Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Coat145 ที่ มกราคม 03, 2018, 14:54:23
-
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ
เข้าเรื่องเรยนะครับ ในส่วนตัวผม ใช้D-seg มาตลอด10กว่าปีที่ผ่านมา ก็เคยคิดไว้ว่าสักวัน คงได้ขับรถยุโรปบ้าง จนมีโอกาสได้ซื้อจริงๆเมื่อต้นปีที่ผ่านมาไม่กี่วัน ผมยอมรับครับว่า การตกเเต่งภายใน การเบรค มันดีกว่าจริง อันนี้ผมขอเทียบในฐานะ ใช้ ACV50 HV กับL33 เเล้วมาเทียบกับ E350e เเต่สิ่งนึงทีผมว่า เเคมรี่ให้ผมนั้นคืออัตราเร่ง ความไม่จุกจิกเรย ความประหยัดน้ำมัน เเต่ในส่วนของช่วงล่าง E350e ในเมื่อเทียบกับ เเคมรี่ เทียน่าเเล้ว ผมโอเครนะครับ โอเครพอสมควร เเต่ผมไม่ว้าวเท่าไหร่ คือถามว่า เจ้าเบนซ์คันเเรกของชีวิตผมดีมั้ย ผมก็คงตอบว่า มันดีครับ มันดีกว่าD-seg เเต่มันไม่ได้ดีกว่าจนผมว้าว
ผมเรยมานึกครับว่า ถ้าเราอยากได้รถเก๋งสักคันมาใช้ ไม่ได้ต้องการภาพลักษณ์ ประหยัดเงินไปได้พอสมควร การใช้D-seg สัก1เจนหรือ4-5 ปีเเล้วเปลี่ยน มันก็ดีนะครับ เเต่ความฝันก็คือความฝันครับ อย่างที่ผมเคยถาม ท่าน สมาชิกหลายๆคนในกระทู้ที่เเล้ว หลายๆท่านก็ตอบว่า ให้ทำตามความฝัน เมื่อเงินถึง ดูเเลบำรุงรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
สมาชิกทุกท่าน ที่มีความฝันเเบบผม ผมขอเล่าให้ฟังสักนิด ผมโตมาผ่าน30 มา ผมคิดว่าชีวิตผมจะซื้อรถเงินสดมาตลอด เเล้วผมก็ก็ต้องมีเงินเก็บสัก 8หลัก ผมถึงกล้ารถD-segment เเล้วถ้าเป็นรถยุโรปก็คงต้องมีเงินเก็บอีกนิดหน่อย เเต่ผมว่าผมคิดผิดมาตลอดครับ ทุกวันนี้ผมขับเบนซ์อายุ37 ด้วยน้ำพักน้ำเเรงที่สร้างมากับภรรยา อีกไม่กี่ปีผมจะ40 ถึงผมจะขับพอช ผมก็ว่าผมเเก่เเล้วครับ จึงอยากบอกใหุ้ ถ้ามีความฝัน เมื่อเงินเหลือเก็บให้รับซื้อ รับมีเถอะครับ คำพูดจากสมาชิกท่านนึง เคยบอกว่า ขับBMตอนอายุ30 กับตอน 50 มันไม่เหมือนกันนะครับ ดูเหมือนคำนี้ทุกวันนี้ผมว่ามันจริงครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
ปล.บอกนิดนึงครับ ขายACV50 HV ตัว DVD รองท็อปไปได้ 800000 รถปี2013 เดือนตุลา นี่ขนาดขายคนรู้จักกัน เพราะขายเต๊นท์ ไม่ได้ราคานี้เเน่ๆครับ บอกเรยว่าเจ็บพอสมควรครับ รถไฮบริดอะไรก็ดีครับ เสียอย่างเดียว ราคาตกได้ใจ :-X :-X :-X เเต่ผมก็ยังไม่เข็ดครับ จะลองกับE350e ไฟปลักเสียบบ้านอีกสักตั้้งครับ :-* :-* :-* :-*
-
เคยใช้ L33 ไม่แปลกที่พอขับ E350e แล้วจะไม่ว้าวครับ L33 ถ้าเปลี่ยนโลโก้เป็นยุโรปผมว่าก็มีคนเชื่อล่ะ อะไรหลายๆใกล้เคียงรถยุโรปมากยกเว้นวัสดุการตกแต่งที่ตามราคาน่ะแหละครับ คือถ้าไม่แคร์ภาพลักษณ์หรือสนองความอยากตัวเองแล้วผมคนนึงยอมรับว่า D-Seg ทุกวันนี้ก็เพียงพอล่ะ
-
โดยปกติรถยุโรปมันก็ไม่ได้โดดเด่นเรื่องออกตัวหรืออัตราเร่งหวือหวาเท่าไรหรอกครับด้วยตัวถังที่หนักเทอะทะกว่า แต่มันไปเด่นที่ลอยลำหรือเร่งที่ความเร็วสูงๆไม่ต้องเค้นมาก ความสเตเบิลแบบว่า 140 ยังสบายขับยาวๆแทบหลับในไม่วอกแวกไม่ต้องใช้สมาธิเหมือนทางค่ายญี่ปุ่น เหมือนม้าตีนต้นกับม้าตีนปลายเทียบกัน
-
.
