Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: airwalkz ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2018, 02:55:09
-
พอดีสนใจจะออกรถครับ แต่ทีนี้ผมก็แอบสงสัย เรื่องTest Driveบางข้อครับ
1.สมมติว่าเราอยากไปลองขับรถคันนี้อะ แต่ไม่ซื้อ มันน่าเกลียดไหมครับ555 คือผมสงสัยว่าเซลล์เค้าจะมาลำบากกับพวกนี้ไหม เช่น ตอนนี้อะผมมอง CX-5 ไรงี้อยู่ แต่ผมก็อยากไปลองขับ series 3 x-1 Audi TT ไรงี้อะครับ
2.ถ้าเค้าไม่มีปัญหา คือเราอยากลองขับคันไหนเราสามารถขอไปตามเว็บศูนย์นั้นๆได้เลยเหรอครับ
3.ปรกติ Test Drive ควรทำอะไรบ้างครับ และ ไม่ควรทำอะไรบ้าง
4.เคยมีคนชนรถ Test Driveไหมครับ 5555 ถ้ามีจะเกิดอะไรขึ้นและเราต้องรับผิดชอบอะไรอย่างไรบ้างครับ ผมก็กลัวๆแบบดวงตก เกิดมีอุบัตติเหตุหรือเราไม่ชินรถไปขูดนั่นนี่เล็กๆ ไรงี้ครับ
ขอบคุณมากครับ คำถามอาจจะแปลกๆนิดหน่อย สงสัยมานานมากแล้วครับเรื่องนี้
ไหนๆก็ไหนๆถามพ่วงเลย CX-5 2.0spตัวใหม่ด้อยกว่า 2.2Diesel ตัวใหม่มากไหมครับ ขอบคุณครับ
-
ที่จริงก็ไม่น่าเกลียดหรอกของมันต้องลองเพราะมันหลายตัง
แต่เซลล์บางที่ ชอบทำหน้าดูถูกเหมือนเราไม่มีตังซื้อแต่อยากลอง หรือโถ่ลองแล้วแต่ไม่ซื้อ
-
ผมว่าภาษากายของคนไปลอง เซลบางคนเค้าดูออก
เหมือนเราไปลอง เพราะอยากลองขับ มันต่างกัน กับการลองเพื่อจะซื้อ แต่ขอลองเพื่อเปรียบเทียบ
เช่น จะเอากลุ่มD segments แน่ๆ ไปลอง3ค่าย Teana,camry,accord
มันก็จะต่างกัน กับคุณตั้งใจจะซื้อแคมรี่ แต่อยากลองขับ series5
ผมว่า เซลล์เค้าดูออกครับ ไม่เกี่ยวกับแต่งกาย อะไรทั้งนั้น
คือถ้าลองขับรถในลิส ที่ตั้งใจว่าจะซื้อ แล้วไม่ชอบ ผมว่าไม่น่าเกลียด
แต่ลองขับรถนอกลิส เพราะอยากลอง ผมว่า ก็ไม่ควรครับ
-
ใจเขาใจเราครับ ไม่มีโครงการซื้อก็ไม่ต้องไปลอง
เซลบางที่ก็ชอบใหtest อย่างซุบารุ คนจะซื้อ CRV ไปtest Forester
ยิ่งเป็นผู้ชายนี่เสียตังซื้อรถหน้าตาเชยๆหลายรายละ :-*
-
ไม่ได้จะซื้อ ไปลองก็เสียเวลาเค้า ใจเขาใจเราอ่ะนะครับ ถ้าเป็นรถที่ยังไงก็ไม่ซื้อแน่ๆ แค่อยากรู้ ผมว่าไม่ควร เว้นแต่เป็นพวกที่จัดมาให้ "เล่น" จริงๆ (คือ marketing บ แม่จัด ไม่ใช่ดีลเลอร์)
แต่เอาจริงๆ ถ้ามีความคิดอยู่บ้าง แค่อาจไม่ใช่ช่วง 1-3 เดือนนี้ ผมว่าก็ไม่น่าเกลียด
-
มอง cx5 แต่อยากไปลอง x1 กะ series3 นี่ผมว่าปกตินะ หากไปลองเพื่อความมั่นใจในการตัดสินใจ ไปลองเหอะ ทั้ง3 คัน เผื่อคุณอาจดปลื่ยนใจ หรือมั่นใจขึ้น
แต่ audi TT นี่ห่างไกลเกิน อันนี้อย่าไปลองเลยครับ ลองไปก็เกิดกิเลส
อยากลองคันไหนก็ติดต่อถามศูนย์เลยครับ นัขอทดลองขับนัดเวลากันไปเลย
