Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ ธันวาคม 18, 2017, 21:38:32
-
:) :) :) อย่าง VW Scoda ไม่เป็นที่นิยมในบ้านเราเหมือนพวก BMW หรือ MB ในประเทศอื่นๆเหมือนบ้านเรามากไหมครับ ที่ผู้คนนิยมรถยุโรปที่เป็น Premium มากกว่ารถ Mass อีก
-
สมัยผมหนุ่มๆ ก็มีเข้ามา
เพื่อนพ่อเพื่อนแม่ ใช้กันหลายคน แต่ใช้แล้วกระอักเลือด เข็ดหลาบ
-
ดูอย่างเปอโยต์ 1.69 ล้าน ได้รถพอๆ กับอัลติส เราจะซื้อไปทำไมครับ ศูนย์ก็น้อย อะไหล่ไม่ค่อยมี
รถพรีเมี่ยมนี่อะไหล่เพียบ
-
ราคามันมักไม่massสิครับ
-
ตัวแทนจำหน่ายแบบนี้คุณจะซื้อไหมละ ไหนจะค่าดูแลรักษาที่มาแนวรถยุโรปอีก ลองดูกระทู้ BMW ข้างล่างเป็นตัวอย่าง ไหนจะเรื่อง DPF ของมาสด้าดีเซลอีก
-
ฝรั่งต่างชาติแบบนั้น ผมว่าเค้าก็อยากจะตีตลาดที่เป็นไปได้และชัวร์ๆ มากกว่ามาตีตลาดไทยนะครับ เพราะฝรั่งเค้าไม่เก่งเรื่องการลดcost คุมcost แบบชาติญี่ปุ่น
แล้วไหนจะเรื่องวัฒนธรรมและ lifestyle ที่ชาติฝรั่งจะไม่เข้าใจคนไทยได้ดีเหมือนญี่ปุ่น
รถฝรั่ง การขับขี่หนักแน่น มักขับสนุกจริง แต่ก็แลกมาด้วยการดูแลที่ยากกว่า ไม่เหมือน mass market ญี่ปุ่นที่มันเบสิคมากๆ ที่จริงก็คือเอาเปรียบคนไทย ลดcost กำไรมากขึ้น แต่ที่มันยิ่งเซอร์ไพรซ์คือ รถที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่เน้นทน ไม่พัง ซ่อมถูก กลับยิ่งถูกจริตคนไทย ง่ายก็คือ Izuzu, Toyota นั่นเลยครับ
ถ้า Volkswagen เทียบ Toyota ก็คงใกล้เคียงกันในเรื่องความทนทาน แต่อะไหล่ ผมเชื่อว่า Toyota อะไหล่จะถูกกว่าแน่นอน เพราะวัสดุต่างๆ ค่อนข้างจะเบาบาง เหมือนโดนลดทอนต้นทุนไปแบบแนบเนียนมากๆ
-
เดาว่าตลาดบ้านเรามันมี mass เป็นรถญี่ปุ่นอยู่แล้วไงครับ ถ้าจะเล่นรถยุโรปก็พรีเมี่ยมไปเลย
ตลาดใครตลาดมันไปเลย ในบ้านเราจะรุ่งกว่า บ้านเรารถญี่ปุ่นพรีเมี่ยมหรือรถยุโรป mass นี่ทำเข้ามาขายก็ตายสนิทครับ
-
จะว่าไงก็แล้วแต่
ในบรรดารถหลายร้อยแบรนด์
ที่ปีนึงขายรถไม่รู้กี่ล้านคัน
Toyota Corolla ขายดีที่สุดในโลกนะครับ หุๆ
-
บ้านผมผ่านมาหมดละครับ VW, Alfa, Peugeot รถดีแต่เจ๊งทีปวดหัวและซ่อมกระเป๋าแทบฉีกทุกยี่ห้อ (Skoda ไม่ได้ใช้เพราะไม่ชอบงานออกแบบ)
