Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: DavidS ที่ เมษายน 29, 2018, 19:13:02
-
จำได้ว่า 3-4 ปีก่อน อ่านข่าวผู้บริหารใหญ่ toyota บอกว่า รถไฟฟ้ายังอีกยาวไกล บริษัทเน้นไปที่ไฮบริดเป็นหลัก และ fuel cell แต่ตอนนี้ชัดเจนว่า รถพลังงานไฟฟ้ามาแน่ๆ และเหมือนว่า nissan จะมาแรงกว่าเพื่อนเพราะทุ่มทางนี้มานาน และเหมือนโดนสกัดไม่ให้ leaf เข้าไทยแบบสบายๆ
หลังจากนั้น toyota มีข่าวไล่ซื้อโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และร่วมมือกับ toshiba ในเรื่องพัฒนาแบตเตอรี่
ถือว่า ช้ากว่าเพื่อนไหมครับ ดูเหมือนว่า honda ยังไปไกลกว่าในเรื่องนี้
-
Toyora ร่วมกับ Tesla พัฒนารถ EV นานแล้วครับ
ส่วนทำไม ถึงไม่ launch รถ EV ในแบรนด์ toyota นั้น ส่วนหนึ่งผมว่า hybrid ยังไปได้อยู่ และ toyota เอง ก็ลงทุนกับ hybrid เยอะ
แต่ผมเชื่อว่า toyota เขามี plan อยู่แล้วเรื่อง EV
-
ทุกวันนี้ ส่วนแบ่งการตลาด EV ยังห่างไกล จาก กลุ่ม ที่ Toyota ทำกำไรอยู่นะสิครับ
แต่การแข่งขัน คน เข้มข้น ขึ้นเมื่อ รถ สันดาป หมดยุค แต่ ก็ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ครับ
แค่ถอดเครื่องยนต์ออกไป เอาแบตกับ
เค้าก้มีเหตุผลที่จะยังไม่ทำในตอนนี้นั่นละ
ไม่ต้องว่า Toyota หรอกครับ
ค่ายรถอื่นๆ ก็ยังไม่ค่อยขยัยสักเท่าไหร่ แต่เริ่ม กันหมดแล้ว
ตอนนี้ มีไม่กี่ค่ายที่ลุย EV
Toyota ก็ช้ากว่าชาวบ้านแบบนี้ละครับ
-
ของปกติยังขายดีจะรีบเข็นของใหม่ออกมาทำไม
แต่ ev คงอยู่ระหว่าง R&D อาจจะมีคันจริงเตรียมไว้แล้วก็ได้ใครจะรู้
ถึงยุคไฟฟ้าก็เปิดตัวได้เลย
-
ผมมองว่า ถ้าพี่ใหญ่อย่างพี่โต พูดว่าจะทำรถ ev
เค้าอาจจะกลัวว่า ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ ชะลอการซื้อไปก่อน
พูดง่ายๆ คือ ขืนพูดเยอะ ไอ้ที่ทำผลิตอยู่ทุกวันนี้ จะขายลำบาก
มโนนะครับ
หรือยังคิดว่า อนาคต คือ รถไฮโดรเจน อยู่ก็ไม่รู้
-
1.ระบบไฮบริดปัจจุบันของโตโยต้าปัจจุบันยังดีอยู่
2.โตโยต้าคงใช้เวลา R&D และทดสอบจนแน่ใจว่ารถไฟฟ้าที่ทำออกมาจะดี และไม่มีปัญหาน้อยจริงๆ
ทุกวันนี้อะไรก็เปลี่ยนแปลงไวครับ เคยพูดไว้อย่างหนึ่ง แต่สถานการณ์เปลี่ยน กลยุทธ์ก็ต้องเปลี่ยนไปตามครับ
-
ทำไมผมคิดว่า โตโยต้า ทำรถ EV สำเร็จแล้วเหมือนยี่ห้ออื่น เพียงแต่เค้ายังไม่คิดจะนำออกมาขายในปัจจุบันไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม
-
