Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Turbocharger ที่ มิถุนายน 24, 2018, 12:26:42
-
เห็นค่ายญี่ปุ่นชอบโฆษณาว่า cvt ทำให้อัตราเร่งดีขึ้น เบากว่า ประหยัดกว่า เครื่องเดียวกันพอมาใส่ cvt ก็แรงขึ้นชัดเจน
Lexus รุ่นใหม่ๆ ก็มา cvt หมดแล้ว แต่ทำไมพวกเบนซ์บีเอ็มยังใช้ AT ปกติอยู่ครับ
-
Lexus ส่วนใหญ่ใช้ AT นะครับ เห็นแต่ UX ที่จะใช้ Direct shift CVT
ผมว่าที่ยุโรปไม่นิยม CVT เพราะเค้าขับกันเร็ว ต้องการการเร่งแซงที่ไวกว่า หลายรุ่นจะใช้ DCT ด้วยเหตุนี้
-
คอนเซ็ปท์รถยุโรปเน้นการขับขี่ฟิลลิ่ง การมีส่วนร่วมครับ
เกียร์cvtดีจริงตามที่ จขกท ว่ามาทั้งหมด แต่เรื่องการขับขี่มันไม่ค่อยสนุก
อีกเรื่องคือยุโรปสมัยก่อนเน้นดีเซล ซึ่งcvtคงทนtorqueขนาดนั้นไม่ไหว
-
ดีแล้วหล่ะ อย่าไปใช้เลย
-
จากที่ผมขับเบนซ์มา รู้สึกว่าการตอบสนองเวลาเร่งก็ดีเลย์มากพออยู่แล้วนะครับ (ถ้าไม่ใช้sport mode)
ถ้าจับคู่กับCVTอีกไม่อยากจะคิดเลย เพราะงั้นไม่ใช้แหละดีแล้ว
-
Lexus รุ่นใหม่ๆนี่ 8at เเล้วครับถ้า hybrid ยัง cvt อยุ่
-
จุดเด่นของ CVT คือมันให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง เรียบเนียน และช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
มันก็เลยเหมาะกับเครื่องรถบ้านๆญี่ปุ่นที่ไม่ได้ใช้ Turbo สังเกตุว่ารถญี่ปุ่นหลายๆรุ่นพอเปลี่ยนมาใช้ CVT แล้วก็ให้อัตราเร่งดีกว่าเดิม และประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ข้อด้อย CVT คือเรื่องความทนทาน และยังไม่ตอบรับกับเครื่องยนต์ที่มีกำลังและแรงบิดสูงๆ
บรรดารถ Premium ยุโรปทั้งหลายจึงไม่เลือกใช้ (เขาพัฒนาเครื่องจนได้ประสิทธิภาพที่ดีแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความประหยัดจาก CVT)
เอาจริงๆมันเป็นเรื่องความเหมาะสมและวิศวกลศาสตร์ของแต่จะเจ้า แต่ละประเทศครับ
อย่างถ้าถามกลับกันว่า ทำไมรถบ้านทั้งหลายถึงไม่ใช้เกียร์ Dual clutch ทั้งที่ขับมัน ขับสนุก แถมอัตราเร่งก็ดีด้วย
ตัวอย่างในรถยี่ห้อหนึ่งก็มีให้เห็นแล้ว.................
