Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ๑ ๒ ๓ ที่ พฤษภาคม 01, 2018, 16:36:29
-
ฟังข่าว เพราะเกิดเหตุทำให้ไปต่อไม่ได้เรื่องรถไร้คนขับ
มีแนวโน้มมากน้อยแค่ไหนครับ กับอนาคต
-
คงเป็นไปไม่ได้ที่ Tesla จะล้มละลายจากสาเหตุที่ว่า พัฒนารถไร้คนขับนะครับ
เพราะต่อให้ทั่วโลก ออกกฎหมายห้ามใช้รถไร้คนขับ Tesla ก็สามารถทำให้รถไฟฟ้าของตัวเอง ออกมาขายโดยเป็นรถที่ขับขี่โดยคนแบบรถทั่วไปได้อยู่ดี
ผมว่าถ้า Tesla จะเจ๊ง สาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้ยังมีมากกว่า เช่น กลุ่มเป้าหมายของรถไม่ชัดเจน, รถราคาสูง, การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ, เป็นต้น
-
บางทีก็คิดๆ นะครับว่า อาจจะโดนฟ้องมหาศาล เข้าสักวันนึง บริษํทรถยนต์ใหญ่ๆ อาจจะรุมกินโต๊ะในบางประเด็น เพื่อกำจัดออกจากทาง ยิ่งถ้าพลาด ทั้งเรื่องความปลอดภัย เรื่องผู้บริโภค ยิ่งไฮเทค แล้วมีเวลาทดสอบน้อยๆ พลาดขึ้นมากฏหมาย ในประเทศต้นกำเนิดน่ะตัวดี ทำบริษัท IT เจ๊ง มาหลายบริษัทแล้ว
-
ไม่เกี่ยวกับระบบไร้คนขับครับ
แต่เกี่ยวกับไม่มีเงินมาหมุน และเงินกำลังจะหมด
เพราะ Tesla ผลาญเงิน $390,000 ในทุกๆชั่วโมง
และเงินกำลังจะหมดก่อนสิ้นปีนี้
Model 3 กำลังผลิตก็น้อยมาก
เรียกได้ว่าต้องรีบระดมทุนด่วนมากๆก่อนที่จะเจ้ง
https://www.carscoops.com/2018/04/tesla-run-cash-end-year/
-
ไม่เกี่ยวกับระบบไร้คนขับครับ
แต่เกี่ยวกับไม่มีเงินมาหมุน และเงินกำลังจะหมด
เพราะ Tesla ผลาญเงิน $390,000 ในทุกๆชั่วโมง
และเงินกำลังจะหมดก่อนสิ้นปีนี้
Model 3 กำลังผลิตก็น้อยมาก
เรียกได้ว่าต้องรีบระดมทุนด่วนมากๆก่อนที่จะเจ้ง
https://www.carscoops.com/2018/04/tesla-run-cash-end-year/
เห็นด้วยครับ ผมว่าตายเพราะ Cash Flow นี่แหละครับ
-
ไม่ได้มีปัญหาที่ตัวสินค้าครับ แต่เป็นปัญหาเรื่องการเงินครับ ลงทุนไปเยอะยังไม่ถึงจุดคืนทุน ช่วงนี้ก็ต้องกู้เงินหรือให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มเงินเข้ามาครับ
ตราบใดที่หาเงินได้ก็ได้ไปต่อครับ
-
appleมาซื้อหุ้นteslaแล้วนี่ครับ น่าจะมีเงินเข้ามาอีกเหลือเฟือ
-
โครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดๆลงบ้าง ของที่ขาดตลาดก็ผลิตให้เร็วขึ้น
-
ไม่ได้ตามข่าว แต่เท่าที่อ่านตามคอมเม้น ถ้ามันจะล้มจริงเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาอุ้มเอง เทคโนโลยีระดับนี้ใครก็อยากได้ แล้วมันไม่ใช่รายแรกใน บ รถยนตร์ที่เกิดเหตุการ์ณแบบนี้
-
แนะนำตรวจสอบข้อเท็จจริงเองได้ครับ ลองโหลดงบดุล tesla มาดูเล่นดูครับ ผมไม่ค่อยได้สนใจบริษัทข้ามชาติสักเท่าไร เลยไม่ได้ตาม