ส่วนการลอง เราอยากรู้ว่ารถเก่งแค่ไหนก็ลองไปครับ แต่อย่าทำอะไรให้เกิดอันตรายจนน่าเกลียดเช่นพวกกดแช่ถึง 180 นี่ก็เกินไป หรือขับรถในลักษณะอันตราย
ให้คำนึงถึงใจเขาใจเรา เกรงใจเซลล์ที่ต้องเอาชีวืตมาฝากไว้กับเท้าเราด้วยแค่นั้นเองครับ
กรณีเทสไดร์แล้วชน ก็ต้องดูว่าใครผิดเป๊นกรณีไปครับ ถ้าเราผิด เราก็ต้องรับผิดชอบแค่นั้น
ส่วน ดีเซล vs เบนซิน ขึ้นกะงบประมาณและความชอบละครับ ถ้ามองความประหยัด ดีเซลซื้อแล้วประหยัดน้ำมันกว่าแต่ค่าตัวสูงกว่า กว่าจะคุ้มทุนกันก็หลายปี
เรื่องทนทาน เอาจริงๆดีเซลยุคใหม่ก็ไม่เห็นทนเท่าเบนซินเลย
แต่ถ้ามองความแรง ชอบรถขับสนุก ดีเซลตอบโจทย์กว่าเบนซินครับ แต่เสียงมันอาจไม่ใช่แค่นั้นเอง
-
CX-5 ตอนนี้หลายๆศูนย์มีให้ลองทั้ง 2.0SP และ 2.2XDL แล้วครับ ไปลองดูได้
-
เห็นด้วยว่าถ้าเล่นๆไม่ควรครับ มันเสียเวลาทำมาหากินเค้า แต่ถ้าสนใจจริงจังก็ลองขับให้หมด อย่างตอนซื้อกระบะ ผมก็ลอง 4 เจ้าๆละ 2-3 รอบ ตอนที่กำลังขับผมแทบไม่คุยกับเซลล์ที่นั่งไปด้วยเลย เค้าก็พูดขายของๆเค้าไป เราก็เพ่งจับอาการของรถอย่างเดียว
-
เห็นด้วยครับ ถ้าไม่ติดจะซื้ออย่าไปลองเลย เสียเวลาเซลส์เขา ใจเขาใจเราครับ
-
ผมกลับมองว่าไม่ผิดนะ
เราสนใจจะลอง ถึงไม่มีปัญญาซื้อก็ถือว่าลองโปรดัก ในอนาคตอาจจะมาซื้อก็ได้
คนที่เดินเข้ามาลองแปลว่ายังไงก็ต้องมีความสนใจแหละ แค่พร้อมไม่พร้อมซื้อก็อีกอย่างนึง
มันไม่เสียเวลาเค้าหรอกครับ เค้าจ้างมาให้ทำงาน นิก็เป็นงานของเค้า ถึงเซลจะไม่ได้ตัง แต่แบรนด์ก็ได้ให้คนลองรถ ถูกใจไม่ถูกใจมันอีกเรื่อง ก็ถือว่าได้ awareness
สำหรับผมถ้าไม่สนใจก็ไม่ไปลองหรอกครับ เสียเวลาตัวเอง ลองรถนิเสียไปครึ่งวันเต็มๆ ยังต้องไปฟังเซลที่จะพยายามปิดการขายให้ได้อีก
หลายๆคันที่ซื้อมาไม่ได้เทสเลยด้วย เพราะไม่ได้เป็นคนที่ขับละดูสภาพรถออกโดยแค่เหยียบคันเร่ง จะตอบได้ว่ามีปัญหาหรือดีไม่ดียังไงต้องใช้ซักเดือนนึง
ส่วนเซลจะดูถูกมั้ยนิส่วนบุคคลมากๆ เคยเอา 320d เข้าไปเมนเทนแนนซ์ที่ M... auto ตรงลาดพร้าวยังโดนดุถูกเลย ไม่ได้ลองขับนะ เอาไปเข้าศูนย์
ทางที่ดีก็อย่าไปคิดมาก อยากลองก็ลอง ถ้าเซลมองว่าเสียเวลาก็ให้เค้าปฏิเสธลูกค้าไปเลยครับ
ถ้าคนเป็นเซลคิดว่าจะต้องปิดการขายให้ได้ทุกคน ก็อย่าเป็นเซลเลย ถ้าของมันขายดีแบบทุกคนเข้ามาละต้องซื้อ ไม่ต้องมีเซลก็ได้ครับ
ใจเขาใจเรา บางทีเราก็อยากลอง วันนี้ไม่มี อนาคตอาจจะมีก็ได้ครับ
-
ผมเห็นต่างนิดหน่อยในแง่ที่. ไม่จำเป็นต้องวางแผนจะซื้อเร้วๆนี้ก็ test drive ได้ครับ
นี่คือจุดประสงค์ของการซื้อรถสักคันนึง.
