Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Disk™ ที่ มกราคม 09, 2018, 13:31:47
-
พอดีไปเจอข่าวมา ว่าคดีพลิก เนื่องจากผู้เสียหายไปหลอกขายน้ำมันหล่อลื่น จริงหรือไม่ครับ
https://www.matichon.co.th/news/794765
-
ดีเซลมีปัญหา ให้ดูข้อมูลในต่างประเทศได้ครับ
ส่วนเรื่องที่ Mazda เขาฟ้อง เขาเน้นหาจุดอ่อนแกนนำ ซึ่ง Mazda เขาเห็นช่องนี้ เขาอาจจะชนะก็ได้
แต่ไม่ได้แปลว่า เครื่องแก้ปัญหาแล้วหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยบอกสาเหตุที่เกิด ผมพยายามหาข้อมูลในต่างประเทศยังไม่เจอ เจอแต่เปลี่ยนเครื่องให้ลูกค้า ดูแลให้ดีอยู่ครับ
-
คงต้องรอดูกันต่อไปครับ
-
เอาเท่าที่ผมทราบนะครับ ผมก็อยู่ในคลับนั้นเหมือนกันครับ
คือ ที่ผมอ่านๆมา ทางในคลับที่ผมติดตาม 2 คลับ ของCx-5 แนวทางจะแยกออกจากกัน
ผมขอพูดในส่วนคลับที่เป็นข่าว เท่าที่รู้มาจำเลยที่โดนฟ้องว่าขายน้ำยายี่ห้อนึง ซึ่งตามหลักที่ผมติดตามตลอด ไม่ได้ขายแบบโจ่งแจ้ง และไม่ได้ประกาศขาย เนื่องจากจะมีผู้ติดต่อขอซื้อจริงๆ แต่เนื้อข่าวออกมาแบบนี้เหมือนจะมีคนในคลับเนี่ยและ เอาข่าวออกมาครับ ทางมาสด้าเลยแจ้งหมายศาลมาแบบนี้
ผมขอพูดแค่พอประมาณนะครับ รอดูกันต่อไปครับ ลึกๆบางทีอาจมีอะไรต่อ
-
คำฟ้อง = ข้อกล่าวอ้างของโจทก์
ทางมาสด้าต้องพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐานให้ได้ตามที่อ้าง
ต้องรอฟังต่อไปครับ
-
ขายถูกกว่ายี่ห้ออื่นเกินครึ่งแถมต้องนัดเจอ ไม่ส่งไปรษณีย์ นี่ผมว่าเค้าก็ไม่ได้หวังกำไรในกรุ๊ปนะ ถ้าน้ำยาศูนย์ดี ไม่จับตัวเป็นหยดน้ำ เค้าจะเอามาขายมั้ยครับ
-
พลิกรึเปล่าไม่ทราบ
แต่เครื่องดีเซลมีปัญหาจริงๆ
น่าจะยอมรับ ชี้แจงแนวทางแก้ไขป้องกันนะครับ
-
Mazda เหตุผลในการฟ้องดูดีขึ้นนิดๆครับ
แต่รถยังแก้น้ำเดินไม่ได้
ส่วนฮอนด้า ต้องฟ้องอยู่แล้ว โง่ไปทำลายข้าวของ เวทีมีไม่กล้าโดดขึ้นไป เจ้าของก็ไม่รับคงามจริงว่ารถชนหนักมายังไงก็ไม่เหมือนเดิม
คราวหน้าซื้อรถเอาที่ไม่ตัดคานนิรภัยหลังออกนะครับ
-
ผมว่ามันตนละเรื่อง เรื่องรถยนต์ กับเรื่องฟ้อง เอามารวมกันได้ไง
-
ประเด็นคือพี่แกจะไปเป็นแกนนำทำไมครับ ในเมื่อรถไม่เสีย คือถ้าอยากขายของ ก็ขายไป บอกว่าตัวเองใช้ยี่ห้อนี่ วิ่ง 250,000 โลยังไม่พัง จบ ไม่มีใครฟ้อง ลูกค้าก็มาเรื่อยๆ อยู่แล้ว
ดันไปนำทีมยื่นเรื่องประท้วงมาสด้าแทนที่จะให้คนที่รถพังแล้วนำทีม แล้วไม่รู้ไปโพสท่าไหนหมิ่นประมาทเค้าอีก
-
จุดอ่อนฝ่ายถูกฟ้อง มีตะเข็บให้เขาเล่น และทำให้เชื่อว่าปัญหารถของฝ่ายถูกฟ้องไม่สุจริต
แต่ในความเป็นจริงปัญหาของตัวรถรุ่นดีเซลจริงๆ Mazda ควรกล่าวอย่างชัดเจนเรื่องปัญหา
ถ้าอ้างปัญหาจากปัจจัยภายนอกอย่างเดียว ก็เท่ากับไม่ต้องรับผิดชอบหรือแก้ไขอะไรก็ได้
-รุ่นที่มีปัญหา ถ้าให้ความมั่นใจให้ลูกค้า และถ้ามั่นใจรถตัวเอง รับประกันเพิ่มเฉพาะจุดที่กล่าวอ้างปัญหา ทุกรุ่นทุกคัน (ทั้ง CX-5 ดีเซล และ 2 ดีเซล)
-เยียวยาลูกค้าที่พบปัญหา ด้วยน้ำใจ ไมตรี เหมือนตอนเป็นมิตรเมื่อตอนซื้อ
ถ้า Mazda ชนะคดีก็มีผลทุกฝ่ายหลายด้าน มันจะสร้างกฎเกณฑ์บางอย่างขึ้นมาใหม่
เสียงพวกคุณจะเบาลงๆ เงื่อนไขของผู้จำหน่าย จะบีบให้ต้องยอมรับเอง ในทุกค่ายรถ
-
มันเป็นการปล่อยข่าว (?) เพื่อเบี่ยงประเด็นนะ ใครที่เป็นคนคิดนี่แย่มาก
คือมันเหมือนพยายามพูดว่า รถไม่ได้มีปัญหานะ แต่ผู้ใช้นั่นแหละที่พยายามพูดเหมือนของเรามีปัญหา
ทั้งที่จริงๆ ความผิด (ถ้าเกิดขึ้นจริง) คือต่างกรรมต่างวาระ
รถมีปัญหาก็ต้องแก้ไขไกล่เกลี่ย ส่วนถ้าผู้บริโภครายนั้นดิสเครดิตเพื่อโฆษณาแฝงจริง ก็ควรฟ้อง
(แต่ไหนคือโพสต์หรือข้อความต้นทางสาเหตุ ผมยังหาไม่เจอเลย)
ที่น่ากลัวก็คือ แม้จะเกิดปัญหาขนาดนี้ ก็ยังมีคนบอกว่ากระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคบ้านเราปกติ
และยังมีคนมาแก้ต่างให้แบบ ถวายหัว... อีกต่างหาก
-
บรรยากาศเรื่องรถยี่ห้อนี้ เห็นแล้วตลกครับจะมีแฟนคลับมาเป็นห่วงและก้จะมีพวกซ้ำ เอาเป็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและส่งผลต่อยอดขายแน่นอน แต่mazda ถ้าไม่กลัวยอดขายในไทยตกก้อย่าไปแคร์ครับเพราะสิ่งที่ทำออกมาคือไม่แคร์ ผมก้ไม่รู้อะเนอะว่าจริงๆแคร์มากแค่ไหนก้มีอีกยี่ห้อนึงหนิที่ประกอบบางรุ่นด้วยกันที่เค้าไม่ค่อยสนยอดในไทย จริงๆถ้าเงียบๆไปแป้บเดียวคนก้ลืมแต่นี่ประหลาดออกมาประกาศหลายรอบ ของไม่ได้ไม่ดีแต่อยู่ไม่เป็นมากกว่า บอกตรงๆ อีก2 ค่ายในตลาดรถเก๋ง ลูบปากหรอเลย น่าสงสารคนที่ต้องมานั่งตอบคำถาม ลูกค้าสมัยนี้อ่านเยอะซะด้วย ที่มาสด้ามาได้ไกลด้วย kodo&skyactive ก้เพราะลูกค้ากลุ่มอ่านและลองนี่ล่ะแต่ครั้งนี้เหมือนเป็นการไล่คนกลุ่มนี้หลายคนให้กลับไปคิดใหม่ ผมไม่มีอคติกับรถยี่ห้อนี้นะครับชอบระดับต้นๆเลยด้วยแต่ครั้งนี้เรียกว่า พลาด
-
