Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: punn ที่ กรกฎาคม 27, 2018, 14:51:36
-
พอดีครบพันโล เลยเอามาเช็คระยะ ก็เลยเปลี่ยนนมค.ด้วยเลยครับ
ศูนย์บอกยังไม่เคยเปลี่ยนรุ่นนี้เลย ???
ไปดูเบอร์ ก็เป็นของโตโย sn 100 5w-40 ยอดนิยม
พึ่งรู้ครับเลยเอามาชวนคุยกัน สำหรับรถติดๆดับๆ ก็คงปกติใช่มั้ยครับ
ฟิล์มน้ำมันเน้นหนาๆปกป้องตอนสตาร์ทอย่างเดียวเลย :)
เห็นรถปกติจะเน้นใสๆยี่ห้ออื่น ใส่เบอร์ 15 กันเลยทีเดียว
มีใครยังอนุรักษ์นิยม เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 1,000 โลแรกอยู่มั้ยครับ
เจอศูนย์บอกแบบนี้แสดงว่าคนที่เปลี่ยนพันโลคงใกล้สูญพันธุ์ ;D ;D ;D
-
ของผมตอนเช็ค1000โลช่างไม่เห็นทำไรเลย เปิดฝาโปรงเติมน้ำให้เฉยไปเอง
-
ปรกติ Toyota มาตรฐานคือเบอร์ 40 มาตลอด
หลังๆจะมีพวก eco car บางรุ่นนี่แหละ ที่ใช้น้ำมันบางๆ เพื่อผลประหยัดน้ำมัน
-
ปกติที่ผ่านมากว่า 320,000 km ผมเติม toyota ถังเขียวกึ่งสังเคราะห์เบอร์ 30 อะครับ 40 toyota แพงไป 20ก็น่าจะบางไป
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
-
นมค. เบอร์ 15 มีแล้วครับ new Swift แม่ยายผม สเปคเบอร์ 15...
-
1000 โล ไม่เปลี่ยนครับ เปลือง
เครื่องยนต์สัก 20 ปีให้หลังไม่มีความจำเป็นแล้วครับ
-
สังเคราะห์เบนซินโตโยต้ามี2ตัวครับ กระป๋องเทาฉลากเขียวเป็นเบอร์ 0W-20 ส่วน 5W-40 กระป๋องฟ้า ตัว 5W-40 ราคาจะสูงกว่า แล้วก็โตโยต้ากำหนดว่าตัว 5W-40 ใช้ได้ทั้งเบนซินและดีเซลเลย สรุป ถ้าอยากได้เบอร์บางๆก็บอกเค้ามี 0W-20 ให้
-
ในไทยผมยังไม่เห็น 15 นะครับ
มี CR-V ดีเซล นี่แหละ 0W-16 มาเลย ไม่รู้สุดท้ายแกยอมถอยกลับไป 20 มั้ย (ใครซื้อก็ดูคู่มือกันเอาเองนะ)
แล้วก็ ถ้าพวกไฮบริด/มี Idling Stop ส่วนมากเขาจะใส่เบอร์บางกันครับ
-
ผมไม่พูดถึงเรื่องเบอร์หนา เบอร์บางนะครับ.............................
แต่จะมาเล่าให้ฟัง วันก่อนมีเรื่องว่าลูกค้าเอา CH-R เข้าศูนย์แล้วต้องการถ่ายน้ำมันเบอร์ W20 ตามคู่มือ
แต่ช่างจะให้ใส่เบอร์ W40 แทน โดยอ้างว่าประกันจะขาด..!!
คืองงไหม ??? เปลี่ยน้ำมันเครื่องตามคู่มือแต่ประกันขาด ต้องเปลี่ยนตามความเห็นช่างแทน
-
นมค. เบอร์ 15 มีแล้วครับ new Swift แม่ยายผม สเปคเบอร์ 15...