.
ส่วนตัวผมยังไม่เคยขับ D-Segment เลย เพราะไม่ชอบรถคันใหญ่
คันแรก Lancer ต่อมาก็ C class เลย แล้วก็ CLA ผมเลยเห็นความต่างค่อนข้างชัด
โดยเฉพาะอัตราเร่งนี่คนละเรื่องเลย
ส่วนที่บอกว่าให้รีบซื้อ อันนี้เห็นด้วยมากๆครับ อายุคนเราแป๊บๆก็แก่แล้ว
จะไปรอโน่นรอนี่เสียเวลาครับ ถ้าพร้อมก็ลุยเลย
-
ส่วนตัวขับ 525d F10 M sport.. ถือว่าได้ทำตามความฝันแล้ว แต่บอกตรงๆว่าคันต่อไป รถญี่ปุ่นแน่นอนครับ คือ BMW ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ รถดี แรง ประหยัด ขับสนุก Handling ที่รถญี่ปุ่นหรือแม้แต่ยุโรปญี่ห้ออื่นก็ให้ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับการเป็นลูกจ้าง แล้วเอาเงินมาใช้เกือบ 4 ล้าน ขายต่อราคาตก ดูแลก็แพง...มันไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ ถ้าเป็นเศรษฐี 100 ล้านคงไม่ต้องคิดมาก
แต่ก็เถอะครับ ให้ย้อนกลับไป ผมก็ซื้อครับ F10 คันนี้ ทำตามความฝันครับ
ปล. ผมก็เคยเจ็บตัวกับ Camry HV ครับ ราคาตกจริงๆ เข็ดเลย รถกินไฟเนี่ย
-
d-seg ญี่ปุ่นกับยุโรปนี่มันต่างกันไม่เยอะครับ เคยขับ 5 series มันดีกว่าแต่ไม่ว้าวขนาดนั้น
ถ้าให้ต่างต้องไป s-class 7 series ครับ ผมขับ camry hv 2013 ประจำ ไปขับ 730ld m sport 2017
ของญาติ ต้องบอกว่ามันคนละเรื่อง มันว้าวสุดๆ ดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก ช่วงล่างถุงลม มันนุ่ม แต่หนึบดูดถนน
เข้าโค้งนี่ไม่มีเอียงเลย คันเร่งแตะนิดเดียวดึงแบบนุ่มๆ แถมมันเงียบไม่ดูความเร็วนี่แป๊บๆ 140 ต้องยกตลอด
เสียอย่างเดียวคือมันยาวไปหน่อยจอดยากชะมัด
-
เห็นด้วยทุกประการครับ ทั้งเรื่องญี่ปุ่น D-Seg และการเลือกซื้อรถยุโรป
-
ผมเคยคิดเล่นๆว่าสักวัน d seg อาจกลายร่างเป็น e seg ก็เป็นได้เพราะมันขยายมาเรื่อยๆทุกรุ่น ทั้งราคาเเละอะไรหลายๆอย่าง เเต่ก็อย่างว่าถ้า toyota ก็มี lexus อยุ่เเล้ว เเต่ l33 ผมให้เทียบเท่ารถยุโรป ด้านขับขี่ ส่วนหน้าตากับวัสดุมันสู้รุ่นเก่าไม่ได้เลย มันถึงเป็นรถดีที่ขายไม่ออก เเต่ยังไม่ถึง bm
-
รถ D-Segment ญี่ปุ่นตั้งแต่ Gen ที่แล้ว ผมคิดว่าขับไม่ได้แย่เลยครับ
-
8) ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
ผมก็คิดแบบเดียวกับ จขกท
ขยับมาเรื่อยๆ จาก D seg L33
ขยับมาตราดาว ขยับเพิ่มเปิดประทุน
แน่นอน เป้าหมายต่อไป ก็เจ้ากบเหมือนกันครับ
ดีใจมากที่ได้ทำตาฝัน รู้สึกไปสุด ไม่คาราคาซัง 555
ถึงจะมูลค่าไม่มาก แต่ก็ภูมิใจครับ มันเหมือนเป็นความสุขผู้ชาย
ปล ส่วนตัวผมว่าเอารถใช้งานชีวิตประจำวัน เดินทางตจว D seg ก็เหลือพอกับชีวิตละครับ
-
เห็นด้วยเรื่องอัตราเร่ง Accord Hybrid ที่เพิ่งขายไปยอมรับว่าอัตราเร่งดีจริงๆครับ
-
