Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ เมษายน 09, 2018, 21:27:48
-
สวัสดีครับ
ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ
คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง
https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM (https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM)
แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา
https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc (https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc)
อย่าง City ก็มี Sunroof
https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY (https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY)
Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน
คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ
-
สวัสดีครับ
ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ
คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง
https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM (https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM)
แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา
https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc (https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc)
อย่าง City ก็มี Sunroof
https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY (https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY)
Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน
คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ
เดาล้วนๆจากที่เคยไปอินเดีย และมีเพื่อนเป็นอินเดียหลายคน
ที่นู่นคนซื้อแต่รถเล็ก คนทำงานแล้ว ผู้ใหญ่หน่อย ก็มักซื้อรถเล็กกัน ผมไปอยู่ 10 กว่าวันก็เห็นแต่พวกรถเล็กๆแบบนี้แทบไม่เห็นรถใหญ่เลย ขนาดพวก Corolla ยังหายาก เลยคิดว่า รถพวกนี้โจทย์น่าจะเน้นกลุ่มผู้ใหญ่
แต่เมืองไทย รถถูกๆพวกนี้ มีคนซื้อจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก First jobber เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ซื้อเองบ้าง ที่บ้านซื้อให้บ้าง รถพวกนี้จึงทำภายในสีดำและไม่ค่อยใส่ลายไม้ (เพราะเดี๋ยวดูแก่) และมักจะไม่ค่อยเจอว่ามีแอร์หลังเพราะมักขับคนสองคน
เดาล้วนๆนะครับ จากที่สังเกต
-
ปกติครับ เรื่องพวกนี้อยู่ที่วิจัยการตลาดของ Local ครับ ค่านิยมแต่ละประเทศไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
-
ว้าวยาริส มีเบาะปรับไฟฟ้าด้วย จริงๆของไทยตัวท๊อปก็น่าจะให้นะเด๊วนี้ต้นทุนไม่น่าแพง ::)
-
เหมือนที่อินเดีย บ้านเค้าจะนิยมเกียร์ MT มากกว่าใช่ไหมครับ
ดูจากขนาดรุ่น Top line ยังมีเกียร์กระปุกให้เลือก
-
ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า
เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ
-
ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า
เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ
เห็นด้วยครับ ภาษีอาจจะเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจกำหนดต้นทุนในการผลิต
-
ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า
เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ
เห็นด้วยครับ ภาษีอาจจะเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจกำหนดต้นทุนในการผลิต
ในไทยคงต้องหวังพึ่งภาษี Eco car กับ Hybrid อย่างเดียวเลยนะครับ
สวัสดีครับ
ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ
คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง
https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM (https://www.youtube.com/watch?v=uuD0SIGksAM)
แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา
https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc (https://www.youtube.com/watch?v=Tz9PhUM8Htc)
อย่าง City ก็มี Sunroof