ขอบคุณครับ ผมเพิ่งทราบเลย คงหนืดใกล้เคียงน้ำมันพืชเลยน่ะครับเนี่ย
-
ในกลุ่มchrเอาคู่มือมากางเห็นให้ใช้เบอร์20นะครับ
แต่ทำไม0ไม่เติมตามคู่มือ
เป็นกันหลาย0เลย ไม่ใช่0เดียว
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
จริงครับ ผิดเต็มๆ ขอบคุณครับผม :-[ :-[ :-[
สตาร์ทบ่อยๆ บางๆดีกว่าสินะครับ
ในไทยผมยังไม่เห็น 15 นะครับ
มี CR-V ดีเซล นี่แหละ 0W-16 มาเลย ไม่รู้สุดท้ายแกยอมถอยกลับไป 20 มั้ย (ใครซื้อก็ดูคู่มือกันเอาเองนะ)
แล้วก็ ถ้าพวกไฮบริด/มี Idling Stop ส่วนมากเขาจะใส่เบอร์บางกันครับ
ขอบคุณครับ บางๆดีกว่าสินะครับ
จะได้เพิ่มความเข้าใจตัวเองใหม่ :)
ออกจากศูนย์ เสียงแน่นแบบรู้สึกได้
อีกมุม สงสัยจะกินน้ำมันเพิ่มแหงๆ :'(
-
ลองไล่เบอร์ดูละกันนะ 20 30 40
แล้วจับอาการดู
แต่ปรกติรถใหม่ๆ โดยเฉพาะ hybrid
เค้าจะให้ใช้ 20 มะใช่หรือ
ปล เคยใส่ 40 กับรถที่ใช้ 20 ได้ เสียงแน่น แต่วิ่งไม่ค่อยดีอ่ะ
ใส่ 40 แนะนำให้อุ่นเครื่องนานกว่าที่เคยนิดนึง ถ้ามี oil press gauge
จะเห็นได้ว่าเร่ง ช่วงเครื่องเย็น เเรงดันจะสูง เร่งเครื่องมากๆ ระวังน้ำมันจะเลี้ยงเครื่องไม่ทัน
-
เปลี่ยน นมค ที่1,000กม.แรก
เอ๊ะะะ หรือ รถจอดไว้ก่อนส่งมอบ ลค ครบระยะ6เดือน
ตามอายุ นมค เลยระบุให้เปลี่ยนใหม่
-
ผมไม่พูดถึงเรื่องเบอร์หนา เบอร์บางนะครับ.............................
แต่จะมาเล่าให้ฟัง วันก่อนมีเรื่องว่าลูกค้าเอา CH-R เข้าศูนย์แล้วต้องการถ่ายน้ำมันเบอร์ W20 ตามคู่มือ
แต่ช่างจะให้ใส่เบอร์ W40 แทน โดยอ้างว่าประกันจะขาด..!!
คืองงไหม ??? เปลี่ยน้ำมันเครื่องตามคู่มือแต่ประกันขาด ต้องเปลี่ยนตามความเห็นช่างแทน
ในกลุ่มchrเอาคู่มือมากางเห็นให้ใช้เบอร์20นะครับ
แต่ทำไม0ไม่เติมตามคู่มือ
เป็นกันหลาย0เลย ไม่ใช่0เดียว
:-X :-X :-X ผมลืมดูคู่มือ
พอดีทักช่างแล้ว ช่างไม่มีอาการว่าผิดแปลก ก็เลย... :'(
ลองไล่เบอร์ดูละกันนะ 20 30 40
แล้วจับอาการดู
แต่ปรกติรถใหม่ๆ โดยเฉพาะ hybrid
เค้าจะให้ใช้ 20 มะใช่หรือ
ปล เคยใส่ 40 กับรถที่ใช้ 20 ได้ เสียงแน่น แต่วิ่งไม่ค่อยดีอ่ะ
ใส่ 40 แนะนำให้อุ่นเครื่องนานกว่าที่เคยนิดนึง ถ้ามี oil press gauge
จะเห็นได้ว่าเร่ง ช่วงเครื่องเย็น เเรงดันจะสูง เร่งเครื่องมากๆ ระวังน้ำมันจะเลี้ยงเครื่องไม่ทัน
??? ??? ???
