Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jaesz ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2018, 11:13:25
-
เครื่องปีเดียวกัน ขนาดพอๆกันรถBMW MB ประหยัดน้ำมันกว่ารถญี่ปุ่นรถอเมริกันอีก
ขับ100กม/ชม คงที่นะครับ ยกตัวอย่างที่เคยใช้เอง
E230 M111 w210 ปี95 ตัวแรกสุด หนัก 1.6ตัน กิน
13-14กม/ลิตร เทียบกับ Camry 2.2 5S-FE ปี 95 หนัก 1.3ตัน กิน11-12กม/ลิตร
BMW E46 318 M43TU 1.9ลิตร ปี2001 หนัก 1350 กก. 15กม/ลิตร เทียบ Altis 1.8 หนัก 1090กก. กิน 14กม/ลิตร
MINI R56 1.4 N12B14 ปี2008 หนัก 1.25ตัน 20กม/ลิตร Vios 08 1.5 15กม/ลิตร
....
-
ถ้าให้ตอบแบบไม่ลงลึกเทคโนโลยีคงต้องบอกว่า เยอรมันเป็นชาติให้กำเนิดรถยนตร์
-
เครื่องยนต์กลไล มีความซับซ้อนกว่า มีอุปกรณ์มากชิ้นกว่า เทคโนโลยี ต้นทุนในการออกแบบ วิจัย สูงกว่า
ในระยะยาว ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เสี่ยงต่อการมีปัญหามากกว่า เป็นผลต่อเนื่องมาจาก ชิ้นส่วนที่มากกว่า
-
หลักๆก็น่าจะมีอยู่ 3 ตัวแปรครับ
1. เครื่องยนต์
2. เกียร์
3. หลักอากาศพลศาสตร์
ทั้ง 3ข้อ เบ๊นซ์และบีเอ็มจะใช้วิทยาการที่ดีกว่ารถตลาดๆในปีเดียวกันเสมอ เทียบกับเครื่องยนต์แบบเดียวกัน เช่น 4สูบ เบนซิน 2.0L
ของทางฝั่งเยอรมันจะแรงกว่าเร็วกว่า และประหยัดน้ำมันกว่าเสมอ (อย่างแย่สุดคือกินพอๆกัน แต่เยอรมันจะแรงกว่า) ทั้งๆที่เยอรมัน
เป็นขับเคลื่อนล้อหลังด้วยซ้ำ.... แต่ก็แน่นอนครับ ทุกอย่างย่อมไม่ได้มาฟรีๆ ใช้วิทยาการล้ำกว่าก็ย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่า ก็คือต้องขายแพงกว่าครับ
แล้วก็อีกเรื่องนึงครับ เรื่องการกระจายน้ำหนัก บาล๊านซ์ เยอรมันจะทำได้ดีกว่า ดูจะใส่ใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแบรนด์ใบพัด
แม้กระทั่งตำแหน่งคนนั่ง ก็จะพยายามจัดตำแหน่งคนนั่งให้ต่ำ และทั้งสองแถวให้มาอยู่กึ่งกลางของรถให้มากที่สุด แต่การทำแบบนี้ก้ต้องแลกมาด้วย
กับการที่พื้นที่คนนั่งด้านหลังจะไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น แต่ก็เอาแบบพอนั่งได้สบายไม่อัดคัดเกินเป็นพอ ไม่ถึงกับสบายชวนฝัน
สำหรับฝั่งเยอรมัน ถ้าจะเอาสบายชวนฝัน ก็ต้องไปรถฟูลไซส์เลย คือ S หรือ 7 เพราะรถระดับนี้จะเน้นให้ผู้บริหารนั่งอย่างเดียวจริงๆ
ไม่เน้นเรื่องการขับขี่เท่าไหร่ครับ
-
ผมว่าคุณภาพตามราคาครับ
-
ผมเห็นว่า. ประหยัดน้ำมัน มันเป็นคำกว้างมาก. ในบริบทของแค่คำว่าเครื่องยนตร์
หากแต่ในมิติของ การใช้น่ำมันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในสัดส่วนของoutcome ที่เราอยากจะให้มันเกิดขึ้น
การจะเทียบแค่เครื่องยนตร์นึง. วิ่งได้ระยะทางยาวกว่า ในน้ำมันที่เท่ากันละก้อ. รถคันเล็กๆเบาๆ มันก็ได้เปรียบครับ. โดยที่มันมีจุดที่โยงได้ว่า กลุ่มเป้าหมายของการซื้อรถมันคุ้มจะทำมั้ย
การเลือกเครื่องยนต์ ที่เหมาะสมกับประเภทรถ เกียร์ ยาง และได้ตัวเลขที่เหมาะสม น่าจะเป็นตัวชี้ความประหยัดมากกว่า
-
ตามราคาครับ
พวกเครื่องพี่ยุ่น มันต้องคุมต้นทุนด้วย
แต่เอาเข้าจริงเยอรมันก้าวหน้ากว่าเรื่องนี้ครับ
ถ้าพวกเครื่องใส่ถ่าน พี่ยุ่นถึงนำหน้า
-
ยุคก่อนเทคโนโลยีเบนซ์ บีเอ็ม ไปไกลกว่ารถฝั่งญี่ปุ่นพอสมควร ปัจจุบันเหมือนเทคโนโลยี่เริ่มตัน ระยะห่างเริ่มใกล้กันมากขึ้นเรื่อย แต่ถ้าเทียบจริงๆรถเยอรมันมันแพงกว่า(เทียบราคาเมกา) การจะได้อะไรที่ดีกว่ามันก็ไม่แปลกนะครับ
-
วัดกันที่ขับระยะไกลความเร็วคงที่ตัวแปรสำคัญคือ อัตราทดเกียร์กับแรงต้านทานอากาศครับ
เข้าใจว่าค่ายยุโรปให้ความสำคัญกับ aero dynamic มากกว่า
-
ถ้างั้นรถเกาหลี KIA Grand CARNIVAL