ผมtest Mini มาหลายรุ่นมาก. ทั้งๆที่ไม่ได้อยากซื้อ ไม่ได้วางแผน แต่test เพราะอยากรุ้ว่าดียังไง
บอกเซลไปตรงๆเลยครับ. พี่เล็งอีกค่าย แต่mini ก้อสวยดี อยากลอง
น้องเชลล์เขาจะบริการคุณเสมือนเป็น potential lead เพราะนี่คือโอกาสการขาย
ถามว่าผมลองแล้วทำให้เปลี่ยนใจมั้ย. ยังนะ. แต่มันฉุกคิดแน่ๆ จากเดิม 0%. ตอนนี้ เอะใจ
แถมมีโปรไต้ดินอีก
-
ผมจะลองเฉพาะรถที่มีกำลังซื้อและสนใจครับ
เพิ่งไปลอง XV มาก็น่าสนใจมาก แต่ในใจเล็งnew camry ใหม่ไว้อีกคันก็บอกเซลไปว่าขอดู camry ออกใหม่ก่อน
แต่พวกราคาโดดๆนี่คงไม่ลอง เพราะคงอีกนานมากถ้าจะซื้อ
-
ส่วนตัว แค่ลองขับนิดหน่อย ไม่รู้เรื่องหรอกครับ วนรอบนึง หรือ บางยี่ห้อให้วนในศูนย์
ถ้ามีให้เช่า ลองเช่ามาใช้ซักวันนึงครับ จะได้รู้ว่า มันเป็นยังไง จริงๆ
-
ผมจิ้มข้อ 4 ให้ละกัน
เคยมีเคสเพื่อนผมเอารถเทสต์ไดรฟ์ไปชน แต่เจ้าตัวมีใบขับขี่ และรถก็มีทะเบียน+ประกัน ประกันก็รับผิดชอบไป
ปล. ส่วนตัวผมเอง จะไม่ขอลองเทสต์ไดรฟ์รถที่ไม่อยู่กลุ่มที่มองว่าจะซื้อครับ แต่หากอยากลองจริงๆ ผมก็ว่าไม่ได้ผิด เพราะเทสต์ไดรฟ์ไม่ใช่รถโชว์รอขาย มันมีไว้เพื่อเทสต์ เซลส์กะศูนย์ก็มีหน้าที่บริการคุณ
-
ถ้ากำลังจะซื้อก็ลองรถในกลุ่มที่เราสนใจ หรือในงบที่เราตั้งไว้ก็ไม่เสียหายครับ
อาจจะข้ามประเภทบ้างเพื่อความแน่ใจของเราเองก็ไม่น่าเป็นไรครับ
ถ้าจะซื้อก็ลองครับ แต่ถ้าไม่มีโครงการจะซื้อผมก็ไม่ลองครับ ลองไปก็เกิดกิเลสเปล่าๆ 5555
-
1.สมมติว่าเราอยากไปลองขับรถคันนี้อะ แต่ไม่ซื้อ มันน่าเกลียดไหมครับ555 คือผมสงสัยว่าเซลล์เค้าจะมาลำบากกับพวกนี้ไหม เช่น ตอนนี้อะผมมอง CX-5 ไรงี้อยู่ แต่ผมก็อยากไปลองขับ series 3 x-1 Audi TT ไรงี้อะครับ
ไม่ครับ สำหรับผมจะเทสเฉพาะคันที่อยู่ในลิสเป้าหมายที่จะซื้อ ส่วนถ้าอยากลองขับเฉยๆไม่คิดจะซื้อ ผมจะหารถเช่า ไม่ก็รถเพื่อน(ลองนั่งให้เพื่อนขับ แต่ไม่ขับเอง) สำหรับผมทำแบบนี้สบายใจกว่าและดีกับทุกฝ่าย
2.ถ้าเค้าไม่มีปัญหา คือเราอยากลองขับคันไหนเราสามารถขอไปตามเว็บศูนย์นั้นๆได้เลยเหรอครับ
ผมใช้วิธีโทรไปครับ ถ้าทางศูนย์บอกมีรถก็นัดวันเวลาได้เลย
3.ปรกติ Test Drive ควรทำอะไรบ้างครับ และ ไม่ควรทำอะไรบ้าง