ส่วนตัวผมว่า Toyota เป็นผู้นำครับ นอกจากนี้ยังพัฒนา Fuel Cell เผื่อ trend เปลี่ยนด้วยครับ
-
ผมว่า Toyota มี Product อยู่ในมือแล้วล่ะ แต่คงกำลังมองอยู่ว่าจะขายใคร
"ใคร" ในที่นี้หมายถึงภูมิภาคที่พร้อมสำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าแล้ว มีสาธารณูปโภค รองรับในระดับหนึ่งแล้วเช่น มีแหล่งผลิตไฟฟ้าเพียงพอ มี Station ชาร์ตไฟเพียงพอแล้ว
อย่างในไทย น่าจะอีกหลายปีกว่าจะใช้รถ EV วิ่งตามท้องถนนแบบรถปกติได้
-
ระดับ toyota เขาคิดไว้แล้วแต่คงให้เจ้าอื่นเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันไปก่อน ดู tesla ป่านนี้ยังหากำไรไม่เจอ งานนี้ไม่ได้บอกว่าใครช้ากว่าต้องเสียเปรียบนะครับ เอาง่ายๆ ตอนนี้ถ้าพี่โตเอา ev มาขายผมก็ยังไม่ซื้ออยู่ดี น้ำมันก็ยังมีอยู่อีกหลายสิบปีขับไฮบริดไปก่อนสบายจะตายไม่ต้องห่วงไฟหมด
-
ขึั้นกับมุมมองครับ :o
Q:ถ้าจะมองว่าตลาดเค้าเริ่มมาแล้ว ยี่ห้ออื่นออกรุ่นขายเป็นจริงจังกันแล้ว
โตต้ายังไม่เห็นมาขายบ้างเลย
A:ก็ช้าจริงครับ
Q:ถ้ามองว่าคนซื้อ พร้อมซื้อใช้งานทดแทนรถคันเดิม
ใช้งานได้อย่างสบายใจ เชื่อมั่นเต็มที่
A:อันนี้ผมว่าตลาดยังไปไม่ถึงจุดนั้น ยังเพิ่งเริ่มต้น
Q:ในแง่ของการพัฒนาเทคโนฯ EV
A:หลายๆท่านตอบไว้แล้ว ถือว่าเร็วเลยหละในการเข้าวิจัย EV
--------------
ตราบใดเทคโนฯแบตยังไม่สามารถชาร์จได้เร็วพอ
พอที่จะทดแทนเวลาของการเติมน้ำมันได้ มันก็ยังไม่สามารถใช้ได้อย่างทั่วไป
(ยังคงเป็นรถที่ใช้เฉพาะเมือง หรือการเดินทางที่วางแผนได้มากกว่า)
ช่องว่างระหว่างยุค EV ก็คือ E-power นี่หละครับ
จนกว่าเทคโนฯแบตจะตามมาทัน ถึงจะเป็น EV เต็มตัว
อย่าง C-HR ตัวไฮบริดนี่ผมยังคิดเล่นๆเลย ในตัวมันมี inverter แล้ว
อาจจะมีชุด kit เครื่องพร้อมมอเตอร์แปลงเป็น e-power ในอนาคตก็ได้ ฮา ;D ;D ;D
(เพราะส่วนอื่นๆมันรองรับไฟฟ้าอยู่แล้ว)
-
ผู้บริหาร Toyota บอกว่าถ้ารถไฟฟ้ามาเร็ว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่แค่ไหนก็เจ๊งได้เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่หันไปผลิตรถไฟฟ้าก็ยังต้องผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับรถยนต์เครื่องสันดาปที่ขายไปแล้ว ยิ่งบริษัทใหญ่ยิ่งมีตัวถ่วงมาก ผู้ผลิตรายใหม่ไม่มีของเดิมเป็นตัวถ่วงสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายกว่า ดังนั้นผู้ผลิตรถยนต์รายเก่าจึงต้องหาทางทำให้รถไฟฟ้ามาให้ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ รถไฮบริดคือทางเลือกหนึ่งที่จะชลอรถไฟฟ้าให้มาช้าลงและยังคงรถยนต์แบบสันดาปต่อไปได้ อย่างน้อยก็ต่อลมหายใจได้เป็นสิบปี
