Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NarongritL ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2018, 16:06:11
-
เข้าใจว่าตัวเลขก็คือ Ratio ของ Ethanol/Benzyl
ปกติที่ผ่านมาเข้าใจว่าเติมให้มันถูกต้องตามที่เขากำหนดมาต่อรถคันนั้นๆ ไม่ใช่ว่ารถเติม 95 จะเเรงกว่า 91 ตามที่คนสามัญส่วนมากทั่วไปเข้าใจ ถ้าเราเติมน้ำมันได้ถูกกับที่เขากำหนดมาการเผาไหม้ก็จะดีกว่า ไม่มีน้อคจากอีทาเยอะไป หรือ เผาไหม้ไม่สะอาดเพราะตัวเลขสูงไป
อันนี้ที่ผมเข้าใจนะครับไม่รู้ถูกหรือปล่าว
เเต่มางงตรงที่รถบางรุ่นระบุว่า ถ้าเติมเบนซินจะได้ Hp 200 torque 250.... ถ้าเติมอีทานอล Hp 215 torque 275....
ที่ผ่านมาเคยได้ยินเพื่อนที่ชอบซิ่งรถบอกให้เติม E85 (ถ้ารองรับ) เพราะว่ามันเผาไหม้เร็วกว่า เเรงกว่าเบนซิล
เเต่ก็เคยได้ยินคนสามัญทั่วไปเคยมาบ่นว่า เนี้ย เติมน้ำถูกเเล้วเร่งไม่ออกเลย ต้อง วีพาวเวอร์ๆ 5555
สรุปเเล้วจริงๆมันยังไงกันเเน่ครับ ถ้าอีทานอลเรวกว่า เเละรถรองรับ จะเติมเบนซิลกันไปทำไม เเล้วทำไมรถสมรรถนะสูงถึงส่วนมาก spec octane ไว้สูงๆ เเทน
-
ผมสงสัยด้วยคน
แล้วระหว่าง gasohol 95 กับ E20 นี่อันไหนแรงกว่า ขึ้นไดโนได้ตัวเลขเยอะกว่าครับ
-
ผมสงสัยด้วยคน
แล้วระหว่าง gasohol 95 กับ E20 นี่อันไหนแรงกว่า ขึ้นไดโนได้ตัวเลขเยอะกว่าครับ
ผมคิดว่า 95 มีทั้ง E10 กับ E20 เเต่ 91 มีเเต่ E10
ไม่เเน่ใจนะครับ
-
ผมไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์นะครับ มีแต่ที่ฟังจากในคลับกับที่ประสบเอง เท่าที่ฟังในคลับคุยๆ กันนะครับ
กรณีรถเดิมๆ พวก 95 ดีกว่าน้ำมันที่ผสมแอลกอฮอล์เยอะๆ
แต่ถ้ารถรีแมพมา e85 ได้ม้ามากกว่าเพื่อน อันนี้เห็นผลงานขึ้นไดโน่กันมาหลายคันครับ
ปล. ถ้าความรู้สึกตัวเอง ก็เหมือนอย่างที่พิมพ์ข้างต้นเลยครับ ถ้าไม่รีแมพ พวกน้ำมันแพงขับแล้วพอรุ้สึกได้ว่าดีกว่า
หลังรีแมพ (ผมเลือกจูน e85) น้ำมันที่เลือกรีแมพวิ่งดีกว่าครับ ยิ่งแอลกอฮอล์เยอะ ยิ่งม้าเยอะกว่าเพื่อน
-
มันขึ้นกับ octane หรือป่าวคับ octane สูง ก็ทนกำลังอัดได้สูง ไม่ชิงเผาไหม้ไปก่อน พออัดได้เยอะ มันก็ระเบิดแรงกว่า ก็ให้แรงได้เยอะกว่า
รถ setup กับ octane 91 --- ไปใช้ octane 95 มันก็ไม่ได้แรงขึ้น
แต่ถ้า รถแต่งรุ่นเดียวกัน คันนึง setup octane 95 แต่อีกคัน setup E20 .... คันที่ set E20 ก็จะแรงกว่า
แต่ทีนี้ชื่อน้ำมันมันทำให้สับสน
เบนซิน 95 - octane 95
sohol 95 = benzene 90% ethanol 10% แต่ก้ยังมี octane 95 เหมือนเดิม
E20 = benzene 80% ethanol 20% แต่ octane มัน 97-98 นุ้น
E85 = benzene 15% ethanol 85% octane 100+
-
octane เป็นค่าต้านการน๊อคของเครื่องยนต์ ไม่ได้เกี่ยวกับความแรง
เหตุที่ ethanol แรงกว่าก็เพราะ ใน ethenol มี oxygen ในตัวเอง ทำให้ในหนึ่งรอบการฉีดน้ำมัน oxygen เหลือ
ทำให้ต้องฉีดน้ำมันเพิ่มเพื่อเผา oxygen ให้หมด ทำให้ถีบลูกสูบได้แรงกว่า และก็ต้องใช้น้ำมันมากกว่าปกติ ทำให้เปลืองกว่า
น้ำมันที่ไม่มี ethenol
น้ำมันทั่วไปก็ไม่ใช่น้ำมันเพียว ผสมสารเพิ่มออกเทน ethenol ก็เป็นสารเพิ่มออกเทน ชนิดหนึ่ง ethenol มีค่าออกเทน 100 มาผสมน้ำมัน
base 70 - 80 ผสมออกมาตามออกเทนที่ต้องการ ส่วนน้ำมันพรีเมี่ยม ออกเทนก็เท่ากัน แต่ผสมสารหล่อลื่นอื่นๆ
แล้วจริงๆก็ไม่เคยมีใครทดสอบว่าน้ำมันพรีเมี่ยมแรงกว่าจริงหรือเปล่า เป็นการรู้สึกกันไปเอง ไม่เคยทดสอบบน dyno
-
เรื่องแรงกว่า ของน้ำมันแต่ละชนิด ผมไม่เคยสัมผัสได้เลยว่ามันต่างกัน ...