แต่แนะวิธีดูง่ายๆ ให้ดูส่วนของผู้ถือหุ้นว่าเหลือน้อยแค่ไหน (ยิ่งน้อยยิ่งเสี่ยงยื่นพิทักษ์ทรัพย์)
- ไม่ต้องไปสนใจคำพูดที่ว่า cash flow ไม่ดี เพราะบริษัทที่ลงทุนหนักๆ ยังไง cash flow มันติดลบช่วงแรกๆ อยู่แล้ว เดี๋ยวมันก็ไปสะท้อนที่ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ดี หน้าตักหมดก็
บรรลัย ต้องหาเงินเพิ่ม
- และไม่ต้องไปสนใจที่ว่าเดี๋ยวก็มีคนอุ้ม เพราะหากขาดทุนไปเรื่อยๆ จนกินส่วนของผู้ถือหุ้น ยังไงก็ต้องเพิ่มทุนซึ่งไม่มีใครอยากควักเพิ่มแน่ๆ ไม่ว่าจะหน้าเก่าเดิม หรือหน้าใหม่ แต่คิด
ว่าเค้าน่าจะเพิ่มรายเก่าก่อน ยิ่งเพิ่มทุนบ่อยหุ้นก็ยิ่งถูก dilute โอกาสที่เม็ดเงินที่เพิ่มทุนเข้ามาใหม่จะคุ้มค่า มันก็ต้องสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าสัดส่วนที่ถูก dilute ไป tesla ยิ่ง
ตกที่นั่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เพิ่มทุนแน่นอน
- การอุ้มเท่าที่ผมเข้าใจน่าจะเป็นลักษณะการเข้ามาซื้อของถูกของคนข้างนอกมากกว่า แต่กว่าจะมี deal แบบนี้ มันต้องเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมไม่ได้ซะก่อนครับ
-
Apple มีเงินสดสูงมาก แต่นวัตกรรมน้อยลงก็มีความกังวลเรื่องอนาคต
Tesla ขาดสภาพคล่องมาแต่แรกและหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่นวัตกรรมล้ำหน้าทั้งสินค้าและการผลิตดูมีอนาคตและไปได้อีกไกล
เมื่อ2สถานะ match เข้าหากันก็ไปต่อได้ครับ win-win
-
ถ้าดูยอดจองรถเยอะมาก ผลิตช้าคนยกเลิกก็ยังฟันเงินจองรถไปฟรีๆ(ค่าจองไม่ใช่แค่พันบาทแบบบ้านเรานะ) หรือถ้าผลิตได้ทันรายได้ก็มาอีกเพียบ ตอนนี้มันยังเป็นช่วงลงทุนอยู่เลย ต้องขยายโรงงานอีก พอมาดูตอนนี้เลยเหมือนขาดทุนเพราะรถยังไม่ขาย(เค้าจองล่วงหน้ากัน 2-3 ปี จะมาคำนวณรายได้ต่อปีมันก็ยังไม่เห็นกำไร)
ลองไปดูยอดจองรถเค้าก่อนว่าถ้าขายได้จะได้กำไรขนาดไหน ถ้าคำนวณจากยอดจองกับราคาที่ขายแล้วมันต่ำกว่าทุนค่อยเรียกว่าขาดทุนครับ หรือถ้าลงทุนมากมายสุดท้ายลูกค้ายกเลิกรถที่จองกันหมดก็จะขาดทุน แต่ปัจจุบันที่ยกเลิกการจองตอนนี้มีน้อยมากแถมยังมียอดจองเพิ่มมาใหม่เรื่อยๆนี่สิ แล้วจะขาดทุนยังไง
ถึงผลิตไม่ทันแต่ยอดจองยังไม่ยกเลิกก็ยังไม่ขาดทุนครับ (ไม่งั้นเค้าคงไม่ตัดสินใจสร้างโรงงานเพิ่มที่จีนหรอก)
-
ปัญหาเกิดจากกำลังการผลิตน้อย ด้วยใช้หุ่นยนต์มากเกินไปในกระบวนการผลิต
ถ้าปรับตรงนี้ได้ ผลิตให้ทัน order ก็จะกลับมาวิ่งฉิวเหมือนเดิมครับ
บริษัทระดับนี้ ยังไงก็ไม่ล้มง่ายๆหรอกครับ
-