จริงๆนี่คือทางลงมาสด้าที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมาครับ
ผมอยู่ในคลับทั้งหมดเหมือนกัน เรื่องนี้มันซับซ้อน เหมือนคุยกันคนละประเด็น
แต่ถ้าถามว่ารถมีปัญหาจริงไหม ตอบได้เลยว่ามีครับ
แต่วิธีการที่จะทำให้ไม่เกิดปัญหามันอาจจะยุ่งยากกับผู้ใช้ทั่วไป
-
เหมือน mazda ยังไงก็จะไม่ออกมายอมรับเรื่องเครื่องมีปัญหา
ยอมหักไม่ยอมงอ
-
เสียดายแบรนด์จังครับ แต่โตต้า กับฮอนก็เคนฟ้อง 555 ลืม
-
มันจะพลิกยังไง ในเมื่อรถที่มีปัญหายังแก้ไขไม่จบ ยังสั่นกันต่อไป
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อพักน้ำๆล้นและเมื่อติดเครื่องยนต์มีฟองอากาศออกที่ถังพักน้ำและถ้าเปิดฝาหม้อน้ำดูก็จะมีฟองอากาศออกที่ฝาหม้อน้ำตลอดเวลา(นี่คืออาการที่เขาเรียกกันว่าน้ำดันครับ) เอารถเข้าศูนย์แก้ไขอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าช่างแจ้งรถเสร็จแล้วไปรับรถมาใช้รีบไปซื้อ ODB มาติดทันทีกลัวเครื่องจะ Overheat ไปอีกโดยไม่รู้ตัว (การซ่อมครั้งนี้ช่างไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ครับไม่ทราบว่าทำอะไรให้บ้างช่างก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดสอบถามก็ไม่ค่อยจะได้ความกระจ่างสักเท่าไหร่ครับ) หลังจากติด ODB ก็พบว่าบางช่วงการใช้งานความร้อนน้ำหล่อเย็นสูงมาก 103-105 องศา C ช่วงที่ทำงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80 กว่า - 95 องศา C ใช้งานมาจน 120,000 กิโลเมตร อาการเก่าก็กลับมาอีกเอารถเข้าศูนย์อีกครั้งๆนี้แจ้งช่างช่วยจัดการให้จบด้วย(ช่วงนี้ปัญหาน้ำดันเริ่มมีสูงขึ้นมีรถเข้าศูนย์เพราะปัญหานี้มากขึ้นข่าวก็เริ่มดัง) ใช้เวลาในการรอเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2 เดือนกว่าครับเลยต้องหาซื้อรถมือสองมาใช้งานเพิ่มอีกคัน(จริงๆก็อยากได้รถ 2 ประตูไว้ใช้งานด้วยเลยถือโอกาสบอกคนที่บ้านว่าจะไม่มีรถใช้งานอีกนาน) หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว รถออกมามีอาการแถมมาคือลูกปืนล้อเสียงหอนดังมาก ถามช่างราคาลูกปืนล้อหน้าข้างละเท่าไหร่ ช่างแจ้ง 14,000 บาทต่อข้าง ผมตัดสินใจไม่เปลี่ยนเอามาเปลี่ยนข้างนอกวิ่งหาอะหลั่ย มีอะหลั่ยเทียบ 3000 บาทครับไม่ได้ใช้รถเลยเนื่องจากรอเอาเข้าอู่เครมประกันเรื่องสีรถครับคุณภรรยาเอาไปชนของที่มีคนทำตกบนทางด่วนช่วงกลับจากชลบุรี เสียเวลาไปอีกเกือบเดือนรับรถกลับวันที่ 23 ธันวา ออกเดินทางขึ้นเชียงรายเย็นวันที่ 24 ธันวา วิ่งถึงลำปางประมาณตีหนึ่งกว่าๆตัดสินใจขับต่อไปแวะหาปั๊มที่พะเยานอนพัก(เป็นการตัดสินใจที่แย่มากครับครั้งนี้) ช่วงจากลำปางมาพะเยาเป็นทางเขาปรากฏว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งเลยนานๆจะเจอรถวิ่งสวนสักคันเจอสิบล้อหรือรถพ่วงบนเขาจะอาศัยเกาะตูดไปก็ความเร็วต่างกันมากเหลือเกินไม่ไหวพอดีเจอรถปิ๊กอัพเจ้าถี่นตามมาเลยปล่อยแซงแล้วอาศัยเกาะตูดไปช่วงนั้นมองหน้าปัทม์อ้าวซวยละไฟอะไรกระพริบอยู่ ไฟ DPF ครับตัดสินใจไม่จอดแน่นอนขับตามปิ๊กอัพดูครามร้อนอย่างเดียวเลยบนเขาด้วยบางช่วงความร้อนขึ้นถึง 105 องศา C ยังไงก็ไม่จอดแน่นอนครับพังเป็นพังแล้ว ถึงพะเยาโดยปลอดภัยวันรุ่งขึ้นเอาเข้าศูนย์เชียงรายเลยครับพร้อมแจ้งทางศูนย์กรุงเทพที่เปลี่ยนเครื่องให้ทราบ หลังจากศูนย์เชียงรายจัดการเผาเขม่าให้ลบไฟ DPF ให้ช่างบอกว่าให้วิ่งเร็วๆหน่อยจะเป็นการไล่เขม่าไปด้วยผมถามว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการไล่เขม่าผมบอกว่าวิ่งมาก็ไม่ต่ำกว่า 120 อยู่แล้วช่างบอกประมาณ 160 ตายละกูกว่าจะกลับ กทม จะโดนใบสั่งกี่ใบเพราะไล่เขม่าว๊ะเนี่ยหรือจะต้องมีอุบัติเหตุเพราะต้องวิ่งไล่เขม่า รับรถมาวิ่งเที่ยวเชียงราย แม่สาย แม่สลอง เดินทางจากเชียงรายเข้าเชียงใหม่ วันที่ 27 ธันวา ฝนตกทั้งวันทำความเร็วไม่ได้มากถึงจุดเผาเขม่าแน่นอน 100-120 ก็บุญแล้วบนเขาฝนก็ตก ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่ไฟ DPF ก็กลับมาอีกครั้งติดกระพริบตัดสินใจไปต่อไม่สนใจละไม่เอาเข้าศูนย์ที่เชียงใหม่แล้ววิ่งเที่ยวเชียงใหม่และเดินทางกลับวันที่ 29 ถึง กทม โดยปลอดภัย(ลุ้นไปตลอดทางจะถึงบ้านไหมเนี่ย) เป็นไงครับถ้าท่านเป็นเจ้าของรถมาสด้า CX-5 เดินทางไปเที่ยวแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะมีความสุขกับการไปเที่ยวที่ต้องลุ้นตลอดเวลาอย่างนี้ไหมครับ เปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เขาขยายเวลารับประกันเป็น 6 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตรแล้วแต่อะไรถึงก่อน ผมเปลี่ยนเครื่องที่ 120,000 อีก 60000 กิโล หมดประกัน หมดก่อน 6 ปีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นละครับ? มาสด้าไม่เคยออกมาชี้แจงรายละเอียดเลยว่าสาเหตุที่น้ำดันเกิดจากอะไร