Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Pan Paitoonpong ที่ ธันวาคม 12, 2017, 19:12:33
-
หลังจากที่ผมได้ไปร่วมทริปลองขับกับสื่อมวลชนท่านอื่นมาเมื่อวันที่ 6-7 ธ.ค. ผมได้มีโอกาสสัมผัสการใช้งาน MG ZS ในหลากหลายสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นการคลานแบบรถติดในตัวเมือง (ติดแบบไหน..ก็แบบรถทัวร์ซั่มท้ายรถกระบะบนด่วนบางนา และรถชนกันสี่คันรวดตรงทางแยกลงเพลินจิต) และวิ่งมอเตอร์เวย์ รวมถึงบนถนนสายรองแถบตัวเมืองและแหลมแม่พิมพ์จังหวัดระยอง
เรื่องอัตราเร่งที่เขาว่าอืดกัน ก็ต้องบอกไปตามเนื้อผ้าครับว่ามันก็เป็นไปตามนั้นแหละ เอารถรุ่นอื่นๆในพิกัดเดียวกันมาเทียบก็น่าจะสู้กันได้ยาก
แต่สำหรับเรื่องอื่นๆ ผมคิดว่า ZS ไม่ใช่รถที่น่ามองข้ามเพียงเพราะมันอืด โลกนี้ประชากรที่ใส่ใจในอัตราเร่งเป็นส่วนน้อย นั่นหมายความว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยเหยียบคันเร่งจมมิด ZS เป็นรถคันหนึ่งที่สร้างความโดดเด่น..ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องระบบสั่งการด้วยเสียง หรือ Panoramic roof ในราคาต่ำกว่าแปดแสน แต่ยังรวมไปถึงการโดยสารที่สบายกว่าที่คาด กับช่วงล่างที่ผมคิดว่าบาลานซ์ความสบายและความมั่นใจมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องอื่นๆในรายละเอียดจะเป็นเช่นไร
คลิกเลยครับ
http://www.headlightmag.com/first-impression-mg-zs-1-5-x-4at-2017/
-
ขอบคุณครับ รออยู่เลย
ปล. พี่แพนเล่น XCOM ด้วยเหรอครับ ผมชอบมากเลยเกมนี้
-
minor change จะมีสิทธิลุ้นเครื่องกับเกียร์มั้ย รถอุตส่าห์นั่งสบาย น่าพาออกไปขับไกลๆ
-
ขอบคุณครับ รออยู่เลย
ปล. พี่แพนเล่น XCOM ด้วยเหรอครับ ผมชอบมากเลยเกมนี้
ผมเล่นตอนมัธยม สมัยนั้นเอาแผ่น 3.5 นิ้วมาสามแผ่น Install ลงเครื่องทีละแผ่น เล่นไปเรื่อยๆ ยิ่งนั่งเล่นคนเดียวดึกๆ เสียงเสิง อารมณ์มาเต็ม ผมเล่นภาคแรก แล้วก็ภาค 2 จากนั้นไม่ได้มีโอกาสแตะอีกเลยครับ ช่วงนั้นหันไปบ้า TIE FIGHTER แทน
-
ขนาดรถทดสอบ ยังมีปัญหาเยอะเลย หวังว่ารุ่นจำหน่ายจริงคงแก้ปัญหาได้จบ ไม่งั้นไปไม่รอดแน่
-
ถ้าศูนย์บริการดี เจ้าตลาดเริ่มร้อนๆหนาวๆแน่ ออโต้4สปีดถึงดูเก่า แต่ทนถึกนี่เป็นผมๆก็จัด
-
ปัญหามาให้เห็นเลย
-
เจอ defect แต่ละอย่าง Mazda 2 ดีเซลผมจิ๋วไปเลย
ไม่คาดหวังกำลังเครื่องแต่แรกอยู่แล้วเมื่อทราบว่าใช้เครื่องอะไร แต่พอจับเวลาแล้วมาพิจารณาอีกที... อืมมม ผมว่า MG ไม่ควรนิ่งนอนใจเรื่องนี้ได้แล้วนะ รู้ว่าเครื่องมันไม่สามารถทำพละกำลังสู้คู่แข่งได้ มันก็ควรจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ เช่น 1.5 Turbo อย่างที่พี่แพนว่าแหละ 849,000 แล้วเพิ่มแอร์ออโต้ , Keyless Entry มาให้ซักหน่อย ขอให้มันทำได้ดีแบบตอนที่มันอยู่ใน GS แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว
-
เจอ defect แต่ละอย่าง Mazda 2 ดีเซลผมจิ๋วไปเลย
ไม่คาดหวังกำลังเครื่องแต่แรกอยู่แล้วเมื่อทราบว่าใช้เครื่องอะไร แต่พอจับเวลาแล้วมาพิจารณาอีกที... อืมมม ผมว่า MG ไม่ควรนิ่งนอนใจเรื่องนี้ได้แล้วนะ รู้ว่าเครื่องมันไม่สามารถทำพละกำลังสู้คู่แข่งได้ มันก็ควรจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ เช่น 1.5 Turbo อย่างที่พี่แพนว่าแหละ 849,000 แล้วเพิ่มแอร์ออโต้ , Keyless Entry มาให้ซักหน่อย ขอให้มันทำได้ดีแบบตอนที่มันอยู่ใน GS แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว
ตอนนี้ยิ่งกว่านิ่งนอนใจอีกครับ คือสบายใจเลยล่ะ เพราะคนที่ไปลองมามีน้อยมากที่บอกว่าอืดจนรับไม่ได้ เพราะอย่างที่พี่แพนบอกว่าคันเร่งมันไวครับ กดแล้วเหมือนแรง เหมือนพวกคันเร่งไฟฟ้าที่คนไปติดแล้วบอกว่าแรงๆ แล้วก็มีอีกกลุ่มบอกมโนๆ นั่นล่ะ