ส่วนรถ Premium เยอรมันในบ้านเราคนใช้อยู่เยอะเพราะบริษัทแม่มาเอง สั่งสมบารมีมานาน คนใช้ส่วนใหญ่มีเงินซ่อมและมีรถหลายคันครับ
สรุปตอนนี้กลับมาใช้รถญี่ปุ่นนี่แหละครับ สบายใจ
-
ค่ายที่คุณกล่าวมาเจอพิษบ.ยนตรกวดครับ
-
ยลตากระ ร่วมกับ แพนครยลตากาล :P :P :P :P
-
ถึงรถขับดี แต่มีปัญหาทีแทบอยากจะวางกุญแจ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ
บางทีเราก็จำเป็นต้องใช้รถทุกวันไปทำงาน ไปธุระ ถ้าให้มานั่งปวดหัวหรือรอซ่อมบ่อยๆก็คงไม่ไหว
แต่ถ้าบริษัทแม่มาทำตลาดเอง อันนี้ก็อีกเรื่องนึง คนอาจจะเปลี่ยนความคิดใหม่ก็ได้
-
เพราะรถซื้อมาใช้ไม่ได้ซื้อมาซ่อมครับ และในคำนิยามของคนส่วนใหญ่ ซื้อรถคือซื้อยานพาหนะ ต้องการความไว้ใจได้ในการเดินทาง รถญี่ปุ่นมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะละครับ ส่วนรถยุโรป โดนทั้งยนตกละ + Skoda ที่แจกแพลูกค้าไปรอบล่าสุดนี่ ..... ผมว่ายี่ห้อนี่มันแทบจะไม่ได้ผุดได้เกิดบ้านเราแล้วมั้งครับ
เอาจริงๆก็ขายดีแค่ในกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกันเองนั่นละ คนยุโรป ไม่ค่อยเปิดใจให้รถจากประเทศอื่นเท่าไหร่หรอกครับ ออกจะเหยียดๆไม่สนใจด้วยซ้ำ (ยิ่งถ้าดูรายการต่างประเทศบ่อยๆจะเห็นชัด) พอเป็นตลาดใหม่ๆแบบอเมริกา จีน เห็นภาพชัดกว่า ว่าเขาไม่ค่อยยึดติดแบรนด์เท่าไหร่ด้วย ตลาดแบบนั้น รถญี่ปุ่นขายได้ดีกว่าครับ
แต่ VW ก็ขายได้ในอเมริกามากขึ้นช่วงหลังๆ จนมาโดนเรื่องโกงไอเสียทีเดียว ดำดิ่งกลับไปเหมือนเดิม ส่วนตัวผมว่า สมควรละครับ
บางทีผมว่ารถยุโรปมันก็ Over Complicated นะ บางจุดทำให้มันง่ายๆ Simple และดีได้ ไม่ทำ ต้องทำให้มันยากๆ แล้วมามีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุง และสุดท้ายการขับขี่ผมว่า ในการใช้งานของคนทั่วไป ขับทั่วๆไปตาม Speed Limit (ต่างประเทศเขาจริงจัง) มันไม่ได้ขับดีกว่าจนเป็นสาระสำคัญ แถม "แอบ" ลด Cost ในหลายๆจุดด้วย จนทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง เอาจริงๆ รถยุโรปใหม่ๆ ผมว่าเขาใส่ลูกเล่นแพรวพราว ระยิบระยับ แต่ไส้ใน ตัววัสดุลึกๆแล้ว แอบลดต้นทุนหนักกว่ารถยุโรปสมัยก่อนมากครับ