เคยแต่นั่ง D-segment ค่ายญ๊่ปุ่นก็นั่งสบายนะครับ ส่วนตัวเคยขับ L32 ครั้งนึง ก็ดีครับ แต่ไม่ค่อยชอบตอนเลี้ยวหรือตีวงเท่าไหร่ มันอุ้ยอ้ายไปหน่อย ผมว่าผมคงไม่เหมาะกับ D-segment 5555
เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า มีเงินก็ซื้อไปเลยครับ ไม่ต้องรีรออะไร ไม่งั้นก็แก่เกินแกงกันพอดี
ผมมองย้อนตัวเอง สมัยก่อน อยากได้ไอโฟน แต่เห็นว่าราคาแพง สอย HTC มาใช้ ถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่ก็ยังคาใจ สุดท้ายก็ต้องใช้ไอโฟนอยู่ดี ใช้แล้วก็มีความสุขดี รู้สึกว่าถึงคำว่า รู้งี้ซื้อนานละ
รถก็เหมือนกัน ก่อนออก CX5 ก็ลังเล กับโมบี้, HRV หรือ GS สุดท้ายเลือกที่ชอบที่สุด ตัดสินใจว่าซื้อแพงแต่ใช้ได้นานๆ ดีกว่าซื้อรุ่นประหยัดแล้วก็จะคาใจ ก็ได้เจา CX5 มา แม้จะตกรุ่นแล้ว แต่ทุกครั้งที่ขับก็มีความสุข เวลาครอบครัวไปเที่ยวกัน เห็นเขานอนหลับทั้งภรรยาและลูก แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ
ปล.ผมอายุใกล้ๆ จขกท อย่าเพิ่งคิดว่าแก่เลยครับ เดี๋ยวจะแก่กันหลายคนครับ
-
มี D Secment ญี่ปุ่นอยู่รุ่นนึงที่อยากให้ลองครับ...
Subaru Legacy รุ่นที่ใช้เครื่อง Boxer 6 สูบ 3.6 ลิตร NA ม้า 265 ตัว(บล๊อคเครื่องเท่ากับ porsche 911) เสียงเครื่องมาแบบเดียวกับ Porsche เลย
ในบ้านเราไม่มีขาย แต่ระแวกใกล้ๆอย่างที่ Australia มีขายแต่ใช้ชื่อว่า Liberty
-
D Segment ญี่ปุ่นถือว่าดีใช้ได้เลยละครับ ตั้งแต่สมัยก่อนตอนผมซื้อMazda Cronos ขอบอกว่าอัตราเร่งดีกว่ารถยุโรปขนาดเดียวกันในเมืองไทยและยังเกาะถนนไม่แพ้กันด้วยซ้ำครับ ขนาดลูกน้องฝรั่งอังกฤษที่ใช้แต่รถยุโรปมาตลอดยังยอมรับว่าMazdaทำรถได้ดีใกล้เคียงกับยุโรปแต่จุกจิกน้อยกว่าอีก Camryตัวปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับแถวหน้าในเรื่องสมรรถนะอยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าเทียบการขับขี่กับE Classจึงไม่ได้ว้าวแน่นอน แต่ถ้าคุณมาใช้เรือธงของค่ายยุโรปเหมือนที่ผมใช้อยู่่เช่นBMW 7 Benz S Class Audi A8 ก็จะรู้สึกถึงความหนักแน่นมากขึ้นแบบชัดเจนครับ
-
ผมว่ารถแนว E-Class กับ ซีรี่ย์ 5 ในปัจจุบันจะออกแบบมาเน้นสบายพวงมาลัยเบาซึ่งก็ไปแนวทางเดียวกับรถ D-Segment ญี่ปุ่นที่พัฒนามาเรื่อยๆครับ ความรู้สึกถึงไม่ต่างกันมาก แต่ตัวอัตราเร่งโดยเฉพาะเบนซ์นี่จะแบบมาเรื่อยๆไม่ดุดัน แต่ผมว่าถ้าเอาเครื่องมาจับเวลาตัวเลขก็น่าจะต่างกันกับรถ D-Segment อยู่ครับ
-
จาก Accord G9 2.4 ----> F10 528i
ต่างกันเยอะพอสมควร ในทุกๆด้าน อัตราเร่ง การทรงตัวทั้งทางตรงและทางโค้ง ความนุ่มนวลหนักแน่น
G9ก้อดีในระดับของมัน ไม่ได้มีอะไรเด่น แต่ก้อไม่มีอะไรให้ติ
สรุปก้อตามราคาครับ
ส่วนเรื่องความฝัน ถ้าทำแล้วไม่เดือดร้อน ไม่กู้หนี้ยืมสินมาซื้อ ก้อลุยเถอะครับ
-
ถ้าพูดถึงแค่อัตราเร่ง
ต้องเอาตัวtop hybrid ไปไล่บี้