ผมเทสโดยใช้การขับแบบเดียวกับในชีวิตประจำวันครับ เข้าซอยเล็กขับเหยียบฝาท่อ ขับถนนใหญ่วิ่งถนนเป็นคลื่น ขึ้นลูกระนาด ตามความเร็วปกติที่ใช้ วางแผนเส้นทางและเวลาก่อนเริ่ม
ใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติหน่อยนึง ทางแคบถ้าไม่ชัวร์ว่าพ้น อย่าดันทุรัง บางครั้งไปขับรถคนละ segment การไม่ชินอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ รวมถึงวงเลี้ยวที่อาจกว้าง/แคบ ไม่เท่ากัน
รวมถึงการใช้ infotainment ของตัวรถให้เหมือนใช้ตามปกติ
รถเทสอาจไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสง เรื่องแดดร้อนแล้วแอร์จะสู้ไหวมั้ยต้องกะเอาโดยใช้ความรู้สึก
ลมยางเชคก่อนขับว่าได้ตามสเปคมั้ย มีผลต่อความรู้สึกในการนั่งและการขับขี่
ทดสอบปิดวิทยุ เพื่อฟังดูเสียงรบกวนจากงานประกอบ และเสียงลมเข้าห้องโดยสาร จะได้ประเมินถูก
ทดลองให้ครบแล้วเปรียบเทียบกับคู่แข่งในลิส จากนั้นหาข้อที่ชอบและไม่ชอบในแต่ละคัน
4.เคยมีคนชนรถ Test Driveไหมครับ 5555 ถ้ามีจะเกิดอะไรขึ้นและเราต้องรับผิดชอบอะไรอย่างไรบ้างครับ ผมก็กลัวๆแบบดวงตก เกิดมีอุบัตติเหตุหรือเราไม่ชินรถไปขูดนั่นนี่เล็กๆ ไรงี้ครับ
ขอบคุณมากครับ คำถามอาจจะแปลกๆนิดหน่อย สงสัยมานานมากแล้วครับเรื่องนี้
ผมไม่เคยครับ แต่จากที่เคยคุยกับเซลล์ รถเทสเค้ามีประกันครับ เวลาชนอาจต้องใช้ใบขับขี่จากเราเป็นหลักฐานครับ ซึ่งทางศูนย์จะขอไว้ก่อนเริ่มทดลองขับอยู่แล้ว
-
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำตอบมากๆครับ จริงๆอยากลองไปเทสแต่เกรงใจเซลล์ครับ555 ขอบคุณอีกครั้งครับ
-
ซื้อรถต้องลองครับ ไม่มีโอกาสลองก็อย่าซื้อ
ถ้าไม่คิดซื้ออยู่แล้วไปลองก็เสียเวลาทั้งเราและเซลครับ ถ้าคิดว่าอยากเสียเวลาก็ไปได้
ลองเปรียบเทียบก็ดีคับ รถบางรุ่นไปลองแล้วโอกาสตัดสินใจมีมาก การลองรถสำคัญครับ
ถ้าไม่ลองรถ ก็เหงาทั้งเซลและศูนย์ เพราะไม่มีลูกค้าไปเยี่ยมเยียน
ส่วนตัวผมเจอ ปสก ไม่ดีกับเซลมาหลายครั้ง อย่าง Honda ผมไม่คิดจะเหยียบศูนย์หรือไปลองที่มอเตอร์โชว์อีกเด็ดขาด