-
รถอย่าง audi เมื่อสมัยก่อนก็มีระบบส่งกำลัง CVT ออกมาจำหน่ายเช่นกัน หรือรถจากอเมริกาก็ไม่ค่อยนิยมใช้เกียร์ CVT กันมากนัก
โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการลดต้นทุนของแต่ละค่ายผู้ผลิต อันไหนพัฒนาเองได้ทำหรือจะเลือกใช้เกียร์จากบริษัทอื่นๆ
บางค่ายก็พัฒนาเอง แต่หลายๆค่ายรถยนต์ก็ไม่ได้พัฒนาเกียร์เอง แต่หันมาใช้เกียร์ AT จากบริษัทผู้ผลิตระบบส่งกำลังอย่างเช่น ZF , AISIN และ JATCO
-
ลองคิดว่าถ้า BMW ใช้ CVT สิครับ ยอดขายจะตกขนาดไหน
-
แสดงว่า wrx liineartronic 265 ม้า มี turbo และเป็น cvt น่าจะขับไม่สนุก
-
CVT คือเกียร์ต้นทุนต่ำครับ
เอาไว้ลดต้นทุน แต่ได้อัตราเร่งที่ดีกว่า torque converter แบบบ้านๆ
แต่ BEnz, BMw, Audi, Porschem Ferrari พวกนี้ ถ้าเค้าจะลดต้นทุนขนาดหันไป CVT มันก็เกินไปครับ เพราะอรรถรสมันเสีย
และรู้ไหมว่า auto ธรรมดาแบบ torque converter ของค่ายเหล่านี้ การตอบสนองมันเทพมากๆ เลย มันต่อเนื่องสุดๆ เช่น ZF 6, 8 สปีด
ตอนนี้ก็ให้แบบนี้ไปก่อน ถ้าวันข้างหน้าต้องไปต่อ ก็อาจจะไป dual clutch แบบเทพๆ แบบที่ Audi, Porsche, Ferrari ใส่มา ไม่ใช่ dual clutch คุณภาพต่ำแบบ FOrd ครับ
-
แสดงว่า wrx liineartronic 265 ม้า มี turbo และเป็น cvt น่าจะขับไม่สนุก
ลองไปดู 0-60 mph ดูครับ เร็วจริง คุณว่ามันสนุกไหมครับ ฟังเสียงอื้อออออออตลอด ถ้าผมมีตังค์ซื้อรถแรงระดับนั้นแต่ใช้เกียร์ cvt ผมไม่สนเลยครับ แรงแค่ไหนก็ไม่เอา รถประเภทนี้คือรถเน้น performance แต่เป็น cvt คือจบครับ ต่อให้เล่น manual ตอนเปลี่ยนอัตราทดเสียงก็ไม่เหมือนเปลี่ยนเกียร์อยู่ดี
-
ผมว่าเรื่องเกียร์ CVT vs. Conventional Auto มันต้องพิจารณา Demand ของคนซื้อรถนะครับ เข้าใจว่าสมาชิก HLM ส่วนใหญ่เป็น Car Enthusiasts รักรถและชอบรถกันเป็นส่วนใหญ่ อาจจะชอบความสนุกสนานในการขับขี่ อะไรทำนองนั้น ซึ่งถ้ามาคิดดูจริงๆ ลูกค้ากลุ่ม enthusiast หรือ loyalist ในเรื่อง NA, Air-cooled, RWD ต่างๆ มันเป็นส่วนน้อยยยมากๆๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรส่วนใหญ่ที่ "ขับอะไรก็ได้ ขออย่าให้มันเสียกลางทาง และราคารับได้ก็พอ" ต้องยอมรับจริงๆ ครับ ในสภาพจราจรกรุงเทพและเมืองหลวงส่วนใหญ่ ย่อมรถติดกันทั้งนั้น ที่จริงคือเกียร์ CVT มัน smooth กว่าจริงๆ แม้ว่าผมไม่ชอบ (เพราะชอบ DCT กับ Torque Converter ปกติมากกว่าก็ตาม
ประเด็นที่ผมพยายามจะยกตัวอย่างคือคนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการ performance หรือ feel จากการซื้อรถ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ positioning ของฝนแต่ละแบรนด์ (and marketing) ซะมากกว่า พวก Automotive journalist (โดยเฉพาะที่อเมริกา) ชอบพูดว่า "the car lacks responsiveness and taut body control in corners, suspension too floaty when weaving through canyons" พวกนี้มันก็เว่อร์ไปหน่อยครับ สำหรับประเทศที่มี speed limit บนทางหลวงส่วนใหญ่ 60-65 mph
หลายๆ คนที่ผมรู้จักที่ไม่ได้เป็นสิงห์รถยนต์และมีนถเกียร์ CVT แต่ละคนชอบมันมากครับ เพราะไม่มีการกระตุก และลื่นไหล อีกอย่างนึงคือเค้าไม่ค่อยเหยียบมิดอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ค่อยมี droning effect จากเกียร์ CVT
ความทนทานอันนี้ผมขอไม่พูดดีกว่า เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่ามันทนหรือไม่ บางท่านก็ claim ว่ามันทน บางท่านก็บอกว่าไม่ เอาเป็นว่า car manufacturers เค้ารู้ดีครับ ว่าถึงยังไง CVT หรือไม่ เค้าก็ยังขายได้อยู่ ถึงแม้ในอนาคต bmw / benz / audi หันมาใช้ CVT ในรถยนต์ Full Electric ของเค้าก็ตาม
-
ผมเคยถามราคาเกียร์ CVT lineartronic ขับสี่ของ Subaru XV เบิกใหม่จากโรงงาน เห็นราคาแล้วจะอึ้ง......