คิดว่าจะหวังเครื่องเทอร์โบนั้นยากกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าเสียอีก เพราะมอเตอร์ไฟฟ้านี่เอาเข้ามาแน่ อยู่ที่เมื่อไรแค่นั้นเอง ที่จีนออกปีหน้าแล้ว ZS EV
-
มันจะต้องมีคนที่เถียงกัน เร็วพอ ไม่เร็วพอ ความพอของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเป็นคนทั่วไป เอาตัวเองวัด ไม่แปลก แต่เป็นเว็บลองรถ ข้อมูลอัตราเร่งมี คลิป 0-100 มีทำไว้ให้ดูหลายรุ่น ดังนั้นอืดหรือเร็ว มันเป็นเรื่องที่ต้องพูดได้เพราะจับได้ด้วยนาฬิกาครับ เราอาจจะวิ่งกลางวัน แต่ผมดูโหวงเฮ้งแล้ว ต่อให้ลดเหลือคนขับตัวผอมๆ 2 คน แล้วเอาไปวิ่งกลางคืนก็ไม่ crack 14 วิหรอกครับ
แต่ที่เขียนเรื่องขับในเมืองปกติ แล้วรู้สึกไม่อืดนั้น ผมเขียนเพื่อกันไม่ให้เข้าใจผิดกันระหว่างคนที่ขับแบบเหยียบเต็มร้อย กับคนที่ขับแบบปกติ เหยียบแค่ครึ่งๆกลางๆ เพราะถ้าขับแบบอย่างหลังนี่อะโห ZS ดูเหมือนแรงเลยครับ คนละเรื่องกับ Yaris ATIV แต่พอบี้เต็มตีน ก็อย่างที่เห็น เรื่องพวกนี้ต้องให้คนเท่าไปเข้าใจก่อนว่าลิ้นคันเร่งไฟฟ้าต่างกับลิ้นคันเร่งสายสลิงยังไง เมื่อเข้าใจก็จะอ๋อเองครับ
ส่วนเรื่องการติดตั้งเครื่องเทอร์โบ ผมอ่านสีหน้าผู้บริหารแล้วรู้เลยว่ายากมากครับ
คืองี้ เราอย่าไปด่าเขา ว่าทำไมไม่ทำนั่น ไม่ทำนี่ ผู้บริหารไทยนี่แทบไม่มีสิทธิ์ขาดอะไรเลย MG ไม่ได้เหมือน Isuzu ซึ่งเป็นบ่อทองของตลาดโลกในไทย อำนาจการตัดสินใจมันเทียบกันไม่ได้ แล้วถ้าสมมติทำออกมา ราคาขายไม่มีทางเป็น 789,000 แต่ถ้า 850,000 อาจจะพอได้...แต่ผมเดา เดานะ ว่าถ้าเปิดตัวท้อปมา 850,000 คนก็จะมองว่า เห้ย แตะ CX-3 หรือเพิ่มอีกนิดได้ HR-V เลย แบบนั้นก็จะขายไม่ได้ดีอย่างที่หวัง
และยิ่งเป็นรถขาย Volume ต่อปี 12,000 คัน มันยังไม่มากพอที่ SAIC จะยอมอนุมัติสร้างเครื่องยนต์ หรือสร้าง combinationระหว่างเกียร์กับเครื่องพิเศษสำหรับตลาดไทย ไม่มีในตลาดอื่น เช่นเอา 15S4C มาประกบ 6 สปีดออโต้ เขาไม่มีรุ่นไหนเลยในสายการผลิตที่ใช้ combination นี้อยู่ ถ้าทำ ก็ต้องมี Research, Develop, Test มันก็จะมาเป็นภาระต้นทุน วิธีที่ถูกเงิน และหาเรื่องใส่ตัวน้อยที่สุดก็คือการเอาขุมพลังที่ถูกที่สุด เอาเกียร์แบบที่เชื่อว่าทนที่สุดมาใส่
ลองคิดถึงการเปิดร้านขายข้าวแกงครับ มีร้าน A ตั้งอยู่ ขายจานละ 50 บาท คุณเป็นร้าน B ไปตั้งข้างๆ จะเลือกขาย 50 บาทแล้วเครื่องปรุงดีกว่า A บางอย่าง ห่วยกว่า A บางอย่าง..หรือจะขาย 35 บาท แล้วเลือกทำอาหาร 1 หรือ 2 อย่างให้อร่อยกว่าของร้าน A ส่วนที่เหลือก็หดคุณภาพไปตามราคา คุณคิดว่าวิธีไหนจะทำให้ร้าน B ตั้งตัว ตั้งธุรกิจได้เร็วกว่า ยังไม่ต้องพูดถึงระยะยาวนะครับ เอาว่าตั้งตัวให้แข็งเด่ได้ก่อน?
-
เข้าใจว่าเป็นรถ segment สูงกว่าราคา ดังนั้นเครื่องยนต์ เกียร์ มันก็อาจจะด้อยกว่าตามราคาอยู่แล้วนะ
ในสายตาของผม MG ก็ยังเป็นแค่แบรนด์เกรด C หรือ B ต้นๆ ให้พิสูจน์ตัวเองอีก 10ปีขึ้น ครับ
รวมถึง crash test อย่าง ANCAP ก็ได้น้อยกว่าเจ้าอื่น Sunroof ก็ดูเปราะบางถ้ารถคว่ำจะเป็นอย่างไร
สมมุติมีงบ 600-800k ผมซื้อEco car หรือ Bseg ดีกว่า
-
อ่านแล้วเที่ยบกับคันที่ผมใช้อยู่(ราคา5.9แสน) ผมไม่เปลี่ยนเด็ดขาด .....แต่รอรถไฟฟ้าอยู่นะMG อีก2-3ปีเจอกัน
-
ถ้าขายดีขนาดนี้ turbo ยังไม่มาง่ายๆแน่
นอกเสียจาก ยอดตก ไม่เข้าเป้า
mg คงจะพิจารณา turbo มาขาย
-
ok. แฮะ ... แต่มีอะไรที่รู้สึกว่า ไม่น่าซื้อหลายอย่าง
คือบางอย่างก็พยายามทำให้รถดูสเถียร และพยายามลดราคา เช่น ใส่ 4AT กับเครื่องเดิมๆ
แต่ไปยัด option ไฟฟ้า ให้ราคาขึ้นซะงั้น ของความปลอดภัยไม่ว่าเอามาเหอะ ... ผมอาจจะเป็นคนส่วนน้อยของประเทศที่ไม่ชอบ option ที่มันมากเกินไปจนน่ากลัวจะต้องซ่อมในระยะยาวนะ
อัตราเร่ง กับอัตราสิ้นเปลือง ก็ตามคาดของ MG นั่นละ ผมไม่คิดว่าเลขมันจะสวยอยู่แล้ว ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวังอะไร
.................
