Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: iamitman ที่ มิถุนายน 07, 2018, 12:25:12
-
สวัสดีครับ อยากได้ความคิดเห็นจากพี่น้องใน HLM สำหรับการเลือกรถยุโรป 1 คันเพื่อใช้งาน 10 ปี
โจทย์หลักคืองบ 3 - 3.5 ไม่เพิ่มไปมากกว่านี้ครับ
โจทย์ถัดมาคือ การบำรุงรักษาเพื่อการใช้งาน นอนอู่นานไม่เอาครับ รถใช้ขับในชีวิตประจำวันทุกวัน
ควรจะไว้ใจได้เมื่อสตาร์ทรถออกจากบ้าน แม้ว่าจะพ้นหลังปีที่ 5 ไปครับ
ไม่เกี่ยงเรื่องต้องหาอู่นอก หรือวิ่งหาอะไหล่เมื่อหมดประกัน ตราบใดที่ยังหาแหล่งได้ครับ
โดยที่เล็งๆไว้คือ 520D , X3 , E Class และ GLC ครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
-
Audi Q5 ออฟชั่นน้อยดี อาจจะจุกจิกน้อยกว่า
หรือถ้ารับ Lexus ได้ เพิ่มเงินอีกนิดไป RX จะไม่ปวดหัวในระยะยาว (ผมฟังเค้าพูดมา)
-
โจทย์นี้ และตามตัวเลือก ผม 520D เท่านั้นเลย
-
x3 ครับ เอนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลายกว่า
-
ถ้านะตอนนี้ก็ 520D หรือ GLC ก็ได้ครับ
-
10ปี ยุโรป น่าจะมีแต่ Benz ครับ
-
เอาแบบไม่จุกจิก 10 ปียุโรปนี่ก็หายากนะครับ
ยิ่งออปชั่นเยอะ ระบบโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด ยิ่งมีจุดซ่อมเยอะครับ
เลือกรุ่นที่ออปชั่นน้อยๆ ครับ หรือไม่ก็ดูพวก Lexus
-
GLC ครับ
-
Lexus จุกจิกน้อยสุดแต่ประเด็นไม่ใช่รถยุโรป
-
ควรจะไว้ใจได้เมื่อสตาร์ทรถออกจากบ้าน แม้ว่าจะพ้นหลังปีที่ 5 ไปครับ
จากประสบการณ์ผม รถยุโรปหลัง 5 ปีขึ้นไป ไว้ใจไม่ค่อยได้ครับ (เอาจริงๆอยู่ให้ถึง 5 ปี ไม่ต้องไปนอนศูนย์ก็บุญละ)
ข้อนี้มีแต่รถไม่ใช่ยุโรปแต่คุณภาพยุโรปที่หวังได้คือ Lexus
ถ้าจากตัวเลือกไป 520d
-
จากประสบการณ์ที่บ้านใช้รถยุโรปนานเกิน 10 ปี ควรมีรถใช้สำรองครับ ยิ่งใช้บริการอู่นอกอาจต้องรอหลายวันโดยเฉพาะอู่ดังๆ ที่บ้านใช้รถยุโรป 2 คัน มี Toyota เป็นรถสำรอง
-
จากประสบการณ์ส่วนตัวกับการใช้รถยุโรปในเมืองไทย อาจจะใช้งานได้อย่างสบายใจใน 3 ปีแรก แล้วก็ซ่อมจุกจิกไปอีก 7 ปี ครบ 10 ปีพอดีตามที่ต้องการ
-
ตอนนี้ ก็ GLC250d, 520d, 320d GT ประมาณนี้ครับ
หลีดเลี่ยงไฮบริด เพราะชิ้นส่วนอุปกรณ์เยอะ มันทนระดับนึง แต่พอถึงเวลา ก็ยิ่งต้องซ่อมเยอะ
-
ถ้า suv ก้มี glc,glc coupe หรือถ้า sedan ก้ 5 แต่ขอเครื่องแรงกว่านี้หน่อยถ้าไม่ใช่ e อะนะ
-
เป็นผมๆเลือก X5 น่าอยู่ในงบ ซื้อตอนนี้คุ้มสุด
จากใช้ f10มาไม่จุกจิกเลยครับ
-
520D Sport G30 ประกอบในประเทศ มันกำลังมาครับ 8)
-
Lexus อยากให้อยู่ในโจทย์มากครับ แต่ด้วยการตั้งราคาของ Lexus เอง ไม่ปรับราคาคงไม่ได้เจอกันครับ