เครื่องยนต์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ได้แก้ไขสาเหตุน้ำดันแล้วหรือยัง สมมุติถ้าไม่ได้แก้ไขรถผมคงจะน้ำดันอีกทีที่ประมาณ 210,000 - 220,000 กิโลเมตรแล้วผมจะทำอย่างไรผมจะหาความมั่นใจอะไรได้บ้างว่าหลังจาก 180,000 กิโลเมตรมันจะไม่มีปัญหาถ้ามันมีปัญหาผมต้องเสียเงิน 2-3 แสนบาทครับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือถ้ามาสด้าได้แก้ไขปัญหานี้กับเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วก็ออกมาชี้แจงหน่อยครับลูกค้าจะได้มั่นใจที่จะใช้รถคุณต่อไป หรือเราจะซื้อรถมาแล้วใช้แค่ 200,000 กิโล มาสด้าช่วยออกมาชี้แจงให้ลูกค้าทราบบ้างเถอะครับลูกค้าควรจะทำอย่างไรหลังจากหมดประกันแล้วหากเกิดปัญหาน้ำดันขึ้นมาอีกครับ คุณเล่นเงียบอย่างเดียวแล้วไล่เปลี่ยนเครื่องแล้วปล่อยให้หมดประกันไปจบหน้าที่ของคุณแล้วคุณคิดจะทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ ส่วนลูกค้าก็รอลุ้นไปว่ามันจะดันอีกหรือเปล่าถ้าดันก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 2-3 แสนบาทครับ แล้วอย่านี้ใครจะซื้อรถมือสองครับ ตอนนี้ราคามือสองก็เหลือ 7-8แสนเองครับ ผมเป็นสมาชิกอยู่ในทั้ง 2 เพจของ Facebook มาสด้าครับและผมก็เป็นสมาชิกอยู่ใน Headlight Mag รุ่นแรกๆนะครับ ทราบถึงกฏระเบียบของ Headlight Mag ดีผมมาเล่าประสพการณ์ให้ฟังนะครับหากเห็นว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ถูกต้องลบออกได้เลยนะครับไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้ Headlight Mag คุณ จิมมี่ คุณ แพน และคณะผู้จัดทำครับ ขอบคุณครับ
-
ถ้าไม่มีคำชี้แจงที่ดี ก็ไม่กล้าแนะนำให้ใครซื้อแล้วครับ SkyactivD ทั้งตระกูล
ต่อให้เทพแค่ไหน เครื่องพัง ไม่ต่างกับนั่งเกวียน(ที่ไม่มีหัวลาก)
ไม่อยากโดนด่า
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อ......
เว้นบรรทัด แบ่งประโยคหน่อยครับท่าน เผื่อท่านอื่นๆตามมาอ่านจะไม่ได้ลายตาครับ
-
อย่างที่หลายๆท่านบอกครับ มันคนละประเด็นกันกับที่ว่าเครื่องยนต์ดีเซลมีปัญหาจริงมั้ย
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อ......
เว้นบรรทัด แบ่งประโยคหน่อยครับท่าน เผื่อท่านอื่นๆตามมาอ่านจะไม่ได้ลายตาครับ
+1 ครับ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wall of Text ครับ ภาษาไทยไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ลักษณะข้อความแบบนี้ไม่มีใครอยากอ่านจนจบครับ อ่านยากมากๆครับ ที่บอกเพราะผมก็อยากอ่านครับแต่ไม่ไหว
-
มาช่วยจัดให้ครับ :3
ผมเข้าใจความรู้สึกแบบนี้นะ การไปเที่ยวมันหมดสนุกไปเลยจริงๆเวลารถเสีย
บางทีผมว่านะ การแก้ไขอาการเครื่องยนต์ให้จบ เป็นเรื่องที่ควรทำ + รับประกันในส่วนของเครื่องยนต์ หหรือในจุดที่เกิดปัญหาเดิม ไปเลยห้าแสนโล กล้าพอหรือเปล่า ผมว่าถ้ามาสด้าแก้ปัญหาได้จบจริงทำไมจะไม่กล้า ดีไม่ดีลูกค้าวิ่งกันแสนกว่าๆ สองแสนก็ขายแล้ว รับประกันเพื่อให้ความมั่นใจลูกค้าผมว่ามันไม่ใช่อะไรที่ยากเกินไป
และ สำคัญมากๆ คือ ซ่อมให้จบจริงๆเสียที บางทีผมว่าลูกค้าเขาก็ไม่ได้เรียกร้อง หรืออยากเปลี่ยนเครื่องใหม่หรอกครับ แต่อยากให้แก้อาการให้มันจบไป ใช้รถได้อย่างสบายใจเช็คระยะได้ "ปกติ" แบบคนอื่นๆเขา
ต่อให้รถมันขับดี ฟีเจอร์มากมายแค่ไหน ถ้ามันทำหน้าที่หลักในฐานะของรถ(เป็นยานพาหนะ จาก A-B)ไม่ได้ ผมไม่ถือว่ามันเป็นรถที่ดีนะ
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ
รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อพักน้ำๆล้นและเมื่อติดเครื่องยนต์มีฟองอากาศออกที่ถังพักน้ำและถ้าเปิดฝาหม้อน้ำดูก็จะมีฟองอากาศออกที่ฝาหม้อน้ำตลอดเวลา(นี่คืออาการที่เขาเรียกกันว่าน้ำดันครับ)
เอารถเข้าศูนย์แก้ไขอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าช่างแจ้งรถเสร็จแล้วไปรับรถมาใช้รีบไปซื้อ ODB มาติดทันทีกลัวเครื่องจะ Overheat ไปอีกโดยไม่รู้ตัว (การซ่อมครั้งนี้ช่างไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ครับไม่ทราบว่าทำอะไรให้บ้างช่างก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดสอบถามก็ไม่ค่อยจะได้ความกระจ่างสักเท่าไหร่ครับ)
หลังจากติด ODB ก็พบว่าบางช่วงการใช้งานความร้อนน้ำหล่อเย็นสูงมาก 103-105 องศา C ช่วงที่ทำงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80 กว่า - 95 องศา C ใช้งานมาจน 120,000 กิโลเมตร อาการเก่าก็กลับมาอีกเอารถเข้าศูนย์อีกครั้งๆนี้แจ้งช่างช่วยจัดการให้จบด้วย(ช่วงนี้ปัญหาน้ำดันเริ่มมีสูงขึ้นมีรถเข้าศูนย์เพราะปัญหานี้มากขึ้นข่าวก็เริ่มดัง) ใช้เวลาในการรอเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2 เดือนกว่าครับเลยต้องหาซื้อรถมือสองมาใช้งานเพิ่มอีกคัน(จริงๆก็อยากได้รถ 2 ประตูไว้ใช้งานด้วยเลยถือโอกาสบอกคนที่บ้านว่าจะไม่มีรถใช้งานอีกนาน)
หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว รถออกมามีอาการแถมมาคือลูกปืนล้อเสียงหอนดังมาก ถามช่างราคาลูกปืนล้อหน้าข้างละเท่าไหร่ ช่างแจ้ง 14,000 บาทต่อข้าง ผมตัดสินใจไม่เปลี่ยนเอามาเปลี่ยนข้างนอกวิ่งหาอะหลั่ย มีอะหลั่ยเทียบ 3000 บาทครับไม่ได้ใช้รถเลยเนื่องจากรอเอาเข้าอู่เครมประกันเรื่องสีรถครับคุณภรรยาเอาไปชนของที่มีคนทำตกบนทางด่วนช่วงกลับจากชลบุรี เสียเวลาไปอีกเกือบเดือนรับรถกลับวันที่ 23 ธันวา
ออกเดินทางขึ้นเชียงรายเย็นวันที่ 24 ธันวา วิ่งถึงลำปางประมาณตีหนึ่งกว่าๆตัดสินใจขับต่อไปแวะหาปั๊มที่พะเยานอนพัก(เป็นการตัดสินใจที่แย่มากครับครั้งนี้) ช่วงจากลำปางมาพะเยาเป็นทางเขาปรากฏว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งเลยนานๆจะเจอรถวิ่งสวนสักคันเจอสิบล้อหรือรถพ่วงบนเขาจะอาศัยเกาะตูดไปก็ความเร็วต่างกันมากเหลือเกินไม่ไหวพอดีเจอรถปิ๊กอัพเจ้าถี่นตามมาเลยปล่อยแซงแล้วอาศัยเกาะตูดไป
ช่วงนั้นมองหน้าปัทม์อ้าวซวยละไฟอะไรกระพรบอยู่ ไฟ DPF ครับ
ตัดสินใจไม่จอดแน่นอนขับตามปิ๊กอัพดูครามร อน อย่างเดียวเลยบนเขาด้วยบางช่วงความร้อนขึ้นถึง 105 องศา C ยังไงก็ไม่จอดแน่นอนครับพังเป็นพังแล้ว ถึงพะเยาโดยปลอดภัย
วันรุ่งขึ้นเอาเข้าศูนย์เชียงรายเลยครับพรอมแจ้งทางศูนย์กรุงเทพที่เปลี่ยนเครื่องให้ทราบ หลังจากศูนย์เชียงรายจัดการเผาเขม่าให้ลบไฟ DPF ให้ช่างบอกว่าให้วิ่งเร็วๆหน่อยจะเป็นการไล่เขม่าไปด้วย ผมถามว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการไล่เขม่าผมบอกว่าวิ่งมาก็ไม่ต่ำกว่า 120 อยู่แล้วช่างบอกประมาณ 160 ตายละกูกว่าจะกลับ กทม จะโดนใบสั่งกี่ใบเพราะไล่เขม่าว๊ะเนี่ยหรือจะต้องมีอุบัติเหตุเพราะต้องวิ่งไล่เขม่า
รับรถมาวิ่งเที่ยวเชียงราย แม่สาย แม่สลอง เดินทางจากเชียงรายเข้าเชียงใหม่ วันที่ 27 ธันวา ฝนตกทั้งวันทำความเร็วไม่ได้มากถึงจุดเผาเขม่าแน่นอน 100-120 ก็บุญแล้วบนเขาฝนก็ตก ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่ไฟ DPF ก็กลับมาอีกครั้งติดกระพริบตัดสินใจไปต่อไม่สนใจละไม่เอาเข้าศูนย์ที่เชียงใหม่แล้ววิ่งเที่ยวเชียงใหม่และเดินทางกลับวันที่ 29 ถึง กทม โดยปลอดภัย(ลุ้นไปตลอดทางจะถึงบ้านไหมเนี่ย)
เป็นไงครับถ้าท่านเป็นเจ้าของรถมาสด้า CX-5 เดินทางไปเที่ยวแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะมีความสุขกับการไปเที่ยวที่ต้องลุ้นตลอดเวลาอย่างนี้ไหมครับ
เปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เขาขยายเวลารับประกันเป็น 6 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตรแล้วแต่อะไรถึงก่อน ผมเปลี่ยนเครื่องที่ 120,000 อีก 60000 กิโล หมดประกัน หมดก่อน 6 ปีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นละครับ? มาสด้าไม่เคยออกมาชี้แจงรายละเอียดเลยว่าสาเหตุที่น้ำดันเกิดจากอะไร เครื่องยนต์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ได้แก้ไขสาเหตุน้ำดันแล้วหรือยัง สมมุติถ้าไม่ได้แก้ไขรถผมคงจะน้ำดันอีกทีที่ประมาณ 210,000 - 220,000 กิโลเมตร
แล้วผมจะทำอย่างไรผมจะหาความมั่นใจอะไรได้บ้างว่าหลังจาก 180,000 กิโลเมตรมันจะไม่มีปัญหาถ้ามันมีปัญหาผมต้องเสียเงิน 2-3 แสนบาทครับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือถ้ามาสด้าได้แก้ไขปัญหานี้กับเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วก็ออกมาชี้แจงหน่อยครับลูกค้าจะได้มั่นใจที่จะใช้รถคุณต่อไป หรือเราจะซื้อรถมาแล้วใช้แค่ 200,000 กิโล มาสด้าช่วยออกมาชี้แจงให้ลูกค้าทราบบ้างเถอะครับลูกค้าควรจะทำอย่างไรหลังจากหมดประกัน
แล้วหากเกิดปัญหาน้ำดันขึ้นมาอีกครับ คุณเล่นเงียบอย่างเดียวแล้วไล่เปลี่ยนเครื่องแล้วปล่อยให้หมดประกันไปจบหน้าที่ของคุณแล้วคุณคิดจะทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ ส่วนลูกค้าก็รอลุ้นไปว่ามันจะดันอีกหรือเปล่าถ้าดันก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 2-3 แสนบาทครับ แล้วอย่านี้ใครจะซื้อรถมือสองครับ ตอนนี้ราคามือสองก็เหลือ 7-8แสนเองครับ ผมเป็นสมาชิกอยู่ในทั้ง 2 เพจของ Facebook มาสด้าครับและผมก็เป็นสมาชิกอยู่ใน Headlight Mag รุ่นแรกๆนะครับ ทราบถึงกฏระเบียบของ Headlight Mag ดีผมมาเล่าประสพการณ์ให้ฟังนะครับหากเห็นว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ถูกต้องลบออกได้เลยนะครับไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้ Headlight Mag คุณ จิมมี่ คุณ แพน และคณะผู้จัดทำครับ ขอบคุณครับ
-
Mazda เหตุผลในการฟ้องดูดีขึ้นนิดๆครับ
แต่รถยังแก้น้ำเดินไม่ได้
... ... ...