(ล่าสุดไปดู X3 กับเพื่อน ยังคุยกันอยู่เลย ว่าภายในมันวัสดุแทบจะไม่ได้ดีกว่า New CX5 เผลอๆจะแย่กว่าบางจุด ที่ดูดีกว่านี่น่าจะเรื่องโทนสีแสงสีภายในซะมากกว่า)
เคยอ่านจากที่ไหนสักที่ จะเซอร์วิสรถเยอรมันสักคัน ต้องพกประแจไปหลายเบอร์ แต่รถญี่ปุ่นมันง่ายกว่ากันมาก รวมถึงการออกแบบเผื่อซ่อมบำรุงด้วย
-
:) :) :) อย่าง VW Scoda ไม่เป็นที่นิยมในบ้านเราเหมือนพวก BMW หรือ MB ในประเทศอื่นๆเหมือนบ้านเรามากไหมครับ ที่ผู้คนนิยมรถยุโรปที่เป็น Premium มากกว่ารถ Mass อีก
ผมอยากใช้ Skoda คุณบอกได้ไหมหล่ะว่าไปซื้อที่ไหน หรือว่าเอาง่ายๆ แค่ VW Golf บอกได้ไหมหล่ะครับ ว่าเมืองไทยมีขายรึเปล่า รถไม่มีขาย บริการหลังการขายไม่ดี แล้วจะให้เป็นที่นิยมอีกหรือ
-
สำหรับคนทั่วไปในประเทศนี้ที่ไม่ได้ชื่นชอบการขับรถหรือมีความรู้เรื่องรถมากนักคำว่า "รถยุโรป" มันถูกจำกัดความไว้ที่รถเยอรมัน 2 ยี่ห้อหลักอยู่แล้วครับ
-
เพราะที่ผ่านๆมาบริษัทแม่ไม่เคยทำตลาดเอง
คนที่นำเข้ามาขายก็ทำชื่อเสียไว้เยอะ
-
คำตอบอยู่ในคำถามไปแล้ว
ขายในยุโรปอย่างเดียวปีนึงเป็นหลายล้านคัน เอามาขายไทยต่อให้ได้ส่วนแบ่งอันดับหนึ่งตอนนี้ก็แค่ปีละแสนคัน แบ่งเป็นรุ่นสักห้ารุ่นต่อยี่ห้อนึงไม่ถึงสามหมื่นคันไม่ทำให้เหนื่อยหรอกครับ ตั้งโรงงานไม่คุ้มละ
ประเทศเราตลาดเล็กครับ คนก็ใช้รถกันนาน ถ้าจะสู้ ออกแรงกับประเทศใหญ่ๆดีกว่า พอไม่ลงทุนในประเทศ รถไม่ถูก อะไหล่แพง เซอร์วิศไม่ไหว ขายไม่ออกครับ มันเป็นงูกินหาง
ถ้ามองเป็นAsean ตัวรถต้องพัฒนาใหม่ให้เข้ากับภูมิภาค ลำบากอีก
-
อาจจะมีเรื่องการตลาด บราๆ แต่ง่ายๆเลยคงไม่ถูกจริตคนไทยและทำการบ้านมาไม่ดีพอ ประกอบกับว่าอาจจะขับดีกว่านิดหน่อย อาศัยความเชื่อคนไทยทั่วไปว่ามายุโรปบ้านฝรั่งมันดีย์ แต่ปัญหาตัวแทน การซ่อมบำรุง ความทนทาน ฯลฯ ก็หายไปตามกาลเวลา ยุคนึงที่มีเฟียต โฟล์ค เปอร์โยต์ ตอนนั้นมันก็หายได้อยู่นะ แต่ทำไมหายไปล่ะ
ขับดีขนาดยอมซ่อมแพง นอนอู่บ่อยๆ หรือเปล่า
ฝรั่งมันลดต้นทุนไม่เก่งเพราะมันไม่รู้จะลดตรงไหนหรือมันลดแต่เรามโนไปเองว่ามันดีเด่นมาก
สรุปคือถ้ามันดีในองค์รวมและเหมาะกับตลาดบ้านเรา มันคงไม่หายไปหรอกครับ
-
ขึ้นอยู่กับการทำตลาด และการวางราคา