-
Lexus อยากให้อยู่ในโจทย์มากครับ แต่ด้วยการตั้งราคาของ Lexus เอง ไม่ปรับราคาคงไม่ได้เจอกันครับ
เคยลองต่อรุ่น es300h ลดไป5แสนนะครับ
rx ตอนนี้ก็ได้ยินว่าลดได้ 4-5แสนเหมือนกัน
รวมส่วนลดแล้วใกล้เคียงงบเลย
-
Lexus อยากให้อยู่ในโจทย์มากครับ แต่ด้วยการตั้งราคาของ Lexus เอง ไม่ปรับราคาคงไม่ได้เจอกันครับ
เคยลองต่อรุ่น es300h ลดไป5แสนนะครับ
rx ตอนนี้ก็ได้ยินว่าลดได้ 4-5แสนเหมือนกัน
รวมส่วนลดแล้วใกล้เคียงงบเลย
ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำเซลล์ที่คุยให้ได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ
-
Lexus อยากให้อยู่ในโจทย์มากครับ แต่ด้วยการตั้งราคาของ Lexus เอง ไม่ปรับราคาคงไม่ได้เจอกันครับ
เคยลองต่อรุ่น es300h ลดไป5แสนนะครับ
rx ตอนนี้ก็ได้ยินว่าลดได้ 4-5แสนเหมือนกัน
รวมส่วนลดแล้วใกล้เคียงงบเลย
ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำเซลล์ที่คุยให้ได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ
nx ก็4เเสนครับ ตอนผมได้มาศุนย์ พระราม9 ผมว่า nx,rx,es ราคาไม่โดดกันมากประกอบนอกด้วยวัสดุดีกว่าเเต่การขับขี่เเพ้รถยุโรปอยู่ เเต่ lexus ตัวอื่นปล่อยให้ขายหลักหน่วยไปเถอะ
-
ขออนุญาติเชียร์ GLC ครับผม :-*
-
Lexus ครับ ไม่งั้นก็ Benz BM ตัวล่างตัว low option พอ option น้อยปัญหาก็จะน้อย แล้วก็ไม่เอาHybrid กับ Diesel(พอเก่าเครื่องมันอาจจะสั่นแล้วน้ำมันDieselบ้านเราคุณภาพยังไม่ค่อยดี).
-
รอดู es ตัวใหม่ไหม ถึงจะไม่ใช่ยุปโรปแต่ก็หล่อ 8)
https://youtu.be/S3Eim2elhEI
-
520D ครับ glc อย่าไปเอาเชียวนะ
รถยุโรป 10 ปี แล้วจะไม่เสียค่าซ่อมบำรุงแพงนี่ บอกเลยไม่มีครับ
ถ้าไม่เกิน 5 ปี นี่โอเคครับ
1. ไม่ต้องห่วงเรื่องหาอะไหล่ครับ ศูนย์มีอะไหล่แน่นอนครับ แค่ต้องจ่ายราคาแพงแบบสุดๆ
2. ต้องรอซ่อมนานนั้นไม่ต้องกังวล ทั้ง bm volvo และ benz แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องธรรมดายังต้องจองกันเป็น อาทิตย์ถึงเดือน แถมเข้าทีตั้งแต่เช้าจบเย็น ตอนนั้นผมเอา f10 ไปเคลมเปลี่ยนแบต มันใช้เวลาเปลี่ยน 2 วันเต็ม ส่วนเบนซ์เคลมสีประตูข้างคนขับประตูเดียว นัดรอ 10 วัน เอารถเข้าไปอีก 14 วัน เสร็จแล้วเอากลับมามันทำประตูผมที่จับหลุดออกไป
3. เรื่องอะไหล่เสื่อมนั้น สบายใจได้ มีแน่นอน โช็คถุงลมมือหนึ่งผมเปลี่ยนกับ Series 7 ไป ลูกนึงบวกค่าแรงคิดผมไปเป็นแสน ยังไม่นับวัสดุข้างในเริ่มเหนียวละลายตอนเข้าปีที่ 8 เป็นทั้ง benz กับ bm แต่ volvo ไม่เป็นตลกดี ของ s class 2 รุ่นที่แล้ว อยู่ดีๆเครื่องยนต์เตือน เอาเข้าศูนย์บอกท่ออะไรไม่รู้รั่ว อากาศเลยไหลเข้าไป ตัวปัจจุบันใช้ได้ เกือบ 3 ปี ยังแก้อาการเบรคสั่นไม่หายเลย