ที่ผมรู้สึกได้ชัดๆจะเป็นหน่วยพลังงานมากกว่าเช่น 1ลิตร วิ่งได้กี่กิโล ซึ่งน้ำมันที่มีส่วนผสมของ เอทานอลน้อย จะสร้างระยะทางได้มากกว่า
แรงไม่แรงอยู่ที่คันเร่งนะผมว่า
-
ถ้าตามที่สงสัย ต้องตอบว่าใช่ครับ แต่ต้องมองลงไปที่รายละเอียดยิบย่อยอีกพอสมควร หลักๆคือ ecu ของรถในการจ่ายน้ำมัน บางรุ่นที่มาจากโรงงานเดิมๆจูนมาเป็น flexfuel ซึ่งมันไม่ได้ lean กับน้ำมันใดน้ำมันหนึ่งโดยตรง เลยมีพวกที่จับไปเติม e85 แล้วบอกว่าห่วยลงกว่าเดิม โดยไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดีว่ามันเพราะเพราะอะไร โทษน้ำมันไว้ก่อน
-
จากปสก. bmw116i 4สูบ วัดตอนไม่จูนecu
E20เพียว แรงบิดเยอะกว่าในตอนออกตัวเพราะรู้สึกพุ่งกว่า
แต่80-160km/h เร่งแล้วตื้อๆกว่า95 เพียวชัดเจน เครื่องเสียงดังและสั่นไหวกว่า
95เพียว แรงบิิดไม่พุ่งมาเรื่อยๆสมูดมาก เสียงเครื่องแน่น เงียบกว่า
80-160km/h มาตามเหยียบมากกว่าe20ชัดเจน
ปล. เติมอะไรไปก็แพ้ครับ แพ้บิ๊กไบค์ อัตราเร่งไวมาก เขาสวนแล้วหายไปเลย
(มอไซค์ 650cc ขึ้นไปนะ)
-
Koenigsegg Agera R เป็นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร 1,115 แรงม้าที่ 6,900 รอบ/นาที เมื่อใช้เชื้อเพลิงเป็นเอธานอล E85 แต่หากใช้น้ำมันเบนซิน 98 แล้วกำลังสูงสุดจะลดลงเหลือ 1,050 แรงม้าในขณะที่เบนซิน 95 จะลดลงไปอีกถึง 110 แรงม้า เหลือเพียง 940 แรงม้า
https://www.koenigsegg.com/agera-r/ vอ้างอิง
อีกรุ่นที่อ้างอิงได้รู้สึกจะ Bentley Conti..GT E85
-
ผมเองไม่เก่ง ตอบงู ๆ ปลา ๆ แล้วกัน
เอากับรถผมแล้วกัน รถผมไม่ได้จูนให้แรง แต่ท่านอื่นแรงกว่าผมเยอะ (ผมไม่ชอบแรงเอง) แต่ใช้ได้ตั้งแต่ 95-อี85
ถ้าหัวฉีดเล็ก จ่ายไม่พอ ไม่ได้เรื่อง จ่ายบาง อืด
การแปรผันของแมปไฟ มีไหม? ถ้าไม่มี ต้องเลือกว่า จะให้ตอบสนองดี เมื่อใช้น้ำมันชนิดไหน
รถผม องศาไฟ เคลื่อนที่ตาม ออกเทเนเชื้อเพลิง ออกเทนยิ่งสูง ไฟยิ่งแก่..
ดังนั้น ไฟจุดระเบิดที่ ตำแหน่งเดียวกัน (เช่นที่ 2000) เมื่อใช้น้ำมันคนละประเภท การจุดนำ ไม่เท่ากัน
แต่อี 85 แรงกว่าแน่นอนครับ
-
เท่าที่ฟังมานะครับ รถที่ตกแต่งใช้ e85 เพราะ e85 อ๊อกเทนเยอะกว่า พออ๊อกเทนเยอะกว่าก็ปรับแต่งได้มากกว่าเลยได้ความแรงมากกว่าครับ คงเอาเรื่องนี้มาเทียบกับรถเดิมโรงงานที่เขามารองรับน้ำมันได้หลายๆแบบกันคงไม่ได้ละครับ จุดประสงค์การใช้งานต่างกัน
เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ
รถสมัยใหม่เห็นเดี๋ยวนี้เขาใช้ O2 windband กันมาจากโรงงานก็มี ที่เขาบอกว่าเติมน้ำมันนี้ได้เท่านี้ เติมน้ำมันนั้นได้เท่านั้น ตามสเป็คโรงงานก็น่าจะเดาได้ว่า เขาใช้ o2 windband ด้วยละมั้งครับ เพราะปกติ ecu มันจะพอปรับเปลี่ยนการทำงานได้อยู่พอสมควร ที่โรงงานเขาอาจทำโปรแกรมในของน้ำมันสูงสุดที่รองรับได้ไว้ พอได้น้ำมันตามสเป็คต่างๆ ecu ก็รับรู้ได้จาก o2 ก็ปรับเปลี่ยนการทำงานกันไป
แต่รายละเอียดลึกๆจริงๆก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ
-
ไม่ขอตอบหลักวิชาการละกัน. เดี๋ยวคงมีกูรูอีกเยอะมาตอบ
ขอตอบประสบการณ์รถผมทุกคันที่เคยใช้มา
สรุปได้ว่า. เติมเบนซิล เพียวๆ ปั้มesso caltex shell รถจะ กระฉับกระเฉงกว่า เสียงดีกว่า อัดแรงซัดโหดๆมันกว่า. และสัมผัสได้ชัดเจน