อยากให้มีรุ่นล่าง ใส่แม็กตัว top (แม็กตัวรองผมว่าไม่สวยเลย ผมซื้อมาเปลื่ยนแม็กแน่) ภายในดำล้วน เบาะผ้า ตัด option ไฟฟ้าออกเหลือแค่ระบบความปลอดภัยจัง
ผมว่าตัวรถกับราคาผ่านแล้วละ แค่ความสเถียรระยะยาวนั่นละที่จะต้องรอดู
ถามว่า น่าซื้อไหมสำหรับผม รอต่อไปนะ ok. แต่ไม่ถึงกับอยากได้ ตอน ecosport juke cx3 hrv ออกมาใหม่ๆ ผมรู้สึกว่าอยากได้มากกว่า ZS นะ
หน้าตาภายนอกมัน ok. มากสำหรับผม(แหง๋ละ ผมชอบ mazda style อยู่แล้ว) แต่ภายในดูเกินๆไปนิด ส่วนตัวว่าไม่ลงตัวนะ(ความสวยเรื่องส่วนบุคคลนิ)
-
เทียบกับรถสมัยสิบกว่าปีมี่แล้วก้อคงไม่อืดมากมั้ง
ขับแบบเสมือนใช้เครื่องยนต์กับเกียร์ยุคก่อนนี้ แต่ได้ภายนอกภายในดูดี
หากทนทาน ซ่อมบำรุงน้อง. ก้อน่าใช้กว่าคู่แข่ง ที่แพงกว่าแรงกว่า มันก็สมเหตสมผล
-
ชอบมากเลยไอ้กระจกบนหลังคาเนี่ย ::)
-
อ่านไล่ลงมาจนใกล้จบบทความเหมือนจะมี "เฟริสท์ ดีเฟ็กท์ชั่น" เข้าไปด้วยเลย
-
หากจะซื้อ คงรอ minorchange
1.เผื่อเปลี่ยนเกียร์ใหม่ หรือใส่เทอร์โบ
2.รอแก้ บรรดา.defect ต่างๆ ของรถลอตแรกให้หมดก่อน
3. ถ้ามันมีอาการประจำรุ่น จะได้รู้วิธีแก้
-
ที่ความเร็วช่วง 70-100 มันอืดจริง ผมไปลองขับมา ต้องคิ้กดาวน์ช่วยตลอด ไม่ไหว
แต่ไม่คิดว่าจะอืดขนาด 18 วิ
-
ว่าแล้วก็ไปหาลองขับ
-
ถ้าเครื่องดีแล้วเพิ่มราคาผมว่าก็ยังสู้ชาวบ้านได้ และเห็นด้วยว่าระบบความปลอดภัยพวกเซนเซอร์สำคัญกว่าระบบสมาร์ทไรนั่นที่ทำมาแล้วรวน (ถึงจะสามารถอัพเดทได้ก็เถอะ)
ถ้ายังวางตัวเป็นรถของเล่น เอาเครื่องอืดๆมาหลอกว่าเร่งดีแต่กินน้ำมันโหด สุดท้ายมันก็จะขายไม่ออก เสียดายตัวรถที่ทำช่วงล่างมาดี ทำห้องโดยสารมาดี
ไม่ควรตกม้าตายแบบนี้ (ถึงยอดจองจะเยอะ แต่ขอทายว่าสุดท้ายคงไม่ต่างกับโน้ต) ยิ่งถ้า xpander มาไทยนะเสร็จแน่ (ทำไม MG กล้าตั้งเป้าปีละเป็นหมื่นคัน งง)
-
รอดูผู้ใช้จริง จะมีการบ่นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองไหม ผมว่ากินจุเหมือนกันนะ
-
อ่านตอนท้ายที่ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ตรงไปตรงมากับลูกค้า ทำให้อยากรู้เลยว่ายี่ห้ออะไร
-
อืดใช้ได้ ถ้าซอยอัตราทดเกียร์มากกว่านี้ เครื่องอาจจะเค้นแรงได้ง่าย
แต่ก็ตามคอลัมรีวิวนั่นแหล่ะ เรื่องของต้นทุนการผลิต และการทำราคา
-
ไปดูคันจริงมา
ภายนอก ความงามยังอีกไกล mazda cx5 ถึงจะก๊อปมา แต่ทีมออกแบบยังห่าชั้นอยู่มาก
ภายใน เบาะนั่งไม่สบาย ปีกเบาะโอบเข้ามามากไป ที่พักแขนซ้ายก็ตัดออก แต่ให้หลังคากระจกมา จริงๆแล้วที่พักแขนสำคัญกว่ามากๆ
เบาะหน้า FORD ECOSPORT นั่งสบายกว่า ส่วน BRVผมนั่งไม่ได้เลยครับ
-
รอดูกันยาวๆ ต่อไป แต่ผมคิดว่า MG น่าจะอยู่ไปอีกนานนะ
-
อ่านตอนท้ายที่ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ตรงไปตรงมากับลูกค้า ทำให้อยากรู้เลยว่ายี่ห้ออะไร
isuzu ครับมีปัญหาเพลาลูกเบี้ยว ถึงกับตั้งทีมจากญี่ปุ่น มามอนิเตอร์ ต้องเคลมลูกค้าให้ได้ 100% ในลอตที่มีปัญหา แถมให้ gift vaucher 500 เป็นค่าเสียเวลา
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
-
ไปดูคันจริงมาแล้ว ห้องเครื่องกว้างดีครับ
น่าเอา 3S-GE มาลงแฮะ
-
ขับมาแล้วครับออฟชันOKแต่ว่าเครีองดิอะขอให้มีเรียวแรงให้ดีกว่านี้ครับบอกตามตรงอึดมากครับผมว่านะครับตกม้าตายเพราะเครีองครับ
-
MG เขาน่าจะขายรุ่นตัวถังเปล่าไปเลยนะครับ แล้วไปหาเครื่องเกียร์กันสบายใจทั้งคนซ์้อคนขาย ได้เปิด Segment ใหม่อีก
-
ขำตรง GoodBye MG 55555
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
คุณไปเอามาจากไหนว่า Software จีนห่วยครับ ตอนนี้จีนเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านซอฟท์แวร์นะครับ ของ MG นี่อาจจะยังไม่เสถียร เพราะคนไทยพัฒนา
แต่ในระดับโลกอันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 โปแลนด์
ส่วนญี่ปุ่นอันดับ 6 และเยอรมันอันดับ 14 ตามลำดับครับ
ด้าน Mechanical Engineering จีนสู้ยุโรปกับญี่ปุ่นไม่ได้ อันนี้ถูกครับ เพราะเค้าพัฒนาก่อนจีนหลายปี อย่างเครื่องมือการแพทย์ โลหการต่างๆ ถ้าจะซื้อก็ต้องของเยอรมัน
แต่ Software Engineering ไม่มีใครสู้พี่จีนได้ครับ ตอนนี้ Mobile App ทำเงินอันดับต้นๆ ก็ Made in China ทั้งนั้น