ผมใช้รถยุโรปมาตั้งแต่เด็กยันโตจนแก่ (เด็กคงนับไม่ได้ ตอนนั้นนั่งเป็นอย่างเดียว ชอบเอาหลังคารถมาเป็นสไลเดอร์ด้วย) รถยุโรปถ้าใช้ 5 ปีนั้นคือดีครับ ระบบใช้ประโยชน์ได้เยอะ ขายราคาตกแต่ยังมีราคาอยู่บ้าง แต่ถ้าเลยปีที่6-7 ขึ้นไป มันจะพังนู่นนี่นั้น เตรียมเลยครับค่าซ่อมปีละแสนถึงสองแสน และไม่ควรใช้แบบเป็นเพียงคันเดียวอย่างยิ่ง แค่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง คุณก็หงุดหงิดแล้ว เพื่อนผมมันไม่เคยขับรถยุโรป ปรกติใช้โตโยต้า ตอนมันตัดสินใจซื้อ bm x1 ผมบอกไปแล้วว่ารถมันดีนะ (แล้วอันที่จริงผมว่า camry มันดีกว่า x1 ชัดเจน) แต่อย่าคาดหวังการบริการแบบเดียวกันกับฝั่งญี่ปุ่น แล้วมีคันเก่าเก็บไว้ใช้สำรองก็ดีนะ เพียงแค่ตอนเอาเข้าศูนย์ครั้งแรกเท่านั้น มันบอกผมต่อไปมันจะไม่ซื้อรถยุโรปอีกแล้ว กว่าจะเข้าได้ นานมาก แต่รอก็นานอีก ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แล้วพนักงานยังพูดจาเหมือนกับว่ามันใหญ่กว่าเรา ราวกับเรานั้นต้องง้อซื้อรถมัน หลายคนที่ใช้รถญี่ปุ่นมาตลอดโดยเฉพาะโตโยต้า ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า benz กับ bm ราคาที่แพงกว่านั้นไม่ได้หมายถึงการบริการที่ดีกว่า เวลาเห็นคนใช้บ่นเรื่องการบริการหลังการขาย ก็เข้าใจไปเองว่าคนใช่รถหรูรถแพง เลยเรื่องมาก ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลย ผมใช้ toyota กับ subaru ด้วย การบริการดีกว่ากันเยอะ ซ่อมก็ง่าย ราคาอะไหล่ก็ไม่แพง หิ้วไปเองก็ยังได้ ยิ่ง toyota นี่ซื้อรถหลักล้าน แต่บริการดีซะยังกับสิบล้าน
สรุป ไปซื้อ lexus เถอะครับ แพงแต่ ทน นิ่มสุด เงียบสุด แถมบริการหลังการขายดีที่สุด ประกันหมดแล้ว แต่ยังเคลมได้ ไม่เหมือน benz กับ bm ที่เคลมยากซะยิ่งกว่ายาก อะไรก็ปัดเป็นความผิดของคนขับหมด แถมพอหมดปุ๊ป ทุกอย่างเป็นอันจบ (อ้อซื้อเพิ่มได้ ประมาณเกือบแสนต่อปี)
-
ตัวเลือกที่คิดไว้ได้หมด ผมว่าไปลองไปเลือกที่ชอบที่สุดแล้วเอาคันนั้น
ต้องอยู่กัน10ปี เอาที่เราชอบ อย่าไปเอาตามคนอื่นว่า ของเสียมันซ่อมได้ ถ้าดูแลถึงใช้ได้ยาวอยู่แล้วครับ
-
ตัดสินใจระหว่าง ซีดาน กับ SUV ก่อนครับ
ถ้าเลือกได้ ผมว่า มีตัวเลือก เหลือไม่กี่ตัวคับ
-
ตอบได้เลยว่าไม่มี ... รถสมัยนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าเยอะ ซับซ้อนมาก เจ้าของกระทู้เลือกที่ชอบ เอาแค่ตลาดนิยม พอหาอะไหล่ง่ายในระยะยาว
-
ไม่นอนอู่นาน ไว้ใจได้หลังปีที่ 5
รถยุโรป.....