ไม่มีวัด oil ด้วย
แล้วเสียงก็..แน่นมากครับ :'(
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
ในเมืองเนี่ยตัวความร้อนสูงเลยล่ะครับ นอกเมืองความร้อนไม่ได้มากเท่าไหร่มีลมพัดตลอดเวลา
สำหรับเมืองร้อนอย่างเมืองไทยผมว่าน้ำมันเบอร์ 30 40 จะเหมาะสมกว่านะ เบอร์ 20 ให้เมืองที่หนาวๆเค้าใช้ไปเหอะ ที่เอามาใช้ในเมืองไทยนี่หวังผลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองกับราคาล้วนๆ แต่มันไม่ดีต่อเครื่องในระยะยาว
-
เปลี่ยน นมค ที่1,000กม.แรก
เอ๊ะะะ หรือ รถจอดไว้ก่อนส่งมอบ ลค ครบระยะ6เดือน
ตามอายุ นมค เลยระบุให้เปลี่ยนใหม่
ไม่ครับ อันนี้ผมรีเควสเอง :)
พอดีรู้แต่รถส่งมาให้เค้าถอดไมล์ออกวิ่งทีแรก กันไม่ให้ลูกค้าบ่น
เพราะรถเทรลเลอร์มาส่งแค่ตัวจังหวัด พนักงานขับลงเรือมาส่งศูนย์บนเกาะอีกที
ผมถามเค้าก็บอกตรงๆ
อีกคันคนละยี่ห้อเลขไมล์รถวิ่งมาเกาะก็เกือบร้อย(หลักหน่วยจะครบร้อย)
กับไม่รู้ช่างเถลไถลที่ไหนอีกช่วงถอดไมล์คันนี้
ผมเลยเปลี่ยนให้สบายใจ กับความเชื่อเดิมๆเรื่องรันอินด้วยครับ
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
ในเมืองเนี่ยตัวความร้อนสูงเลยล่ะครับ นอกเมืองความร้อนไม่ได้มากเท่าไหร่มีลมพัดตลอดเวลา
สำหรับเมืองร้อนอย่างเมืองไทยผมว่าน้ำมันเบอร์ 30 40 จะเหมาะสมกว่านะ เบอร์ 20 ให้เมืองที่หนาวๆเค้าใช้ไปเหอะ ที่เอามาใช้ในเมืองไทยนี่หวังผลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองกับราคาล้วนๆ แต่มันไม่ดีต่อเครื่องในระยะยาว
มีเหตุผล :)
(ให้ทนใช้ต่อ)
-
สังเคราะห์เบนซินโตโยต้ามี2ตัวครับ กระป๋องเทาฉลากเขียวเป็นเบอร์ 0W-20 ส่วน 5W-40 กระป๋องฟ้า ตัว 5W-40 ราคาจะสูงกว่า แล้วก็โตโยต้ากำหนดว่าตัว 5W-40 ใช้ได้ทั้งเบนซินและดีเซลเลย สรุป ถ้าอยากได้เบอร์บางๆก็บอกเค้ามี 0W-20 ให้
ขอบคุณครัช :'( :'( :'(
-
ดูคู่มือรถหรือยังครับ เห็นในคลับมีดราม่ากันว่า ถ้าศูนย์จะบอกให้เติม 5W40 แต่คู่มือจะบอกว่าเบอร์ 0W20 อะไรประมาณนี้ครับ แล้วมีลูกค้าไปทะเลาะกันสุดท้ายศูนย์เปลี่ยนให้ตาม manual รถแต่เขียนลงใบเสร็จว่า ประกันเครื่องขาด กำลังดราม่ากันเลยครับ
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
ในเมืองเนี่ยตัวความร้อนสูงเลยล่ะครับ นอกเมืองความร้อนไม่ได้มากเท่าไหร่มีลมพัดตลอดเวลา
สำหรับเมืองร้อนอย่างเมืองไทยผมว่าน้ำมันเบอร์ 30 40 จะเหมาะสมกว่านะ เบอร์ 20 ให้เมืองที่หนาวๆเค้าใช้ไปเหอะ ที่เอามาใช้ในเมืองไทยนี่หวังผลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองกับราคาล้วนๆ แต่มันไม่ดีต่อเครื่องในระยะยาว
อ่า เรื่องนี้เดี๋ยวขออธิบายเพิ่มครับ เพราะเป็นเรื่องที่คนชอบเค้าใจผิดเรื่องนึงเหมือนกันครับ
เข้าใจผิดไปว่าอุหณภูมิน้ำมันเครื่องจะต้องแปรไปตามอุณหภูมิหม้อน้ำเสมอไป ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ...