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
คุณไปเอามาจากไหนว่า Software จีนห่วยครับ ตอนนี้จีนเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านซอฟท์แวร์นะครับ ของ MG นี่อาจจะยังไม่เสถียร เพราะคนไทยพัฒนา
แต่ในระดับโลกอันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 โปแลนด์
ส่วนญี่ปุ่นอันดับ 6 และเยอรมันอันดับ 14 ตามลำดับครับ
ด้าน Mechanical Engineering จีนสู้ยุโรปกับญี่ปุ่นไม่ได้ อันนี้ถูกครับ เพราะเค้าพัฒนาก่อนจีนหลายปี อย่างเครื่องมือการแพทย์ โลหการต่างๆ ถ้าจะซื้อก็ต้องของเยอรมัน
แต่ Software Engineering ไม่มีใครสู้พี่จีนได้ครับ ตอนนี้ Mobile App ทำเงินอันดับต้นๆ ก็ Made in China ทั้งนั้น
ตามนี้ครับ ปัจจุบัน Software จีนไปไกลมากๆ ไกลกว่าฝั่งบ้านเราเยอะ ดูจากบริษัทอันดับต้นๆของจีนเป็นเกี่ยวกับระบบ Software ทั้งนั้นครับ
-
defect เริ่มมีให้เห็นแล้ว ขนาดรถทดลองขับ แม้บางอย่างจะดูเล็กน้อย
แต่ถ้ามันเยอะเข้า ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ
อัตราเร่ง 0-100 14 วิ นี่ก็อืดมาแล้ว นี่ปาเข้าไป 18 วิเลย จะแซงรถเลนสวนคงต้องเผื่อระยะไว้พอสมควร
ใช้งานใน กทม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ต่างจังหวัด คงต้องคิดสักนิดยามต้องการเร่งแซงครับ
จัดเครื่องพร้อมเกียร์ GS1.5มา ตัวท็อปเคาะราคาให้ไม่เกิน 9 แสน ผมว่าพอขายได้อยู่นะครับ เพราะออปชั่นเยอะมาก เหลือแค่ทำยังไงให้ระบบมันเสถียรมากกว่านี้หน่อยครับ
ปล. เรื่องจอแฮงค์นี่ เจอทั้ง MG5 และ GS สงสัยกลัวน้อยหน้ารุ่นพี่ เลยขอร่วมด้วย 555
-
defect เริ่มมีให้เห็นแล้ว ขนาดรถทดลองขับ แม้บางอย่างจะดูเล็กน้อย
แต่ถ้ามันเยอะเข้า ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ
อัตราเร่ง 0-100 14 วิ นี่ก็อืดมาแล้ว นี่ปาเข้าไป 18 วิเลย จะแซงรถเลนสวนคงต้องเผื่อระยะไว้พอสมควร
ใช้งานใน กทม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ต่างจังหวัด คงต้องคิดสักนิดยามต้องการเร่งแซงครับ
จัดเครื่องพร้อมเกียร์ GS1.5มา ตัวท็อปเคาะราคาให้ไม่เกิน 9 แสน ผมว่าพอขายได้อยู่นะครับ เพราะออปชั่นเยอะมาก เหลือแค่ทำยังไงให้ระบบมันเสถียรมากกว่านี้หน่อยครับ
ปล. เรื่องจอแฮงค์นี่ เจอทั้ง MG5 และ GS สงสัยกลัวน้อยหน้ารุ่นพี่ เลยขอร่วมด้วย 555
3 ผมก็เจอครับ 5555 แต่ตอนนี้หายละครับ
แต่ของผมมันจอแถมมานะครับ
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
คุณไปเอามาจากไหนว่า Software จีนห่วยครับ ตอนนี้จีนเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านซอฟท์แวร์นะครับ ของ MG นี่อาจจะยังไม่เสถียร เพราะคนไทยพัฒนา
แต่ในระดับโลกอันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 โปแลนด์
ส่วนญี่ปุ่นอันดับ 6 และเยอรมันอันดับ 14 ตามลำดับครับ
ด้าน Mechanical Engineering จีนสู้ยุโรปกับญี่ปุ่นไม่ได้ อันนี้ถูกครับ เพราะเค้าพัฒนาก่อนจีนหลายปี อย่างเครื่องมือการแพทย์ โลหการต่างๆ ถ้าจะซื้อก็ต้องของเยอรมัน
แต่ Software Engineering ไม่มีใครสู้พี่จีนได้ครับ ตอนนี้ Mobile App ทำเงินอันดับต้นๆ ก็ Made in China ทั้งนั้น
รบกวนถาม แบบไม่รู้ครับ อเมริกาอยู่อันดับไหนครับ ผมว่าอเมริกาไม่น่าแพ้จีนนะ จีนมีแค่ Tencent ที่ชูหน้าชูตาได้จริงจัง รัซเซียผมก็รู้จักแต่ KasperSky
ส่วนอเมริกาผมมีส่วนจ่ายเงินให้เขาแทบทุกวัน จนผมคิดว่า Top 3 ไม่มี อเมริกา มันค่อนข้างแปลกมากๆ
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
คุณไปเอามาจากไหนว่า Software จีนห่วยครับ ตอนนี้จีนเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านซอฟท์แวร์นะครับ ของ MG นี่อาจจะยังไม่เสถียร เพราะคนไทยพัฒนา
แต่ในระดับโลกอันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 โปแลนด์
ส่วนญี่ปุ่นอันดับ 6 และเยอรมันอันดับ 14 ตามลำดับครับ
ด้าน Mechanical Engineering จีนสู้ยุโรปกับญี่ปุ่นไม่ได้ อันนี้ถูกครับ เพราะเค้าพัฒนาก่อนจีนหลายปี อย่างเครื่องมือการแพทย์ โลหการต่างๆ ถ้าจะซื้อก็ต้องของเยอรมัน
แต่ Software Engineering ไม่มีใครสู้พี่จีนได้ครับ ตอนนี้ Mobile App ทำเงินอันดับต้นๆ ก็ Made in China ทั้งนั้น
สงสัยเคยโดนbaitu เล่นงาน