-
ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ การตลาด ราคา และ ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย ครับ
เอาแค่ประเทศเรา ก็เรื่อง การตลาด ศูนย์บริการ อะไหร่ และความนิยม ครับหลักๆ ตัวอย่างง่ายๆ ใครเคยใช้ AUDI จะรู้ว่าราคาอะไหร่หนักพอสำควรเลย บางชิ้นส่วนใช่ร่วมกับ porsche ด้วย แต่ตอนนี้มี meister technik อาจจะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไป ขาด AUDI ผมว่ามันมันระดับเดียวกันกับ BMW หรือ Benz สำหรับรถเยอรมัน
แต่ถ้ามองประเทศอื่น เช่น จีน บอกเลยที่โน่น VW เยอะมาก AUDI วิ่งกันกลื่น แต่ BMW กับ Benz กลับน้อย ทั้งที่มันคือ premium อย่างที่ จขกท. หมายถึง
ปล.ความ premium หรือ คำว่า premium สำหรับผม ไม่ได้หมายถึง BMW หรือ Benz ทุกคัน บางคัน ตัว grade ไม่ต่างกับญี่ปุ่นเท่าไหร่เลย
-
ผมว่าก็เพราะคนขายนั่นแหละครับ
ที่บ้านเคยใช้เปอร์โยต์ 405
ซีครอง สองเกียร์ (ซองเทียร์)
และ ซีตรอง ซี 5
รถหนะ ดีมากครับ ซ่อมแพงเราก็พอทำใจ
แต่ก็อย่างที่ทุกท่านรู้ั่นั่นแหละครับ
ราคามันเกินกว่าเหตุ ซ่อมก็ไม่ค่อยจบ
ลาขาดกับคนตระกูลนี้เลยครับ
คือถ้ารู้ว่าเป็นธุรกิจของคนตระกูลนี้ ตระกูลผมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวเลย
อย่าได้ให้บรรยาย เล่ากันเป็นเดือนก็คงไม่จบไม่สิ้น ::)
พวกแบรนด์พรีเมี่ยมบริษัทแม่มาทำตลาดเอง มีปัญหาอะไร เขาก็ยังพอช่วยเหลือได้บ้าง
มันก็ยังพอกล้าควักกระเป๋าจ่ายเงินได้อยู่อ่ะครับ
หากแบรนด์ยุโรปมาทำตลาดเอง ผมว่ามันก็น่าจะพอไปได้ครับ
อย่างถ้า VW มาเอง ผมจะอุดหนุน Golf คันนึงแน่นอน
แต่ถ้า Golf ไม่มีเวอร์ชั่น ซีดานขายในไทย ยอดขายคงน้อยจนบริษัทจะถอดใจรึเปล่านี่หละสิ
-
เพราะค่าบำรุงรักษาพอๆกัน แต่ภาพลักษณ์ไม่ได้
ลูกค้าทั่วไปที่ซื้อใช้ ก็เจ็บเพราะค่าบำรุง สุดท้ายขายได้น้อย ก็เลยเจ๊งกลับบ้านไป
ส่วนที่พรีเมียมๆ อยู่ได้เพราะคนมีกำลังซื้อ และสามารถจ่ายค่าบำรุงได้ ภาพลักษณ์ก็ยังดีอยู่ เลยยังอยู่ได้ครับ
-
สงสัยคนถามเกิดไม่ทัน ยุคที่รถยุ่นใครๆก็ยี้ จอดเฉยๆก็เสียแบบที่คนพูดถึงรถจีนแดงในตอนนี้
สมัยสงครามเวียดนาม รถเมกันเข้ามาเยอะ เพราะจีไอเข้ามาตั้งฐานทัพ รวยกันไปหลายคน