-
ตอบแบบใช้ความรู้สึกแล้วกันครับ รถคันเดียวกันใช้เบนซิน95 เครื่องเร่งได้เงียบลื่นและวิ่งได้ไกลกว่าทุกEครับ
แต่มีที่น่าแปลกใจคือ เชลล์วี เพาเวอร์แก็สโซฮอล95 เติมแล้วรู้สึกวิ่งไม่แพ้เบนซิน95ครับ :D
-
แต่ละยี่ห้อแต่ละตัวเค้ามีหัวเชื้อผสมต่างกันครับ ;)
-
สรุป ให้ เข้าใจกันง่ายๆ นะครับ
ใช้หลักค่ากำลังงาน
เบนซิน ให้พลังงาน คือ 19,000 BTU/Lb ที่ อัตราส่วน AFR (Air/Fuel) =12.5/1 อัตราส่วนผสมได้กำลังสูงสุด ที่ 12.5/1
E85 ให้กำลังงาน คือ 14,000 BTU/Lb ที่ อัตราส่วน AFR =7.4/1 (Air/Fuel) อัตราส่วนผสมได้กำลังสูงสุด คือ 7.4/1
อ้าว E85 ให้พลังงานน้อยกว่าสิๆ แค่ 14,000 BTU/Lb
แต่เดี๋ยวก่อน
ตัวแปร การจ่ายน้ำมันคือ อากาศ ใช่ไหม ที่ลิ้นปีกเป็นตัวกำหนด
เมื่อ อากาศเข้า 12.5 จ่าย น้ำมัน เบนซิน 1 ส่วน ได้ 19,000 BTU
เมื่อ อากาศเข้า 12.5 จ่าย E85 ไม่ใช่ 1 ส่วนนะ
แต่เป็น 12.5 / 1.68 ( 7.4/1 )
ดังนั้น ค่าพลังงานที่ได้ คือ 14,000 *1.68 = 23,600 ครับ
พูดง่ายๆ คือ ค่าพลังงานน้อยกว่า แต่จ่าย ส่วนผสม หนากว่า ได้พลังงาน มากกว่า ครับ
เบนซินหากจ่ายส่วนผสมเพิ่ม ต่ำกว่า 12.5/1 พลังงานจะลด
หวังว่าคงได้ ข้อยุติ แต่จริงๆ ในรถ E85 เค้าน่าจะปรับ Lean หน่อยๆ แค่ 11/1 มั้ง Flexfuel บางคันเลยเติม E85 ละอืด
ภาษา ชาวบ้านคือ E85 จ่ายน้ำมันได้มาก และปรับไฟได้แก่ เลยแรงกว่า
-
เอาจากรถผมนะครับ ถ้าเติม 95 ได้ม้าประมาณ 340 ม้า จูน e20 ได้ 370ม้า
-
เรื่องนี้ลองเองรู้เองได้เลยครับไม่ต้องไปอ่านมากมาย ;D
ส่วนตัวผมถ้าเติม เบนซิน 95 จะได้ทั้งเสียง และอัตราเร่งที่ดีกว่าโซฮอล 95 อย่างชัดเจน ถ้าตามความรู้สึก เบนซิน95ให้อัตราเร่งดีกว่าโซฮอลประมาน 15% (อันนี้ตัดตัวเลขอ้างอิงทั้งหมดออกเลยนะครับ ความรู้สึกล้วนๆ)
ลองมากับหลายคัน รู้สึกไปทางเดียวกันหมด
-
คุณ mamaman เขียนได้ชัดเจนมาก
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม E85 แรงกว่า benzine 95 แต่เปลืองกว่า
-
สรุป ให้ เข้าใจกันง่ายๆ นะครับ
ใช้หลักค่ากำลังงาน
เบนซิน ให้พลังงาน คือ 19,000 BTU/Lb ที่ อัตราส่วน AFR (Air/Fuel) =12.5/1 อัตราส่วนผสมได้กำลังสูงสุด ที่ 12.5/1
E85 ให้กำลังงาน คือ 14,000 BTU/Lb ที่ อัตราส่วน AFR =7.4/1 (Air/Fuel) อัตราส่วนผสมได้กำลังสูงสุด คือ 7.4/1
อ้าว E85 ให้พลังงานน้อยกว่าสิๆ แค่ 14,000 BTU/Lb
แต่เดี๋ยวก่อน
ตัวแปร การจ่ายน้ำมันคือ อากาศ ใช่ไหม ที่ลิ้นปีกเป็นตัวกำหนด
เมื่อ อากาศเข้า 12.5 จ่าย น้ำมัน เบนซิน 1 ส่วน ได้ 19,000 BTU
เมื่อ อากาศเข้า 12.5 จ่าย E85 ไม่ใช่ 1 ส่วนนะ
แต่เป็น 12.5 / 1.68 ( 7.4/1 )
ดังนั้น ค่าพลังงานที่ได้ คือ 14,000 *1.68 = 23,600 ครับ
พูดง่ายๆ คือ ค่าพลังงานน้อยกว่า แต่จ่าย ส่วนผสม หนากว่า ได้พลังงาน มากกว่า ครับ
เบนซินหากจ่ายส่วนผสมเพิ่ม ต่ำกว่า 12.5/1 พลังงานจะลด
หวังว่าคงได้ ข้อยุติ แต่จริงๆ ในรถ E85 เค้าน่าจะปรับ Lean หน่อยๆ แค่ 11/1 มั้ง Flexfuel บางคันเลยเติม E85 ละอืด
ภาษา ชาวบ้านคือ E85 จ่ายน้ำมันได้มาก และปรับไฟได้แก่ เลยแรงกว่า
อธิบายได้ชัดเจนมากครับ กราบบบบ .....