-
ผมว่าถ้ามานี่คงมาตอนที่ระบบพื้นฐาน ปล๊กไฟชาร์จเร่งด่วนแพร่หลายแล้วมากๆ เทคโนโลยีนิ่งแล้ว ไม่ใช่ benz, bmw, tesla ก็คนบะแบบ
ถ้าพี่โตเค้ามาตอนที่ทุกเจ้าใช้ปลั๊กแบบเดียวกัน และที่ชาร์จทั่วถึง ตอนนั้นถ้าพี่โตปล่อยของออกมาพร้อมแบตโซลิตเสตจ คงขายดีระเบิดเถิดเทิง
-
คิดว่าไม่ช้าครับ
-
คิดว่า เค้าคิดดีแล้วที่ไม่ทำ ev ตอนนี้
แต่ทำ hb แทน
เชื่อว่า เค้าคงแก้ปัญหา เรื่องระยะทาง ต่อการชาร์ท และราคาแบตยังไม่ได้
เพราะถ้าทำรถ hb ได้ดีขนาดนี้
Ev มันก็แค่ขนมหวานอ่ะนะ
ถ้าคิดจะทำ
-
อีก 5 ปี บางประเทศในยุโรปจะให้หยุดจำหน่ายรถที่มีเครื่องสันดาป
และมีข่าวโตกับมาสด้าร่วมมือกันผลิต ev จำหน่ายในสหรัฐในปี 2021
ถามว่าช้ามั้ย ก็คงไม่ แต่ต้องรีบมั้ย คงไม่จำเป็น ถึงเวลาเค้าก็มีรถขายเองแหละครับ อย่างที่หลายคนบอก ยังมีเวลาให้พัฒนาอยู่
รถ ev ตกรุ่นเร็วกว่าเครื่องสันดาปนะ ราคาขายต่อก็ตกมากเพราะเทคโนโลยีก้าวไปเร็ว ถ้ายังไม่มีระบบเปลี่ยนแบต คนก็เลือกซื้อรถใหม่มากกว่ามือสอง รถที่คลอดมาตอนนี้อาจจะขายได้ไม่เท่าไหร่แต่ลำบากตรงต้องดูแลลูกค้านี่แหละ รอถึงยุค ev จริงๆอาจดีกว่า
ปล. นิสสันเองทั้งผลักดันทั้งบุกเบิกเรื่อง ev ในไทยตั้งนาน ให้รถไปวิ่งทดสอบหลายคัน สุดท้าย leaf รุ่นก่อนยังไม่ได้ขาย รุ่นใหม่ก็ไม่รู้จะได้ขายมั้ย
-
ช้าคือยังไงหรือครับ ในเมื่อคำตอบของคำถามนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามาเมื่อไรมากกว่า ไม่ใช่มาแน่แบบที่คุณคิดเพราะทุกคนก็รู้ว่ามาแน่ๆ เหมือนกันหมด
การเตรียมการก่อนแต่ยอดขายยังไม่มา ก็ถือเป็นต้นทุนนะครับ มันไม่มีใครรู้ว่า ev จะมาเมื่อไร ดังนั้นคำตอบมันจึงเป็นเรื่องของอนาคต ทำได้แค่วิเคราะห์ครับ
-
ตั้งแต่ Tesla บูมนี่ รู้สึกมีแต่คนห่วง Toyota ว่าจะเหมือน Kodak Nokia
ไม่รู้ห่วงหรือถากถางก็ไม่รู้
ที่ผ่านมา Toyota ก็ได้แบรด์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ 1 มาตลอด
EV ก็เคยทำมาแล้ว ก่อนชาวบ้านชาวช่องเสียอีก
ผมว่าเขารู้อะไรดี ว่าอะไรพร้อมไม่พร้อม รู้ว่าเมื่อไหร่ควรลงมาเล่น
Tesla ต่างหากที่น่าห่วง ถ้าใครตามข่าวต่างประเทศจะรู้ดี
เพราะทำกำไรไม่ได้เลย ผลาญเงินเล่นทุกชั่วโมง