ตัวล่าง นี่ยิ่งต่างเยอะเลย
-
ถ้าเอาเฉพาะเรื่องอัตราเร่ง D-segment ญี่ปุ่นจะด้อยกว่าหน่อยๆ มีที่สูสีขึ้นมาคือตัว Hybrid (เทียบจากตารางของคุณจิมมี่ครับ)
-
ผมขับ DSegment ญี่ปุ่นมาก่อน
เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่ตัว Hybrid อัตตราเร่งยังไงก็ด้อยกว่าเยอะ เพราะเครื่อง 2.0 2.4 NA ไม่มี Turbo
มาเจอเครื่องรถยุโรป 2.0 Turbo 0-100 อย่าไปดู ดู 0-200 มันส์อย่าบอกใคร บวกช่วงล่างย่านความสูงๆ
ถ้าไม่ใช่ L33 หายากที่ DSegment ญี่ปุ่น ตัวไหนให้ความมั่นใจได้ครับ
-
เห็นด้วยครับเรื่องอัตราเร่ง คือ Camry Hybrid สร้างมาตรฐานไว้สูงมากสำหรับรถญี่ปุ่น
ถ้าดู 0-100 กับ 80-120 เจ้า Camry hybrid สู้ได้หมดทั้ง 528i 525d 320d 320i E-class 220d
มิน่า Toyota เอาเครื่องตัวนี้ไปวางไว้หลายรุ่นโดยเฉพาะใน Lexus ซึ่งกลายเป็นเครื่องสหกรณ์ไปเลย
แต่ด้วยความที่เมืองไทยไม่มี Autobahn ยาวๆไม่จำกัดความเร็ว ที่การวิ่ง 180-200 กม/ชม เป็นเรื่องปกติ ทำให้รถ Premium ยุโรปไม่ได้แสดงศักยภาพเต็มที่
คือถ้าใช้งานปกติ วิ่งไม่เกิน 120 ผมว่า D-seg ญี่ปุ่นไม่ด้อยกว่าพวก Series 5 หรือ E class เท่าไหร่
แต่ถ้าไวกว่านั้น รถยุโรปจะแสดงให้เห็นความต่างเรื่องความนิ่ง สเถียรภาพที่ความเร็วสูง
การเก็บเสียงลมที่ความเร็วสููงที่เงียบจนรู้สึกว่า วิ่ง 180 เหมือนวิ่งอยู่ที่ 120
-
ต่างชัดในความเร็วสูง ความเครียดต่างกัน
เทียบกับ w212 กับ G8 ที่ 150 km/h. ทางไกลมืดๆ ต่างจังหวัด
ผมขับ212 สบายใจกว่าเยอะ
-
อัตราเร่ง รถยุโรป ขนาดDsegเอาเครื่องใกล้เคียงกัน มันถูกจำกัดด้วยน้ำหนักตัว และอัตราสิ้นเปลืองครับ
-
เห็นด้วยกับ จขกท ครับ อายุเท่าๆกัน
คันหน้าผมคงซื้อ camry รุ่นที่กำลังจะออกตัวถูกสุด เงินสด ใช้ยาว10ปีแสนโล 8)
ถ้าเปิดตัวมาไม่นั่งห่วยจนเกินไปนะ(camryบางรุ่นเบาะนั่งไม่สบาย)
ไม่มีเวลาดูแลรถครับ ตอนนี้แค่หาเวลาไปล้างยังลำบากเลย :(
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลัวระบบ hybrid ของ toyota กันขนาดนั้นจนราคาตกกระหน่ำ
ที่บ้านตอนนี้มีทั้ง priusกับcamry hv ใช้มา7ปีกับ8ปี ไม่เห็นเคยมีอะไรเสียเกื่ยวกับระบบhybridเสีย ราคาอะไหร่ที่แพงๆก็ไม่เคยจ่าย(ใช้น้อย)
จนจะซื้อรถใหม่คงไม่เอาhybridละ :(
จะบอกว่าpriusรุ่นแรกผลิตขายมาถ้าจำไม่ผิดปี2001 ระบบมันเสถียรมากๆแล้ว ไม่ใช่มือใหม่หัดใส่ถ่าน :-\
-
โดยปกติรถยุโรปมันก็ไม่ได้โดดเด่นเรื่องออกตัวหรืออัตราเร่งหวือหวาเท่าไรหรอกครับด้วยตัวถังที่หนักเทอะทะกว่า แต่มันไปเด่นที่ลอยลำหรือเร่งที่ความเร็วสูงๆไม่ต้องเค้นมาก ความสเตเบิลแบบว่า 140 ยังสบายขับยาวๆแทบหลับในไม่วอกแวกไม่ต้องใช้สมาธิเหมือนทางค่ายญี่ปุ่น เหมือนม้าตีนต้นกับม้าตีนปลายเทียบกัน
+1 กับท่านนี้ครับ