เออ ... น้ำดันมากกว่น่ะครับ
ถ้าน้ำเดินนี้คือใกล้คลอดล่ะครับ
;) :P
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อพักน้ำๆล้นและเมื่อติดเครื่องยนต์มีฟองอากาศออกที่ถังพักน้ำและถ้าเปิดฝาหม้อน้ำดูก็จะมีฟองอากาศออกที่ฝาหม้อน้ำตลอดเวลา(นี่คืออาการที่เขาเรียกกันว่าน้ำดันครับ) เอารถเข้าศูนย์แก้ไขอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าช่างแจ้งรถเสร็จแล้วไปรับรถมาใช้รีบไปซื้อ ODB มาติดทันทีกลัวเครื่องจะ Overheat ไปอีกโดยไม่รู้ตัว (การซ่อมครั้งนี้ช่างไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ครับไม่ทราบว่าทำอะไรให้บ้างช่างก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดสอบถามก็ไม่ค่อยจะได้ความกระจ่างสักเท่าไหร่ครับ) หลังจากติด ODB ก็พบว่าบางช่วงการใช้งานความร้อนน้ำหล่อเย็นสูงมาก 103-105 องศา C ช่วงที่ทำงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80 กว่า - 95 องศา C ใช้งานมาจน 120,000 กิโลเมตร อาการเก่าก็กลับมาอีกเอารถเข้าศูนย์อีกครั้งๆนี้แจ้งช่างช่วยจัดการให้จบด้วย(ช่วงนี้ปัญหาน้ำดันเริ่มมีสูงขึ้นมีรถเข้าศูนย์เพราะปัญหานี้มากขึ้นข่าวก็เริ่มดัง) ใช้เวลาในการรอเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2 เดือนกว่าครับเลยต้องหาซื้อรถมือสองมาใช้งานเพิ่มอีกคัน(จริงๆก็อยากได้รถ 2 ประตูไว้ใช้งานด้วยเลยถือโอกาสบอกคนที่บ้านว่าจะไม่มีรถใช้งานอีกนาน) หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว รถออกมามีอาการแถมมาคือลูกปืนล้อเสียงหอนดังมาก ถามช่างราคาลูกปืนล้อหน้าข้างละเท่าไหร่ ช่างแจ้ง 14,000 บาทต่อข้าง ผมตัดสินใจไม่เปลี่ยนเอามาเปลี่ยนข้างนอกวิ่งหาอะหลั่ย มีอะหลั่ยเทียบ 3000 บาทครับไม่ได้ใช้รถเลยเนื่องจากรอเอาเข้าอู่เครมประกันเรื่องสีรถครับคุณภรรยาเอาไปชนของที่มีคนทำตกบนทางด่วนช่วงกลับจากชลบุรี เสียเวลาไปอีกเกือบเดือนรับรถกลับวันที่ 23 ธันวา ออกเดินทางขึ้นเชียงรายเย็นวันที่ 24 ธันวา วิ่งถึงลำปางประมาณตีหนึ่งกว่าๆตัดสินใจขับต่อไปแวะหาปั๊มที่พะเยานอนพัก(เป็นการตัดสินใจที่แย่มากครับครั้งนี้) ช่วงจากลำปางมาพะเยาเป็นทางเขาปรากฏว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งเลยนานๆจะเจอรถวิ่งสวนสักคันเจอสิบล้อหรือรถพ่วงบนเขาจะอาศัยเกาะตูดไปก็ความเร็วต่างกันมากเหลือเกินไม่ไหวพอดีเจอรถปิ๊กอัพเจ้าถี่นตามมาเลยปล่อยแซงแล้วอาศัยเกาะตูดไปช่วงนั้นมองหน้าปัทม์อ้าวซวยละไฟอะไรกระพริบอยู่ ไฟ DPF ครับตัดสินใจไม่จอดแน่นอนขับตามปิ๊กอัพดูครามร้อนอย่างเดียวเลยบนเขาด้วยบางช่วงความร้อนขึ้นถึง 105 องศา C ยังไงก็ไม่จอดแน่นอนครับพังเป็นพังแล้ว ถึงพะเยาโดยปลอดภัยวันรุ่งขึ้นเอาเข้าศูนย์เชียงรายเลยครับพร้อมแจ้งทางศูนย์กรุงเทพที่เปลี่ยนเครื่องให้ทราบ หลังจากศูนย์เชียงรายจัดการเผาเขม่าให้ลบไฟ DPF ให้ช่างบอกว่าให้วิ่งเร็วๆหน่อยจะเป็นการไล่เขม่าไปด้วยผมถามว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการไล่เขม่าผมบอกว่าวิ่งมาก็ไม่ต่ำกว่า 120 อยู่แล้วช่างบอกประมาณ 160 ตายละกูกว่าจะกลับ กทม จะโดนใบสั่งกี่ใบเพราะไล่เขม่าว๊ะเนี่ยหรือจะต้องมีอุบัติเหตุเพราะต้องวิ่งไล่เขม่า รับรถมาวิ่งเที่ยวเชียงราย แม่สาย แม่สลอง เดินทางจากเชียงรายเข้าเชียงใหม่ วันที่ 27 ธันวา ฝนตกทั้งวันทำความเร็วไม่ได้มากถึงจุดเผาเขม่าแน่นอน 100-120 ก็บุญแล้วบนเขาฝนก็ตก ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่ไฟ DPF ก็กลับมาอีกครั้งติดกระพริบตัดสินใจไปต่อไม่สนใจละไม่เอาเข้าศูนย์ที่เชียงใหม่แล้ววิ่งเที่ยวเชียงใหม่และเดินทางกลับวันที่ 29 ถึง กทม โดยปลอดภัย(ลุ้นไปตลอดทางจะถึงบ้านไหมเนี่ย) เป็นไงครับถ้าท่านเป็นเจ้าของรถมาสด้า CX-5 เดินทางไปเที่ยวแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะมีความสุขกับการไปเที่ยวที่ต้องลุ้นตลอดเวลาอย่างนี้ไหมครับ เปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เขาขยายเวลารับประกันเป็น 6 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตรแล้วแต่อะไรถึงก่อน ผมเปลี่ยนเครื่องที่ 120,000 อีก 60000 กิโล หมดประกัน หมดก่อน 6 ปีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นละครับ? มาสด้าไม่เคยออกมาชี้แจงรายละเอียดเลยว่าสาเหตุที่น้ำดันเกิดจากอะไร เครื่องยนต์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ได้แก้ไขสาเหตุน้ำดันแล้วหรือยัง สมมุติถ้าไม่ได้แก้ไขรถผมคงจะน้ำดันอีกทีที่ประมาณ 210,000 - 220,000 กิโลเมตรแล้วผมจะทำอย่างไรผมจะหาความมั่นใจอะไรได้บ้างว่าหลังจาก 180,000 กิโลเมตรมันจะไม่มีปัญหาถ้ามันมีปัญหาผมต้องเสียเงิน 2-3 แสนบาทครับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือถ้ามาสด้าได้แก้ไขปัญหานี้กับเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วก็ออกมาชี้แจงหน่อยครับลูกค้าจะได้มั่นใจที่จะใช้รถคุณต่อไป หรือเราจะซื้อรถมาแล้วใช้แค่ 200,000 กิโล มาสด้าช่วยออกมาชี้แจงให้ลูกค้าทราบบ้างเถอะครับลูกค้าควรจะทำอย่างไรหลังจากหมดประกันแล้วหากเกิดปัญหาน้ำดันขึ้นมาอีกครับ คุณเล่นเงียบอย่างเดียวแล้วไล่เปลี่ยนเครื่องแล้วปล่อยให้หมดประกันไปจบหน้าที่ของคุณแล้วคุณคิดจะทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ ส่วนลูกค้าก็รอลุ้นไปว่ามันจะดันอีกหรือเปล่าถ้าดันก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 2-3 แสนบาทครับ แล้วอย่านี้ใครจะซื้อรถมือสองครับ ตอนนี้ราคามือสองก็เหลือ 7-8แสนเองครับ ผมเป็นสมาชิกอยู่ในทั้ง 2 เพจของ Facebook มาสด้าครับและผมก็เป็นสมาชิกอยู่ใน Headlight Mag รุ่นแรกๆนะครับ ทราบถึงกฏระเบียบของ Headlight Mag ดีผมมาเล่าประสพการณ์ให้ฟังนะครับหากเห็นว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ถูกต้องลบออกได้เลยนะครับไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้ Headlight Mag คุณ จิมมี่ คุณ แพน และคณะผู้จัดทำครับ ขอบคุณครับ
เจอผู้ใช้ที่ประสบปัญหาโดยตรงมาเล่าให้ฟังเพิ่ม อยากจะรอฟังคำประชาสัมพันธ์ของพวกที่แก้ตัวให้แบรนด์แบบถวายหัวว่าจะมีเหตุผลอะไรอีกไหม
