Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: akewizard ที่ มีนาคม 06, 2018, 12:49:46
-
ผมได้ยินคนอื่นพูดกันบ่อยๆ ว่าขับช้าๆแล้วง่วงเลยต้องขับไวๆให้ตื่นตัวตลอดเวลาจะได้ปลอดภัย
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงคิดว่าจะปลอดภัยโดยการขับให้ตื่นเต้นตลอดเวลา แต่ไปเสี่ยงกับความเร็วบนถนนแทน....
(เวลาเจอรถติดๆ ไม่หลับคากลางถนนเลยหรือ?)
ผมไม่พูดถึงเรื่องความเร็วตามกฎหมายก็แล้วกันครับ
แค่สงสัยว่า อาการขับรถแล้วง่วงมันเกิดจากอะไรบ้าง
และมีข้อแนะนำ ทางแก้ไข หรือวิธีป้องกันอย่างไรไม่ให้ง่วง โดยที่ที่ไม่ต้องไปเสี่ยงกับเรื่องอื่นแทนครับ
-
คนที่พูดเขาพูดเล่นหรือเปล่าครับ? บางอย่างก็อย่าไปซีเรียสเกินไปครับ ทุกวันนี้เป็นอะไรกันไปหมด เจอแต่คนเครียดๆ
เค้าอาจะพูดเล่นเอาขำๆเบาสมองก็ได้ครับ บางอย่างก็อย่าไปใส่ใจมากครับ ระวังจะแก่เร็วนะครับ
ส่วนวิธีป้องกันคือ พักผ่อนให้เพียงพอครับ หรือ ถ้าง่วงจริงก็กาแฟครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงก็อย่าฝืนครับ
-
ผมเป็นนะ ถ้าขับไกลๆ ถนนโล่งๆแล้วจำกัดความเร็ววิ่งได้ไม่เกิน 90 ก.ม./ช.ม.
อาจจะเบื่อ ไม่มีอะไรมากระตุ้น ก็เลยจะง่วงครับ
แต่ขยับความเร็วขึ้นเป็น 100 -110 กลับขับไกลๆได้โดยไม่ง่วง 555
โดยส่วนตัว ถ้าขับรถแล้วง่วง ก็หากาแฟหรือของเปรี้ยวกิน ถ้ายังง่วงอีก ก็หาปั๊มจอดนอนครับ หลับแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตื่นมาอีกที จะรู้สึกสดชื่นมากเลยครับ
-
เวลาขับทางไกลยาวๆ เป็นอยู่บ้างนะครับ คือ ต้องขยับความเร็วขึ้นหน่อย และ เร็วกว่าการจราจรนิดนึง พอให้รู้สึกว่าต้องตั้งใจขึ้นนิดนึง จะตื่นตัวดีกว่าขับเนือยๆตามๆตูดกันไป ขับแบบนั้นบางทีมีเหม่อได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น แค่ช่วงสั้นๆ และไม่ได้ฝืนขับเร็วอะไรมากมายนะครับ แค่ไม่ใช่ไหลตามตูดกันไปยาวๆเรื่อยๆ
-
ถ้าวิ่งไกลๆแล้วเป็นทางตรงซะส่วนใหญ่แล้ววิ่งช้า คงง่วงอยู่หรอกครับ แต่ถ้าเป็นโค้งๆไปมา คงแก้ง่วงได้เพราะจะทำให้ไม่น่าเบื่อ ตื่นๆตลอด ของผมนี่ใช้วิธีแวะพักบ่อยหน่อย กินกาแฟ เข้าห้องน้ำ เดินซื้อของในปั๊ม สักพักก็ไปต่อ แต่ถ้าให้ขับไกล5-600โล เหมือนเมื่อก่อนนี่ก็ไม่ไหวแล้วครับ มันจะหลับกลางทางเอา