-
คุณ mamamam อธิบายชัดเจนมากครับ ไขข้อสงสัยของผมมานานละ
แปลว่ารถที่ไม่ได้จูนมาโดยเฉพาะ(แบบFlexfuel) คนเติม E85 นี่ก็จะแรงแค่ 73% ของเบนซิน 95 เองสิครับเนี่ย (14000/19000) :-X
-
คุณ mamamam อธิบายชัดเจนมากครับ ไขข้อสงสัยของผมมานานละ
แปลว่ารถที่ไม่ได้จูนมาโดยเฉพาะ(แบบFlexfuel) คนเติม E85 นี่ก็จะแรงแค่ 73% ของเบนซิน 95 เองสิครับเนี่ย (14000/19000) :-X
เท่าที่ผมอ่านผมเข้าใจว่า รถเดิมๆที่ไม่ได้จูน ตามทฤษฏีแล้ว E85 ก็ควรจะแรงกว่า B95 ครับ เพราะถึงแม้ระเบิดเบากว่านิดหน่อย แต่ต้องจ่ายเชื้อเพลิงปริมาณมากกว่า B95 ตั้งเยอะนั่นเอง ในตัวอย่างของคุณ mamaman นั้นเป็นรถจูน vs รถจูน แต่ถ้าเราถอยคนละก้าว เทียบรถเดิม vs รถเดิม ก็น่าจะได้ผลไปในทางเดียวกันครับ เว้นเสียแต่ว่า ฝั่ง E85 นั้นหัวฉีดเล็กเกินไปจนจ่ายน้ำมันขดเชย Oxygen ได้ไม่พอ หรือ ไม่สามารถ Advance ไฟได้ดีเพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้ รถก็จะกำลังตกครับ แต่ถ้าทุกอย่างเพียงพอ E85 น่าจะได้เปรียบครับ ผมเข้าใจว่างั้นนะ ถ้าผมคิดผิดไป ท่านใดที่ทราบ รบกวนช่วยแย้งพร้อมคำอธิบายด้วยครับ ผมจะได้เข้าใจด้วย
-
ง่ายๆนะ ถ้าปรับให้เหมาะกับ ethanol
แรงกว่าครับ
-
รถ86ผม เส้นเขียวe85 +remap
เส้นน้ำเงิน น้ำมันเบนซิน95 เดิมๆก่อนจูน+อปลี่นเฮดเดอร์
ทอร์ค มาตั้งแต่ต้นจนปลาย และม้าแรงปลายต่างกัน30ตัว
แต่ใช้e85ขับในเมืองจะตก6โลลิตร ได้ เพราะจ่ายน้ำมันหนาครับ
-
คุณ mamamam อธิบายชัดเจนมากครับ ไขข้อสงสัยของผมมานานละ
แปลว่ารถที่ไม่ได้จูนมาโดยเฉพาะ(แบบFlexfuel) คนเติม E85 นี่ก็จะแรงแค่ 73% ของเบนซิน 95 เองสิครับเนี่ย (14000/19000) :-X
ไม่ต่ำขนาดนั้น ปกติ หัวฉีด มีแบนวิดกว้างเพื่อชดเชยเชื้อเพลิงตามคำสั่งของกล่อง ในราว +- ร้อยละ5 ดังนั้นถ้าเขาเคลมว่าใช้ อี 85 ได้ ก็แสดงว่า มันสามารถชดเชยได้มากกว่านั้น แต่แรงกว่าหรือไเปล่า ถ้าองศาไฟไม่ปรับ แรงพอ ๆกัน....
-
ขออนุญาตขอพ่วงความรู้ต่อด้วยคนนะครับ
ใน e85 ที่ผมเคยดูตามหน้าเวปต่างๆ a/f ratio เขาว่าจะอยู่ที่ 8 หรือ 9 นี่ละครับจำไม่แม่นเหมือนกัน แต่ เคยถามผู้รู้มาก็ว่า 8 หรือ 9 นี่น่าจะเยอะเกินไปควรจะอยู่สัก 11 กว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้มาถามคนจูน พอดีพรรคพวกกันเขาจูนรถเองก็ว่า ต่ำกว่า 12 รถก็วิ่งไม่ออกแล้ว ของเขาจูนแบบเดียวกันกับเบนซินคือ 12.5 - 13.0 เลยสงสัยละครับว่า e85 a/f ratio ควรอยู่ที่เท่าไรครับ
-
ผมก็เคยตั้งกระทู้ถามแบบนี้ครับ
ว่ารถคันเดียวกันขึ้น Dyno
น้ำมันแบบไหนได้แรงม้าสูงสุด
แต่เหมือนว่ากระทู้นั้นผมจะไม่ได้คำตอบ หรือประมาณว่าถ้ารถเดิมๆ เติมน้ำมันตามที่ยี่ห้อนั้นๆกำหนด จะได้แรงม้าเท่ากัน (เพียว95 โซฮอล95 E20)
แต่ถ้าตอบจากความรู้สึกส่วนตัวนะครับ
เพียว 95 เสียงเปลี่ยนเลย ชัดเจน แต่กลิ่นน้ำมันก็ชัดเจนมากขึ้นด้วยครับ ต้น กลาง ปลาย ไหลมาเทมา
E20 หวานเย็นทั้งต้น กลาง ปลาย กลิ่นน้ำมันดีครับ เช้าๆวอร์มเครื่องไม่กลัวกลิ่นพัดเข้าบ้าน
เครื่อง K20 ฝาขาวครับ
-
ขออนุญาตขอพ่วงความรู้ต่อด้วยคนนะครับ
ใน e85 ที่ผมเคยดูตามหน้าเวปต่างๆ a/f ratio เขาว่าจะอยู่ที่ 8 หรือ 9 นี่ละครับจำไม่แม่นเหมือนกัน แต่ เคยถามผู้รู้มาก็ว่า 8 หรือ 9 นี่น่าจะเยอะเกินไปควรจะอยู่สัก 11 กว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้มาถามคนจูน พอดีพรรคพวกกันเขาจูนรถเองก็ว่า ต่ำกว่า 12 รถก็วิ่งไม่ออกแล้ว ของเขาจูนแบบเดียวกันกับเบนซินคือ 12.5 - 13.0 เลยสงสัยละครับว่า e85 a/f ratio ควรอยู่ที่เท่าไรครับ
ขอเพิ่มความสับสนครับ ... Stoich ของ e85 คือ 7 กว่า ดังที่คุณ mamaman ว่ามาครับ
แต่เท่าที่ผมเคยหาข้อมูลการจูนมา stoich นี่ไม่ใช่จุดที่ดีสุดสำหรับการจูนเพื่อ output เครื่องครับ มันเป็นจุดสำหรับเผาไหม้สมบูรณ์สุด ... ซึ่งฝรั่งเค้าก็เถียงกันเหมือนกันว่าจุดที่ "แรงสุด" มันตรงไหนแน่ ... อ่านตามแล้วก็งงๆครับ
-
ขออนุญาตขอพ่วงความรู้ต่อด้วยคนนะครับ
ใน e85 ที่ผมเคยดูตามหน้าเวปต่างๆ a/f ratio เขาว่าจะอยู่ที่ 8 หรือ 9 นี่ละครับจำไม่แม่นเหมือนกัน แต่ เคยถามผู้รู้มาก็ว่า 8 หรือ 9 นี่น่าจะเยอะเกินไปควรจะอยู่สัก 11 กว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้มาถามคนจูน พอดีพรรคพวกกันเขาจูนรถเองก็ว่า ต่ำกว่า 12 รถก็วิ่งไม่ออกแล้ว ของเขาจูนแบบเดียวกันกับเบนซินคือ 12.5 - 13.0 เลยสงสัยละครับว่า e85 a/f ratio ควรอยู่ที่เท่าไรครับ
ผมอาจจะเห็นต่างจากท่าน mamaman และ turin ตามรถผมนะครับ น้ำมัน 95 14.7/1 เป็นมาตรฐาน อี 85 ถ้าไม่ปรับไฟช่วย 9.875/1 แต่ ถ้าปรับไฟช่วย 10-11/1
เดี๋ยวผมจะเขียนเรื่อง น้ำมันประเภทนี้ ว่ามันต่างกันอย่างไร ตามที่ผมรู้มาแบบผิวเผิน ตอนนี้ขอเตรียมคลิปก่อน...
