Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HappyCar ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2018, 22:19:14
-
ถ้าสมมุติเปลี่ยนรถใหม่ทุกๆ 5 ปี เลือกผ่อนแบบบอลลูน
แต่ไม่โปะก้อนสุดท้าย แล้วคืนรถให้ศูนย์ จะคุ้มมั้ยครับ ?
-
ขึ้นกับรถนะครับ
ถ้าเป็นรถพวก ราคา 2 ล้านผมว่าคุ้ม เพราะค่าซ่อมหลังจากนั้นแพง
แต่ถ้ารถถูกๆ ไม่คุ้มเลยครับ
-
ลองหารถเช่าระยะยาวแล้วเทียบดูไหมครับ :o :o
-
ผ่อนแบบบอลลูนมองแล้วคุ้มทางเดียวคือ ผ่อนแบบนิติบุคคลที่เอาไปลดหย่อนภาษีได้
ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาเท่ากับคุณจ่ายค่าเช่าแบบไม่มีส่วนลด ไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆ กับรถคันนั้นเลย คุณจะเข้าสู่วัฏจักรวนเวียนแห่งการเป็นหนี้ตลอดจนกว่าจะหลุดออกจากวงจร
แน่ใจหรือครับว่าค่าผ่อนบอลลูน คุ้มกว่าเช่ารถแบบเหมา ? ถ้าเป็นยี่ห้อที่ไม่มีเช็คระยะฟรี คุณก็ต้องจ่ายส่วนนี้เองด้วยนะ แถมส่วนใหญ่จำกัด กม. ในการคืนรถด้วย
-
แนะนำ มือสอง ดีกว่าครับ
-
ดอกเบี้ยแต่ละเจ้าตอนนี้ผมว่าไม่ใกล้เคียงคำว่าคุ้มเลยครับ
แต่ตอนนี้ BMW มีโปรโมชั่น 0% 4 ปี นะครับ
ผ่อนหมดแล้วขายมือสอง เอาเงินไปดาวน์คันใหม่ก็ได้
-
ตามราคาซากที่เค้าประเมิน มันจะไม่ได้เงินคืนเลยน่ะสิครับ แค่เอาไปลดดาวคันใหม่ได้
ถ้าไม่ทำหักภาษี ผมมองว่าไม่คุ้มซักเท่าไหร่ ราคามันถูกกว่าทำโปรแกรมเช่าแบบ financial lease ที่พวก fleet ทำกันไม่เท่าไหร่เองแบบมีประกันครบๆ
เพราะดอกมันแพงคิดเฉลี่ยออกมา 4.5-6 เลย ข้อดีหลักๆคือมันทำให้คนเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าไม่ซี เปลี่ยนรถทุกเจนอยู่แล้วก็ไม่เสียหายนะ เอาก้อนใหญ่ไปทำอย่างอื่นอาจจะได้ return มาดีกว่า ขึ้นอยู่กับโมเดลด้วย ถ้ารถไม่ใช่ maketable car บอลลูนน้อยไม่คุ้ม
-
คุ้มสิครับ หล่อ เท่ห์ ได้ขับรถใหม่ตลอด มีรถแพงๆขับตั้งแต่หนุ่มๆ ถือว่าเช่าขับ เคยได้ยินคนว่าไว้
แต่ส่วนตัวขอบายดีกว่าครับ เป็นหนี้ซ้ำซาก สุดท้ายไม่เหลืออะไร
-
ผมว่ามันเหมาะสำหรับคนที่อยากได้รถคันนั้นจริงๆมากว่า แบบคันเดียวจบ แต่ไม่อยากผ่อนต่อเดือนมากๆ
ถ้าผมอยากได้ BMW 520 d ราคา 3.8 m ( ขอไม่คิดส่วนลดละกัน )
1. ดาวน์ 25 % 950,000 บาท
2. Balloon 60 เดือน 40,800 2,448,000 บาท
ตอนนี้จ่ายไป 3.4 m แถมยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถคันนี้ ถ้าไม่ปิดยอด Balloon อีก 30 % ประมาณ 1 m ราคารวมกฌจะ up ไปถึง 4.4
( แต่ก็เอาไปขายต่อได้ ) ก็เหมือนจ่ายค่าเช่ารถขับ 60 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 57,000 ที่เสียไปต่อเดือน ถ้าไม่ปิดยอด Balloon
