไม่ได้จุกจิกต่างกันเท่าไหร่เลยครับ เซ็นเซอร์แทบจะมีเหมือนกันทุกตัว
หลักๆต่างแค่เบนซินมีหัวเทียนกับคอยล์ ซึ่งก็ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันบ่อยๆเสียเมื่อไหร่ 8หมื่น-แสนโล เลย บางคนใช้รถปีไม่ถึงหมื่อโล กว่าจะเปลี่ยน
10 ปีนู้นเลยครับ แล้วค่าซ่อมในระยาวดีเซลแพงกว่าเบนซินด้วยน่ะครับ
-
ถ้าเป็นรถ ผบห. แสดงว่าไม่ใช่รถใหม่ มือ1 นะสิครับ งั้นต้องเช็คสภาพดีๆก่อนนะครับ รวมทั้งการรับประกันต่างๆ