_____________________________________________________________________________________
แล้วก็รถค่ายดาวที่เป็นตัวถังซีดานแบบของ จขกท มันก็ไม่ใช่รถที่เด่นในเรื่องการขับขี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วครับ (แนวเดียวกับ Volvo)
พอเอามาเทียบกับ D seg ที่ขับดีที่สุดอย่าง L33 ถ้ามันจะไม่หนีกันเท่าไหร่ก็ไม่แปลกครับ....ทางฝั่งยุโรป ถ้าจะเอาในเรื่องการขับขี่
ต้องตรา 4ห่วง กับ ใบพัด ครับ ทั้งการตอบสนองของเครื่องที่ไวกว่า เกียร์ที่ทำงานรวดเร็วฉับไวกว่าและฉลาดกว่า ช่วงล่างที่นิ่งแน่นกว่า
ผมไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่ากันน่ะครับ เบ๊นซ์กับวอลโว่เค้าก็มีคุณงามความดีในแบบของเค้าครับ อยู่ที่รสนิยมคนใช้ครับ ว่าชอบแบบไหน
แต่ถ้าเอาในเรื่องการขับขี่ล้วนๆ เบ๊นซ์กับวอลโว่นี่ไม่ใช่แน่นอนครับ....เอาจริงๆมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้วน่ะครับ ถ้าสังเกตุ
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ 2533-2538 ตอนนั้นยังมี Nissan Cefiro A31 ขายอยู่ ผมได้ติดตามอ่านรีวิวของนิตรสานยานยนต์อยู่หลายเจ้า
เค้าก็บอกเหมือนกันว่าในเรื่องการขับขี่ช่วงล่าง A31 นั้นสู้ Benz E และ Volvo ในสมัยนั้น (ผมจำรหัสรุ่นไม่ได้ครับ) ได้สบายๆ
หรืออาจจจะดีกว่าหน่อยๆด้วย ในสมัยนั้น A31 เป็นรองแค่เพียง BMW e34 เท่านั้น..
**สำหรับคนที่ไม่รู้ A31 นั้นเป็นรถญี่ปุ่น แต่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างด้านหลัง Multi link เหมือนยุโรปน่ะครับ
โดยมีพื้นฐานรถหลายๆอย่างเหมือนกับ Skyline , Silvia , 200sx ครับ ไม่รู้มันขับดีเพราะงี้รึเปล่า แต่ที่รู้ๆคือ
A31 เวลาวิ่งเกิน 160 ไปแล้ว ช่วงล่างมันนิ่งกว่า Camry acv50 สมัยนี้อีกน่ะครับ จากคนใช้งานจริงครับ
สุดท้าย ผมว่าการจ่ายเงินแพงกว่า 2-3 เท่า เพื่อซื้อรถยุโรปแทน D seg ญี่ปุ่น แล้วมุ่งหวังไปที่เรื่องอัตราเร่งหรือช่วงล่างอย่างเดียว
ว่ามันจะดีกว่า 2-3 เท่าตัวตามราคา ยังงี้ผมว่าไม่คุ้มละครับ หรือทนกว่าก็ไม่ใช่ คือมันไม่ใช่แน่นอนครับ ต้นทุนที่มากกว่าของรถยุโรป
เค้าไม่ได้เอาไปลงที่เครื่องกับช่วงล่างแค่ 2อย่างนะครับ มันก็กระจายไปทั่วคัน ชิ้นส่วนมีเป็นร้อยเป็นพันเบยยย
รถยุโรปเค้าก็มีคุณงามความดีและเสน่ห์ในแบบของเค้าครับ
ท่านลองไปถามคนที่ซื้อนาฬิกา Rolex เรือนเป็นแสนๆมาใส่สิครับ ท่านว่าเค้าซื้อ Rolex เพราะหวังว่ามันจะดีกว่าหรือทนกว่า CASIO
เรือนละ 2,000 เป็น 100เท่าเลยมั๊ยละครับ? ผมว่าก็คงไม่หน่าครับ
ปล. ถ้ามีตังแล้วไม่เดือดร้อนก็จัดไปครับ ชีวิตคนเราไม่ได้ยาวขนาดนั้นครับ เดินๆอยู่ข้างถนนไม่รู้จะโดนเสาไฟล้มใส่ตายวันไหน
แล้วก็พวกยุโรปทั้งหลาย ถ้ามันไม่มีอะไรที่ดีกว่าญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมาขายแพงกว่า 2-3เท่าตัว ผมว่าถ้าเป็นงั้นจริง