ถ้าให้สรุปสั้นๆ ผมจะสรุปสถานะความร้อนของแต่ละจุดได้ตามนี้ครับ
สถานนะเดินเบาหรือรถติดนานๆ
อุณหภูมินำหล่อเย็นในหม้อน้ำ = ร้อนมากหรือร้อนจัด
อุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์ = ร้อนมากหรือร้อนจัด
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง = ร้อนน้อย
สถานนะวิ่งด้วยความเร็วสูงๆ ใช้รอบสูงต่อเนื่องนานๆ
อุณหภูมินำหล่อเย็นในหม้อน้ำ = ร้อนกลาง
อุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์ = ร้อนกึ่งอุ่น
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง = ร้อนมากหรือร้อนจัด
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก้เพราะว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะแปรผันไปตามในห้องเผาไหม้หรือชิ้นส่วนภายในเป็นหลักครับ
ตอนเดินเบาเครื่องทำงานน้อย ภาระน้อย รอบน้อย(เท่ากับแรงเสียดทานน้อย) ในห้องเผาไหม้มันไม่ค่อยร้อนมาก
ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ก็จะมีอุณหภูมิประมาณ 100-200 องศา แล้วแต่ว่าจุดไหน ในขณะเดิบเบา รถติด น้ำมันเครื่องก็จะไม่ค่อยร้อนครับ
ก็แค่ร้อนระดับนึง แต่พอวิ่งนอกเมือง ใช้ความเร็วสูงรอบสูง ภาระเครื่องสูง ทุกอย่างก้จะตรงกันข้ามกับตอนเดินเบา
ทุกๆชิ้นส่วนในเครื่องจะมีความร้อนสูงจัดมาก ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ก็จะมีอุณหภูมิขึ้นมาถึงประมาณ 300-800 องศา
แล้วแต่ว่าจุดไหน ทำให้น้ำมันเครื่องร้อนจัดมาก ถึงจะมีลมเข้ามาในห้องเครื่องก็ตาม แต่เนื่องจากชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มันมีอุณหภูมิสูงกว่าตอนเดินเบามากหลายเท่าตัว จึงทำให้ตอนวิ่ง น้ำมันเครื่องมันก็ยังร้อนกว่าตอนเดินเบาอยู่ดีครับ.....แต่กรณีน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ
มันมีทางเดินน้ำรังผึ้ง(ซึ่งก็คือหม้อน้ำ)ไปรอรับลม อยู่หน้ารถเลย เทียบกับตอนจอดเดินเบา เวลาวิ่งแล้วอุณหภูมิน้ำจึงลดลงหน่อยนึง เพราะลมปะทะรถที่ความเร็ว 120+ นั้นแรงกว่าพัดลมหม้อน้ำแน่นอน แล้วน้ำหล่อเย็นไม่ได้ไปสัมผัสกับชิ้นส่วนในเครื่องยนต์โดยตรงเหมือนน้ำมันเครื่อง
วนๆอยู่แค่นอกผนังเสื้อสูบ+ฝาสูบ มันจึงไม่ร้อนจัดเท่าน้ำมันเครื่องในขณะที่เครื่องทำงานรอบสูงๆครับ
เรื่องนี้ยังไม่ต้องเชื่อผมก้ได้ครับ แค่อ่านผ่านๆไป แต่ให้ลองไปถามคนที่เค้าขับรถแต่งๆที่เค้ามีเกจวัดอุณหภุมิน้ำมันเครื่องดูนะครับ
ถามเค้าดูครับว่าตอนไหนน้ำมันเครื่องร้อนกว่ากัน ระหว่างตอนจอดเดินเบากับวิ่งเร็วๆ
แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมรถแข่งถึงต้องใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ข้นมาก เบอร์ 60 เลย ทั้งๆที่วิ่งด้วยความเร็ว 200-300+ ตลอด
ไม่ได้จอดเดินเบา ลมปะทะแรงขนาดนั้นตลอดนะครับ.