รถอังกฤษ ลี่ เศส เย ถูกแพงนิยมหมด แต่คนซื้อต้องมีเงินพอซื้อบ้าน ตึกแถวไหว
รถยุ่น เริ่มเข้ามาก่อนหน้าแล้ว แต่คุณภาพไม่ดี พอๆกับหลอดสูญญากาศที่ด้อยกว่าฝรั่ง
หลังสงครามเลิก ยุ่นพัฒนาขึ้นตามลำดับ ฝรั่งเริ่มลดคุณภาพเอาแต่เมืองหนาว ไม่เอาเมืองร้อน
เย มหาชนลดต้นทุน ขนาดยางแท่นคาร์บู เวนโต้ขาดง่าย จนต้องหล่อทองเหลืองแทน
ปั้มติ๊กห้ามน้ำมันต่ำกว่าครึ่งถัง ไม่งั้นใบพัดยางเปื่อย แต่ยุ่นกลับดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่มีอาณานิคมอยู่แอฟริกา ขนาดเต่า ตู้แตงโม ยังย้ายไปแม็กซิโก คนยังซื้ออยู่ ทนกว่าด้วย
แต่บ้านเราชอบความทันสมัย ออกที่ยุโรป เมกาไม่นานไทยต้องมี พอน้ำมันแพงหูฉี่ รถเมกาก็ลาโรง
สมัยก่อนเขาเล่าว่า จากเท็กซัสสุกี้ไปปากคลองตลาดค่าน้ำมัน100บาท สำหรับรถเมกัน ฟังดูเกินจริง
แต่กินน้ำมันหนักกว่าชาติใดๆในโลกเรื่องจริง สารพัดเมกันแท้เจ๊งสนิทในไทยจนถึงทุกวันนี้
มี่แต่จิงโจ้ ยุ่น เกาหลี เปลี่ยนตรามาขาย เดี๋ยวนี้จิงโจ้เข้าป่าไปอยู่กับเสือทัสมาเนียแล้ว
รถยุ่นข้าราชการชั้นผู้น้อยนิยมมาก เช่น มาสด้าแตงโม ซูบารุr2 อีสุเจมินี่ เพราะนายขับยุโรป
โหนรถเมล์แย่งกันขึ้น รถเอียงแล้วเอียงอีก เจอตีกันตัวใครตัวมัน ถีบจักรยานเข้ากรมก็โดนว่า ดูไม่งาม
พอมีแฟนซ้อนแมงไซด์ดูไม่เรียบร้อย สุดท้ายกัดฟันผ่อนรถยุ่นป้ายแดง กับเงินเดือนราวสามพันบาท
มือสองหาช่างซ่อมยากกว่าวันนี้มาก คาร์บูยุ่นเปื่อยง่าย เสียเร็ว ยุคนั้นยอดรักเพลงดังร้องว่า
ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสั้นดูมันขัดเขิน ยศก็ไม่เดินเงินหรือก็สั้น
เจ้านายก็คอยตะแคง ญาติเอ๋ยตำแหน่งเลยตัน
พูดไปไม่ได้กว่านี้ แค่นี้เก้าอี้ก็ร้อนเป็นควัน
ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสากมีศักดิ์มีศรี คนโน้นก็พี่คนนี้ก็ท่าน
ฝีมือนะไม่เท่าไร แค่เพียงเจ้าไก่หัดขัน
พวกดีจ้องสับให้สิ้น สมองไม่ดิ้นเอาลิ้นช่วยดัน
คนร้องไปร้องมาเงินดีจนขับw126 ได้ สมัยนั้นอัดเพลงละห้าพัน สายัณห์เพลงละหมื่น ชุดหนึ่งได้แสน
ขายทีได้เกินล้านตลับ ตอนนั้นคนไทยไม่ถึงหกสิบล้าน มายุคเบิรด์ได้ตลับละสิบบาท ขายสองล้านตลับ