ยากครับ
หรือถ้าคิดจะใช้ระยะยาว สบายใจ เข้าศูนย์ตลอดหลังปีที่ 5 เช็คระยะสบายแบบรถญี่ปุ่น ไม่ต้องไปลุ้นหาอู่นอก อู่ผี ช่างอู่ดักฟันหัวแบะ วางยา...... ก็ยากครับ
เมื่อก่อนก็เคยคิด ดูแลถึง ตังมี ซ่อมได้
พอไม่มีรถใช้เพราะรอคิวซ่อม ..... หรือไปยืนหล่อๆ ริมถนน ครึ่งวัน ร้อนก็ร้อน รอรถยก...... ซาบซึ้งครับ ตังมี ก็ซ่อมให้ดีไม่ได้ เพราะช่างคิวยังไม่ว่าง :'( :'(
อารมณ์เที่ยวมันหมด ความไว้ใจในตัวรถมันหมด คือต่อให้รถมันดีเลิศแค่ไหน ทำหน้าที่ในฐานะรถ ที่จะพาเราไปเที่ยวไม่ได้ เดินทางไกลๆ มันไม่สบายใจเลยครับ
กลายเป็นวิ่งไกลๆ จะเอารถญี่ปุ่นไป พวก Camry นี่เดินทางไกลก็สบายมากละ
ส่วนรถยุโรป ไว้เป็นรถเล็กขับเล่นเอาสนุกคันที่สองของบ้านไปเลยน่าจะคุ้มกว่า
รถซับซ้อน ส่วนช่างศูนย์ก็ใช่ว่าจะทำงานเนี้ยบเรียบร้อย จ่ายตัง เปลี่ยนอะไหล่บางทีไม่หาย แถมอาการก็ยังมี สุดท้าย ก็เปลี่ยนอะไหล่ตัวอื่น วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาย
https://youtu.be/Mh1sqnuJ0bQ
-
ตราดาว ดีเซล
ใบพัด ดีเซล
ผมว่ามันจุกจิกน้อยกว่า เบนซิล และ เครื่องยนต์แบบลูกผสม
-
ไว้ใจได้เมื่อสตาร์ทรถออกจากบ้าน แม้ว่าจะพ้นหลังปีที่ 5 ไปครับ
ผมว่าไม่มีอะ หลังห้าปีไปแล้วยิ่งปีที่ 6-8นี่เกเรที่สุดแล้ว เรียกกว่าต้องได้นอนค้างคืนที่ไม่ใช่บ้านแน่ๆต้องมีรถสำรองไว้ก่อนเลย ระบบไฟที่มากมายรอบคันอย่างบางจุดเสียแค่เซนเซอร์ตัวเดียวระบบโพรเทคห้ามวิ่งต่อ หรือเข้าเซฟโหมดให้พอวิ่งลากกลับบ้านได้ จุดที่ไม่สำคัญอย่างท่อไอเสียก็ยังใส่เซนเซอร์มาให้หน้าหลังเลย ระบบน้ำที่รอบเครื่อง ระบบสุญญากาศที่ญี่ปุ่นไม่ทำมา พวกซีล ประเก็น โอริงที่ถูกความร้อนสะสมมาพร้อมใจจะหมดอายุได้หลังห้าปีแม้จะบอกว่าวิ่งน้อยก็เถอะรถแม่ผมสามหมื่นโลก็ซ่อมแล้วครับ ถ้าห้าปียังพอลุ้นครับ
-
ควรตั้งกระทู้ถามว่า มีใครใช้รถยุโรป 10ปี แล้วไม่เคยต้องทิ้งรถไว้ที่อู่บ้าง?