การผลิต Model3 ก็เข้าขั้นวิกฤต
ดันไปไล่คนงานออก เพื่อจะได้ใช้หุ่นยนต์ผลิตแทน
แต่ตรงกันข้าม เพราะหุ่นยนต์ควบคุมคุณภาพการผลิตแทนคนไม่ได้เลย สุดท้ายก็ออกมายอมรับ
ไหนจะเรื่องอุบัติเหตุ จาก autopilot อีก
แบนด์รถไฟฟ้าจากจีน ยังน่าจับตามองมากกว่า
-
Toyotaถือหุ้นTeslaอยู่30% ไม่น่าเป็นห่วงเลยครับ ได้กับได้
Mazdaตะหากน่าเป็นห่วง ยังพัฒนาsky-xกันอยู่เลย
-
พฤหัสที่แล้ว น่าจะซึ้งแล้วว่า ถ้าพายุเข้ารถติดสาหัส3ชม.ขึ้น
น้ำท่วมสูงเกินแข้ง เดินทาง5ชม.ถึงบ้าน รถใส่ถ่านคงไม่รอด หรือต้องปิดแอร์เช็ดกระจกฝ้าเอาเอง
จะหาที่อัดไฟที่ไหนทัน แถมป้ายรถเมล์ถล่มอีก
ลืมไปว่าคนจนซื้อรถใส่ถ่าน ไฮบริดไม่ได้ ต้องโหนรถเมล์ นั่งวินแมงไซด์ ผ่อนรถตลาดถูกๆเท่านั้น เดี๋ยวนี้ไม่ถูกแล้วเงินเฟ้อขนาดไหน
หรือมือสองขับไปซ่อมไป ป้ายแดงหรูคนรวยถึงมีสิทธิ์ ฉะนั้นไม่มีคำว่าสายไป เพราะสามห่วงขายคนจนเป็นหลัก แท็กซี่ล้านหกยังผ่อนไหว
ถ่านที่ใส่รู้รึเปล่าว่าต้องใช้ แร่หายาก มาทำยุ่นเพิ่งเจอเหมืองใต้ทะเล แต่ก่อนง้อจีนแดง แอฟริกา กลัวไม่ขายให้
มือถือ อุปกรณ์ใส่ถ่านลิเธี่ยมที่ใช้ทิ้งขว้างล้วนต้องใช้แร่หายากทั้งสิ้น เพราะยังหาแร่หาง่ายมาทำไม่ได้ แพงมากด้วย
ถ้าโลกสวยเพราะรถไม่พ่นไอเสีย คงเป็นเรื่องตลกเพราะเบื้องหลังการได้มาก็สร้างปัญหาไม่แพ้กัน ดีไม่ดีมากกว่าด้วย
เขาควาย ถามจริงมีอะไรเป็นของตัวเองจริงๆบ้าง นับให้ดูหน่อย เจ้าแรกไม่ได้ทำจรวด แต่มาซื้อไปทำทีหลัง
ส่วนที่บางคนเพ้อว่า
รถน้ำมันชิ้นส่วน สามหมื่นชิ้น โหนับแหวนรองน็อตด้วยแหง
รถใส่ถ่านมีแค่แปดชิ้น ทำตัวเป็นหนังเร่ขายยาไปได้ ลูกไม้เก่ายังใช้ได้เสมอ ถ้าคนรู้ไม่ทัน หรือหูเบา
ถ่านหนักครึ่งตัน ใส่ไปกี่พันก้อน เชื่อมด้วยวิธีใดไม่นับ
มอเตอร์พันลวดไปกี่รอบ แม่เหล็กกี่ก้อน ชนิดไหน ไม่บอก ขนาดแอมป์หลอดพันลวดเงินกี่รอบยังไม่บอกเลย ความลับ
อินเวอร์เตอร์ เกียร์ เบรค ถามจริงนับยังไงแค่สามชิ้น
แอร์dcอีก ระบบไม่ซับซ้อนเลย ง่ายกว่าแอร์บ้านซะงั้น
นี่ถ้าสามห่วงบอกพร้อมแล้ว ชนิดบอกเลิกศาลาน้ำมัน เกรงว่ายี่ห้อที่อวยๆกันจะเจ๊งก่อนถึงวันที่ว่า
ขนาดมีครบวงจร ยังต้องให้แน่ใจก่อน แล้วพวกซื้อเขามาใส่ ยืมจมูกคนอื่นหายใจจะไหวเหรอ
แล้วเรื่องกำจัดพิษจากถ่าน ไม่เห็นยี่ห้อไหนออกมาแจ้งเลย งานช้างกว่าบังคับรถให้เป็นยูโร6อีก
แค่ที่ทิ้งขยะ กทม พัทยา ภูเก็ต คนไทยยังไม่เคยเห็นเยอะมาก ลองนึกง่ายๆแค่พื้นที่ครึ่งนึงของที่ทิ้งในกทม.