ที่บอกลดต้นทุนๆ ผมว่าไม่น่าใช่นะ
-
ผมเคยถามราคาเกียร์ CVT lineartronic ขับสี่ของ Subaru XV เบิกใหม่จากโรงงาน เห็นราคาแล้วจะอึ้ง......
ที่บอกลดต้นทุนๆ ผมว่าไม่น่าใช่นะ
ลดต้นทุนจริง ราคาจริงๆก็ไม่มีใครู้หรอกครับว่าเท่าไร รู้แต่ว่าเวลาขายให้ลูกค้า คงไม่มียี่ห้อไหนขายราคาถูกๆให้แน่ๆครับ
เคยเห็นศูนย์ขายหลอดใส้ไฟท้าย หลอดละ 150 บาท ทั้งๆที่ร้านซื้อข้างนอกหลอดหนึ่งไม่ถึง 50 บาท
ถึงราคาต้นน้ำจะมาถูกยังไง ปลายน้ำเค้าก็ขายให้เราแพงอยู่ดีครับ
-
ขับ Jazz GK ของเมรีย
ไม่ชอบ CVT เลยครับ
รถคันหน้า ชนิดของเกียร์ มีส่วนในการตัดสินใจ มากๆ
อ่าน CHR แล้ว ถ้า Camry โฉมหน้า ไปในแนวเดียวกัน และ ไม่ CVT จะตัดสินใจ ง่ายมากเลย
-
รถราคาแพงจะจับเกียร์ราคาถูกมาใส่ก็ไม่ใช้นะครับ
-
Lexus ใช้ CVT เฉพาะเครื่องที่เป็น Hybrid สังเกตได้ทุกรุ่น
รหัส 300h/450h/500h -> CVT
รหัส 200t/300 -> 6 at
รหัส 350 /500 - 8 at หรือ 10 at แล้วแต่รุ่น
-
แสดงว่า wrx liineartronic 265 ม้า มี turbo และเป็น cvt น่าจะขับไม่สนุก
ลองไปดู 0-60 mph ดูครับ เร็วจริง คุณว่ามันสนุกไหมครับ ฟังเสียงอื้อออออออตลอด ถ้าผมมีตังค์ซื้อรถแรงระดับนั้นแต่ใช้เกียร์ cvt ผมไม่สนเลยครับ แรงแค่ไหนก็ไม่เอา รถประเภทนี้คือรถเน้น performance แต่เป็น cvt คือจบครับ ต่อให้เล่น manual ตอนเปลี่ยนอัตราทดเสียงก็ไม่เหมือนเปลี่ยนเกียร์อยู่ดี
จะบอกว่า WRX CVT ตัวนี้ ตอนแรกผมก็ด่าไว้เยอะ น้องเซลล์เอามาให้ลองที ถอนคำพูดแทบไม่ทันครับ
ขับในเมื่องเอื่อยๆก็ CVT แหละ แต่กดเต็มๆมีสับเกียร์ให้ยังกับ DCT
ยุโรป ZF หรือ 9G หรือ Lexus ที่ใช้ AT ช่วงเปลี่ยนเกียร์เค้าทำได้เนียนไม่แพ้ CVT เลย แถมทนด้วย (ถ้าไม่ไปซน) เลยไม่รู้จะไปทำ CVT ทำไมให้เสียเงินค่า R&D อีกหลายๆล้าน
-
ผมว่าเรื่องเกียร์ CVT vs. Conventional Auto มันต้องพิจารณา Demand ของคนซื้อรถนะครับ เข้าใจว่าสมาชิก HLM ส่วนใหญ่เป็น Car Enthusiasts รักรถและชอบรถกันเป็นส่วนใหญ่ อาจจะชอบความสนุกสนานในการขับขี่ อะไรทำนองนั้น ซึ่งถ้ามาคิดดูจริงๆ ลูกค้ากลุ่ม enthusiast หรือ loyalist ในเรื่อง NA, Air-cooled, RWD ต่างๆ มันเป็นส่วนน้อยยยมากๆๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรส่วนใหญ่ที่ "ขับอะไรก็ได้ ขออย่าให้มันเสียกลางทาง และราคารับได้ก็พอ" ต้องยอมรับจริงๆ ครับ ในสภาพจราจรกรุงเทพและเมืองหลวงส่วนใหญ่ ย่อมรถติดกันทั้งนั้น ที่จริงคือเกียร์ CVT มัน smooth กว่าจริงๆ แม้ว่าผมไม่ชอบ (เพราะชอบ DCT กับ Torque Converter ปกติมากกว่าก็ตาม