แต่อาจไม่มีใครมาตอบ เพราะไม่มีใครโชคดีขนาดนั้น(เศร้า)
ซื้อรถยุโรปก็ต้องเตรียมขายทิ้ง(ประมาณ 5ปี +/-) แต่ดูเหมือนรุ่นใหม่ๆราคาก็ถูกลง คุ้มค่ามากขึ้น
สวนทางกับ lexus ที่มีแนวโน้มแพงขึ้น ไม่คุ้มราคาเลย
ผ่านไป 10ปี ก็มีคุณค่าพอๆกับ camry ในอนาคต 10ปีข้างหน้า
-
LS400 ขับไม่ดีไปกว่า Camry สมัยนี้
https://www.youtube.com/watch?v=BqDiWhlwrZ4
-
520D ครับ glc อย่าไปเอาเชียวนะ
รถยุโรป 10 ปี แล้วจะไม่เสียค่าซ่อมบำรุงแพงนี่ บอกเลยไม่มีครับ
ถ้าไม่เกิน 5 ปี นี่โอเคครับ
1. ไม่ต้องห่วงเรื่องหาอะไหล่ครับ ศูนย์มีอะไหล่แน่นอนครับ แค่ต้องจ่ายราคาแพงแบบสุดๆ
2. ต้องรอซ่อมนานนั้นไม่ต้องกังวล ทั้ง bm volvo และ benz แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องธรรมดายังต้องจองกันเป็น อาทิตย์ถึงเดือน แถมเข้าทีตั้งแต่เช้าจบเย็น ตอนนั้นผมเอา f10 ไปเคลมเปลี่ยนแบต มันใช้เวลาเปลี่ยน 2 วันเต็ม ส่วนเบนซ์เคลมสีประตูข้างคนขับประตูเดียว นัดรอ 10 วัน เอารถเข้าไปอีก 14 วัน เสร็จแล้วเอากลับมามันทำประตูผมที่จับหลุดออกไป
3. เรื่องอะไหล่เสื่อมนั้น สบายใจได้ มีแน่นอน โช็คถุงลมมือหนึ่งผมเปลี่ยนกับ Series 7 ไป ลูกนึงบวกค่าแรงคิดผมไปเป็นแสน ยังไม่นับวัสดุข้างในเริ่มเหนียวละลายตอนเข้าปีที่ 8 เป็นทั้ง benz กับ bm แต่ volvo ไม่เป็นตลกดี ของ s class 2 รุ่นที่แล้ว อยู่ดีๆเครื่องยนต์เตือน เอาเข้าศูนย์บอกท่ออะไรไม่รู้รั่ว อากาศเลยไหลเข้าไป ตัวปัจจุบันใช้ได้ เกือบ 3 ปี ยังแก้อาการเบรคสั่นไม่หายเลย
ผมใช้รถยุโรปมาตั้งแต่เด็กยันโตจนแก่ (เด็กคงนับไม่ได้ ตอนนั้นนั่งเป็นอย่างเดียว ชอบเอาหลังคารถมาเป็นสไลเดอร์ด้วย) รถยุโรปถ้าใช้ 5 ปีนั้นคือดีครับ ระบบใช้ประโยชน์ได้เยอะ ขายราคาตกแต่ยังมีราคาอยู่บ้าง แต่ถ้าเลยปีที่6-7 ขึ้นไป มันจะพังนู่นนี่นั้น เตรียมเลยครับค่าซ่อมปีละแสนถึงสองแสน และไม่ควรใช้แบบเป็นเพียงคันเดียวอย่างยิ่ง แค่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง คุณก็หงุดหงิดแล้ว เพื่อนผมมันไม่เคยขับรถยุโรป ปรกติใช้โตโยต้า ตอนมันตัดสินใจซื้อ bm x1 ผมบอกไปแล้วว่ารถมันดีนะ (แล้วอันที่จริงผมว่า camry มันดีกว่า x1 ชัดเจน) แต่อย่าคาดหวังการบริการแบบเดียวกันกับฝั่งญี่ปุ่น แล้วมีคันเก่าเก็บไว้ใช้สำรองก็ดีนะ เพียงแค่ตอนเอาเข้าศูนย์ครั้งแรกเท่านั้น