Benz BMW Audi Volvo บริษัทมันก็คงเจ๊งไปตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าเราแล้วละครับ ::)
-
ปล. ถ้ามีตังแล้วไม่เดือดร้อนก็จัดไปครับ ชีวิตคนเราไม่ได้ยาวขนาดนั้นครับ เดินๆอยู่ข้างถนนไม่รู้จะโดนเสาไฟล้มใส่ตายวันไหน
แล้วก็พวกยุโรปทั้งหลาย ถ้ามันไม่มีอะไรที่ดีกว่าญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมาขายแพงกว่า 2-3เท่าตัว ผมว่าถ้าเป็นงั้นจริง
Benz BMW Audi Volvo บริษัทมันก็คงเจ๊งไปตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าเราแล้วละครับ ::)
+1 ครับ
-
เห็นด้วยครับ โดยเฉพาะ D-Segment ที่เป็นเครื่อง Hybrid นี่ อัตราเร่งสู้รถยุโรปได้เลย
แต่ถ้าพูดกันถึงเรื่องช่วงล่าง และการขับขี่ อันนี้ก็อีกเรื่องนึงนะครับ ;D
-
ไม่แค่อัตราเร่งที่ทำให้ใกล้เคียงกับรถยุโรปแล้ว ราคาก้ใกล้เข้ามาแล้วเหมือนกัน 555
-
ความชอบรถของผู้ชายเรา มีรถกี่คันก็ไม่พอ
ผมเคยฝันว่าอยากมีรถทุกแนวอยู่ในโรงรถ อืมม เรียกว่าโกดังเลยดีกว่า
แต่ในชีวิตจริงมันทำไม่ได้ครับ 555
ผมขอแค่ BRZ 1 คัน ไว้ขับเล่น กับ D seg นั่งสบายอะไรก็ได้ที่ราคาไม่ถึง 2 ล้าน ที่แฟนชอบอีกคัน แค่นี้ก็พอกับการใช้ชีวิตแล้วครับ
สำหรับผมไม่จำเป็นต้องเป็นรถยุโรปครับ เพราะผมเป็นขาโมดิฟาย การเอารถยุโรปป้ายแดงมายำเล่น มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
-
ไม่แค่อัตราเร่งที่ทำให้ใกล้เคียงกับรถยุโรปแล้ว ราคาก้ใกล้เข้ามาแล้วเหมือนกัน 555
ลั่นเลยครับ 555+
-
ปล. ถ้ามีตังแล้วไม่เดือดร้อนก็จัดไปครับ ชีวิตคนเราไม่ได้ยาวขนาดนั้นครับ เดินๆอยู่ข้างถนนไม่รู้จะโดนเสาไฟล้มใส่ตายวันไหน
แล้วก็พวกยุโรปทั้งหลาย ถ้ามันไม่มีอะไรที่ดีกว่าญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมาขายแพงกว่า 2-3เท่าตัว ผมว่าถ้าเป็นงั้นจริง
Benz BMW Audi Volvo บริษัทมันก็คงเจ๊งไปตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าเราแล้วละครับ ::)
+1 ครับ
+100 ครับ
ถ้ามองมูลค่ารถแค่ความแรงและการเกาะถนนก็คงไม่เก็ทนัก
-
เสียดายที่ D-seg ยอดขายต่ำลงเรื่อยๆ ไม่รู้ว่า Gen ใหม่ๆที่ออกมาของแต่ละยี่ห้อ จะทำยอดได้ดีแค่ไหน
ส่วนตัวใช้ D-seg ญี่ปุ่น มันก็ให้ความสบายในการขับขี่ และโดยสาร ได้ดีมาก จนสมาชิกในบ้านไม่มอง segment อื่นๆเลย ต้องมีเป็นคันหลักในบ้านเสมอ
และเวลาเดินทาง ถูกเรียกหาใช้งานตลอด
ถ้าอนาคต segment นี้หายไปคงคิดถึงแน่ๆครับ
ปัจจุบัน ความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ กับราคา ของ d-seg ทำได้ดีทีเดียว แต่ยังไม่ไปยุโรป เพราะ กิเลสยังไม่เหนือเหตุผล และ ประสบการณ์ไม่ดีของ ผบ.ทบ. ที่เคยใช้ครับ
กลุ่มหนึ่งยังไม่เคยลอง มันคาใจ ลองแล้ว อืม นะ ประมาณนี้นะ อาจไม่ว๊าว และ d-seg มันก็ตอบโจทย์นะ แถมสบายใจกว่าด้วย อืม กลับมาแบบเดิมล่ะกัน