-
ขับทางไกล ในเส้นทางตจว.ไกลๆ จะมีเป็นอยู่บ้างครับ คือบางทีพอขับๆตามกันมาเรื่อยๆ 100-110 อยู่เลนเดิมตลอด ไม่ได้มีออกซ้ายขวา หรือขึ้นภูเขา ทำให้บางทีรู้สึกง่วง อย่างเส้นทางอีสาน จากโคราชไปขอนแก่นไปอุดร เส้นทางค่อนข้างน่าเบื่อ 2ข้างทางไม่มีอะไรเลย แต่ก็แวะพักๆเป็นช่วงๆกินกาแฟ เข้าห้องน้ำ แต่พอง่วงๆตอนขับ เพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิด มันตื่นตัวขึ้นครับหายง่วงเลยจริงๆ
-
สำหรับผมมันไม่ง่วงหรอก แต่มันไม่มีอะไรให้ดู มันออกแนวๆน่าเบื่อมากกว่า
-
มีอีกวิธีที่ใช้แก้ง่วงได้ผลชะงัดครับ คือให้ปิดแอร์ขับครับ ยิ่งช่วงเดือน มี.ค-มิ.ย นี่สุดๆเลยครับ ตาสว่าง
-
มันไม่ตื่นตัวเลยง่วงครับ ผมเป็นประจำ ขนาดนอนมาเยอะก็เป็น
-
เพราะมันน่าเบื่อครับเลยง่วง ไม่เกี่ยวกับว่าเร็วแค่ไหน ทางตรงๆโล่งๆไม่มีรถ แช่ 150 ก็ยังง่วงได้ แต่ถ้าเป็นทางโค้งขึ้นลงเขางี้ ยังไงก็ไม่ง่วง
-
ถ้าคนทั้งโลกมีขีดความสามารถเท่ากันหมดมันก็คงดีไม่น้อยนะครับ
ผมเองก็คนนึงที่ขับช้าแล้วง่วง เพราะขับเฉลี่ย 120++ มา 30 ปีแล้ว
วิธีแก้ก็หาอะไรสนุกๆทำแหละครับ แต่บางทีมันก็สนุกไม่ออก เพราะไม่มีกลุ่มรถให้มุด ถนนว่างหลายกิโล
ก็ต้องเพิ่มสปีบ้างแหละครับ
บางทีต้องไปตจว.กับพ่อ ผมจะให้พ่อขับเลยครับ
ขับเร็วก็เกรงใจแก
ขับช้า ตัวเองก็ไม่ไหว
แต่หลังๆพ่อบอกว่า ขับๆไปเหอะ ปค่อย่าหวาดเสียวก็พอ
อย่างเวลาผมทำงานที่รีสอร์ทเหนื่อยๆแล้วต้องกลับบ้านในวันนั้น ผมก็มุดเล่นเพื่อตื่นตัวนะ แต่อยากจะบอกว่ามุดไม่ไปไหนเลย มุดไปมุดมา รถนครชัยคันเดิมก็มาจ่อตูด แบบว่ารู้สภาพตัวเองเลย 55555
-
มันไม่ตื่นตัวเลยง่วงครับ ผมเป็นประจำ ขนาดนอนมาเยอะก็เป็น
พอ ๆ กันครับ ขับนาน ๆ จะง่วง ยิ่งผมเป้นคนนอนเยอะเป็นปกติ (เกิน 10 ชั่วโมง/วัน)
เวลาเกิดอาการ ผมจะหาเพื่อนเล่น วิ่งกวดแซงคันที่ขับเร็ว ๆหน่อย เช่น ผมวิ่ง 100 มีคนวิ่งแซง สัก 160 ก็ กดตาม (ช่วงนี้ ร่างกายหลั่งสาร....) แซงเสร็จ ก็ผ่อน..ให้เขาแซงกลับ จบเกมส์ กลับมาวิ่ง 100เหมือนเดิม อยู่ได้อีกเกิน 30 นาที เป็นอย่างน้อย..