น้ำหนักเกียบ 3 ตัน 0-100 9วิกว่า กินน้ำมัน 15km/l ไม่น่าทึ่งกว่าหรอครับ
-
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ
เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ
มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ
ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ
-
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ
เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ
มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ
ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ
เครื่อง m111 ผมเคยขับในหลายๆคัน ก็ไม่เคยเห็นเกิน 11 เลยครับ ขนาดใน c class อยากรู้เหมือนกันว่าขับยังไงให้ได้ 15 ใน e class
สำหรับการใช้งานแบบผมนี่ผมว่าเครื่องยุโรปยุคก่อนเทอร์โบนี่กินจุกว่าฝั่งญี่ปุ่นอยู่พอสมควรนะ
-
เคยใช้ E280 W124 Code C รถปี 94 ใช้อยู่ 12 ปีเต็มๆ
ไม่เคยได้เกิน 12 โล/ลิตรเลยฮ่ะ
-
Bias review ครับ
ผมขับในเมืองไม่เห็นว่ามันจะต่าง
กินน้ำมันมากน้อยแปรผันตาม ความจุ และ power output
จากการใช้รถที่อายุห่างกัน 20 ปี ถ้า cc และแรงม้าเท่ากันผมไม่เห็นว่าจะประหยัดกว่ากันเกิน 20%
-
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ
เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ
มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ
ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ
เครื่อง m111 ผมเคยขับในหลายๆคัน ก็ไม่เคยเห็นเกิน 11 เลยครับ ขนาดใน c class อยากรู้เหมือนกันว่าขับยังไงให้ได้ 15 ใน e class
สำหรับการใช้งานแบบผมนี่ผมว่าเครื่องยุโรปยุคก่อนเทอร์โบนี่กินจุกว่าฝั่งญี่ปุ่นอยู่พอสมควรนะ
ที่บ้านมีW124 หลายคันผมเคยจับมาทดสอบอยู่ครับได้12โลลิตรคันเดียวที่เหลือประมาณ11โลลิตรทั้งหมด
ทดสอบที่ความเร็ว100-120km/h ขับคนเดียว
W124 E220คันแรกวิ่งเต็มที่ได้ 11โล/ลิตร
W202 C220ก็ได้ประมาณ 11โล/ลิตร
คัน300EวางM111 2200CCเครื่องญี่ปุ่นได้ 12โลลิตร
W124 300E M103 ได้ 10.5โล/ลิตร
-
เครื่อง m111 เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ 15 กม/ลิตร แม้จะปิดแอร์ขับก็ตาม เทคโนเครื่องมันเก่ามาก และ เกียร์ 4 สปีด ยิ่งไม่มีทางเลย สุดๆ ที่เคยทำ 12 โลลิตร ยงแทบแย่เลย
-
ผมมองรวมๆ ของญี่ปุ่น ยอมรับว่าถ้ายุคก่อนหน้า ที่ยุ่นยังใช้ auto 4 speed เยอะๆ ช่วงนั้นอัตราสิ้นเปลืองแย่กว่า Benz, BMW ครับ
แต่พอมายุคลดต้นทุนของยุ่น ที่ยัด CVT มารัวๆ เลย ผมว่าตอนนี้ไม่ค่อยต่างแล้วครับ เรียกว่ายัด CVT นี่คุ้มทุกด้านจริงๆ
ถ้า Benz, BMW ยัด CVT บ้าง ผมว่า 320d จาก 20-25 km/l ผมว่าต้องกลายเป็น 26-30 km/l เลยหละ
-
หลายคนอาจจะไม่ได้อ่าน ที่ผมเขียนไว้ละเอียดพอ และเสปคทดสอบมาตรฐานการประหยัด ผมทำได้ต่ำกว่าการทดสอบตามมาตรฐานและในคู่มือเสียอีก
เขียนอีกทีแล้วกัน*** ขับเลี้ยง 100นึงคงที่***
ที่ยกตัวอย่างมา M111 w210 ขับ100นึง ทุกวันนี้ก็ยังทำได้นะครับ 14กม/ลิตร รถติดแก๊ซวิ่งมาสองแสนโลแล้ว ใช้แก๊ซได้12กม/ลิตรแก๊ซ
M43TU E46 คู่มือ 6.1ลิตร/100กม. หรือราวๆ 16.63กม/ลิตร เขาทดสอบกันตามมาตรฐาน EC มีเร่งมีเบรค ผมอยู่ที่100คงที่ ได้ตัวเลขแย่กว่าเสียอีก ทำไมจะทำ 15กม/ลิตรไม่ได้
.....
รถทุกคันทดสอบจริงทำจริงครับ รบกวนอ่านละเอียดอีกนิดครับ คุยเรื่องเดียวกัน จะได้ไม่บานปลายอธิบายไม่จบ ไม่มีคนช่วยตอบ
-
เคยใช้ E280 W124 Code C รถปี 94 ใช้อยู่ 12 ปีเต็มๆ
ไม่เคยได้เกิน 12 โล/ลิตรเลยฮ่ะ
w124 E280 เครื่องกี่ CC ไปเทียบกับรถญี่ปุ่นขนาดเดียวกันหรือใกล้เคียงดูครับ ปีเดียวๆกัน มีคันไหนทำได้ถึง12กม/ลิตร บนน้ำหนักตัว1300กก.