เป็นถ่านพิษพวกนี้ทั้งหมด แค่ปรอท ตะกั่ว แก็สพิษ ที่รั่วไหลออกมาลงดิน ลอยไปในอากาศจะแย่ขนาดไหน
แถมติดไฟได้ด้วย ถ่านระเบิดหนักกว่ามือถือระเบิดเยอะมาก ตอนนี้มีแต่ข่าวไฟไหม้ โทษระบบอัดไฟยัน
-
เขาชอบกลืนน้ำลายตัวเองครับ สไตล์กัก แต่แอบทำ นิสัย
-
ถ้าบอกว่าแบตใช้วัตถุดิบที่หมดได้ น้ำมันก็หมดเหมือนกัน
ถ้าบอกว่าแบตเป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม แล้วรถไฮบริดมีมาตั้งหลายปีทำไมเค้าจัดการกันได้
ผมว่าเทคโนโลยีมันก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยนั่นแหละครับ อย่ากังวลเกินไป หมดยุค EV ก็คงมียุคอะไรต่างๆตามมา เราจะตามเมืองนอกทันมั้ยหรือย่ำอยู่กับที่ก็ยังไม่รู้ อย่างโรงไฟฟ้าหมดยุคนิวเคลียร์เค้าก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น บ้านเราอาจจะยังซื้อไฟฟ้าอยู่เพราะกลัวเทคโนโลยี (แต่อากาศเป็นพิษไม่กลัว)
-
มาแน่ครับ รถไฟฟ้าคงอีก 1-2 ปี แต่ที่เห็นแก้ขัดไปก่อนที่จีน ก็ส่งรุ่น Plug in Hybrid มาทำตลาด
(https://www3.autoimg.cn/cardfs/product/g24/M04/52/37/1024x0_0_autohomecar__wKgHIVrgaeuATvUyAAMlhC763u8076.jpg)
-
ไม่แน่ใจว่าช้ากว่าคู่แข่งมั้ยนะครับ แต่ไม่สายเกินไปแน่ๆครับ
-
เหมือนถามเด็กเรียนว่าทำข้อสอบได้ป่าว แล้วเค้าตอบว่าทำไม่ได้เลยอ่ะครับ ::)
-
TOYOTA ไม่ถือว่าช้ากว่าเจ้าอื่น แต่เป็นเพราะบริษัมีขนาดใหญ่ โรงงานมีกำลังการผิตจำนวนมาก การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งต้องใช้เวลา เพราะรถและชิ้นส่วนการเตรียมการผลิตแผนการผลิตมันถูกวางล่วงหน้ามาหลายปี แผนการผลิตรุ่นเดิมมีเท่าไหร่ต้องผลิตตามจำนวนที่คาดการณ์ไว้ก่อน จะมาเปลี่ยนแปลงกะทันหันเพื่อรับมือกับรถไฟฟ้าไม่ได้ อีกทั้งรถที่ขายเป็น Mass ถ้าเทียบกับคู่แข่งเพราะฉะนั้นรถที่เอาออกมาขายต้องมีจำนวนมากพอที่จะขายได้โดยไม่กระทบกับรุ่นเดิมที่มีอยู่
-
เขาน่าจะคิดว่า "เอาคนอื่น" เป็นตัวอย่างวิจัยตลาดไปก่อน
เขามีปัญหาอะไร ตอนขายก็แก้ให้หมดก่อนขาย เพราะตอนนี้ยังไง รถน้ำมันก็ยังขายได้
-
ไม่แน่ใจว่า รัฐบาลเราตอนนี้เขามีนโยบาลอุดหนุน ไฮบริด หรือเปล่านะครับ
เห็นว่าจะให้ไทยตั้งโรงงานผลิตแบต ไฮบริต 8)
เอาจริง ๆ เราน่าจะมีนโยบาลรถแบบจีนเลยนะครับ 8)
-
สนับสนุนทั้งไฮบริด ทั้ง EV แต่ลดภาษี EV มากกว่า (ซึ่งยังไม่สนับสนุนเท่าจีน)
-
อาจจะช้ากว่าครับ แต่ถามว่าจำเป็นต้องเร็วมั๊ย ก็คงไม่ครับ เพราะ Toyota ไม่จำเป็นต้องรีบเลย