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อพักน้ำๆล้นและเมื่อติดเครื่องยนต์มีฟองอากาศออกที่ถังพักน้ำและถ้าเปิดฝาหม้อน้ำดูก็จะมีฟองอากาศออกที่ฝาหม้อน้ำตลอดเวลา(นี่คืออาการที่เขาเรียกกันว่าน้ำดันครับ) เอารถเข้าศูนย์แก้ไขอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าช่างแจ้งรถเสร็จแล้วไปรับรถมาใช้รีบไปซื้อ ODB มาติดทันทีกลัวเครื่องจะ Overheat ไปอีกโดยไม่รู้ตัว (การซ่อมครั้งนี้ช่างไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ครับไม่ทราบว่าทำอะไรให้บ้างช่างก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดสอบถามก็ไม่ค่อยจะได้ความกระจ่างสักเท่าไหร่ครับ) หลังจากติด ODB ก็พบว่าบางช่วงการใช้งานความร้อนน้ำหล่อเย็นสูงมาก 103-105 องศา C ช่วงที่ทำงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80 กว่า - 95 องศา C ใช้งานมาจน 120,000 กิโลเมตร อาการเก่าก็กลับมาอีกเอารถเข้าศูนย์อีกครั้งๆนี้แจ้งช่างช่วยจัดการให้จบด้วย(ช่วงนี้ปัญหาน้ำดันเริ่มมีสูงขึ้นมีรถเข้าศูนย์เพราะปัญหานี้มากขึ้นข่าวก็เริ่มดัง) ใช้เวลาในการรอเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2 เดือนกว่าครับเลยต้องหาซื้อรถมือสองมาใช้งานเพิ่มอีกคัน(จริงๆก็อยากได้รถ 2 ประตูไว้ใช้งานด้วยเลยถือโอกาสบอกคนที่บ้านว่าจะไม่มีรถใช้งานอีกนาน) หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว รถออกมามีอาการแถมมาคือลูกปืนล้อเสียงหอนดังมาก ถามช่างราคาลูกปืนล้อหน้าข้างละเท่าไหร่ ช่างแจ้ง 14,000 บาทต่อข้าง ผมตัดสินใจไม่เปลี่ยนเอามาเปลี่ยนข้างนอกวิ่งหาอะหลั่ย มีอะหลั่ยเทียบ 3000 บาทครับไม่ได้ใช้รถเลยเนื่องจากรอเอาเข้าอู่เครมประกันเรื่องสีรถครับคุณภรรยาเอาไปชนของที่มีคนทำตกบนทางด่วนช่วงกลับจากชลบุรี เสียเวลาไปอีกเกือบเดือนรับรถกลับวันที่ 23 ธันวา ออกเดินทางขึ้นเชียงรายเย็นวันที่ 24 ธันวา วิ่งถึงลำปางประมาณตีหนึ่งกว่าๆตัดสินใจขับต่อไปแวะหาปั๊มที่พะเยานอนพัก(เป็นการตัดสินใจที่แย่มากครับครั้งนี้) ช่วงจากลำปางมาพะเยาเป็นทางเขาปรากฏว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งเลยนานๆจะเจอรถวิ่งสวนสักคันเจอสิบล้อหรือรถพ่วงบนเขาจะอาศัยเกาะตูดไปก็ความเร็วต่างกันมากเหลือเกินไม่ไหวพอดีเจอรถปิ๊กอัพเจ้าถี่นตามมาเลยปล่อยแซงแล้วอาศัยเกาะตูดไปช่วงนั้นมองหน้าปัทม์อ้าวซวยละไฟอะไรกระพริบอยู่ ไฟ DPF ครับตัดสินใจไม่จอดแน่นอนขับตามปิ๊กอัพดูครามร้อนอย่างเดียวเลยบนเขาด้วยบางช่วงความร้อนขึ้นถึง 105 องศา C ยังไงก็ไม่จอดแน่นอนครับพังเป็นพังแล้ว ถึงพะเยาโดยปลอดภัยวันรุ่งขึ้นเอาเข้าศูนย์เชียงรายเลยครับพร้อมแจ้งทางศูนย์กรุงเทพที่เปลี่ยนเครื่องให้ทราบ หลังจากศูนย์เชียงรายจัดการเผาเขม่าให้ลบไฟ DPF ให้ช่างบอกว่าให้วิ่งเร็วๆหน่อยจะเป็นการไล่เขม่าไปด้วยผมถามว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการไล่เขม่าผมบอกว่าวิ่งมาก็ไม่ต่ำกว่า 120 อยู่แล้วช่างบอกประมาณ 160 ตายละกูกว่าจะกลับ กทม จะโดนใบสั่งกี่ใบเพราะไล่เขม่าว๊ะเนี่ยหรือจะต้องมีอุบัติเหตุเพราะต้องวิ่งไล่เขม่า รับรถมาวิ่งเที่ยวเชียงราย แม่สาย แม่สลอง เดินทางจากเชียงรายเข้าเชียงใหม่ วันที่ 27 ธันวา ฝนตกทั้งวันทำความเร็วไม่ได้มากถึงจุดเผาเขม่าแน่นอน 100-120 ก็บุญแล้วบนเขาฝนก็ตก ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่ไฟ DPF ก็กลับมาอีกครั้งติดกระพริบตัดสินใจไปต่อไม่สนใจละไม่เอาเข้าศูนย์ที่เชียงใหม่แล้ววิ่งเที่ยวเชียงใหม่และเดินทางกลับวันที่ 29 ถึง กทม โดยปลอดภัย(ลุ้นไปตลอดทางจะถึงบ้านไหมเนี่ย) เป็นไงครับถ้าท่านเป็นเจ้าของรถมาสด้า CX-5 เดินทางไปเที่ยวแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะมีความสุขกับการไปเที่ยวที่ต้องลุ้นตลอดเวลาอย่างนี้ไหมครับ เปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เขาขยายเวลารับประกันเป็น 6 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตรแล้วแต่อะไรถึงก่อน ผมเปลี่ยนเครื่องที่ 120,000 อีก 60000 กิโล หมดประกัน หมดก่อน 6 ปีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นละครับ? มาสด้าไม่เคยออกมาชี้แจงรายละเอียดเลยว่าสาเหตุที่น้ำดันเกิดจากอะไร เครื่องยนต์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ได้แก้ไขสาเหตุน้ำดันแล้วหรือยัง สมมุติถ้าไม่ได้แก้ไขรถผมคงจะน้ำดันอีกทีที่ประมาณ 210,000 - 220,000 กิโลเมตรแล้วผมจะทำอย่างไรผมจะหาความมั่นใจอะไรได้บ้างว่าหลังจาก 180,000 กิโลเมตรมันจะไม่มีปัญหาถ้ามันมีปัญหาผมต้องเสียเงิน 2-3 แสนบาทครับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือถ้ามาสด้าได้แก้ไขปัญหานี้กับเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วก็ออกมาชี้แจงหน่อยครับลูกค้าจะได้มั่นใจที่จะใช้รถคุณต่อไป หรือเราจะซื้อรถมาแล้วใช้แค่ 200,000 กิโล มาสด้าช่วยออกมาชี้แจงให้ลูกค้าทราบบ้างเถอะครับลูกค้าควรจะทำอย่างไรหลังจากหมดประกันแล้วหากเกิดปัญหาน้ำดันขึ้นมาอีกครับ คุณเล่นเงียบอย่างเดียวแล้วไล่เปลี่ยนเครื่องแล้วปล่อยให้หมดประกันไปจบหน้าที่ของคุณแล้วคุณคิดจะทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ ส่วนลูกค้าก็รอลุ้นไปว่ามันจะดันอีกหรือเปล่าถ้าดันก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 2-3 แสนบาทครับ แล้วอย่านี้ใครจะซื้อรถมือสองครับ ตอนนี้ราคามือสองก็เหลือ 7-8แสนเองครับ ผมเป็นสมาชิกอยู่ในทั้ง 2 เพจของ Facebook มาสด้าครับและผมก็เป็นสมาชิกอยู่ใน Headlight Mag รุ่นแรกๆนะครับ ทราบถึงกฏระเบียบของ Headlight Mag ดีผมมาเล่าประสพการณ์ให้ฟังนะครับหากเห็นว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ถูกต้องลบออกได้เลยนะครับไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้ Headlight Mag คุณ จิมมี่ คุณ แพน และคณะผู้จัดทำครับ ขอบคุณครับ
เห็นใจเลยครับ อยากให้ชี้แจงมาชัดๆ สักทีว่าปัญหาเกิดจากอะไรและจะแก้ไขให้กับลูกค้าดีเซลอย่างไร แก้ให้มันจบๆ ไปเลย อีกอย่างผมว่าดีเซลถ้าต้องมาวุ่นวาย ต้องขับแบบนี้ถึงไม่มีปัญหาต้องเหยียบเท่านี้ เป็นผมเปลี่ยนรถดีกว่าครับขาดทุนก็ช่างแล้วครับ วุ่นวายกับชีวิตมากเลย
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อ......