สมัยนั้น ใบพัด ฟัด งูกินเด็ก ม้า ฟัด กบ คู่กัดตลอดกาล กระทิงนอกสารบบ
ยุคพาเลซ ปิดวิภาวดีซิ่ง ยุ่นเริ่มเป็นแท็กซี่มากขึ้น คุณภาพทนทานขึ้น ต่างจากยุโรปที่เริ่มเลิกพวงมาลัยขวา
ส่วนที่ทำอยู่เจอ ตะกวด กับ ชอบทิ้ง รถน่าใช่ แต่เสียทุกครั้งที่เข้าห้างใครจะไปทนไหว
-
เพราะบ้านเราไม่มีโรงงานผลิตรถยุโรปmass ไงครับ ทางบริษัทแม่คงมาประเมิณแล้วว่าไม่คุ้มเลยไม่อยมมาตั้งโรงงาน
ส่วนตัวผมชอบขับรถยุโรปmass พวก VW Renault พวกนี้นะ แต่ๆมันไม่มีคนขาย พอมาขายก็คือรถนำเข้าราคามันแพงครับซื้อแพง ซ่อมแพงเพราะอะไหล่มีขายไม่เยอะ ขายต่อราคาตก คิดเอาเองใครจะใช้ครับ ทุกวันนี้ถ้าจะเล่นคงหามือสองเอา คุ้มกว่าเยอะ
-
ฝรั่งต่างชาติแบบนั้น ผมว่าเค้าก็อยากจะตีตลาดที่เป็นไปได้และชัวร์ๆ มากกว่ามาตีตลาดไทยนะครับ เพราะฝรั่งเค้าไม่เก่งเรื่องการลดcost คุมcost แบบชาติญี่ปุ่น
แล้วไหนจะเรื่องวัฒนธรรมและ lifestyle ที่ชาติฝรั่งจะไม่เข้าใจคนไทยได้ดีเหมือนญี่ปุ่น
รถฝรั่ง การขับขี่หนักแน่น มักขับสนุกจริง แต่ก็แลกมาด้วยการดูแลที่ยากกว่า ไม่เหมือน mass market ญี่ปุ่นที่มันเบสิคมากๆ ที่จริงก็คือเอาเปรียบคนไทย ลดcost กำไรมากขึ้น แต่ที่มันยิ่งเซอร์ไพรซ์คือ รถที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่เน้นทน ไม่พัง ซ่อมถูก กลับยิ่งถูกจริตคนไทย ง่ายก็คือ Izuzu, Toyota นั่นเลยครับ
ถ้า Volkswagen เทียบ Toyota ก็คงใกล้เคียงกันในเรื่องความทนทาน แต่อะไหล่ ผมเชื่อว่า Toyota อะไหล่จะถูกกว่าแน่นอน เพราะวัสดุต่างๆ ค่อนข้างจะเบาบาง เหมือนโดนลดทอนต้นทุนไปแบบแนบเนียนมากๆ
มันจะน่าเจ็บใจอีกอย่างตรงที่เราซื้อรถยุโรปพรีเมี่ยมคันละล้านปลาย สองล้าน (เมื่อ 20 ปีที่แล้ว) แต่วัสดุภายในมันดันบอบบาง และเสียหายง่าย กว่ารถยุ่นราคา 4 แสนเนี่ยแหละฮะ :'(
-
รถญี่ปุ่นครองตลาดมานาน > บริษัทแม่ไม่มาลงทุนเปิดโรงงาน > ขายเป็นรถนำเข้าโดยผู้แทนจำหน่ายรายย่อย > ตัวรถมีราคาแพง > ซ่อมยาก+แพง > กลายเป็นรถอินดี้ของเล่นคนรวยไป
-
บางทีมันไม่ได้ขึ้นกับตัวรถนะสิครับ องค์ประกอบอื่นด้วย ผู้นำเข้ามา การดูแล ใส่ใจลูกค้า ราคารถ ราคาอะไหล่ ศูนย์บริการ
-
ถ้ามาขายเอง ตั้งโรงงานเอง ราคาลงมาทำไมจะไม่ใช้ล่ะครับ