จีนคนมากครับ มีตั้งแต่เกรดมุกอย่าง20 ยันของพรีเมื่ยม
-
MGกำลังจะสอดแทรกตัวเข้ามาในตลาดแบบที่ไม่รู้ตัวกันนะครับ :-X อย่างที่คุณแพนว่าคนที่คลั่งเรื่องความแรงคือสัดส่วนน้อยในสังคม และด้วยความที่คนไทยชอบอะไรที่ฉาบฉวยดูล้ำ MGรุ่นนี้เลยไม่สนใจเครื่องยนต์แต่ไปเรียกแขกด้วยอุปกรณ์ทั้งหลายแทน ก็เหมือนที่รถญี่ปุ่นทำกันที่เน้นชุดแต่งต่างๆแต่จำนวนแอร์แบกกับABSยังไม่มี เพิ่งจะเริ่มใส่ออพชั่นความปลอดภัยมาให้ครบหลังเริ่มมีการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นนี่เอง :-X แล้วในตลาดเองมีกลุ่มคนประเภทที่ไม่สนเรื่องความแรงเลยแต่สนใจเรื่องความทนทานเป็นหลักเท่านั้นอยู่ด้วยอย่างอวานซ่าไง ความแรงไม่สนขอให้รถขนาดใหญ่ใช้ขนย้ายได้ดีและมีความทนทาน และMGตัวนี้ก็เข้าข่ายกลุ่มคนชอบอวานซ่าในทางหนึ่ง รถขนาดใหญ่และมีความพยายามจะใส่ของที่ทนทานที่สุดมาให้ คนจำนวนมากชอบพูดว่าจะซื้อMGรอดูก่อนรอดูจำนวนศูนย์เพิ่มขึ้นก่อนรอดูความทนทานก่อน ทีนี้มาอลงคิดดูกันดีๆนะครับว่าสิ่งที่รอดูกันMGตอบสนองไปถึงไหนแล้ว? 8)
ถ้าโตโยต้าขายดีเพราะความทนทานมากกว่าเทคโนโลยี MGก็กำลังพยายามที่จะสร้างรากฐานนี้ด้วยการปรับตัวเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตลาดที่สุดมาขายแล้ว ผมจำได้ว่าหมายปีก่อนที่MGเปิดตัวมีแต่เสียงครหาต่างๆนาๆรถจีนบ้าง ยี่ห้อไม่น่าใช้บ้าง เดี๋ยวก็เจ๊งบ้าง รถไม่มีอนาคตบ้างแต่มาดูวันนี้สิครับศูนย์MGเพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ มีจำนวนรุ่นให้เลือกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หยุดอยู่กับที่ แล้วตอนนี้เค้าก็พยายามหาสิ่งที่ตรงใจคนไทยมาขายด้วย การที่คนบางกลุ่มจะชมว่าMGรุ่นนี้มันดีงามดีมากผมเชื่อว่าไม่ใช่คำอวยครับแต่มาจากการที่เค้าคาดหวังแล้วรถคันนี้มันตอบสนองความคาดหวังของพวกเค้าได้ครบถ้วนต่างหาก :-X
-
เห็นผลทดสอบการชนแล้ว อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
(https://www.picz.in.th/images/2017/12/14/autohomecar__wKgHaloxMPCAGDTaAAJFksiTx5E961.png)
-
::) ::) ::) ::)
หาก software ทำมาจากจีน เชื่อขนมกินได้ ใช้ไปสักสามปี จะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
เอาจากประสบการณ์ อะไรที่ทำมันซับซ้อนเกินไป มักพังมากกว่าเพื่อน
software ในรถที่เยี่ยมๆ ที่สัมผัสมา นอกเหนือฝั่งยุโรป มาสด้า น่าจะดีสุด รองมา โตโยต้า
คุณไปเอามาจากไหนว่า Software จีนห่วยครับ ตอนนี้จีนเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านซอฟท์แวร์นะครับ ของ MG นี่อาจจะยังไม่เสถียร เพราะคนไทยพัฒนา
แต่ในระดับโลกอันดับ 1 คือจีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 โปแลนด์
ส่วนญี่ปุ่นอันดับ 6 และเยอรมันอันดับ 14 ตามลำดับครับ
ด้าน Mechanical Engineering จีนสู้ยุโรปกับญี่ปุ่นไม่ได้ อันนี้ถูกครับ เพราะเค้าพัฒนาก่อนจีนหลายปี อย่างเครื่องมือการแพทย์ โลหการต่างๆ ถ้าจะซื้อก็ต้องของเยอรมัน
แต่ Software Engineering ไม่มีใครสู้พี่จีนได้ครับ ตอนนี้ Mobile App ทำเงินอันดับต้นๆ ก็ Made in China ทั้งนั้น
สงสัยเคยโดนbaitu เล่นงาน
จีนคนมากครับ มีตั้งแต่เกรดมุกอย่าง20 ยันของพรีเมื่ยม
ขอเสริมละกันครับ ยุคนี้อย่าดูถูกจีนน้ะครับ
Super computer อันดับ 1 2 อยู่ที่จีนหมดน้ะครับ อันดับสามอเมริกา
ผมตรวจสอบเครื่องจักรจีนอยู่ เค้าพัฒนาไปไวมาก สามารถใช้แทนของฐญี่ปุ่นได้เลย และใช้ง่ายกว่าด้วย
เสียอย่างเดียวเรื่องอะไหล่จะหายากไว เพราะเค้าออกรุ่นใหม่มาไวมากๆ และไม่ค่อยเก็บของเก่า
service ก็ไวครับ พาไปอาบน้ำด้วย อุ๊ยหลุด ;D
-
MGกำลังจะสอดแทรกตัวเข้ามาในตลาดแบบที่ไม่รู้ตัวกันนะครับ :-X อย่างที่คุณแพนว่าคนที่คลั่งเรื่องความแรงคือสัดส่วนน้อยในสังคม และด้วยความที่คนไทยชอบอะไรที่ฉาบฉวยดูล้ำ MGรุ่นนี้เลยไม่สนใจเครื่องยนต์แต่ไปเรียกแขกด้วยอุปกรณ์ทั้งหลายแทน ก็เหมือนที่รถญี่ปุ่นทำกันที่เน้นชุดแต่งต่างๆแต่จำนวนแอร์แบกกับABSยังไม่มี เพิ่งจะเริ่มใส่ออพชั่นความปลอดภัยมาให้ครบหลังเริ่มมีการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นนี่เอง :-X แล้วในตลาดเองมีกลุ่มคนประเภทที่ไม่สนเรื่องความแรงเลยแต่สนใจเรื่องความทนทานเป็นหลักเท่านั้นอยู่ด้วยอย่างอวานซ่าไง ความแรงไม่สนขอให้รถขนาดใหญ่ใช้ขนย้ายได้ดีและมีความทนทาน และMGตัวนี้ก็เข้าข่ายกลุ่มคนชอบอวานซ่าในทางหนึ่ง รถขนาดใหญ่และมีความพยายามจะใส่ของที่ทนทานที่สุดมาให้ คนจำนวนมากชอบพูดว่าจะซื้อMGรอดูก่อนรอดูจำนวนศูนย์เพิ่มขึ้นก่อนรอดูความทนทานก่อน ทีนี้มาอลงคิดดูกันดีๆนะครับว่าสิ่งที่รอดูกันMGตอบสนองไปถึงไหนแล้ว? 8)