https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY (https://www.youtube.com/watch?v=R2JZcgbK0YY)
Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน
คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ
เดาล้วนๆจากที่เคยไปอินเดีย และมีเพื่อนเป็นอินเดียหลายคน
ที่นู่นคนซื้อแต่รถเล็ก คนทำงานแล้ว ผู้ใหญ่หน่อย ก็มักซื้อรถเล็กกัน ผมไปอยู่ 10 กว่าวันก็เห็นแต่พวกรถเล็กๆแบบนี้แทบไม่เห็นรถใหญ่เลย ขนาดพวก Corolla ยังหายาก เลยคิดว่า รถพวกนี้โจทย์น่าจะเน้นกลุ่มผู้ใหญ่
แต่เมืองไทย รถถูกๆพวกนี้ มีคนซื้อจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก First jobber เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ซื้อเองบ้าง ที่บ้านซื้อให้บ้าง รถพวกนี้จึงทำภายในสีดำและไม่ค่อยใส่ลายไม้ (เพราะเดี๋ยวดูแก่) และมักจะไม่ค่อยเจอว่ามีแอร์หลังเพราะมักขับคนสองคน
เดาล้วนๆนะครับ จากที่สังเกต
แสดงว่าคนอินเดียมีอายุมีปัญญาซื้อรถแพงๆ แต่เขาไม่ซื้อกันและมาเลือกรถที่ราคาไม่สูงมากแต่ option ดี ใช่ไหมครับ
หรือเพราะว่าถนนของเขาไม่ดี ขับรถแพงๆ ไม่คุ้ม
-
เท่าที่จำได้ ที่นั่นนิยมรถเล็กเพราะถนนที่นั่นตรอก,ซอยเล็กๆเยอะครับ รถใหญ่เข้าไม่สะดวกเท่าไหร่ แล้วรถเล็กมันมุดสะดวกกว่าเวลารถติด การจราจรที่นั่นเรียกว่าจราจลเลยดีกว่าถ้าเป็นในเมือง คนซื้อรถ C-D Segment นี่ก็เป็นระดับคนมีเงินพอสมควรหรือผู้บริหารระดับสูงหน่อยแล้ว หมู่บ้านคนมีเงินถึงจะเจอรถ C-seg ขึ้นไปครับ
-
ประเด็นคือมีให้เยอะกว่าแต่ขายราคาเท่ากันนี่น่าคิดเลยนะครับ แต่ถ้าขายแพงกว่าก็ปล่อยเขาไป 555
-
ข้อสังเกดอีกอันนึงคือรถจะโหลดสูงกว่าบ้านเราเพราะลูกระนาดที่อินเดียขับรถธรรมดาๆก็ขูดได้
-
การแข่งขันสูงกว่าบ้านเราด้วยมั้งครับ อย่าง h กับ t ในจีนยังให้ออฟชั่นมากกว่าบ้านเราแล้วขายในราคาถูกกว่าได้เลย แต่มาบ้านเรา เจ้าตลาดไม่ต้องดิ้นลนแข่งขันกันมากเหมือนที่จีนออฟชั่นก็เลยอย่างที่เห็น+ติ่งเจ้าตลาดบอกใส่ออฟชั่นหรูๆล้ำๆมาทำไมเสียแล้วซ่อมยากต้องออฟชั่นน้อยๆ ซ่อมง่ายๆ ทนๆ นี่ล่ะถึงถูกใจสาวกเจ้าตลาด
-
ผมคิดว่า ด้วยสภาพสังคม เศรษฐกิจ รายได้ต่อหัวของประชากร(PPP น้อยกว่าไทยประมาณ 2.5เท่า) ทำให้เป้าหมายกลุ่มลูกค้าของ B-Seg ต่างจากบ้านเรา กล่าวคือ B-Seg บ้านเราจะเป็นรถของคนที่พึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เป้าหมายของคนที่เริ่มประสบความสำเร็จในชีวิตการงานจะเริ่มที่ C-Seg ขึ้นไป(หรือรถที่ราคาเทียบเท่า) ซึ่งเป็น Class ที่เริ่มจะแสดงความหรูหราออกมา ส่วนอินเดียรถของคนที่พึ่งเริ่มตั้งต้นชีวิตจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือ A-Seg ส่วน B-Seg จะเป็นรถของคนที่เริ่มมีเงินในอีกระดับ ไม่แตกต่างเมื่อเทียบไทยกับประเทศเจริญแล้ว ที่รถ Standard จะเป็น D-Seg (ไม่รวมประเทศเจริญขนาดเล็กๆที่ระบบขนส่งสาธารณครอบคลุม)
บ้านเรารถมีราคาแพงมาก(เมื่อเทียบกับรายได้)และรถเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคม A-Seg ไม่ได้รับการยอมรับ ถึงราคาถูกก็ขายไม่ได้ ตัวเริ่มต้นเลยเป็น B-Seg(ทั้งแท้และที่สวม Bเป็นA) B-Seg เลยไม่จำเป็นต้องหรู แต่ต้องออกแนวทันสมัยโฉบเฉี่ยว ไม่ได้ใช้กันหลายคน อีกอย่างบ้านเราใช้กระบะพอๆกับเก๋ง(ราคาอยู่ในช่วง B-C Seg)
ใครเคยไปอินเดียจะทราบว่า ประเทศเขาคนแยอะและยังลำบากอยู่มาก แต่คนมีเงินคือแบบว่ารวยมาก ตลาดมหึมาแต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยราย รถขนาดเล็กราคาประหยัดจึงตอบโจทย์ของตลาดที่นี่ B-Seg จึงเริ่มเป็นรถฟุ่มเฟื่อยเลยต้องจัดเต็ม บริษัทรถเขาต้องศึกษาและสำรวจตลาดเป็นอย่างดีก่อนทำรถออกมาขาย(ยกเว้นไม่เก่งมองตลาดไม่ขาด) อย่างปัจจุบันคนไทยเริ่มไม่ตอบรับรถที่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานไม่จัดเต็ม(ถุงลม/ระบบควบคุมการทรงตัว) ระบบเหล่านี้จึงเริ่มไปอยู่ในตัวเริ่มต้นของรถขนาดเล็ก สมัยก่อนถ้าไม่ใช่ตัว Top ของ C/D ยังไม่ได้เลย
-
อะหือ ยารีส แอร์หลัง(หลังคา)เท่ส์สุดๆ...