แต่ถ้าคุณ เอาเงิน 950,000 ไปลงทุนให้ได้ปีละ 5 % ( ผมคิดแบบอย่างแย่เลยถือว่าน้อยมากซื้อหุ้นปันผลสบายๆได้เลย )
ประกอบกับ เอาเงินบอลลูนต่อไปมาลงทุนไปกับเงินต้น เป็นดอกเบี้ยทบต้นไป อีก 60 เดือน คุณก็จะมีเงิน 4 m นิดๆ
ซึ่งสามารถซื้อ 520d สดได้เลย (หรือจะผ่อนแบบปกติก็ได้) แถมเหลือเงินอีก 2 แสน นี่ยังไม่นับราคาขายมือ 2 ถ้าเบื่อรถคันนี้อีก
แต่ก็แล้วแต่จะตัดสินใจว่าจะไปทางไหนนะครับ ;)
ส่วนตัวเชื่อในพลังของเวลา และดอกเบี้ยทบต้นมาก ถ้าไม่ติดว่าเส้นทางที่ใช้ประจำนั้นเป็นตจว.สภาพไม่ดี คงซื้อ yaris ativ j มาใช้ละ ;D
-
ดอกเบี้ยคิดแล้วหลายแสนอยู่ครับ ไม่ได้เป็นทรัพย์สินด้วย เช่าใช้หรือทำเป็นเช่าซื้อก็ได้ อยู่ที่สัญญา
ถ้าทำหักบริษัทอาจคุ้ม ได้เป็นค่าใช้จ่ายสูงสุดสามหมื่นหกต่อเดือนต่อคัน แต่เราเสียดอกเบี้ยแพงอยู่ดี
ส่วนตัวผมเลือกซื้อไปเลยครับ ถ้าอยากเปลี่ยนก็ขายเอา ลองดูแล้วยังได้เงินกลับคืนมาเยอะกว่า ดอกถูกกว่า
ต่อให้ติดไฟแนซก็ขายได้ ถ้ามีความจำเป็น เอาไปรีไฟแนซได้อีก เอาเงินมาหมุนได้
ใครรีไฟแนซต้องมั่นใจว่าหาเงินได้นะครับ ไม่งั้นคือเราผ่อนสองทางเลยนะ ทั้งของเดิมของใหม่ จะตายเพราะรถ
-
ถ้าบุคคลธรรมดายังไงก็ไม่คุ้มอย่างแรง มันเหมือนเช่าเค้าขับแถมยังต้องเสียเงินดาวน์อีก
-
ไม่คุ้มครับ งวดสุดท้ายคืนรถให้ศูนย์ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนครับถึงได้แล้วคันต่อไปละ
อย่างผมบอลลูนงวดสุดท้ายขอผ่อนต่อก็ไม่ได้สุดท้ายต้องโปะอย่างเดียว
-
รถบริษัท ใส่เป็นค่าใช้จ่ายหักภาษีเท่านั้นที่จะคุ้ม
-
ผมขอตอบส่วนที่สอง ความจำเป็นมากไหมที่ต้องเปลี่ยนรถทุก5ปี ในเมื่อรถอายุใช้งานนานมาก หลายรุ่น5ปียังไม่เปลี่ยนโฉมเลยเช่นถ้ารถตลาดทั่วไป มาร์ช อัลมีร่า จู๊ค สวิฟ รวมถึงรถปิกอัพทุกยี่ห้อ ถ้าเราเป็นลูกค้าให้คำนึงถึงเศรษฐศาสตร์ให้มากกว่าการตลาด แต่สำหรับผมคนตังส์ไม่มากก็ตั้งไว้ที่10ปีขึ้น แต่ก็จะไม่ให้เกิน15ปี
-
มองในเรื่องเงิน ไม่คุ้มแน่นอนครับ
ถ้ามองเรื่องจิตใจ วัดกันไม่ได้ครับ
รถยุโรปยังไงก็ต้องทำใจเรื่องค่าเสื่อมปีละ 3-600000 บาท ไว้อยู่แล้วครับ
-
ส่วนตัวไม่เอาอ่ะ เป็นหนี้ซ้ำซาก เก็บเงินไว้เก็บงานให้เนี้ยบดีกว่า
แค่คันเดียวก็จะตายแล้ว ตอนไหนหมุนเงินไม่ทันแทบอ้วก ต้องมาพะวงเรื่อยๆ ว่าจะมีปัญหาหรือ จะตกงานไหม
สู้ผ่อนให้หมด แล้วซ่อมตอนอายุเยอะให้จบ เก็บเอาเงินที่ไม่ต้องผ่อน เล่นมือสอง เงินสดไปเรื่อยๆ ดีกว่า
-
สำหรับผม พอกันทีบอลลูน
ลอยไปแล้วไม่ต้องลอยกลับมานะ อิอิ
-