(ปล.ยังโชคดีที่ครั้งหลังที่เปลี่ยนมี L33-2.5 ออกมาพอดี ใช้ ตจว.90% ผ่อนคลายได้มากทั้งคนขับ-คนนั่ง และก็ไม่ได้กินน้ำมันแบบที่กังวลกัน เติมแล้วจดทุกถัง จากที่ขับไป 6.8 หมื่น กม. E20 ได้สิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.15 กม/ลิตร ตก กม.ละ 1.65 บาท ตลอด 3 ปีครับ ขับทางไกลให้ประหยัดได้ง่ายกว่า และประหยัดกว่า Sienta 1.5 อีกครับ)
-
D Segment ญี่ปุ่นถือว่าดีใช้ได้เลยละครับ ตั้งแต่สมัยก่อนตอนผมซื้อMazda Cronos ขอบอกว่าอัตราเร่งดีกว่ารถยุโรปขนาดเดียวกันในเมืองไทยและยังเกาะถนนไม่แพ้กันด้วยซ้ำครับ ขนาดลูกน้องฝรั่งอังกฤษที่ใช้แต่รถยุโรปมาตลอดยังยอมรับว่าMazdaทำรถได้ดีใกล้เคียงกับยุโรปแต่จุกจิกน้อยกว่าอีก Camryตัวปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับแถวหน้าในเรื่องสมรรถนะอยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าเทียบการขับขี่กับE Classจึงไม่ได้ว้าวแน่นอน แต่ถ้าคุณมาใช้เรือธงของค่ายยุโรปเหมือนที่ผมใช้อยู่่เช่นBMW 7 Benz S Class Audi A8 ก็จะรู้สึกถึงความหนักแน่นมากขึ้นแบบชัดเจนครับ
+1 ครับ ช่วงล่าง Cronos ดีจริงๆ และดีกว่า ญี่ปุ่น D SEG ยุคปัจจุบันที่มีขายอยู่ทุกคันในประเทศไทยด้วยครับ
-
ถ้าความมั่นใจ เทียบกับซีรี่5ต่างชัดเจนครับ
Dsegmentก็ทำได้ดีในระดับนึงแล้ว เพียงพอ แต่ยุโรปยังไงก็คือยุโรป ยินดีกับรถใหม่ด้วยครับ
-
ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบใช้ mid size car และใช้รถsize นี้ของญี่ปุ่นมาตลอดตั้งแต่ accord g5,
Cefiro a32, a33, accord g8, camry acv50 hybrid ซึ่งก็ยังใช้อยู่ ยอมรับว่ารถญี่ปุ่น size นี้
ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ (และราคาก็แพงขึนเรื่อยๆ เหมือนกัน) camry hybrid อัตราเร่งดีจริงๆครับ
หลังจากพร้อมมากขึ้น ผมก็ได้ซื้อ MB e200 w212 เมื่อปี 2012 ใช้ควบคู่ไปกับ camry hybrid
อัตราเร่งระยะต้นอาจจะไม่หวือหวาเท่า Camry hybrid แต่การขับขี่ ช่วงล่าง ฟิลลิ่งมันต่างกันจริงๆครับ
ตอนนีเปลี่ยน w212 เป็น E350e คราววนี้แตกต่างกับ camry ชัดเจนขึ้นมาก อัตราเร่งดี ช่วงล่างนุ่ม เงียบ
ภายในสวยงามมาก ขับแล้วรื่นรมณ์กว่ากันมากจริงๆ (การบำรุงรักษา ราคา เป็นอีกเรื่องนะครับ มันคงแพงตามคลาสของมัน) แต่อย่างไรก็ตามผมยังใช้ camry ด้วย และคาดว่า อาจจะซื้อแคมรีรุ่นใหม่ หรือแอคคอร์ดใหม่แทนแคมรีคันนี
สรุป ถ้าพร้อมและชอบรถยุโรป จัดไปเลยครับ แต่ถ้าให้ดีเอา mid size car นะครับ จะได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผมสนับสนุนความคิดที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อน ซื้อเลยครับ อย่ามารอบอกให้มีเงิน 50ล้าน 100ล้านก่อนถึงจะซื้อรถยุโรป ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ
-
ถ้าเป็นเรื่องอัตราเร่ง ช่วง 0-150 จริงครับ
หลังจากนั้น ก็เริ่มไม่ค่อยมั่นใจ การขับไม่ผ่อนคลาย เท่ารถยุโรป
ทั้งเรื่องความนิ่งของรถ ความสงัดเงียบในห้องโดยสาร
ตลอดจนความเร็วปลาย ที่รถเยอรมัน/ยุโรป เช่น MB , BM ,ฯลฯ ล้วนแต่ทะลุ 220 ไปแทบทุกคัน
ด้วยค่าตัวเงินที่ต่างกัน เกือบเท่าตัว ได้กระจายไปสู่ การออกแบบ ทั้งคัน
ตั้งแต่น็อตตัวเล็กๆที่มีแผ่นพลาสติกเล็กๆ กันหลุดออกจากเบ้า, โครงสร้างตัวถัง, ห้องเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ หรือระบบไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์ที่แยกออกจากกัน
ลึกเข้ามาในห้องโดยสาร หนังแท้เกรดไหน, ระบบปรับอากาศหมุนเวียนในรถ, วัสดุที่ใช้สัมผัสผิว ,ฯลฯ
มาตรฐานเขามีพอสมควร
แต่ไม่ใช่ว่า ค่ายญี่ปุ่น จะทำรถแพงๆไม่เป็นนะครับ ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป
ดังนั้น อัตราเร่งค่ายญี่ปุ่น ทุกวันนี้ ทำได้ดีไม่แพ้รถยุโรป จริงครับ
-
d-seg ญี่ปุ่นกับยุโรปนี่มันต่างกันไม่เยอะครับ เคยขับ 5 series มันดีกว่าแต่ไม่ว้าวขนาดนั้น
ถ้าให้ต่างต้องไป s-class 7 series ครับ ผมขับ camry hv 2013 ประจำ ไปขับ 730ld m sport 2017
ของญาติ ต้องบอกว่ามันคนละเรื่อง มันว้าวสุดๆ ดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก ช่วงล่างถุงลม มันนุ่ม แต่หนึบดูดถนน
เข้าโค้งนี่ไม่มีเอียงเลย คันเร่งแตะนิดเดียวดึงแบบนุ่มๆ แถมมันเงียบไม่ดูความเร็วนี่แป๊บๆ 140 ต้องยกตลอด
เสียอย่างเดียวคือมันยาวไปหน่อยจอดยากชะมัด
+1
-
ถ้ามองแค่อัตราเร่ง ก็ต้องเทียบกันก่อนว่า Camry Accord Hybrid โฉมล่าสุด ที่อัตราเร่งดีเข้าใกล้ตัวล่างของ C, E, 3, 5 นั้นแรงได้เพราะ hybrid ครับ แต่ของยุโรปเค้าใช้เครื่องเล็ก 2.0 โบ เพื่อประหยัดน้ำมันและอัตราเร่งที่โอเค
แต่สำหรับผมเลย ผมยังมองว่า C, E, 3, 5 อัตราเร่งยังดีกว่า Camry, Accord Hybrid เพราะผมขับเอง ยังรู้สึกว่ามันดึงและมันธรรมชาติกว่า CVT ทำให้การขับขี่ในยุโรปอุ่นใจกว่า เพราะคาดเดาอัตราเร่งได้ดีกว่า
กับเหตุการณ์ถ้า Camry, Accord Hybrid แบตหมด ก็เร่งตื้อกันไปอีกครับ
แต่สำหรับผม ที่ขับ 3,5 เทียบกับ Camry
ถ้าต้องการความมั่นใจ จะซิ่ง ต้อง BMW
แต่ถ้าอยากชิล ไม่แข่งกับใคร และพวงมาลัยยานๆ นิดนึง แต่มันสบายมือกว่า BMW มากๆ ผมก็เลือก Camry ครับ เพราะ Camry นี่เป็นพวงมาลัยที่ระยะฟรี มีกำลังดีเลย เหมาะกับขับชิลๆ แต่ฟิลลิ่งซิ่งได้ 60% ของ BMW ครับ แต่ขับไกลๆ นี่ไม่เหนื่อยเลย
ของ BMW ขับไกลๆ มีต้องเมื่อยมีบ้าง เพราะรถมันคล่องตัวมากๆ แค่หมุนพวงมาลัยซ้ายขวาแค่ครึ่งเซ็น ก็ส่งผลต่อล้อแล้ว แต่ Camry หมุนพวงมาลัยไปซ้ายขวา 1-2 เซ็น เหมือนรถยังไปตรงอยู่ ก็เป็นจุดที่ผมชอบครับ