แต่นี้นำเข้ามาโดยตัวแทนที่หน้าเลือดมาก ใครมันจะซื้อ
-
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า bmw mercedes หรือ volvo ก็เป็น mass นะครับ แต่เป็น premium mass
ส่วนเหตุผลที่ไม่เข้ามานั้นก็เพราะฝ่ายบริหารเค้าไม่สนใจจะเข้าครับ อาจจะเคยคิดแต่ก็ตกไป หรือรอไปก่อน
ที่ยังไม่สนใจ ก็เพราะ กำแพงภาษีสูง นำมาซึ่งการลงทุนที่มากเพื่อจะผ่านกำแพงภาษีไม่งั้นขายราคาไม่ได้ และตลาดที่เล็กมาก และนิสัยการบริโภคที่ไม่ชัดเจน ทำให้เค้ามีตัวเลือกประเทศอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะ
อย่างตอนนี้ก็มี จีน ความหวังหนึ่งเดียวที่จะทำให้ร่ำรวยกัน
ถ้าหากเราไม่มีกำแพงภาษีโหดปัญญาอ่อนขนาดนี้ บนถนนเราคงได้เห็นรถหลากหลายยี่ห้อวิ่งกันมากขึ้นเหมือนกับช่วงนึงที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
-
รถญี่ปุ่นครองตลาดมานาน > บริษัทแม่ไม่มาลงทุนเปิดโรงงาน > ขายเป็นรถนำเข้าโดยผู้แทนจำหน่ายรายย่อย > ตัวรถมีราคาแพง > ซ่อมยาก+แพง > กลายเป็นรถอินดี้ของเล่นคนรวยไป
กะว่าจะมาพิมพ์แบบนี้ สุดท้ายมันติด loop นี้ครับ เพราะ เจอกำแพงภาษีกั้นไว้
-
คำตอบ ง่ายๆสั้นๆ
"ราคา" ครับ
ถ้าโฟล์ก บริษัทแม่มาทำตลาดเองในไทย แล้วขายกันละไม่เกินล้าน ผมว่าน่าจะขายดีนะ
-
สงสัยคนถามเกิดไม่ทัน ยุคที่รถยุ่นใครๆก็ยี้ จอดเฉยๆก็เสียแบบที่คนพูดถึงรถจีนแดงในตอนนี้
สมัยสงครามเวียดนาม รถเมกันเข้ามาเยอะ เพราะจีไอเข้ามาตั้งฐานทัพ รวยกันไปหลายคน
รถอังกฤษ ลี่ เศส เย ถูกแพงนิยมหมด แต่คนซื้อต้องมีเงินพอซื้อบ้าน ตึกแถวไหว
รถยุ่น เริ่มเข้ามาก่อนหน้าแล้ว แต่คุณภาพไม่ดี พอๆกับหลอดสูญญากาศที่ด้อยกว่าฝรั่ง
หลังสงครามเลิก ยุ่นพัฒนาขึ้นตามลำดับ ฝรั่งเริ่มลดคุณภาพเอาแต่เมืองหนาว ไม่เอาเมืองร้อน
เย มหาชนลดต้นทุน ขนาดยางแท่นคาร์บู เวนโต้ขาดง่าย จนต้องหล่อทองเหลืองแทน
ปั้มติ๊กห้ามน้ำมันต่ำกว่าครึ่งถัง ไม่งั้นใบพัดยางเปื่อย แต่ยุ่นกลับดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่มีอาณานิคมอยู่แอฟริกา ขนาดเต่า ตู้แตงโม ยังย้ายไปแม็กซิโก คนยังซื้ออยู่ ทนกว่าด้วย
แต่บ้านเราชอบความทันสมัย ออกที่ยุโรป เมกาไม่นานไทยต้องมี พอน้ำมันแพงหูฉี่ รถเมกาก็ลาโรง