เคยอ่านมาว่าเป็นไปได้สูงนะครับ (ถ้ายังไม่ขยับตัวรีบแก้ปัญหา) นอกจากประเด็นตามคห. บนๆว่าไว้ ที่ Tesla ลงทุนสูง อีกประการนึงคือ คู่แข่งแบรนด์ยักษ์ทั้งหลาย มีสายป่านและต้นทุนยาวกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่คู่แข่งพวกนี้ลงมาตลาดรถ EV เต็มตัว Tesla จะยิ่งลำบากครับในการแย่งยอดขายกับบริษัทยักๆษ์ เหล่านี้ (ตอนนี้คู่แข่งโดยตรงยังถือว่าน้อย) อันนี้ตามที่ผมอ่านมานะครับ ผมลองนึกภาพตามถ้า Benz BM Audi VW มีโมเดลรถ EV เป็นหลัก แล้วตัดภาพมาที่ Tesla ก็เห็นด้วยกับที่เค้าคาดการณ์กันไว้นะครับ
-
รู้สึกทะแม่งทะแม่งมานานแล้วครับ
-
ขอบคุณครับ พอดีฟังวิเคราะห์เรื่อง มูลหนี้ กับสภาพวะหุ้นของTesla ที่หนี้เพิ่มมาก และหุ้นลดลงมากครับ
:-*
-
ผมว่าไม่เจ๊งครับ รัฐน่าจะอุ้มไว้
-
โครงการเมกกาโปรเจกของ tesla ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากๆ ๆ ครับ เหมือนช่วงแรกยังไงก็ขาดทุนมโหฬารแน่ๆ
ตอนนี้ model 3 ก็ขายราคาถูก เพราะคิดว่าผลิตเยอะ ๆ จะได้ค่าแบตถูก แต่มันผลิตได้น้อย ยังไงก็ต้องเร่งปั้มไว้ก่อนแหละครับ
ส่วนเรื่องล้ม ผมคิดว่าไม่ล้ม ยังไงพี่เค้าก็คงหาตังจากแหล่งอื่น ๆ มาช่วยได้แหละครับ เป็นเจ้าพ่อระดมทุนอยู่แล้ว โปรไฟล์ก็ทำบริษัทฝันเป็นจริงมาหลายรอบแล้วด้วยครับ
-
มีสิทธิ์ล้มละลาย เพราะผลิต tesla model 3 ได้น้อยกว่ายอดที่คาดการณ์ไว้ เยอะมาก
back order เพียบ
เห็นออกข่าวว่าหยุดผลิต tesla model 3 ไม่จ่ายเงินค่าแรง เพราะปรับปรุงการผลิต เพื่อให้ใช้คนมากขึ้น ใช้เครื่องจักลดลง
บริษัทรถยนต์ที่เพลี้ยงพล้ำให้ tesla model x แซงหน้ายอดขาย ตอนนี้พร้อมเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ เอาคืน tesla บ้าง
โคงการ space x ก็เพิ่งจะทำรายได้ หลังลองผิดลองถูก จรวดระเบิดมาเป็นปี
Hyper loop ก็ยังวิจัย ใช้งานจริงยังไม่ได้
ผู้ถือหุ้นบางส่วนพยายาม จะให้ Elon Musk เป็น chairman ไม่ใช่ CEO แต่ Tesla เกิดได้เพราะ Elon Musk ถ้าโดนถอดออกจากตำแหน่ง Tesla คงไม่เหมือนเดิม
-
จะว่าขายฝัน เจ้าพ่อระดมทุน...ก็ตามแต่ แต่เรื่อง preorder เราก็เจอกันเป็นธรรมดาในยุคนี้ ซึ่งคนจะทำแบบนี้ได้เครดิตต้องดี ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ก็รอดูกันไป แต่คิดว่า Musk ไม่มาตกม้าตายเรื่องง่ายๆหรอก เพราะเสียเรื่องเดียวนี่เครดิตหาย ธุรกิจอื่นล้มหมด (เรื่องรถไม่ใช่ธุรกิจหลักของเค้านะ)
ปล.ลอง search ดูเมื่อกี้ ยอดจองลดลง 63000( 5 แสนกว่าเหลือสี่แสนกว่าคัน) โดยคิดจากการสรุปยอด 1 ปี แต่มี new order 1800 คัน/วัน เป็นใครก็ต้องปรับกลยุทธการผลิตใหม่ล่ะครับ 8)