ประเด็นที่ผมพยายามจะยกตัวอย่างคือคนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการ performance หรือ feel จากการซื้อรถ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ positioning ของฝนแต่ละแบรนด์ (and marketing) ซะมากกว่า พวก Automotive journalist (โดยเฉพาะที่อเมริกา) ชอบพูดว่า "the car lacks responsiveness and taut body control in corners, suspension too floaty when weaving through canyons" พวกนี้มันก็เว่อร์ไปหน่อยครับ สำหรับประเทศที่มี speed limit บนทางหลวงส่วนใหญ่ 60-65 mph
หลายๆ คนที่ผมรู้จักที่ไม่ได้เป็นสิงห์รถยนต์และมีนถเกียร์ CVT แต่ละคนชอบมันมากครับ เพราะไม่มีการกระตุก และลื่นไหล อีกอย่างนึงคือเค้าไม่ค่อยเหยียบมิดอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ค่อยมี droning effect จากเกียร์ CVT
ความทนทานอันนี้ผมขอไม่พูดดีกว่า เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่ามันทนหรือไม่ บางท่านก็ claim ว่ามันทน บางท่านก็บอกว่าไม่ เอาเป็นว่า car manufacturers เค้ารู้ดีครับ ว่าถึงยังไง CVT หรือไม่ เค้าก็ยังขายได้อยู่ ถึงแม้ในอนาคต bmw / benz / audi หันมาใช้ CVT ในรถยนต์ Full Electric ของเค้าก็ตาม
+1 ครับ
รถที่ดี ไม่จำเป็นต้องแรงงง เปลี่ยนเกียร์กระชากดิบๆสะใจๆ เข้าโค้งคมๆ
แต่บางที การเปลี่ยนเกียร Smooth ในแบบของ CVT ให้อัตราเร่งไม่กระชาก ลื่นไหล นุ่มนวล ทั้งที่จริง แซงรถเกียรออโต รถเกียรธรรมดาไปหลายคัน ตอนออกไฟแดง ได้โดยที่ไม่ต้องเค้นรอบเครื่อง ลากรอบเสียงดังๆ แค่แช่รอบไว้ในช่วงที่ทอรคมา รอบต้นๆ ให้เกียรมันผันอัตราทดไป ความเร็วมันก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องไปตะบี้ตะบันคันเร่งด้วย
ผมว่ามันตอบโจทย์คนส่วนใหญ่มากกว่านะ บางที หลายคนอาจจะลืมว่า คนใช้รถส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้บ้ารถ ต้องการ "Ride Quality" ความเงียบ นุ่มสบาย ในการใช้รถจริงๆมากกว่า
รายการนึงเคยบอกไว้ รถที่ดี ไม่จำเป็นต้องสปอรตเสมอไป อย่าง RR ก็เป็นค่ายนึงที่ทำรถโดยไม่สนใจคำว่าSport เลยก็เป็นรถที่มึสเน่ห์ได้
ตอนสมัยก่อนเคยติดภาพรถดีๆต้องสปอร์ต แรง(เมื่อก่อนที่บ้านก็ใช้ BMW หลักๆ)
จนได้มีโอกาสไปนั่ง Lexus ES ตัวปัจจุบัน
ความคิดก็เปลี่ยน บางทีการเดินทางไกลด้วยความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เงียบ นุ่มนวล กับเกียร CVT และระบบไฮบริดมันเข้ากับ character ของรถมากๆ
-
Mini เป็น CVT มันก็ขายดีอยู่นะผมว่า
แต่ถ้าจะให้ซื้อก็คงไม่เอาหละครับ MT เท่านั้น
-