ถ้าโตโยต้าขายดีเพราะความทนทานมากกว่าเทคโนโลยี MGก็กำลังพยายามที่จะสร้างรากฐานนี้ด้วยการปรับตัวเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตลาดที่สุดมาขายแล้ว ผมจำได้ว่าหมายปีก่อนที่MGเปิดตัวมีแต่เสียงครหาต่างๆนาๆรถจีนบ้าง ยี่ห้อไม่น่าใช้บ้าง เดี๋ยวก็เจ๊งบ้าง รถไม่มีอนาคตบ้างแต่มาดูวันนี้สิครับศูนย์MGเพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ มีจำนวนรุ่นให้เลือกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หยุดอยู่กับที่ แล้วตอนนี้เค้าก็พยายามหาสิ่งที่ตรงใจคนไทยมาขายด้วย การที่คนบางกลุ่มจะชมว่าMGรุ่นนี้มันดีงามดีมากผมเชื่อว่าไม่ใช่คำอวยครับแต่มาจากการที่เค้าคาดหวังแล้วรถคันนี้มันตอบสนองความคาดหวังของพวกเค้าได้ครบถ้วนต่างหาก :-X
ถ้าอืดแล้วประหยัดผมว่าคนยังรับได้ แต่นี่อืดแล้วกินผมว่าไม่รอด
-
ผมว่าที่ MG เลือกเครื่อง NA 1.5 มาลงใน ZS เพื่อขายในเมืองไทย ถึงแม้มันจะอืด แต่พยายามใช้ ดีไซน์ ประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสาร และ ลูกเล่นต่างๆมาทดแทน เพราะเข้ามองว่า
รถอาจมี deflect อยู่บ้างในมุมต่างๆที่ได้มีกล่าวไว้ในบทความ แต่ deflect นั้นไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้รถวิ่งไปแล้วเกิดอันตรายอะไรชัดเจน หรือ ทำให้รถวิ่งไม่ได้ และ MG คงอยากจะพยายามจะทำตลาดโดยไม่อยากมีปัญหาหลายๆด้านนะครับ คือ อาจจะค่อยๆปรับจูนเพื่อแก้ปัญหา deflect เล็กๆน้อยเหล่านั้นให้เบาบาง หรือหมดจริงๆไปก่อน
ใช่ถึงแม้จะไม่สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่จะใช้รถเยอะหรือหลากหลาย แต่ตอนนี้อย่างน้อยให้สามารถขายคนที่ใช้งานรถในเมืองเป็นหลัก ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มลูกค้า สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ก่อนนะครับ สำหรับคนที่อยากใช้เดินทางไกล คงต้องรอให้ MG ปรับแก้ปัญหา deflect ต่างๆในรถในรุ่นที่มาทำตลาดจนเบาบางก่อน เพราะอย่างน้อยรถเครื่อง NA และเกียร์ 4AT นี้จะไม่มีปัญหาให้เห็น หรือถึงมีก็คงจะแก้จบได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว นั้นหมายถึง
MG ไม่ต้องมาฟังคำบ่น กร่น ด่า จากลูกค้าที่ซื้อ ZS ไปจาก MG นั้นคือ Image ของ ZS คือ
รถที่จะไม่มีปัญหาจากตัวรถยนต์จนทำให้รถตายวิ่งไม่ได้ หรือ เกิดความรำคาญจากอาการสะดุด ตะกุกตะกัก จาก ZS แน่นอน หมายถึง ว่าการนำ ZS มาขายด้วยเครื่อง 1.5 NA เกียร์ 4AT จะไม่ก่อให้เกิด Image ลบอะไรมากมาย ก็แค่เราจะขายรถกับคนที่ต้องใจเย็นในการขับรถหน่อยเท่านั้นนะ
ผลรวมคือสร้าง Image โดยรวมทำให้ ZS เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการใช้งานรถทั่วไปในเมืองได้ แถมยังอาจบอกได้ว่า ZS ไม่ต้องเจอปัญหาไปยกรถ หรือ ต้องเอาเข้าศูนย์หลายวันกับปัญหาที่จะทำให้รถอาจวิ่งไม่ได้อ่ะ เพราะผมว่า deflect ที่เจอใน ZS กัน น่าจะค่อยๆทะยอยแก้ไขให้หมดไปได้เรื่อยที่ละปัญหานะครับ ซึ่งก็จะเป็นภาพพจน์ที่ไม่เสียหายหรืออาจจะดีก็ได้
นั้นคือ รถ ZS มีจุดเด่นในหลายๆอย่าง มีจุดเสียบ้างสำหรับคนบางกลุ่ม แต่โดยรวมไม่มีปัญหาที่จะให้เกิดวิกฤต จากการนำเครื่อง NA กับเกียร์ 4AT ถ้าจะมีปัญหาเกิดจริงๆจะเกิดจากพฤติกรรมคนใช้รถเอง เช่น คนใจร้อนเอาไปแซงในจุดที่ขับคัน อันนั้นก็ต้องบอกเป็นความผิดคนขับที่ไม่รู้จักประเมินกำลังรถตัวเองเอง ไม่ใช่ความผิดของรถแต่อย่างใด หรือเข้าที่ว่า คนใช้ของไม่เป็นเองจะว่าของเขาได้ไง
และถ้าแก้ deflect หมด หรือไม่มีแนวรบแล้ว จะนำเครื่องเทอร์โบ และเกียร์อื่นๆมาทีหลังซึ่ก็คือการเปิดแนวรบใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เรียกว่า จำกัดปัญหาให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ดี