-
ผมว่า ขึ้นกับรถด้วยส่วนหนึ่ง คนเราขาดกิจกรรมสักพักก็ง่วงเป็นเรื่องปกติ
สมัยขับรถออโต้ คันไหนคันนั้น ต่ำกว่า 100 สัปหงกตลอด อัดกาแฟ ชา ลูกอมเป็นว่าเล่น ดีที่รอดมาได้
เดี๋ยวนี้มีเกียร์ธรรมดาขับ วิ่ง 80 ถึงชุมพร ถึงเชียงใหม่ ต่อให้อดนอนก็ไม่ง่วงสักนิดครับ แถมโคตรประหยัดน้ำมัน และปลอดภัย
(ครั้งเดียวที่สัปหงกในรถคันนี้ คือนอนน้อย 2 ชม. ติดต่อกัน 3 คืน)
ขึ้นกับแต่ละคนว่ากิจกรรมอะไรที่กระตุ้นให้ตื่นตัวได้ แต่โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยว่า ถ้าไม่ได้ขับรถที่เคมีเข้ากันในทางตรงยาวๆ มันง่วงมาก
-
คิดอะไรอย่าสุดๆครับ คำว่าช้าต้องถามว่าเท่าไหร่ และคำว่าเร็วต้องถามว่าเท่าไหร่
สำหรับผมบนทางต่างจังหวัด 120ถือว่าปกติครับ ต่ำกว่า100ถือว่าช้าครับ ยกเว้นชุมชน
ทีนี้ค่อยคุยกันว่า ขับเร็วอันตรายจริง และขับเร็วเพื่อให้ตื่นตัวเป็นเรื่องไม่จริง
แต่ถ้าไม่ใช่ความเร็วที่ผมบอก ผมถือว่าโลกสวยแล้ว ขอไม่คุย
-
ง่วงครับ ขับทางไกล ล้อค 90กม/ชม เกิดจาก พอนิ่ง นานๆ ระบบประสาทอัตโนมัติ parasympathetic ทำงาน ผ่อนคลาย ใจเต้นช้า กล้าเนื้อคลายตัว เหมือนคล้ายๆจำศีล ง่วงนอนครับ
แต่พอขยับ 130-150up ระบบ Sympathetic ทำงาน กระตุ้น ตื่นตัว เฝ้าระวัง เกร็งกล้ามเนื้อ เลยไม่ง่วง
5555 ผมเดาว่าน่าจะประมาณนี้
-
สำหรับผมไม่ง่วง แต่มันน่าเบื่อครับ..
แต่พักหลังๆขับช้าบ่อยจนเหมือนจะเริ่มชินล่ะ
จนบางครั้งพอขับเร็วซัก 120 กม./ชม. รู้สีกว่ามันเร็วมาก
-
ผมคิดว่ามีความเปนไปได้นะ เพราะผมก้เป็นนะ ถ้าขับเอื่อยๆช้าๆ มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ถ้าขับซิ่งๆ มันตื่นเต้น ทำให้ตื่นตัวตลอดเวลา ก้เลยไมง่วงคับ แค่ก้ต้องมีสติและไม่ประมาทนะคับ ที่ทำให้ไม่ง่วงก้เพราะมันจะต้องใช้สติระแวดระวังตลอดเวลาก้เลยทำให้สมองมันตื่นตัวตลอดเลยคับ และอักอย่างผมเปนคนขับรถเร็วด้วย แต่ถ้าง่วงจิงๆผมก้จะฝืนเอาคับ จะไปหลับเปนอันขาด โชคดีที่เปนคนหลับในไม่เป็นเราะมีสติรุ้ตัวตลอดเวลา ก้เลยประคองมาถึงจุดหมายปลายทางได้คับ
-
ผมว่าแล้วแต่บุคคลครับ
แต่สำหรับผมแล้วขึ้นกับสภาพร่างกายตอนนั้นกับปลายทางว่าไปไหน. หากไปที่ชอบมากก้อคงตื่นเต้น
-
มันราบเรียบ มันเรียบเฉยเกินไปมั้งฮะ
นี่ถ้าได้เจอเหตุการณ์ เฉียด สักครั้ง
ใจจะเต้นแรง ประสาทจะตื่นตัว
หายง่วงเวลาขับไปตลอดกาล....