Mini เป็น CVT มันก็ขายดีอยู่นะผมว่า
แต่ถ้าจะให้ซื้อก็คงไม่เอาหละครับ MT เท่านั้น
Mini มี CVT ด้วยหรอครับ ผมไม่ทราบเลยจริงๆ
-
แสดงว่า wrx liineartronic 265 ม้า มี turbo และเป็น cvt น่าจะขับไม่สนุก
ลองไปดู 0-60 mph ดูครับ เร็วจริง คุณว่ามันสนุกไหมครับ ฟังเสียงอื้อออออออตลอด ถ้าผมมีตังค์ซื้อรถแรงระดับนั้นแต่ใช้เกียร์ cvt ผมไม่สนเลยครับ แรงแค่ไหนก็ไม่เอา รถประเภทนี้คือรถเน้น performance แต่เป็น cvt คือจบครับ ต่อให้เล่น manual ตอนเปลี่ยนอัตราทดเสียงก็ไม่เหมือนเปลี่ยนเกียร์อยู่ดี
ยุโรป ZF หรือ 9G หรือ Lexus ที่ใช้ AT ช่วงเปลี่ยนเกียร์เค้าทำได้เนียนไม่แพ้ CVT เลย แถมทนด้วย (ถ้าไม่ไปซน) เลยไม่รู้จะไปทำ CVT ทำไมให้เสียเงินค่า R&D อีกหลายๆล้าน
+1 ครับ
เกียร์ออโต้ของยุโรปเค้าส่งกำลังได้ดีอยู่อยู่แล้ว นิ่มแทบไร้รอยต่อ แถมเร็ว และอัตราทดซอยมาเยอะ 8-9 สปีด
มีอารมณ์การส่งกำลังแบบ Direct feel เหมือนเกียร์ธรรมดา อารมณ์การขับขี่ก็ดีกว่า CVT เยอะ
อัตราเร่งผมว่าจริงๆผมว่าไม่ได้แพ้ CVT เท่าไหร่หรอกครับ แต่เน้นว่าต้องเป็นออโต้ของยโรุปน่ะครับ
(ไม่ใช่เอาไปเทียบกับออโต้ของรถตลาดอย่างของญี่ปุ่นขับหน้านะครับ อันนั้นไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แค่ขับได้ใช้ทนและถูกแค่นั้น)
โดยเฉพาะ ZF ที่ BMW ใช้อยู่ อันนี้รู้สึกว่าคือนิพพานของเกียร์ออโตที่เป็นระบบทอร์คคอนเวอเตอร์เลย
ผมเลยมองไม่เห็นเหตุผลที่ยุโรประดับนั้นจะใช้ CVT เลยครับ
-
คนยุโรปยังใช้รถแบบเน้นการขับและอรรถรส feeling อะไรพวกนี้อยู่ครับ ผมไม่ได้บอกว่าcvt ไม่เร็วนะครับ เรื่องเร็วดีอยู่แล้วแต่ความรู้สึกการขับยังไม่ได้กับfeeling เพราะฉะนั้นในยุโรปไม่เกิดครับ แต่สำหรับผมยังไงก้ได้นะมีไว้หลายๆแบบในบ้านก้สนุกดี เหมือนต้องรู้จักรถแต่ล่ะคัน
-
bmw เคยเอา cvt ลง มินิ ตัวแรก ผลก็อย่างที่เห็น ออกมาแย่ การตอบรับไม่ดี เลยเปลี่ยนมาใช้แบบ
ธรรมดาตั้งแต่นั้นมา
-
แสดงว่า wrx liineartronic 265 ม้า มี turbo และเป็น cvt น่าจะขับไม่สนุก
รุ่น TOP ถึงเป็น MT ต่อยอดได้ไม่ต้องเสี่ยงเกียร์พังครับ
-
แสดงว่าที่ค่ายญี่ปุ่นหันมาใช้ cvt เพราะจะลดต้นทุน แถมยังได้อัตราเร่งดีกว่าเดิม ส่วนพังเร็วก็ดีอีก เพราะขายอะไหล่ได้ เท่ากับว่าผู้ผลิต win win win ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทุกค่ายพร้อมใจกันมา cvt
ส่วนคนใช้ผมไม่เห็นว่ารถมันจะราคาถูกลงเลย แถมไม่ได้เรื่องการขับขี่และความทนทานอีก
-
ผมเคยถามราคาเกียร์ CVT lineartronic ขับสี่ของ Subaru XV เบิกใหม่จากโรงงาน เห็นราคาแล้วจะอึ้ง......