ไม่ใช่ว่าจะพยายามรุกหรือเปิดโอกาสให้มีหลายๆแนวรบ จนถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา แล้วทาง MG เองไม่สามารถจัดการปัญหา และอาจต้องกระจายทรัพยากรในการจัดการกับหลายๆแนวรบ และอาจทำให้ แนวรบสำตัญไม่สามารถจัดการได้ นั้นก็คือ การที่ไม่สามารถบริหารภาพพจน์จากตัวสินค้าของตัวเองได้ ซึ่งจะเป็นผลเสียมากกว่า
โดยส่วนตัวนะครับ สำหรับ MG ZS รุ่นนี้ผมไม่คิดอยากจะใช้จากตัวเครื่องมัน แต่ถ้ามองในแง่การดำเนินธุรกิจแล้วผมว่า เขาย่างก้าวอย่างระมัดระวังและถูกต้องแล้ว ไม่ใช่เหมือนบางยี่ห้อ
จริงมีของดีในมือ แต่ไม่สามาถเลือกจัดวางสินค้าที่มาลงให้เหมาะสม หรืออาจมั่นใจในสินค้าที่ตัวเองมากไปและไม่คิดเตรียมบริหารจัดการให้ดี ส่งผลให้แทนที่จะสามารถ นำส่วนดีของสินค้าของตน กลายเป็นภาพพจน์ที่ดีกับลูกค้าได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเพราะการจัดวางสินค้าไม่เหมาะสม มาทำลายภาพพจน์สินค้าของตัวเอง จนส่วนที่ดีของตนซึ่งจริงๆอาจจะมีดีกว่าสินค้าของบริษัทอื่นๆด้วยซ้ำ ส่งผลในที่สุดกลับกลายเป็นว่าสินค้าดีๆกว่าคู่แข่งควรมีอนาตต กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำลายแบรนด์ตัวเองไป
-
ผมว่าที่ MG เลือกเครื่อง NA 1.5 มาลงใน ZS เพื่อขายในเมืองไทย ถึงแม้มันจะอืด แต่พยายามใช้ ดีไซน์ ประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสาร และ ลูกเล่นต่างๆมาทดแทน เพราะเข้ามองว่า
รถอาจมี deflect อยู่บ้างในมุมต่างๆที่ได้มีกล่าวไว้ในบทความ แต่ deflect นั้นไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้รถวิ่งไปแล้วเกิดอันตรายอะไรชัดเจน หรือ ทำให้รถวิ่งไม่ได้ และ MG คงอยากจะพยายามจะทำตลาดโดยไม่อยากมีปัญหาหลายๆด้านนะครับ คือ อาจจะค่อยๆปรับจูนเพื่อแก้ปัญหา deflect เล็กๆน้อยเหล่านั้นให้เบาบาง หรือหมดจริงๆไปก่อน
ใช่ถึงแม้จะไม่สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่จะใช้รถเยอะหรือหลากหลาย แต่ตอนนี้อย่างน้อยให้สามารถขายคนที่ใช้งานรถในเมืองเป็นหลัก ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มลูกค้า สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ก่อนนะครับ สำหรับคนที่อยากใช้เดินทางไกล คงต้องรอให้ MG ปรับแก้ปัญหา deflect ต่างๆในรถในรุ่นที่มาทำตลาดจนเบาบางก่อน เพราะอย่างน้อยรถเครื่อง NA และเกียร์ 4AT นี้จะไม่มีปัญหาให้เห็น หรือถึงมีก็คงจะแก้จบได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว นั้นหมายถึง
MG ไม่ต้องมาฟังคำบ่น กร่น ด่า จากลูกค้าที่ซื้อ ZS ไปจาก MG นั้นคือ Image ของ ZS คือ
รถที่จะไม่มีปัญหาจากตัวรถยนต์จนทำให้รถตายวิ่งไม่ได้ หรือ เกิดความรำคาญจากอาการสะดุด ตะกุกตะกัก จาก ZS แน่นอน หมายถึง ว่าการนำ ZS มาขายด้วยเครื่อง 1.5 NA เกียร์ 4AT จะไม่ก่อให้เกิด Image ลบอะไรมากมาย ก็แค่เราจะขายรถกับคนที่ต้องใจเย็นในการขับรถหน่อยเท่านั้นนะ
ผลรวมคือสร้าง Image โดยรวมทำให้ ZS เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการใช้งานรถทั่วไปในเมืองได้ แถมยังอาจบอกได้ว่า ZS ไม่ต้องเจอปัญหาไปยกรถ หรือ ต้องเอาเข้าศูนย์หลายวันกับปัญหาที่จะทำให้รถอาจวิ่งไม่ได้อ่ะ เพราะผมว่า deflect ที่เจอใน ZS กัน น่าจะค่อยๆทะยอยแก้ไขให้หมดไปได้เรื่อยที่ละปัญหานะครับ ซึ่งก็จะเป็นภาพพจน์ที่ไม่เสียหายหรืออาจจะดีก็ได้
นั้นคือ รถ ZS มีจุดเด่นในหลายๆอย่าง มีจุดเสียบ้างสำหรับคนบางกลุ่ม แต่โดยรวมไม่มีปัญหาที่จะให้เกิดวิกฤต จากการนำเครื่อง NA กับเกียร์ 4AT ถ้าจะมีปัญหาเกิดจริงๆจะเกิดจากพฤติกรรมคนใช้รถเอง เช่นคนใจร้อนเอาไปแซงในจุดที่ขับคัน อันนั้นก็ต้องบอกเป็นความผิดคนขับที่ไม่รู้จักประเมินกำลังรถตัวเองเอง ไม่ใช่ความผิดของรถแต่อย่างใด หรือเข้าที่ว่า คนใช้ของไม่เป็นเองจะว่าของเขาได้ไง
และถ้าแก้ deflect หมด หรือไม่มีแนวรบแล้ว จะนำเครื่องเทอร์โบ และเกียร์อื่นๆมาทีหลังซึ่ก็คือการเปิดแนวรบใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เรียกว่า จำกัดปัญหาให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ดี