-
ผมขับจาก กทม-ระยอง ขาไป110-120 ขากลับ95-100
ขากลับรู้สึกว่าเหนื่อยกว่าเยอะแล้วก็ง่วงกว่าขาไปเยอะเลยครับ55555
-
ถ้าง่วงขับยังไงก็ง่วง นอนพักดีดว่าครับ
-
เมียนั่งข้างๆ ยังไงก็ไม่ง่วง
นอกซะจากจะหมดฤทธิ์ หลับไปซะก่อน :-X
แต่เวลาออกต่างจังหวัดผมก็ยืนพื้น 100+ แล้วแต่ความกว้าง สภาพถนน สภาพการจารจร
ถ้า เชียงใหม่ - กรุงเทพ ช่วงหลังเที่ยงคืนก็ 180+ ยาวๆ
-
ผมขับกลางคืนบ่อยมาก ยิ่งขับเส้นทางเดิมๆยิ่งง่วง (ทางแปลกใหม่ไม่ค่อยง่วง)
แต่กลางวันก็ง่วงแต่ไม่ถึงขนาดจะหลับได้
วิธีแก้ จิบกินน้ำ ล้างหน้าบ่อยๆ จอดนอน ไม่ก็ขับเร็วเลยให้มันตื่น
-
จริงแท้แน่นอนครับ ครูผมบอกว่าเวลาขับช้านะครูง่วงมากเลย แล้วบอกด้วยว่าครูเลยเปลี่ยนไปขับเร็วแทนจะได้ไม่รู้สึกง่วง555 ถ้าเป็นพวกทางตรงยาวๆแล้วขับ 90 มันอาจจะง่วงเหมือนกันครับ แต่ถ้าทางโค้งคนเขาคงตื่นตัวกันตลอดเวลาครับ
-
จริงสำหรับหลายๆคน แต่ผมไม่เป็น
บางครั้งขับนานไปอ๊อกซิเจนในห้องโดยสารน้อยเกิน ต้องถ่ายเทอากาศข้างนอกเข้ารถแล้วก็หายง่วงเองครับ ........ แต่ก็เลือกที่จะถ่ายอากาศดีๆนะครับเจอควันเยอะๆจะแย่เข้าไปใหญ่
-
เคยขับบนบุรพาวิถีเข้ากรุงเทพตอน4-5โมงเย็น ตั้งcruise control ที่110 ปรากฎว่าหลับครับ ระบบเตือนการหลับในรถร้องลั่นเลย เพื่อนในรถอีก3คนตกใจกันหมด ต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิดให้เร็วกว่าคันอื่นหน่อย
-
ผมไม่นะ บางทีขับ100+ แต่ทางตรง ๆ ยาว ๆ มืด ๆ ก็หลับใบได้ :P
-
สมัยก่อนไม่มีกล้อง ชลบุรี กทม แปปเดียวถึงไม่เคยมีคำว่าง่วง
ปัจจุบัน 110 บนบูรพาวิถีบอกเลย คำว่าง่วงมันมาเยือนทุกๆ วินาที
จขกท อาจจะไม่เข้าใจ ง่วงอะไรขนาดนั้น แต่ลองได้วิ่ง ช้าๆ สัก 100,000 กม ผมว่ิ่งด้วยความเร็วนี้ตลอด ไม่เคยโดนใบสั่ง
บอกเลยว่าวิ่งช้ามีผลเรื่องความง่วงมากๆ ถ้าได้วิ่งเร็วๆ
คุณจะเขาใจเลยว่า วิ่ง140 มันตื่นตัวมากขนาดไหนคำว่าง่วงตัดทิ้งไปได้เลย
-
เบื่อครับไม่ใช่ง่วง แถมเกะกะรถรอบข้างด้วย
เคยวิ่งดูนะทางยาวๆ รถพ่วงยังแซง เลยช่างมันกลับมาวิ่งแบบเดิมดีกว่า ขับช้าๆค่อยขับในเขตชุมนุมละกันผม
แต่วิ่งยาวๆไม่ไหว เบื่อ แต่ในเขตชุมชนผมขับช้ามากนะ ยิ่งหมู่บ้านหรือซอยนี่ 20 ยาวๆ
-
ผมเป็นครับ ขับต่ำกว่า 120 ง่วงครับ ตอนอยู่ออสขับเต็มที่ไม่เกิน 110 ถนนโคตรโล่งและเรียบ ขับๆไปจะหลับเอาครับ ไม่กล้าเหยียบครับ กลัวโดนจับ ถ้าไปกับแฟนจะให้แฟนขับครับ คือ ไม่ไหวจริงๆครับ