เว้นบรรทัด แบ่งประโยคหน่อยครับท่าน เผื่อท่านอื่นๆตามมาอ่านจะไม่ได้ลายตาครับ
ปวดตามากมาย
สงสัยหน่อยครับ หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว หมายความว่ายังไงครับ คือไหนๆก็ต้องเปลี่ยนเครื่องเลยให้ช่างที่ศูนย์โมดิฟายเครื่องหรอครับ หรือสรุปว่าศูนย์ได้ยกเครื่องใหม่ให้รึป่าวหรือยังไง ตรงนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจ ถ้ายกเครื่องใหม่ทำไมใช้ไปอีกแปปเดียวถึงมีปัญหาอีก
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อ......
เว้นบรรทัด แบ่งประโยคหน่อยครับท่าน เผื่อท่านอื่นๆตามมาอ่านจะไม่ได้ลายตาครับ
ปวดตามากมาย
สงสัยหน่อยครับ หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว หมายความว่ายังไงครับ คือไหนๆก็ต้องเปลี่ยนเครื่องเลยให้ช่างที่ศูนย์โมดิฟายเครื่องหรอครับ หรือสรุปว่าศูนย์ได้ยกเครื่องใหม่ให้รึป่าวหรือยังไง ตรงนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจ ถ้ายกเครื่องใหม่ทำไมใช้ไปอีกแปปเดียวถึงมีปัญหาอีก
ก็เครื่องที่เปลี่ยนเป็นเครื่องที่ไม่มีปัญหาหรือเปล่า หรือเครื่องเหมือนเดิม
-
เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot Box คือเปลี่ยนเครื่องยนต์ในส่วนที่เป็นเสื้อสูบและฝาสูบและอุปกรณ์ภายในเสื้อสูบและฝาสูบ(น่าจะเป็นเครื่องใหม่นะเพราะมีหมายเลขเครื่องให้ผมไปแจ้งเปลี่ยนได้)แต่ยังไม่ได้ให้เอกสารมาให้นะครับ ไม่รวมส่วนประกอบภายนอกเช่น ท่อร่วมไอดี หัวฉีด แอร์คอมเพรสเซอร์ ไดชารจ์ ไดสตารท์ ท่อร่วมไอเสีย แต่ศูนย์เปลี่ยน Turbo ให้ครับ
-
ปกติ Short Block จะหมายถึงเสื้อสูบ ลูกสูบและ/หรือชิ้นส่วนอื่นๆที่มีปัญหาเช่นข้อเหวี่ยง แต่ไม่รวมถึงฝาสูบ(Cylinder Head)ครับ
-
อืม อ่านความเห็นมาหลายท่าน ดูเหมือนจะพูดแนวทางเดียวกันว่า ช่างศูนย์ Mazda แนะนำว่าควรวิ่งระดับ 140+ km/h ถึงจะเกิดการเผาเขม่า
อันนี้คือช่างศูนย์หรือในบอร์ดคลับวิเคราะห์กันมาเอง เพราะระบบของรถยุโรปแค่วิ่งสัก 100-110 km/h แต่เหยียบคันเร่งลงไปมากกว่าปกติวิ่งเกิน 2,000+ rpm หน่อย ระบบเผาเขม่าก็ทำงานแล้วนะครับ ไม่ต้องเค้นไป 140+ km/h อะไรขนาดนั้น
-
วิ่งเผาเขม่า 160 ป๊าด ความเร็วระดับนั้นพลาดนิดเดียวนี่หมายถึงชีวิตเลยนะเนี่ย
ความเข้าใจผม วิ่งด้วยความเร็วไม่น่าเกิน 100 ก็น่าจะทำงานได้แล้วนะครับ
ดูๆแล้ว น่าเป็นห่วงคนใช้ตัวดีเซลแฮะ หวังว่ามาสด้าจะมีคำตอบเรื่องปัญหาน้ำดันไวๆ ครับ
-
ลืมตอบไปเรื่องเผาเขม่า จริงๆมันไม่เกี่ยวกับความเร็ว แต่เกี่ยวกับรอบเครื่อง แค่วิ่งให้รอบมันค่อนข้างจัดก็พอ แต่ที่ช่างบอกความเร็วประมาณ 160 คงหมายความว่าวิ่งให้รอบถึงที่เกียร์ d คือความเร็วประมาณ 160 ความจริงถ้าอยากให้ช้ากว่านั้นใช้เกียร์ m แล้ววิ่งลากรอบเอาก็ได้ ทำง่ายกว่าด้วย
-
จากใจผู้ใช้ มาสด้า CX-5 Diesel ตัวจริงนะครับที่เครื่องยนต์มีปัญหาน้ำดันมาแล้วและเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้วขอเล่าประสพการณ์และความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ รถผมเริ่มมีปัญหาน้ำดันที่ประมาณ 90,000 กิโลเมตร น้ำในหม้อน้ำแห้งแต่หม้อพักน้ำๆล้นและเมื่อติดเครื่องยนต์มีฟองอากาศออกที่ถังพักน้ำและถ้าเปิดฝาหม้อน้ำดูก็จะมีฟองอากาศออกที่ฝาหม้อน้ำตลอดเวลา(นี่คืออาการที่เขาเรียกกันว่าน้ำดันครับ) เอารถเข้าศูนย์แก้ไขอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าช่างแจ้งรถเสร็จแล้วไปรับรถมาใช้รีบไปซื้อ ODB มาติดทันทีกลัวเครื่องจะ Overheat ไปอีกโดยไม่รู้ตัว (การซ่อมครั้งนี้ช่างไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ครับไม่ทราบว่าทำอะไรให้บ้างช่างก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดสอบถามก็ไม่ค่อยจะได้ความกระจ่างสักเท่าไหร่ครับ) หลังจากติด ODB ก็พบว่าบางช่วงการใช้งานความร้อนน้ำหล่อเย็นสูงมาก 103-105 องศา C ช่วงที่ทำงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80 กว่า - 95 องศา C ใช้งานมาจน 120,000 กิโลเมตร อาการเก่าก็กลับมาอีกเอารถเข้าศูนย์อีกครั้งๆนี้แจ้งช่างช่วยจัดการให้จบด้วย(ช่วงนี้ปัญหาน้ำดันเริ่มมีสูงขึ้นมีรถเข้าศูนย์เพราะปัญหานี้มากขึ้นข่าวก็เริ่มดัง) ใช้เวลาในการรอเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2 เดือนกว่าครับเลยต้องหาซื้อรถมือสองมาใช้งานเพิ่มอีกคัน(จริงๆก็อยากได้รถ 2 ประตูไว้ใช้งานด้วยเลยถือโอกาสบอกคนที่บ้านว่าจะไม่มีรถใช้งานอีกนาน) หลังจากรถเสร็จคราวนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ Shot box ไม่รวมส่วนประกอบภายนอก มีเพิ่ม Turbo อีกหนึ่งตัว รถออกมามีอาการแถมมาคือลูกปืนล้อเสียงหอนดังมาก ถามช่างราคาลูกปืนล้อหน้าข้างละเท่าไหร่ ช่างแจ้ง 14,000 บาทต่อข้าง