สมัยก่อนเขาเล่าว่า จากเท็กซัสสุกี้ไปปากคลองตลาดค่าน้ำมัน100บาท สำหรับรถเมกัน ฟังดูเกินจริง
แต่กินน้ำมันหนักกว่าชาติใดๆในโลกเรื่องจริง สารพัดเมกันแท้เจ๊งสนิทในไทยจนถึงทุกวันนี้
มี่แต่จิงโจ้ ยุ่น เกาหลี เปลี่ยนตรามาขาย เดี๋ยวนี้จิงโจ้เข้าป่าไปอยู่กับเสือทัสมาเนียแล้ว
รถยุ่นข้าราชการชั้นผู้น้อยนิยมมาก เช่น มาสด้าแตงโม ซูบารุr2 อีสุเจมินี่ เพราะนายขับยุโรป
โหนรถเมล์แย่งกันขึ้น รถเอียงแล้วเอียงอีก เจอตีกันตัวใครตัวมัน ถีบจักรยานเข้ากรมก็โดนว่า ดูไม่งาม
พอมีแฟนซ้อนแมงไซด์ดูไม่เรียบร้อย สุดท้ายกัดฟันผ่อนรถยุ่นป้ายแดง กับเงินเดือนราวสามพันบาท
มือสองหาช่างซ่อมยากกว่าวันนี้มาก คาร์บูยุ่นเปื่อยง่าย เสียเร็ว ยุคนั้นยอดรักเพลงดังร้องว่า
ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสั้นดูมันขัดเขิน ยศก็ไม่เดินเงินหรือก็สั้น
เจ้านายก็คอยตะแคง ญาติเอ๋ยตำแหน่งเลยตัน
พูดไปไม่ได้กว่านี้ แค่นี้เก้าอี้ก็ร้อนเป็นควัน
ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสากมีศักดิ์มีศรี คนโน้นก็พี่คนนี้ก็ท่าน
ฝีมือนะไม่เท่าไร แค่เพียงเจ้าไก่หัดขัน
พวกดีจ้องสับให้สิ้น สมองไม่ดิ้นเอาลิ้นช่วยดัน
คนร้องไปร้องมาเงินดีจนขับw126 ได้ สมัยนั้นอัดเพลงละห้าพัน สายัณห์เพลงละหมื่น ชุดหนึ่งได้แสน
ขายทีได้เกินล้านตลับ ตอนนั้นคนไทยไม่ถึงหกสิบล้าน มายุคเบิรด์ได้ตลับละสิบบาท ขายสองล้านตลับ
สมัยนั้น ใบพัด ฟัด งูกินเด็ก ม้า ฟัด กบ คู่กัดตลอดกาล กระทิงนอกสารบบ
ยุคพาเลซ ปิดวิภาวดีซิ่ง ยุ่นเริ่มเป็นแท็กซี่มากขึ้น คุณภาพทนทานขึ้น ต่างจากยุโรปที่เริ่มเลิกพวงมาลัยขวา
ส่วนที่ทำอยู่เจอ ตะกวด กับ ชอบทิ้ง รถน่าใช่ แต่เสียทุกครั้งที่เข้าห้างใครจะไปทนไหว
ขอบคุณสำหรับเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังครับ :) ถ้ายังงี้ต่อไปผมว่า MG จะมาเทียบชั้นโตโยต้าเลยนะนี่เพราะแนวทางเค้ารู้ว่าคนไทยต้องการอะไรและปรับตัวให้ตรงจุดซะด้วยสิ :-X
-
ถ้ารถที่ใช้เพื่อขับจากจุด A ไปจุด B แบบที่คนส่วนมากใช้กัน
ก็เลือกซ่อมง่าย อะไหล่ถูก ขายต่อได้
มัน Make Sense ดีอยู่แล้วครับ ซึึ่งรถญี่ปุ่นตอบโจทย์กว่ารถยุโรป