อย่าง Mazda ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้ารถตลาด พอเป็นรถ Mazda MX5 เข้าถึงยากไปหน่อย เซลไม่ติดต่อไม่ตามเรื่องให้เรา เจอหลายคนแล้ว ถ้า MX5 ไม่ใช่รถที่อยากได้จริง ๆ ชาตินี้ไม่มีวันเข้าไปเหยียบศูนย์ Mazda อีกเด็ดขาด
-
ส่วนตัวกล้าขอ test drive แต่ค่ายญี่ปุ่นครับ
รุ่นไหนที่สนใจ ก็ไปศูนย์ติดต่อเซลส์ขอลองเลย
บางรุ่นไม่อยู่ในลิสต์ แต่อยากรู้ว่าเป็นยังไง ผมก็บอกเซลส์ไปตรงๆว่าอยากลองขับ แต่คงไม่ได้ซื้อครับ
ผมเป็นประเภทลองขับแล้ว จะเกิดกิเลส หลังๆเลยเลิกไปลองเล่นๆ จะลองจริงจังก็ตอนจะซื้อรถใหม่เท่านั้นครับ
-
ผมก็เหมือนกับหลายๆ ท่าน คือ ถ้าไม่คิดจะซื้อ จะไม่ไปลองขับ (ใจเขา ใจเรา)
บางคน รุ่น รุ่นใหม่ออกมา ก็หาโอกาสไปลอง ยิ่งถ้ามีการแจกเสื้อ แจกคูปองเงินสด 200 บาท บางคนก็จะรีบไปลองก็มี
ถามว่า ผิดไหม ตอบว่า ไม่ผิดครับ
-
1.ผมว่าไม่นะ แต่ถ้าคันไหนไม่คิดจะซื้อผมก็คงไม่ไปเทสให้เสียเวลาตัวเอง
2.ใช่ครับไปได้เลย ผมสายวอคอินไม่มีเทสก็กลับ แต่ต้องมีบขข.
3.มันก็ไม่มีอะไรที่ไม่ควรทำนะ คำว่าทดสอบรถก็ต้องดูว่ารถเร่งดีไหม เบรกอยู่ป่ะ สาดโค้งยวบไหม เปลี่ยนเลนแรงๆโคลงเปล่ายุบตัวเปล่า ผ่านผิวขรุขระซับแรงสะเทือนดีไหม ขับเร็วๆเก็บเสียงเป็นไง
4.ส่วนตัวไม่เคยชนนะ
CX-5ผมไม่เคยขับตัวใหม่นะเคยแต่ตัวเก่า ถ้าขับปกติคนทั่วไปมันไม่ได้ต่างกันมากมายครับ
ต่างที่ดีเซลหนักกว่าถ้าขับสี่อีกก็หนักขึ้นไปอีก ยิ่งถ้ายัดโค้งแรงๆจะรู้สึกแน่นอนเพราะน้ำหนักเยอะและขับสี่ได้เปรียบ
ตัวใหม่คงไม่ต่างก็คงเหมือนๆกัน ผมแนะนำ2.0SPก็พอ ใช้ดีเซลดูแลยาก เสี่ยงน้ำดันอีก
-
เทสแล้วใส่ซองให้ไป 1,000 ครับปกติที่ผมเคยทำ ซื้อไม่ซื้อค่อยว่ากัน ค่าเหนื่อยเอารถมาให้เทส
เวลาเราไปหาเซลส่วนลดเยอะกว่าเราก็สบายใจ เพราะเซลที่เคยเทสได้ค่าเหนื่อยไปบ้างแล้ว
แต่ใส่ซองไป เซลนี่เอาใจใส่ดีขึ้นอีกนะครับที่สังเกต
-
รถ Test Drive ก็คือรถทดลองขับ ชื่อมันบอกอยู่แล้วครับ ไม่มีคำว่าน่าเกลียด
ถ้าคนๆ หนึ่ง เดินมาอกว่าขอทดลองขับใด้ไหม บางทีคนนั้นอาจจะเป็นลูกค้า ณ ตอนนั้น หรือ อนาคต ก็เป็นไก้ ใครจะไปรู้ แต่ถ้าเซลล์ทำหน้าทำตา พูดจาเชิงบ่ายเบี่ยง ไม่เต็มใจ ต่างหาก ที่จะเป็นการไล่ว่าที่ลูกค้าแบบน่าเกลียดๆ เลย