ผมตัดสินใจไม่เปลี่ยนเอามาเปลี่ยนข้างนอกวิ่งหาอะหลั่ย มีอะหลั่ยเทียบ 3000 บาทครับไม่ได้ใช้รถเลยเนื่องจากรอเอาเข้าอู่เครมประกันเรื่องสีรถครับคุณภรรยาเอาไปชนของที่มีคนทำตกบนทางด่วนช่วงกลับจากชลบุรี เสียเวลาไปอีกเกือบเดือนรับรถกลับวันที่ 23 ธันวา ออกเดินทางขึ้นเชียงรายเย็นวันที่ 24 ธันวา วิ่งถึงลำปางประมาณตีหนึ่งกว่าๆตัดสินใจขับต่อไปแวะหาปั๊มที่พะเยานอนพัก(เป็นการตัดสินใจที่แย่มากครับครั้งนี้) ช่วงจากลำปางมาพะเยาเป็นทางเขาปรากฏว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งเลยนานๆจะเจอรถวิ่งสวนสักคันเจอสิบล้อหรือรถพ่วงบนเขาจะอาศัยเกาะตูดไปก็ความเร็วต่างกันมากเหลือเกินไม่ไหวพอดีเจอรถปิ๊กอัพเจ้าถี่นตามมาเลยปล่อยแซงแล้วอาศัยเกาะตูดไปช่วงนั้นมองหน้าปัทม์อ้าวซวยละไฟอะไรกระพริบอยู่ ไฟ DPF ครับตัดสินใจไม่จอดแน่นอนขับตามปิ๊กอัพดูครามร้อนอย่างเดียวเลยบนเขาด้วยบางช่วงความร้อนขึ้นถึง 105 องศา C ยังไงก็ไม่จอดแน่นอนครับพังเป็นพังแล้ว ถึงพะเยาโดยปลอดภัยวันรุ่งขึ้นเอาเข้าศูนย์เชียงรายเลยครับพร้อมแจ้งทางศูนย์กรุงเทพที่เปลี่ยนเครื่องให้ทราบ หลังจากศูนย์เชียงรายจัดการเผาเขม่าให้ลบไฟ DPF ให้ช่างบอกว่าให้วิ่งเร็วๆหน่อยจะเป็นการไล่เขม่าไปด้วยผมถามว่าต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการไล่เขม่าผมบอกว่าวิ่งมาก็ไม่ต่ำกว่า 120 อยู่แล้วช่างบอกประมาณ 160 ตายละกูกว่าจะกลับ กทม จะโดนใบสั่งกี่ใบเพราะไล่เขม่าว๊ะเนี่ยหรือจะต้องมีอุบัติเหตุเพราะต้องวิ่งไล่เขม่า รับรถมาวิ่งเที่ยวเชียงราย แม่สาย แม่สลอง เดินทางจากเชียงรายเข้าเชียงใหม่ วันที่ 27 ธันวา ฝนตกทั้งวันทำความเร็วไม่ได้มากถึงจุดเผาเขม่าแน่นอน 100-120 ก็บุญแล้วบนเขาฝนก็ตก ก่อนเข้าเมืองเชียงใหม่ไฟ DPF ก็กลับมาอีกครั้งติดกระพริบตัดสินใจไปต่อไม่สนใจละไม่เอาเข้าศูนย์ที่เชียงใหม่แล้ววิ่งเที่ยวเชียงใหม่และเดินทางกลับวันที่ 29 ถึง กทม โดยปลอดภัย(ลุ้นไปตลอดทางจะถึงบ้านไหมเนี่ย) เป็นไงครับถ้าท่านเป็นเจ้าของรถมาสด้า CX-5 เดินทางไปเที่ยวแล้วเจอเหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะมีความสุขกับการไปเที่ยวที่ต้องลุ้นตลอดเวลาอย่างนี้ไหมครับ เปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เขาขยายเวลารับประกันเป็น 6 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตรแล้วแต่อะไรถึงก่อน ผมเปลี่ยนเครื่องที่ 120,000 อีก 60000 กิโล หมดประกัน หมดก่อน 6 ปีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นละครับ? มาสด้าไม่เคยออกมาชี้แจงรายละเอียดเลยว่าสาเหตุที่น้ำดันเกิดจากอะไร เครื่องยนต์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ได้แก้ไขสาเหตุน้ำดันแล้วหรือยัง สมมุติถ้าไม่ได้แก้ไขรถผมคงจะน้ำดันอีกทีที่ประมาณ 210,000 - 220,000 กิโลเมตรแล้วผมจะทำอย่างไรผมจะหาความมั่นใจอะไรได้บ้างว่าหลังจาก 180,000 กิโลเมตรมันจะไม่มีปัญหาถ้ามันมีปัญหาผมต้องเสียเงิน 2-3 แสนบาทครับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือถ้ามาสด้าได้แก้ไขปัญหานี้กับเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วก็ออกมาชี้แจงหน่อยครับลูกค้าจะได้มั่นใจที่จะใช้รถคุณต่อไป หรือเราจะซื้อรถมาแล้วใช้แค่ 200,000 กิโล มาสด้าช่วยออกมาชี้แจงให้ลูกค้าทราบบ้างเถอะครับลูกค้าควรจะทำอย่างไรหลังจากหมดประกันแล้วหากเกิดปัญหาน้ำดันขึ้นมาอีกครับ คุณเล่นเงียบอย่างเดียวแล้วไล่เปลี่ยนเครื่องแล้วปล่อยให้หมดประกันไปจบหน้าที่ของคุณแล้วคุณคิดจะทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ ส่วนลูกค้าก็รอลุ้นไปว่ามันจะดันอีกหรือเปล่าถ้าดันก็เตรียมไว้ได้เลยครับ 2-3 แสนบาทครับ แล้วอย่านี้ใครจะซื้อรถมือสองครับ ตอนนี้ราคามือสองก็เหลือ 7-8แสนเองครับ ผมเป็นสมาชิกอยู่ในทั้ง 2 เพจของ Facebook มาสด้าครับและผมก็เป็นสมาชิกอยู่ใน Headlight Mag รุ่นแรกๆนะครับ ทราบถึงกฏระเบียบของ Headlight Mag ดีผมมาเล่าประสพการณ์ให้ฟังนะครับหากเห็นว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ถูกต้องลบออกได้เลยนะครับไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้ Headlight Mag คุณ จิมมี่ คุณ แพน และคณะผู้จัดทำครับ ขอบคุณครับ
เครียดแทน...ให้ขับเร็วเพื่อไล่เขม่า...ได้ไปวัดก่อนพอดี...
-
อย่าให้เครื่องจักรคุมเราครับ
มันต้องลากรอบสูงเพื่อเผาเขม่าสะสมใน dpf อันนี้จริง
แต่ก็มีวิธีคืออย่าไปลากรอบในเกียร์ D แต่ให้ตบลงเกียร์ต่ำแทน จะ 3 หรือ 4 ก็แล้วแต่ แต่ต้องอยู่ในความเร็วที่เราปลอดภัย
รอบ 3000 ที่เกียร์ 4 โหลดอาจจะไม่เท่ารอบ 3000 ที่เกียร์ 6 แต่การเผาเขม่าเกิดขึ้นได้
ลองดูต่างประเทศที่กฎหมาย speed limit แรงๆก็ได้ ไม่มีใครไปเสี่ยงซัด 160 เผาเขม่าแน่ๆ เผลอๆจะเจอคุกเอาครับ