เพิ่มความเร็ว 120-130 กำลังโอเคครับ ไม่ง่วง ผมไม่ใช่คนขับเร็ว ขับมุด หวาดเสียว หรือปาดไปมา ครับ แต่ถ้า ตจว ถนนโล่งหน่อยขอขับเร็วนิดนึงครับ ไม่งั้นง่วงมากกกกกกครับ
-
แต่ก่อนง่วงมาก ขับ 80
พอเปลี่ยนมาขับ ex ชีวิตก็เปลี่ยนไป
เสียงลมเสียงยางดังมากไม่ง่วงเลย 8)
-
ถ้าคันหน้าขับช้าๆ แล้วเราแซงไม่ได้ ติดอะไรซักอย่าง เลยต้องตามแบบช้าๆ (ประมาณ 60 ลงมา)
อันนี้ผมง่วงครับ
แต่ขับเร็วก็ไม่ได้ทำให้ตื่นตัวอะไร
-
บ่ายๆ แดดจ้าๆๆ ผมก็ง่วงเหมือนกันครับ
-
ปกติถ้าขับแล้วง่วง ผมแวะจอดจุดพักรถ หรือ แวะปั๊ม แง้มกระจก ดับเครื่อง นอนเลยครับ
ถ้าจำเป็นต้องขับต่อจริงๆ ก็จัดกาแฟซักแก้วครับ รับรองตื่นยันดึกแน่นอนครับ
ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญครับ ไปถึงจุดหมายช้า ดีกว่าไปไม่ถึงนะครับ
-
ถ้าขับ นิ่งๆ รถโล่งๆ ขับยาวๆ จะความเร็วเท่าไหร่ จะนอนเพียงพอมาอย่างไรผมก็ง่วงครับ
ยิ่งเป็นช่วงบ่าย แดดแรงๆนี่ยิ่งตาจะปิด
แต่พอรถเยอะ แต่เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ กลับตาสว่างทันที
แต่ถ้ารถติดหนึบ เคลื่อนตัวช้าก็จะง่วงอีกครับ แต่ไม่เท่าขับยาวๆรถโล่งๆ ครับ
-
เส้นเหนือ นครสวรรค์เส้นนั้น ขับแล้วง่วงจริง ทางยาวมาก
ก็แก้ปัญหาโดยการขับเร็วเหมือนกัน ซึ่งรถมันโล่งด้วย
-
ขับช้าไม่ง่วงครับ แต่ขับเร็วนี่หลับยาวไปเลยครับ
ไม่จริงครับ มันอยู่ที่สภาพร่างกายเอง ขับเร็วแต่ไม่ไหวมันก็จะหลับเหมือนกัน แถมยิ่งจะเดือดร้อนชาวบ้าน
อยู่ที่ถนนและสภาพแวดล้อมมากกว่าหลังจากที่ขับมานาน ถนนยาวๆ ตรงยาวๆ กลางคืนไม่ค่อยมีรถนี่สิ ง่วงมาก
-
เคยเห็นป้ายเตือน ทางตรงยาวระวังหลับใน ไหมครับ ก็ตามนั้น :D
-
ผมเป็นเหมือนกันครับ โดยเฉพาะตอนขับให้พ่อนั่ง ใช้ความเร็วได้แค่ 100 โดยเฉพาะทางตรง วิ่งข้ามจังหวัด คือปรกติจะขับที่ 110-120 มุดบ้าง แซงบ้างเป็นบางช่วง
-
"อย่าเอาความง่วงมาอ้างให้ได้ขับรถเร็ว"
หน้าที่ของพวกคุณคือดูแลสุขภาพตัวเองให้มันพร้อมขับขี่ โดยไม่เดือดร้อนคนอื่น 8)
-
ขับช้าแล้วง่วง เลยขับเร็วจะได้ไม่ง่วง.... มันไม่ใช่เหตุผลครับ มันเป็น "ข้ออ้าง"
ถ้าง่วงก็จอด พัก นอน ครับ แค่นี้เอง
-
ผมก็เป็นครับ ขับไปไหนมาไหนปกติผมขับเร็วเลยไม่ง่วง หรือถ้าไม่เร็ว แต่มีอะไรเป็นโจทย์บนถนนก็จะไม่ง่วง เช่นรถเยอะต้องแซงไปแซงมา หรือมีโค้งให้เล่น หรือคิดหาตรรกะออกจากเขาวงกตรถกั๊ก