มันบอกผมต่อไปมันจะไม่ซื้อรถยุโรปอีกแล้ว กว่าจะเข้าได้ นานมาก แต่รอก็นานอีก ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แล้วพนักงานยังพูดจาเหมือนกับว่ามันใหญ่กว่าเรา ราวกับเรานั้นต้องง้อซื้อรถมัน หลายคนที่ใช้รถญี่ปุ่นมาตลอดโดยเฉพาะโตโยต้า ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า benz กับ bm ราคาที่แพงกว่านั้นไม่ได้หมายถึงการบริการที่ดีกว่า เวลาเห็นคนใช้บ่นเรื่องการบริการหลังการขาย ก็เข้าใจไปเองว่าคนใช่รถหรูรถแพง เลยเรื่องมาก ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลย ผมใช้ toyota กับ subaru ด้วย การบริการดีกว่ากันเยอะ ซ่อมก็ง่าย ราคาอะไหล่ก็ไม่แพง หิ้วไปเองก็ยังได้ ยิ่ง toyota นี่ซื้อรถหลักล้าน แต่บริการดีซะยังกับสิบล้าน
สรุป ไปซื้อ lexus เถอะครับ แพงแต่ ทน นิ่มสุด เงียบสุด แถมบริการหลังการขายดีที่สุด ประกันหมดแล้ว แต่ยังเคลมได้ ไม่เหมือน benz กับ bm ที่เคลมยากซะยิ่งกว่ายาก อะไรก็ปัดเป็นความผิดของคนขับหมด แถมพอหมดปุ๊ป ทุกอย่างเป็นอันจบ (อ้อซื้อเพิ่มได้ ประมาณเกือบแสนต่อปี)
เห็นด้วยอย่างรนแรง
-
ตขอบคุณกระทู้นี้มากเลย
ได้คำตอบแน่นอน แล้วว่าไม่ซื้อแล้วแน่นอน รถยุโรป
ขอขับ โตต้า. ฮอนด้านี่แหละ. สบายใจกว่าเยอะ
เหลือเงินในกระเป๋าตุงๆ ไม่ต่ำกว่า 1-2ล้าน
-
ทำไมรถมันประกันแค่ 3 - 5 ปี นั่นแหละคับคำตอบมันก็อยุ่ตรงนี้
รถมันมีการเคลือนไหว พังได้ตลอด ไม่ว่ายี่ห้อไหน เหลือแค่ตอนพังจะจ่ายเท่าไร คุณเลือกได้ ถูกแพง
-
เพราะเหตุผลนี้ถึงมีคำพูดว่า ถ้าจะใช้รถยุโรป ต้องมีเงิน 30-50-100 ล้าน
เพราะอายุการใช้งานที่ไม่จุกจิกก็ประมาณ 5 ปี
ถ้ามีงบเท่ากับราคารถพอดีหรือ 3-5 ล้าน ก็จะได้ใช้แค่คันเดียว ต้องกลับมาใช้รถญี่ปุ่นตามเดิม
แต่ถ้าอยากทำตามฝัน หรือแค่ทำความฝันให้เป็นจริงโดยการขับรถยุโรปสักครั้งในชีวิตก็คงไม่เป็นไรครับ
และต้องยอมรับว่าอาจจะได้ใช้แค่คันเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนรถทุกๆ 5-6 ปีได้
-
ถ้านะตอนนี้ก็ 520D หรือ GLC ก็ได้ครับ
+1
-
ถ้าจะใช้รถยุโรปยาวถึง 10 ปี มันต้องมีจุกจิกบ้างอยู่แล้วล่ะครับ
ยกเว้นว่าขับ 5 ปี แล้วยอมขายเอาทุนที่ได้คืนมาไปดาวน์รถยุโรปคันใหม่ครับ
ถ้าต้องการใช้ 10 ปีจริงๆ ผมก็แนะนำ Lexus ตามที่พี่ๆหลายคนได้แนะนำไปครับ