-
เอาตาราง Stoichiometry หรือที่เข้าใจกันว่า AF ratio มาฝากครับ ขอแนบไฟล์นะครับ
-
ขออนุญาตขอพ่วงความรู้ต่อด้วยคนนะครับ
ใน e85 ที่ผมเคยดูตามหน้าเวปต่างๆ a/f ratio เขาว่าจะอยู่ที่ 8 หรือ 9 นี่ละครับจำไม่แม่นเหมือนกัน แต่ เคยถามผู้รู้มาก็ว่า 8 หรือ 9 นี่น่าจะเยอะเกินไปควรจะอยู่สัก 11 กว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้มาถามคนจูน พอดีพรรคพวกกันเขาจูนรถเองก็ว่า ต่ำกว่า 12 รถก็วิ่งไม่ออกแล้ว ของเขาจูนแบบเดียวกันกับเบนซินคือ 12.5 - 13.0 เลยสงสัยละครับว่า e85 a/f ratio ควรอยู่ที่เท่าไรครับ
ขอเพิ่มความสับสนครับ ... Stoich ของ e85 คือ 7 กว่า ดังที่คุณ mamaman ว่ามาครับ
แต่เท่าที่ผมเคยหาข้อมูลการจูนมา stoich นี่ไม่ใช่จุดที่ดีสุดสำหรับการจูนเพื่อ output เครื่องครับ มันเป็นจุดสำหรับเผาไหม้สมบูรณ์สุด ... ซึ่งฝรั่งเค้าก็เถียงกันเหมือนกันว่าจุดที่ "แรงสุด" มันตรงไหนแน่ ... อ่านตามแล้วก็งงๆครับ
ผมแค่ยกตัวอย่าง ให้เห็นภาพ โดยใส่ ค่า Stoich มาเทียบให้เยอะๆไว้ครับ
stoich นี มันต้องไป อ้างอิงว่า เป้าหมายคือ อะไร
stoich ของ การประหยัด ก็อีกค่า
stoich ของ การเผาไหม้ สมบูณ์ คำนึงเรื่อง มลพิษ ก็อีกค่า
stoich ของ แรงบิดสูงสุด ก็อีกค่า
stoich ของ แรงระเบิดก็อีกค่า
stoich ของ ความแรง ก็อีกค่า คือ รถใคร รถมันละครับ
-
ขออนุญาตขอพ่วงความรู้ต่อด้วยคนนะครับ
ใน e85 ที่ผมเคยดูตามหน้าเวปต่างๆ a/f ratio เขาว่าจะอยู่ที่ 8 หรือ 9 นี่ละครับจำไม่แม่นเหมือนกัน แต่ เคยถามผู้รู้มาก็ว่า 8 หรือ 9 นี่น่าจะเยอะเกินไปควรจะอยู่สัก 11 กว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้มาถามคนจูน พอดีพรรคพวกกันเขาจูนรถเองก็ว่า ต่ำกว่า 12 รถก็วิ่งไม่ออกแล้ว ของเขาจูนแบบเดียวกันกับเบนซินคือ 12.5 - 13.0 เลยสงสัยละครับว่า e85 a/f ratio ควรอยู่ที่เท่าไรครับ
ผมอาจจะเห็นต่างจากท่าน mamaman และ turin ตามรถผมนะครับ น้ำมัน 95 14.7/1 เป็นมาตรฐาน อี 85 ถ้าไม่ปรับไฟช่วย 9.875/1 แต่ ถ้าปรับไฟช่วย 10-11/1
เดี๋ยวผมจะเขียนเรื่อง น้ำมันประเภทนี้ ว่ามันต่างกันอย่างไร ตามที่ผมรู้มาแบบผิวเผิน ตอนนี้ขอเตรียมคลิปก่อน...