ผมเป็นนึงที่ชอบไป test drive ไม่ว่าจะไปที่ศูนย์บริการ หรือ ตามงาน driving experience ต่างๆ หลายๆ ยี่ห้อ ผมก็ไปเรื่อยๆ ส่วนตัวอยากทดสอบเพื่อเปรียบเทียบ ลองเองดีกว่าฟังคนอื่น บางทีไปย่านที่มีโชว์รูมติดๆ กัน ได้ลองแบบต่อเนื่อง วันเดียว 3-4 คัน 3-4 ยี่ห้อเลยยิ่งดีเลย มันจะจับความรู้สึกต่างๆ ได้ชัดเจนมาก
แล้วการ test drive มีคือการให้ลูกค้าหรือว่าที่ลูกค้าได้ลอง ชอบไม่ชอบ ใช่ไม่ใช่ รถบางคัน บางยี่ห้อ ราคา 1 ล้าน 2 ล้าน ไม่ได้ทดลองขับ แล้วบอกกลับลูกค้าว่า ทางเซลล์ลองมาแล้ว ดี เจ๋ง ท่านลูกค้ารอขับวันรับรถเลย รับรองชอบแน่นอน คิดในใจ
ถ้าตรูไม่ชอบล่ะ? ผมเคยเจอคำนี้ถึงกลับเดินออกจากโชว์รูม ณ ตอนนั้นเลยครั้งนึง
-
อย่ากังวลครับ
อยากก็ลองเลยครับ ถ้าเขาไม่ให้ลองเดี๋ยวก็รู้เอง
นโยบายเขาอยากให้ลองจะแย่
อุตส่าห์ลงทุนยอมเสียรถ 1 คันเป็นล้านเป็นแสน มาเพื่อให้เป็นรถ Test drive ก็เพราะอยากให้คนเขามา Test มาดูว่ารถเขาดียังไง มองภายนอกอาจไม่รู้
มาลองขับดูก่อนได้ ไม่ซื้อไม่ว่าอะไร
ถึงขั้น Test drive วันนี้ รับคูปองเติมน้ำมันฟรี , รับหมอนฟรี, รับกิฟเซ็ทฟรี ก็มีเยอะแยะ
พวกนี้มันเป็นเรื่องของกิเลสส่วนนึง แรกๆว่าจะไม่ซื้อ รูปร่างไม่ลงตัวไม่ชอบภายนอก อคติกับแบรนด์ แต่พอได้ขับเปลี่ยนใจขึ้นมาทันที ---> เยอะแยะ
ดังนั้นโดยหลักการ เขาอยากให้ลองอยู่แล้วตามนโยบาย ไม่งั้นคงไม่มีรถ Test drive ออกมา
ส่วนถ้ายังไม่มี Plan จะซื้อ ไปลองแล้วน่าเกลียดไหม
ผมว่าไม่ เราไม่ซื้อ ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่บอกต่อถึงความดีงามของมัน
ถ้าลองแล้วติดใจ ขับดี ช่วงล่างดี อัตราเร่งดี แม้เราไม่ซื้อ แต่เราเอาก็ประสบการณ์ที่เราได้ลองไปบอกต่อคนที่กำลังจะซื้อกำลังมองๆอยู่หรือคนที่มาปรึกษาเราได้
เขาก็ได้ลูกค้าอยู่ดี เป็นประโยชน์ต่อเขาอยู่ดี
คิดดูว่า ลงทุนเอารถมาเป็น Test drive car 1 คัน ถ้ามีคนลองแล้วติดใจ ซื้อเองหรือบอกต่อแล้วมีการซื้อ แค่ 2-3 คันก็คือว่าคุ้มแล้วครับ เพราะกำไรต่อคัน มันมากกว่าส่วนต่างที่หายไปจากการขาย Test drive car เป็นมือ2ตั้งเยอะ
แถมค่าการตลาดก็ไม่ต้องเสีย ไม่ต้องไปป่าวประกาศตามห้าง ตามสื่อ แค่มี Test drive ให้เขา เป็นอันจบ
บางเจ้าโหมโปรโมท แต่ไม่มี test drive อันนี้ผมว่าอาการหนักกว่าอีก