ที่บอกลดต้นทุนๆ ผมว่าไม่น่าใช่นะ
ลดต้นทุนจริง ราคาจริงๆก็ไม่มีใครู้หรอกครับว่าเท่าไร รู้แต่ว่าเวลาขายให้ลูกค้า คงไม่มียี่ห้อไหนขายราคาถูกๆให้แน่ๆครับ
เคยเห็นศูนย์ขายหลอดใส้ไฟท้าย หลอดละ 150 บาท ทั้งๆที่ร้านซื้อข้างนอกหลอดหนึ่งไม่ถึง 50 บาท
ถึงราคาต้นน้ำจะมาถูกยังไง ปลายน้ำเค้าก็ขายให้เราแพงอยู่ดีครับ
กับหลอดไฟอาจจะใช่ครับ เพราะมันเป็นของที่ใครๆก็ผลิตได้
แต่ที่ผมยกตัวอย่าง CVT ของ Subaru เพราะว่ามันไม่ใช่ CVT แบบที่หลายๆคนคิดว่ามันเป็นพูเล่ 2 อันแล้วโยงด้วยหนังสติกเหล็กเส้นบางๆ
ของ Subaru เป็น CVT ลากระบบขับสี่ Fulltime มันจะมีแรงเสียดทานในระบบมากกว่ารถทั่วไป 2เท่า ชิ้นส่วนต่างๆจึงต้องออกแบบให้ทนทานและใหญ่กว่าปกติ เช่นใช้แพโซ่เส้นใหญ่ๆแทนสายเบลล์เหล็ก
ยังไม่รวมระบบตัวช่วยต่างๆเช่น Center Diff, X-Mode ระบบที่ควบคุมการหมุนล้อทั้ง 4 เวลาลุย, Torque vectoring ควบคุมแรงบิดแต่ละล้อขณะเข้าโค้ง อะไรทั้งหลายที่ควบระบบเข้ากับตัวเกียร์
และระบบวิศวกรรมก็ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เครื่องสูบนอนวาง layout เกียร์ตามยาวแบบรถขับหลัง มันเลยเป็นเทคโนโลยีเฉพาะ
เมื่อก่อนที่ Subaru ใช้เกียร์ Auto ดั้งเดิม ขับกันที 7-8 กิโล/ลิตร
พอมาใช้ CVT วิ่งกันได้ 13-14 กิโล/ลิตร ประหยัดเกือบเท่ารถขับ 2 ในระดับเดียวกันทั้งๆที่เป็นขับสี่ Fulltime
ถ้ามันลดต้นทุนจริง แต่ได้ผลลัพธ์ดีกว่าเดิมมันก็โอเคนะ
-
รถจีนก็ไม่ใช้เกียร์ CVT กันนะครับ ::)
-
ผมใช้ crv 1.6 disel 9 speed zf เคยทดลองเทียบฟิลลิ่งกับ 2.4 cvt ตัวดีเซลให้ฟิลลิ่งที่ดีกว่ามากครับ วิ่งลอยๆตัว 120-130 กดคันเร่งนิด เกียร์ตัดลงจาก 8ลง7 หรือจาก 9ลง8 เครื่องดีเซลทอร์กเยอะอยู่แล้วแค่เกียร์ตัดลง1 เกียร์ แรงบิดก็เพิ่มขึ้นอีก เร่งแซงขึ้นง่ายๆเลยครับ และ 9 speed zf ตัดต่อเกียร์แบบเนียนๆ ไร้รอยต่อ ไร้กระตุกใดๆครับ
-
เกียร์รถบั๊ม ถ้ามีผมคนนึงไม่ซื้อแน่ๆอารมณ์เสียงเครื่องและเกียร์เปลี่ยนไปเลยคงไปแบบเรื่อยๆจืดชืดไร้อารมณ์ กดแรงๆรอบสูงๆมันตื้อทื่อมากบอกไม่ถุก รอบไม่ดีดรถไม่พุ่งเหมือนทอร์คคอนเวอร์เตอร์ หรืออารมณ์เกียร์ชิฟดาวน์ไวหน้าทิ่มเล็กๆเตรียมกระชากออกต่อมันหายไปหมด หรืออย่างขับรถลงเขาหนักๆยิ่งคนละเรื่องกันเลยกลิ่นไหม้มาไวมากและรู้สึกเฟดไม่มั่นใจเหมือนลุก TORQUE
ถ้าเทียบง่ายๆเหมือนขี่เวฟกะมีโอ ไม่ว่าจะทางตรงเรียบหรือลงเขาลุยน้ำ การทรงตัวรถมีเกียร์ดีกว่ารถสายพานเยอะเลย
-
หาก เทียบ Perfomance