แน่นอนครับ น้ำมันคนละชนิด คุณสมบัติ ก็ต้องต่างกัน ผมเทียบ ให้ดูเข้าใจง่ายๆ กันเฉย
ไม่ได้ ลงลึกไปเรื่อง ปัจจัยอื่นๆ เพราะ สมช หลายคน อาจจะงง และไม่เข้าใจ จนออกทะเล สุดท้าย พอวิชาการมากไป คนถาม ก็จะไม่ได้คำตอบ ก็จะพากันงงกันต่อไป
หลักๆ ก็เรื่อง อัตราส่วน ผสม ชนิด น้ำมัน
ชนิดน้ำมัน ต่างกัน
ส่วนผสม ต่าง
พลังงานต่าง
ความเร็วลามไฟ ต่าง
ความต่างเหล่า นี้ ต้องกำหนดให้เหมาะสม สำหรับเครื่องยนต์
E85 แรงกว่า เบนซิน ครับ แต่ไม่ใช่ จับรถเดิมจาก OEM ทุกคันมาเติม E85 แล้วจะแรง
-
จากปสก. bmw116i 4สูบ วัดตอนไม่จูนecu
E20เพียว แรงบิดเยอะกว่าในตอนออกตัวเพราะรู้สึกพุ่งกว่า
แต่80-160km/h เร่งแล้วตื้อๆกว่า95 เพียวชัดเจน เครื่องเสียงดังและสั่นไหวกว่า
95เพียว แรงบิิดไม่พุ่งมาเรื่อยๆสมูดมาก เสียงเครื่องแน่น เงียบกว่า
80-160km/h มาตามเหยียบมากกว่าe20ชัดเจน
ปล. เติมอะไรไปก็แพ้ครับ แพ้บิ๊กไบค์ อัตราเร่งไวมาก เขาสวนแล้วหายไปเลย
(มอไซค์ 650cc ขึ้นไปนะ)
รถก็สู้ได้แต่ต้องทำเยอะๆหน่อยๆ บิ๊กไบค์มีอาย
https://www.youtube.com/watch?v=WlKw6hiSD2g
-
มันขึ้นกับ octane หรือป่าวคับ octane สูง ก็ทนกำลังอัดได้สูง ไม่ชิงเผาไหม้ไปก่อน พออัดได้เยอะ มันก็ระเบิดแรงกว่า ก็ให้แรงได้เยอะกว่า
รถ setup กับ octane 91 --- ไปใช้ octane 95 มันก็ไม่ได้แรงขึ้น
แต่ถ้า รถแต่งรุ่นเดียวกัน คันนึง setup octane 95 แต่อีกคัน setup E20 .... คันที่ set E20 ก็จะแรงกว่า
แต่ทีนี้ชื่อน้ำมันมันทำให้สับสน
เบนซิน 95 - octane 95
sohol 95 = benzene 90% ethanol 10% แต่ก้ยังมี octane 95 เหมือนเดิม
E20 = benzene 80% ethanol 20% แต่ octane มัน 97-98 นุ้น
E85 = benzene 15% ethanol 85% octane 100+
ถูกต้องแล้วครับ เอทานอลมีค่าOctaneที่ระดับ100ซึ่งสูงกว่าน้ำมันเบนซิน ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นค่าต้านทานการจุดระเบิด ไม่ใช่ค่าพลังงานต่อปริมาณเชื้อเพลิงครับ ในทางกลับกันเอทานอลจะให้พลังงานต่อหน่วยน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ดังนั้นการนำเอทานอลมาใช้เพื่อให้แรงม้าสูงจะต้องปรับเครื่องยนต์ให้มีอัตราส่วนกำลังอัดให้สูงด้วยจึงจะได้ประโยชนืเต็มที่ ถ้าเป็นรถแบบFlex Fuelก็ไม่สามารถปรับได้สมบูรณ์แบบสำหรับน้ำมันเบนซินเพียว E10 E20 หรือE85หรอกครับ เพียงแต่สามารถใช้ได้หลายชนิดเชื้อเพลิง ส่วนเชื้อเพลิงไหนคุ้มกว่ากันก็ต้องพิจารณาจากราคาเชื้อเพลิงแต่ละอย่างเปรียบเทียบกันครับ
https://www.techarp.com/articles/octane-rating-myth-debunked/
-
มันขึ้นกับ octane หรือป่าวคับ octane สูง ก็ทนกำลังอัดได้สูง ไม่ชิงเผาไหม้ไปก่อน พออัดได้เยอะ มันก็ระเบิดแรงกว่า ก็ให้แรงได้เยอะกว่า
รถ setup กับ octane 91 --- ไปใช้ octane 95 มันก็ไม่ได้แรงขึ้น
แต่ถ้า รถแต่งรุ่นเดียวกัน คันนึง setup octane 95 แต่อีกคัน setup E20 .... คันที่ set E20 ก็จะแรงกว่า
แต่ทีนี้ชื่อน้ำมันมันทำให้สับสน
เบนซิน 95 - octane 95
sohol 95 = benzene 90% ethanol 10% แต่ก้ยังมี octane 95 เหมือนเดิม
E20 = benzene 80% ethanol 20% แต่ octane มัน 97-98 นุ้น
E85 = benzene 15% ethanol 85% octane 100+
ถูกต้องแล้วครับ เอทานอลมีค่าOctaneที่ระดับ100ซึ่งสูงกว่าน้ำมันเบนซิน ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นค่าต้านทานการจุดระเบิด ไม่ใช่ค่าพลังงานต่อปริมาณเชื้อเพลิงครับ ในทางกลับกันเอทานอลจะให้พลังงานต่อหน่วยน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ดังนั้นการนำเอทานอลมาใช้เพื่อให้แรงม้าสูงจะต้องปรับเครื่องยนต์ให้มีอัตราส่วนกำลังอัดให้สูงด้วยจึงจะได้ประโยชนืเต็มที่ ถ้าเป็นรถแบบFlex Fuelก็ไม่สามารถปรับได้สมบูรณ์แบบสำหรับน้ำมันเบนซินเพียว E10 E20 หรือE85หรอกครับ เพียงแต่สามารถใช้ได้หลายชนิดเชื้อเพลิง ส่วนเชื้อเพลิงไหนคุ้มกว่ากันก็ต้องพิจารณาจากราคาเชื้อเพลิงแต่ละอย่างเปรียบเทียบกันครับ
https://www.techarp.com/articles/octane-rating-myth-debunked/
พูดถึงเรือง Octance
1.รถแข่ง ต้องการ Octance สูงเพื่อการ โมดิฟาย ต่างๆ นา เพื่อ ปรับแต่งรถเพื่อให้ได้แรงม้าสูงสุด ไม่งั้น เค้าจะวิ่งหา E85 คุณสมบัติ E85 หรือ เอทานอล มันดีกว่า เบนซิน ในหลายๆด้านครับ
2.รถบ้านละ เดิมๆ รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ ECU คุม กำลังอัดรถ ในกระบอก ทำมา ให้ปลอดภัยไว้แล้ว แล้ว รถมันจะน๊อคตอนไหน
ถามจริงๆ เถอะครับ ครับ กรณี รถบ้าน ขับน้ำมัน ที่ เค้าแนะนำให้ใช้ เราๆ เคยขับกันจน เครื่องน๊อคไหม ไม่ว่าเติมน้ำมันอะไร
คำตอบ คงไม่ ถามว่าทำไม ไม่เคย เพราะอะไร ในเมื่อไม่เคย เราจะเติม Octance สูงเพื่ออะไร
สมมุติ ว่าเกิด น๊อคขึ้นมา มีวิธีการไหน แก้ไขมัน หรือ รู้ไหม รถจะน๊อค ช่วงไหน
เรื่อง พวกนี้ คงมีแค่ จูนเนอร์ หรือ กลุ่มคนที่ทำรถแข่งเท่านั้น ที่พอจะทราบ
ผมแนะนำให้ไปดู ถ้าไม่สามารถ ดู หรือ เข้าใจได้ ก็ควร พูดแค่ ใน ขอบเขต ที่จะ สื่อสารให้คนอื่นเข้าใจได้ ง่ายๆ ครับ
ผมเลย อธิบาย ง่ายๆ โดยยกเรื่อง พลังงาน และ stoich มา
AFR ( อัตราส่วนผสม )
stoich ของประหยัด จะมากกว่า 14.7
stoich ของแรงม้า แรงบิด สูงสุด จะอยู่ ราวๆ 12.5
ผมถามตรงนี้ว่า เรา รู้ไหมว่า ECU รถบ้านเดิม จ่ายน้ำมัน ที่ AFR เท่าไหร่ ?