แต่ถ้าต้องขับพาพ่อแม่ท่านเข้ามา กทม. ผมต้องขับไม่เกิน 120 ผมต้องขับไม่เปลี่ยนเลนบ่อย จะเบรคจะแซงต้องนุ่มนวล ผมเลยตัดปัญหาโดยการขับช้าๆ และเว้ยระยะห่างเยอะๆ ซซึ่งมันเวิร์คในแง่ของการขับให้นั่งสบาย แต่เพราะขับแบบนี้มันขับง่ายขึ้น และพอไม่มีโจทย์อะไรให้คิดแก้ปัญหา ก็ขับไปแบบมึนๆทื่อๆ แล้วก็จัง่วงตามมาครับ ผมขับแบบนี้ได้ไม่เกิน 15 นาที ก็จะง่วงทุกครั้ง แล้วพอง่วง ความเร็วจะค่อยๆช้าลง จาก 120 เหลือ 100 เหลือ 80 เจอโค้งที่ต้องเลี้ยวก็จะหักพวงมาลัยช้าลง พอถึงที่ๆต้องเบรคก็จะตอบสนองช้าลง ผมจะพาพ่อแม่ลงข้างทางมา 3-4 ครั้งแล้ว แต่แค่ออกนอกเลนไปคร่อมเลนอื่น หรือไปขับอย่บนไหล่ทาง แล้วตกใจเลยหักพวงมาลัยกลับมาทัน ทั้งๆที่ไม่ได้อดนอน กาแฟก็กินก่อนขับเป็นปกติแล้วครับ
สำหรับผม การขับแบบไม่มีอะไรให้สมองทำงาน (คือมีโจทย์ให้สมองคิดน้อยกว่าปกติ) ทำให้ง่วง และเมื่อขับตอนง่วง ใน 1 ชม. จะออกนอกเส้นทาง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่า การขับเร็ว 1 ชม. ที่ไม่เคยหลุดไปขับคร่อมเลนหรือออกนอกเส้นทางเลนตัวเองเลยครับ
-
ไม่ง่วงนะ แต่มันก็ช้าไปบางที
-
ผมก็เป็นครับ ขับไปไหนมาไหนปกติผมขับเร็วเลยไม่ง่วง หรือถ้าไม่เร็ว แต่มีอะไรเป็นโจทย์บนถนนก็จะไม่ง่วง เช่นรถเยอะต้องแซงไปแซงมา หรือมีโค้งให้เล่น หรือคิดหาตรรกะออกจากเขาวงกตรถกั๊ก
แต่ถ้าต้องขับพาพ่อแม่ท่านเข้ามา กทม. ผมต้องขับไม่เกิน 120 ผมต้องขับไม่เปลี่ยนเลนบ่อย จะเบรคจะแซงต้องนุ่มนวล ผมเลยตัดปัญหาโดยการขับช้าๆ และเว้ยระยะห่างเยอะๆ ซซึ่งมันเวิร์คในแง่ของการขับให้นั่งสบาย แต่เพราะขับแบบนี้มันขับง่ายขึ้น และพอไม่มีโจทย์อะไรให้คิดแก้ปัญหา ก็ขับไปแบบมึนๆทื่อๆ แล้วก็จัง่วงตามมาครับ ผมขับแบบนี้ได้ไม่เกิน 15 นาที ก็จะง่วงทุกครั้ง แล้วพอง่วง ความเร็วจะค่อยๆช้าลง จาก 120 เหลือ 100 เหลือ 80 เจอโค้งที่ต้องเลี้ยวก็จะหักพวงมาลัยช้าลง พอถึงที่ๆต้องเบรคก็จะตอบสนองช้าลง ผมจะพาพ่อแม่ลงข้างทางมา 3-4 ครั้งแล้ว แต่แค่ออกนอกเลนไปคร่อมเลนอื่น หรือไปขับอย่บนไหล่ทาง แล้วตกใจเลยหักพวงมาลัยกลับมาทัน ทั้งๆที่ไม่ได้อดนอน กาแฟก็กินก่อนขับเป็นปกติแล้วครับ
สำหรับผม การขับแบบไม่มีอะไรให้สมองทำงาน (คือมีโจทย์ให้สมองคิดน้อยกว่าปกติ) ทำให้ง่วง และเมื่อขับตอนง่วง ใน 1 ชม. จะออกนอกเส้นทาง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่า การขับเร็ว 1 ชม. ที่ไม่เคยหลุดไปขับคร่อมเลนหรือออกนอกเส้นทางเลนตัวเองเลยครับ
+1 ผมก็ไม่เคยใช้เรื่องง่วงเป็นข้ออ้างในการขับเร็ว ไม่ได้อดนอน กาแฟพร้อม ผมก็ง่วงแบบท่านเลยครับ
-
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ 8)