ไม่ใช่ว่าจะพยายามรุกหรือเปิดโอกาสให้มีหลายๆแนวรบ จนถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา แล้วทาง MG เองไม่สามารถจัดการปัญหา และอาจต้องกระจายทรัพยากรในการจัดการกับหลายๆแนวรบ และอาจทำให้ แนวรบสำตัญไม่สามารถจัดการได้ นั้นก็คือ การที่ไม่สามารถบริหารภาพพจน์จากตัวสินค้าของตัวเองได้ ซึ่งจะเป็นผลเสียมากกว่า
โดยส่วนตัวนะครับ สำหรับ MG ZS รุ่นนี้ผมไม่คิดอยากจะใช้จากตัวเครื่องมัน แต่ถ้ามองในแง่การดำเนินธุรกิจแล้วผมว่า เขาอย่างก้าวอย่างระมัดระวังและถูกต้องแล้ว ไม่ใช่เหมือนบางยี่ห้อ
จริงมีของดีในมือ แต่ไม่สามาถเลือกจัดวางสินค้าที่มาลงให้เหมาะสม หรืออาจมั่นใจในสินค้าที่ตัวเองลงไปมากไปและไม่คิดเตรียมบริหารจัดการให้ดี ส่งผลให้แทนที่จะสามารถ นำส่วนดีของสินค้าของตน กลายเป็นภาพพจน์ที่ดีกับลูกค้าได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเพราะการจัดวางสินค้าไม่เหมาะสม มาทำลายภาพพจน์สินค้าของตัวเอง จนส่วนที่ดีของตนซึ่งจริงๆอาจจะมีดีกว่าสินค้าของบริษัทอื่นๆด้วยซ้ำ ส่งผลในที่สุดกลับกลายเป็นว่าสินค้าดีๆกว่าคู่แข่งควรมีอนาตต กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำลายแบรนด์ตัวเองไป
วิเคราะห์ได้แจ่มแจ้งมากครับ
นึกไปถึงเกียร์คลัทช์คู่เลย
ใหม่กว่า เจ๋งกว่าแล้วยังไง ฉันไม่กลัวแกหรอ อะไรประมาณนั้นเลย
จากเทคโนโลยีสุดหรูกลายเป็นดาบที่ย้อนกลับมาฟันตัวเองตายไปเลย
จาก zs ยังมี xpander และ rush เป็นเพื่อน 4 เกียร์อยู่
จะมีก็แต่ทาง ฮอนด้าเท่านั้น ที่ไซ้ส์ขนาด 1.5 ไป cvt แล้ว
ต้องมาตามดูกันต่อไปครับ ว่ายอดขายจะเป็นเช่นไร
-
ผมเป็นคนหนึ่งที่ขอผ่านครับ
1. รถทดสอบยัง defect ขนาดนี้
2. reliability ของรถเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับผม ในกรณีนี้ MG ยังไม่ผ่าน
3. ตรรกะในการทำรถของ MG ก็มองง่ายๆ อยู่แล้วในฐานะผู้มาใหม่ต้องการแทรกตลาดก็ต้องวางสินค้าให้ดูเหนือกว่าในราคาที่จับต้องได้ แต่ความคงทนของสินค้านั้นผมไม่คิดว่าจะทำได้ดีกว่าเจ้าเดิม
สรุป ถ้า MG ยังอยู่ในตลาดไทยไปอีก 20 ปีผมจะพิจารณาใหม่
-
ถ้ามองว่า ZS กลัวปัญหา defect จริงเลยใช้เครื่องยนต์กับเกียร์แบบนั้น แล้วทำไมจึงเลือกใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ที่มันยังรวน ฟังแล้วย้อนแย้งพิกล
ผมคิดง่ายๆแค่ว่ามันขายทั่วโลกด้วยเครื่องยนต์ 2 รุ่น รุ่น 1.0 turbo (ไม่รู้จับคู่เกียร์อะไรบ้าง) กับ 1.5 NA แต่เลือกเอา 1.5 เพราะตัว 1.0 turbo ก็ใช่จะแรงอะไรนัก แถมต้นทุนสูงกว่า สู้มายัดออพชั่นฟรุ้งฟริ้งแล้วกดราคาให้แข่งขันได้ดีกว่า (เพราะเครื่องยนต์ MG มันก็แข่งสู้ชาวบ้านไม่ได้อยู่แล้ว)
ซึ่งก็ต้องมาดูว่าอ่านตลาดบ้านเราถูกจริงมั้ย แต่ผมมองว่าน่าจะผิด เพราะดูจากโน้ตที่มีให้เห็นก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับมาสด้าที่เค้าเน้นการขับขี่มาก่อน (ถึงได้เสียดายว่าน่าจะเอาเครื่อง 1.5โบ ใน GS มา แล้วจูนให้อืดกว่า GS แต่ประหยัดน้ำมันดีขึ้นน่าจะดีกว่า หรือเอา 1.0 โบมาก็ยังโอเค อย่างน้อยตัวเลขประหยัดน้ำมันก็ดีขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ราคาพุ่งไปเท่าไหร่อ่ะนะ แต่คิดว่า 0-100 16-18 วิแถมกินน้ำมันขนาดนั้นนี่ มันไม่ไหวอ่ะ)
-
ชอบ 2 วรรค นี้
ในขณะเดียวกัน ตัวอย่างที่ดีก็มีให้เห็น ผมไม่เอ่ยชื่อแบรนด์ แต่ยอดขายเดือนนึงไม่ใช่น้อยๆ เจอปัญหาอะไหล่ Defect แค่ บางชิ้น ในล็อตการผลิตนั้นๆ เขาออกจดหมายแจ้งลูกค้าก่อน อธิบายหมดว่าปัญหาเกิดจากอะไร แนวทางแก้ไขคืออะไร ให้ลูกค้าทำอย่างไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว แล้วแถมยังมีมอบ Voucher 500 บาทเป็นค่าเสียเวลาให้ลูกค้าอีก รถของพวกเขาไม่ได้เลิศไปเสียทุกด้าน แต่การปฏิบัติขององค์กรมันซื้อใจลูกค้าได้ และสำหรับคนไทย..ใจ สำคัญมาก
ลูกค้าที่ยอมอุดหนุนรถ MG นับว่ามีความกล้าได้กล้าเสี่ยง ยอมผละจากแบรนด์อื่นที่มีประวัติในไทยยาวนาน 30-50 ปีมาคบกับรถที่แม้โลโก้จะเก่า แต่เพิ่งทำตลาดจริงจังในไทยมาได้ 3-4 ปี คุณคิดว่ามันต้องใช้ใจขนาดไหน? ผมคิดว่า MG เองก็ควรจะมอบรถที่ไว้ใจได้ และบริการที่เหนือกว่า เป็นการมอบใจตนเองคืนให้ในระดับเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมา อะไรที่ยังไม่เข้าที่ ก็ต้องดัดให้เข้าทางเสีย ทำตอนที่บริษัทยังมีอายุไม่มาก จะเป็นช่วงที่มีอิสระในการปรับทิศทางมากที่สุด