( Ignition Time ) องศาจุดระเบิด
ต้องปรับ ให้เหมาะกับชนิด น้ำมัน ถามว่า เหมาะสมยังไง ใช้อะไร อ้างอิง มันก็จะยาวไปเรื่อง อัตราลามไฟน้ำมันแต่ละชนิดอีก
ถามว่า รู้ไหมว่า ECU รถบ้านเดิมๆ ปรับ Ignition Time ?
เรื่อง Flex Fuel E20 > E85
รู้ไหม ว่า ECU ปรับ เครื่องมายังไง ทำไม ถึง ใช้น้ำมันได้ หลายชนิด
รู้ได้ไง ว่าเค้าปรับ ให้ แค่ใช้น้ำมันได้ ทุกชนิดเฉยๆ ไม่ได้ สนใจเรื่องความแรง ?
เพราะเราจะเห็นว่า บางคัน เติม E20 แรงกว่า E85
หรือ บางคัน E85 แรงกว่า E20
หลายๆ คนเลยไม่รู้ และ ไม่มีทางรู้
ผมเลยพยายาม จะข้ามเรื่องพวกนี้ไป เพราะมันยาว เพราะ จขกท ต้องการ สรุป
-
มันขึ้นกับ octane หรือป่าวคับ octane สูง ก็ทนกำลังอัดได้สูง ไม่ชิงเผาไหม้ไปก่อน พออัดได้เยอะ มันก็ระเบิดแรงกว่า ก็ให้แรงได้เยอะกว่า
รถ setup กับ octane 91 --- ไปใช้ octane 95 มันก็ไม่ได้แรงขึ้น
แต่ถ้า รถแต่งรุ่นเดียวกัน คันนึง setup octane 95 แต่อีกคัน setup E20 .... คันที่ set E20 ก็จะแรงกว่า
แต่ทีนี้ชื่อน้ำมันมันทำให้สับสน
เบนซิน 95 - octane 95
sohol 95 = benzene 90% ethanol 10% แต่ก้ยังมี octane 95 เหมือนเดิม
E20 = benzene 80% ethanol 20% แต่ octane มัน 97-98 นุ้น
E85 = benzene 15% ethanol 85% octane 100+
ถูกต้องแล้วครับ เอทานอลมีค่าOctaneที่ระดับ100ซึ่งสูงกว่าน้ำมันเบนซิน ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นค่าต้านทานการจุดระเบิด ไม่ใช่ค่าพลังงานต่อปริมาณเชื้อเพลิงครับ ในทางกลับกันเอทานอลจะให้พลังงานต่อหน่วยน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน ดังนั้นการนำเอทานอลมาใช้เพื่อให้แรงม้าสูงจะต้องปรับเครื่องยนต์ให้มีอัตราส่วนกำลังอัดให้สูงด้วยจึงจะได้ประโยชนืเต็มที่ ถ้าเป็นรถแบบFlex Fuelก็ไม่สามารถปรับได้สมบูรณ์แบบสำหรับน้ำมันเบนซินเพียว E10 E20 หรือE85หรอกครับ เพียงแต่สามารถใช้ได้หลายชนิดเชื้อเพลิง ส่วนเชื้อเพลิงไหนคุ้มกว่ากันก็ต้องพิจารณาจากราคาเชื้อเพลิงแต่ละอย่างเปรียบเทียบกันครับ
https://www.techarp.com/articles/octane-rating-myth-debunked/
พูดถึงเรือง Octance
1.รถแข่ง ต้องการ Octance สูงเพื่อการ โมดิฟาย ต่างๆ นา เพื่อ ปรับแต่งรถเพื่อให้ได้แรงม้าสูงสุด ไม่งั้น เค้าจะวิ่งหา E85 คุณสมบัติ E85 หรือ เอทานอล มันดีกว่า เบนซิน ในหลายๆด้านครับ
2.รถบ้านละ เดิมๆ รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ ECU คุม กำลังอัดรถ ในกระบอก ทำมา ให้ปลอดภัยไว้แล้ว แล้ว รถมันจะน๊อคตอนไหน
ถามจริงๆ เถอะครับ ครับ กรณี รถบ้าน ขับน้ำมัน ที่ เค้าแนะนำให้ใช้ เราๆ เคยขับกันจน เครื่องน๊อคไหม ไม่ว่าเติมน้ำมันอะไร
คำตอบ คงไม่ ถามว่าทำไม ไม่เคย เพราะอะไร ในเมื่อไม่เคย เราจะเติม Octance สูงเพื่ออะไร
สมมุติ ว่าเกิด น๊อคขึ้นมา มีวิธีการไหน แก้ไขมัน หรือ รู้ไหม รถจะน๊อค ช่วงไหน
เรื่อง พวกนี้ คงมีแค่ จูนเนอร์ หรือ กลุ่มคนที่ทำรถแข่งเท่านั้น ที่พอจะทราบ
ผมแนะนำให้ไปดู ถ้าไม่สามารถ ดู หรือ เข้าใจได้ ก็ควร พูดแค่ ใน ขอบเขต ที่จะ สื่อสารให้คนอื่นเข้าใจได้ ง่ายๆ ครับ
ผมเลย อธิบาย ง่ายๆ โดยยกเรื่อง พลังงาน และ stoich มา
AFR ( อัตราส่วนผสม )
stoich ของประหยัด จะมากกว่า 14.7
stoich ของแรงม้า แรงบิด สูงสุด จะอยู่ ราวๆ 12.5
ผมถามตรงนี้ว่า เรา รู้ไหมว่า ECU รถบ้านเดิม จ่ายน้ำมัน ที่ AFR เท่าไหร่ ?