เช่าขับดีกว่าคับ ค่าเช่ากับค่าผ่อน ไม่ต่างกันมาก ไม่ต้องใช้เงินก้อนเยอะตอนแรก แถมเช่าขับเรื่องประกันกับซ่อมไม่ต้องรับผิดชอบ เรื่องรถทอแทนเวลารถใช้ไม่ได้ก็มีให้
-
มันขึ้นอยู่กับสถานะของ เจ้าของกระทู้น่ะครับ
ค่าเสื่อมราคารถมันสูง ถ้าลงทุนกับมันเยอะเงินมันก็หายเยอะ
ถ้าลงทุนกับมันน้อย แล้วเอาส่วนที่เหลือไปทำอย่างอื่นที่มีผลตอบแทนมากกว่ามันก็น่าสนใจ
ส่วนที่เหลือไปทำอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น อันนี้มันขึ้นอยู่แต่ละท่านซึ่งสถานะไม่เหมือนกันมันตอบยาก
ส่วนตัว เคยซื้อสด W204 แล้วขาย ขาดทุน ไป 1,500,000 แล้วไปซื้อสด w205 3.1ล้าน แม่บ้านบอกให้จ่ายสดเลยเค้าคิดแค่ไม่มีภาระ
เวลาจะช้อปกินเที่ยวอะไร จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งตอนนี้ ถ้าขาย W205 เงินจะหายไปทันที่ 1.5 ล้าน
ต่อมา 520d g30 ออกมา ก็เลยขายแคมรี(ซื้อสด)รถเกือบ 5 ปี เงินหาย 9แสน ให้แม่บ้านขับ w205 แทน
เลยวางแผนว่าซื้อ G30 จะขอลองไม่ซื้อเงินสด จะลงทุนให้น้อยที่สุดก็เลยซื้อแบบ บอลลูนครับ จะเอาเงินที่เหลือที่หักจากเงินดาวน์ไปลงทุนต่อครับ
สิ่งที่ได้ตอนนี้ครับ รู้สึกตัวว่ามีภาระ ทำให้ช้อปกินเที่ยวลดลง(ส่วนต่างเอามาผ่อนได้เลย) ส่วนที่เหลืออีก 2ล้าน เอาไปลงทุนครับ ตอนนี้ผลตอบแทนค่อนข้างดีครับ
เอาข้อมูลมาเพิ่มครับ
ราคารถ 3,490,000
ผ่อนเดือนละ 31000 *60 เดือน + 1,000,000(งวดสุดท้าย) + 700,000 เงินดาวน์ ที่จะต้องจ่ายรวม 3,560,000 ครับ
-
ไม่คุ้มครับ
ถึงจะผ่อนถูกก็จริง แต่ก็ต้องเสียดาวน์ เสียดอกเบี้ยมหาโหด ผ่อน 4 ปีแรก เงินต้นลงไปน้อยมาก
หมดครึ่งแรก ไฟแนนซ์จะว่าสนใจจะปิดไหม
- ถ้าปิดก็จบ ลดดอกเบี้ยให้
- ถ้าไม่ปิด ก็เรียกไปทำสัญญาใหม่อีก 4 ปีหลัง เกลี่ยเงินที่เหลือ แล้วคิดดอกเบี้ยซ้ำอีกรอบ
ส่งครบ 8 ปีตามเวลา ราคาจะพอๆกับซี้อรถสองคัน
บอลลูนเหมาะกับพวกรถเช่า ถึงเวลาขายที้งแล้วเอาคันใหม่
ถ้าคืนรถ ไฟแนนซ์ก็หักค่าเสื่อม ค่า #$%^&* สุดท้ายลูกค้าต้องจ่ายเพิ่มอยู่ดี
และขายคืนก็ไม่ง่าย ถ้าสภาพรถไม่ดีเค้าก็ตีไว้ต่ำ นอกจากเอาไปเทิรน์คันใหม่ ก็ต้องผ่อนอีก ไม่จบไม่สี้น
แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ
-
ฟังดูคุ้มนะ แต่กดบวกลบคุณหารแล้วไม่คุ้มอะ ดอกเบื้ย 7%ห้าปีเท่ากับ 35% รถสองล้านดอกเกือบล้านแล้ว
-
ต้องคำนวณดอกเบี้ยที่แท้จริงของแต่ละ package. กันไปครับ ตอบแบบเหมาไม่ได้
ประกอบกับเงินบอลลูนนั้นใกล้เคียงกับราคาขายต่อในอนาคตหือไม่ ในเหมือนการประกันราคาขายต่อให้แล้วคิดเสียว่าเราขายต่อเขาไปในราคาบอลลูน
-
เช่าคุ้มกว่า ราคาพอกัน
-
ถ้าจะมาแนวนี้ ทำเป็น leasing ดีกว่าครับ แต่บ้านเรา leasing ทำได้แต่ นิติบุคคล เท่านั้น