เรื่อง แรงบิด
CVT ไม่น่าจะสู้ AT ปกติได้ครับ นั่นน่าจะเป็นเหตุผล
ที่ รถ เน้น สมรรถน สูง ไม่เลือกใช้ CVT
ยิ่ง ยุโรษ ขับ MT กันด้วย
-
CVT คือเกียร์ต้นทุนต่ำครับ
เอาไว้ลดต้นทุน แต่ได้อัตราเร่งที่ดีกว่า torque converter แบบบ้านๆ
แต่ BEnz, BMw, Audi, Porschem Ferrari พวกนี้ ถ้าเค้าจะลดต้นทุนขนาดหันไป CVT มันก็เกินไปครับ เพราะอรรถรสมันเสีย
และรู้ไหมว่า auto ธรรมดาแบบ torque converter ของค่ายเหล่านี้ การตอบสนองมันเทพมากๆ เลย มันต่อเนื่องสุดๆ เช่น ZF 6, 8 สปีด
ตอนนี้ก็ให้แบบนี้ไปก่อน ถ้าวันข้างหน้าต้องไปต่อ ก็อาจจะไป dual clutch แบบเทพๆ แบบที่ Audi, Porsche, Ferrari ใส่มา ไม่ใช่ dual clutch คุณภาพต่ำแบบ FOrd ครับ
เอ่อคือ Audi เนี่ยตัวโปร CVT ฝั่งยุโรปเลยนะครับ โดยเรียกว่า Multi-tronic มาหยุดใช้งานจริงๆราวๆปี 2013-2014 นี่เอง เพราะไม่ได้รับความนิยมแม้ว่าจะโปรโมทขนาดไหนแล้วก็ตาม เลิกทำมันดีกว่า
https://youtu.be/FCn6jY0H79U
อันนี้เปิดโหมดS มีไล่รอบแบบเกียร์ออโต้ปกติด้วย
https://youtu.be/LMUez_38-ok
ช่วงสุดท้ายก่อนจะเลิกใช้ Audi ชอบยัด CVT ให้กับเครื่องดีเซลด้วย ไม่กลัวสายพานขาดกันเลย
-
ญี่ปุ่นเปลี่ยนรถบ่อย
CVT อายุการใช้งานสั้น ไม่เน้นอายุ
ส่วนทางโน้น ยุโรปเมกา ยังใช้นาน เน้นซ่อมได้เดานะครับ
-
ญี่ปุ่นเปลี่ยนรถบ่อย
CVT อายุการใช้งานสั้น ไม่เน้นอายุ
ส่วนทางโน้น ยุโรปเมกา ยังใช้นาน เน้นซ่อมได้เดานะครับ
จขกท น่าจะหมายถึง ผู้ผลิตรถ OEM ไม่ใช่ ประเทศจำหน่ายครับ
-
CVT เขาใช้กันในระดับ motorsport ยัน F1 เลยนะครับ (แต่สุดท้ายก็โดนแบนไป)
อย่างบางท่านบอกมา
CVT นี่รถยุโรปตัวแม่ อย่าง AUDI ใช้มาก่อน พลักเท่าไหร่ก็ไม่เกิด เลยต้องล้มไป เพราะคนใช้รถต้องอะไรที่มากกว่าคำว่า เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล และ ประหยัด
Benz ยังเคยจับใส่ใน A Class W168/W169 เลย
ในเมกา มันทั้ง chev ทั้ง ford ที่เคยใส่ มาแล้ว
พอมาเป็นรถญี่ปุ่นมาใช้ ด้วยกลไลที่ไม่ซ้ำซ้อน ผนวกกับ ราคาค่อนข้างถูกในโดยรวม เลยมาบูมในรถญี่ปุ่น
อย่างที่บอก คนซื้อรถ หรือ เทรนด์ของรถ ต้องการอะไรที่มากกว่าคำว่า เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล และ ประหยัด พอรถมี Line up ให้เลือกว่า MT หรือ AT หรือ CVT ตอนนั้น คนคงเลือก CVT น้อยมาก เลยต้องหยุดพลักดัน CVT เลยไม่ได้ไปต่อในหลายๆ แบรนด์
-
ถ้าคนขับรถ MT มาเจอ CVT นี่ เครียดขึ้นสมองทันทีครับ