-
แล้วแต่ความต้องการของตลาดด้วยนะครับ รวมทั้งนโยบายที่เอิ้อของภาครัฐ
-
โอ้โหเห็น City ตัวท๊อปเกียร์ธรรมดา แล้วอยากได้เลย
-
ผมคิดว่า ด้วยสภาพสังคม เศรษฐกิจ รายได้ต่อหัวของประชากร(PPP น้อยกว่าไทยประมาณ 2.5เท่า) ทำให้เป้าหมายกลุ่มลูกค้าของ B-Seg ต่างจากบ้านเรา กล่าวคือ B-Seg บ้านเราจะเป็นรถของคนที่พึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เป้าหมายของคนที่เริ่มประสบความสำเร็จในชีวิตการงานจะเริ่มที่ C-Seg ขึ้นไป(หรือรถที่ราคาเทียบเท่า) ซึ่งเป็น Class ที่เริ่มจะแสดงความหรูหราออกมา ส่วนอินเดียรถของคนที่พึ่งเริ่มตั้งต้นชีวิตจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือ A-Seg ส่วน B-Seg จะเป็นรถของคนที่เริ่มมีเงินในอีกระดับ ไม่แตกต่างเมื่อเทียบไทยกับประเทศเจริญแล้ว ที่รถ Standard จะเป็น D-Seg (ไม่รวมประเทศเจริญขนาดเล็กๆที่ระบบขนส่งสาธารณครอบคลุม)
บ้านเรารถมีราคาแพงมาก(เมื่อเทียบกับรายได้)และรถเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคม A-Seg ไม่ได้รับการยอมรับ ถึงราคาถูกก็ขายไม่ได้ ตัวเริ่มต้นเลยเป็น B-Seg(ทั้งแท้และที่สวม Bเป็นA) B-Seg เลยไม่จำเป็นต้องหรู แต่ต้องออกแนวทันสมัยโฉบเฉี่ยว ไม่ได้ใช้กันหลายคน อีกอย่างบ้านเราใช้กระบะพอๆกับเก๋ง(ราคาอยู่ในช่วง B-C Seg)
ใครเคยไปอินเดียจะทราบว่า ประเทศเขาคนแยอะและยังลำบากอยู่มาก แต่คนมีเงินคือแบบว่ารวยมาก ตลาดมหึมาแต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยราย รถขนาดเล็กราคาประหยัดจึงตอบโจทย์ของตลาดที่นี่ B-Seg จึงเริ่มเป็นรถฟุ่มเฟื่อยเลยต้องจัดเต็ม บริษัทรถเขาต้องศึกษาและสำรวจตลาดเป็นอย่างดีก่อนทำรถออกมาขาย(ยกเว้นไม่เก่งมองตลาดไม่ขาด) อย่างปัจจุบันคนไทยเริ่มไม่ตอบรับรถที่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานไม่จัดเต็ม(ถุงลม/ระบบควบคุมการทรงตัว) ระบบเหล่านี้จึงเริ่มไปอยู่ในตัวเริ่มต้นของรถขนาดเล็ก สมัยก่อนถ้าไม่ใช่ตัว Top ของ C/D ยังไม่ได้เลย
เห็นด้วยกับท่านนี้ครับ
จากประสบการณ์ที่เคยไปทำงานที่อินเดีย (อุตสาหกรรมรถยนต์) และมีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวอินเดีย นั่งตรงข้ามกันในออฟฟิศ
จริงอยู่ราคารถในอินเดียถูกกว่าประเทศไทยครับ แต่รายได้ประชากรเฉลี่ยแล้วเขายังสู้ไทยไม่ได้ครับ
(แต่ขนาดเศรษฐกิจรวมอินเดียใหญ่กว่าไทยมาก)
รถที่รายได้พอจับต้องได้คือ A segment ครับ ส่วน B-segment คือระดับชนชั้นกลางที่ประสบความราวๆ young executive หรือ junior manager บ้านเขาครับ
รถ B-segment คือตลาดขายดีและแสดงความภูมิฐานของชนชั้นกลางที่ประสบความสำเร็จในอินเดียครับ
เพราะฉะนั้นรถกลุ่มนี้จึงมีความคาดหวังของยอดขายในอินเดียมากครับ ออฟชั่นแปลกๆที่มีในรถหรูจึงมาลงในรถระดับนี้กันครับ
เพื่อทำตลาดแย่งลูกค้ากันครับ
ส่วน C-segment กับ D-segment ถือเป็นรถสำหรับกลุ่มคน high profile อีกระดับนึงครับ (อันนี้เพื่อนร่วมงานบอกมา)
สังเกตได้ว่าขนาดเว็บไซต์รถเช่าใน India เช่นพวก Avis, Budget ฯลฯ จะจัดให้กลุ่ม Altis Civic เป็นรถ Luxury segment น่ะครับ
หรือคิดง่ายๆกว่ากลุ่ม D-segment บ้านเราทำไมออฟชั่นหรูจัง?
ในขณะที่ USA รถ Camry Accord Teana(Altima) กระจกหูช้างยังพับมือ ไม่มีคันไหนเบาะหลังปรับเอนไฟฟ้า หรือไฟตัดหมอกก็อยู่ในรุ่นท็อปมากๆ เลยครับ
ก็เพราะใน USA เขามอง D-segment แบรนด์ญี่ปุ่นเป็นรถตลาดบ้านๆ ครับ จึงไม่ผลักดันทำตลาดใน position รถหรูดูแพงแบบโซนบ้านเราครับ
มันอยู่ที่มุมมอง รายได้ ค่านิยม การใช้รถของคนแต่ละประเทศครับ
-
อันนี้ไม่แน่ใจนะ
รู้แต่อินเดียระบบแอร์ จะเป็นออฟชั่นพิเศษอ่ะครับ
ไปที่ ตจว อินเดียมา ส่วนมากที่เห็นก็เป็นรถเล็ก ถ้าเป็น suv ก็หรู ๆ เลย 8)