( Ignition Time ) องศาจุดระเบิด
ต้องปรับ ให้เหมาะกับชนิด น้ำมัน ถามว่า เหมาะสมยังไง ใช้อะไร อ้างอิง มันก็จะยาวไปเรื่อง อัตราลามไฟน้ำมันแต่ละชนิดอีก
ถามว่า รู้ไหมว่า ECU รถบ้านเดิมๆ ปรับ Ignition Time ?
หลายๆ คนเลยไม่รู้ และ ไม่มีทางรู้
ผมเลยพยายาม จะข้ามเรื่องพวกนี้ไป เพราะมันยาว เพราะ จขกท ต้องการ สรุป
ถือว่าเอาความรู้มาแชร์ๆกันก็ได้ครับ
เรื่องพวกนี้ผมก็อยากให้คนเอามาแชร์กันเยอะเหมือนกันครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรกับเขาเท่าไร จะไปอ่านเวปนอกความรู้เรื่องภาษาก็ไม่ดีอีก
เรื่องพวกนี้ถ้าคนไทยเรามีความรู้เขียนออกมาให้อ่านกันก็จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมมากๆครับ เพราะ ทุกวันนี้ให้คนที่ตกแต่งรถเองทุกวันนี้ก็ยังไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้กันอยู่เยอะครับ จูนเนอร์ หลายสำนักก็ไม่ค่อยยอมจะอธิบายให้เจ้าของรถได้รับรู้กัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าด้วยเหตุผลอะไร
เรื่อง A/F ratio นี่ ถ้าเป็นคนตกแต่งรถ ผมว่าเป็นเรื่องจำเป็นมาก ผมเองก็เคยมีปัญหาเรื่องนี้ เสียเงินไปกับ hardware หลายอย่างมากเสียทั้งเงินและเวลากว่าจะหาจุดเจอเชื่อไหมครับว่ารอบนั้นผมหาอยู่เป็นปี ถึงจะแก้ได้ ลงท้ายเป็นที่เรื่อง A/F ratio
ในเรื่องพวกนี้ ถ้าท่านใดมีความรู้พอจะแบ่งปันกันได้ ก็แบ่งปันเถอะครับเป็นประโยชน์กับทุกคนแน่นอนครับ
-
เพิ่งจะพอเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน
ลองดูคำอธิบายของนักจูนเครื่อง จูนE85อธิบาย
http://www.speedhunters.com/2015/04/everything-you-need-to-know-about-ethanol/
-
อธิบายง่ายแบบนี้ครับ
น้ำมันเบนซินปกติจะใช้ปริมาณในสัดส่วน1ต่ออากาศ14.7ส่วนสำหรับเครื่องยนต์Gasoline
น้ำมันE10จะใช้สัดส่วน1ต่ออากาศ14.0ส่วน
น้ำมันE85จะใช้สัดส่วน1ต่ออากาศ9.85ส่วน
Ethanol 100จะใช้สัดส่วน1ต่ออากาศ6.4ส่วน
ที่ีมา http://www.tomorrowstechnician.com/flex-fuel-ethanol-vs-gasoline/
เหตุผลทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเพราะEthanolให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซินครับ ดังนั้นในเครื่องยนต์เดียวกันที่ออกแบบให้ใช้น้ำมันเบนซินล้วนๆ แต่ก็ต้องการให้ใช้E85ได้ด้วยก็จำเป็นที่จะต้องปรับปริมาณเชื้อเพลิงในกรณีที่ใช้E85ให้ได้มากขึ้นจากสูตรStoichiometricข้างต้น ทีนี้ลองดูสิครับว่าอัตราส่วนที่ใช้จะต่างกันมากเกินเท่าตัว ดังนั้นถ้าผู้ผลิตไม่ได้ออกแบบระบบฉีดเชื้อเพลิงให้มากพอในกรณีใช้E85จะเกิดอะไรขึ้น?
เครื่องยนต์ก็จะเกิดการLean Burnหรืออากาศมีปริมาณในสัดส่วนที่มากเกินStoichiometric ซึ่งวิศวกรจะกลัวสภาวะLean Burnมากที่สุดเพราะจะทำให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงเกินปกติและส่งผลเสียหายกับชิ้นส่วนได้ในทันทีหรือในระยะสั้น
ไม่เหมือนกับอาการRich Burnที่จะมีเชื้อเพลิงมากเกินไปทำให้ชิ้นส่วนอุดตันหรือสกปรกในระยะยาวครับ อ่านดูได้จากที่นี่ครับ
https://www.turbobygarrett.com/turbobygarrett/airfuel_ratio_tuning_rich_vs_lean
-
ส่วนเรื่องOctaneจะไปเกี่ยวข้องกับอัตราส่วนกำลังอัดกระบอกสูบหรือCompression Ratio ซึ่งเครื่องยนต์ที่ต้องการสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงๆจะออกแบบให้มีCRสูงๆ แต่CRที่สูงมากจะก่อให้เกิดความร้อนสูงจากการอัดกระบอกสูบ ความร้อนดังกล่าวจะทำให้เชื้อเพลิงชิงจุดระเบิดก่อนลูกสูบถึงจุดศูนยืตายบนมากๆหรือที่เราเรียกกันว่าเครื่องKnockเพราะหัวเทียนยังไม่ทันจุดระเบิดแต่เชื้อเพลิงก็จุดระเบิดล่วงหน้าทำให้มีอาการระเบิดผิดจังหวะหรือเขกนั่นเอง
Ethanolจะมีข้อดีในกรณีนี้เพราะOctaneที่สูงในEthanolจะทำให้ลดการชิงจุดระเบิดดังกล่าวครับ
http://www.visordown.com/features/workshop/understanding-compression-ratios
-
ถ้ารถ standard รถบ้าน ต่างกันน้อยมากๆๆๆๆ ครับ เพราะเค้าพยามจูนให้มันแรงพอๆกันไม่ว่าจะเป็น E85 ก็ตาม ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวครับ สะดวกอะไรก็เติมอันนั้นครับ แต่ E85 ไม่แนะนำเพราะเปลืองครับราคา E85 บ้านเราถือว่าสูงไปถ้าเทียบกับ E20 หรือ E10