-
กางคู่มือเลยครับ หน้าค่อนไปทางท้ายๆ จะมี spec น้ำมันเครื่องที่แนะนำบอกไว้ Api , ACEA และความหนืดที่สามารถใช้ได้
โดยมักจะไม่ระบุตายตัวว่าต้องเป็นเบอร์นี้เบอร์เดียวเท่านั้น
ถามว่า 0w-20 มีมั้ย ก็มีนะครับ แต่ผมยังไม่เคยเห็นศูนย์โตโยต้าไหน stock เบอร์นี้เท่าไร ซ้ำแล้ว ช่างเองเผลอๆยังไม่รู้ว่า TMT ก็มีเบอร์นี้ขาย เลยไปเถียงกับลูกค้าแบบนั้น
https://www.toyota.co.th/customerservice/oil
ถามว่าใส่ 5w-40 ได้มั้ย ได้อยู่แล้วครับ ตัวเกรดน้ำมันเองดูดีกว่า 0W-20 นี่ด้วยซ้ำ แต่ 5w-40 แกลลอนน้ำเงินของศูนย์นี่ราคาแรงไป
ส่วน 1000 กม. แรก รถผมก็เลิกถ่ายน้ำมันเครื่องไปแล้วครับ ไปว่ากันที่ 10000 หรือ 6 เดือนแรกเลย นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
-
ผมใช้รถมา สั้งเคราะห์100 เบอร์40 ทุกคันตั้งแต่แรกก้ดีทุกคันนะครับ 350000 โลขายไปก้ยังดีอยู่
-
พวกเบอร์16 20 นี่ไม่รู้ใช้ไปได้ยังไง
0เดี๋ยวนี้แม่งลดสเปคหากำไรไม่พอ ช่างบางคนก็เลวอีก
-
เรื่องที่ Toyota ใช้ไม่ตรงตามคู่มือแนะนำไว้เป็นมานานเกินสิบปีแล้วครับ ไม่ใช่แค่ CH-R
ของศูนย์เบอร์ 40 เป็นสังเคราะห์ เบอร์ 30 เป็นกึ่ง
ซึ่งปกติผมไม่ได้ใช้น้ำมันเครื่องศูนย์อยู่แล้ว แต่ซื้อจากร้านแล้วหิ้วเข้าศูนย์
ก็ได้ตรงที่ต้องการและราคาถูกกว่ามาก ทำแบบนี้มา 20 ปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร
-
ใช้เบอร์อะไร ผมขอไม่ออกความคิดเห็นเพราะหลายๆคนก็ตอบไปแล้ว แต่ที่สำคัญ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070)
ลองไปอ่านดูว่าโตโยต้าให้ใครผลิตน้ำมันเครื่องให้
แล้วผมถามคุณ จขกท ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นคนรักรถแน่นอนจึงเปลี่ยน นมค ที่ 1000 โล ว่าทุกวันนี้คุณเติมน้ำมันเจ้าไหน
-
ใช้เบอร์อะไร ผมขอไม่ออกความคิดเห็นเพราะหลายๆคนก็ตอบไปแล้ว แต่ที่สำคัญ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070)
ลองไปอ่านดูว่าโตโยต้าให้ใครผลิตน้ำมันเครื่องให้
แล้วผมถามคุณ จขกท ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นคนรักรถแน่นอนจึงเปลี่ยน นมค ที่ 1000 โล ว่าทุกวันนี้คุณเติมน้ำมันเจ้าไหน
โตโยต้าตอนนี้เป็น Shell ครับผม ตามที่คุณ Jae บอกมาเค้าใช้ระบบ Bid ใครได้ราคาต่ำสุดคนนั้นก็ได้ไป ตอนนี้ (2018) Shell Bid ได้ครับ
-
30หรือ40หรือ50ก็ได้ครับ
แต่รถไฮบริดผมจัด 40 ครับ
-
จขกท น่าจะเข้าผิดน่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจ น้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆข้นๆมันจะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันใส
ทำให้เวลาสตาร์ท น้ำมันที่ข้นกว่าหนืดกว่า จะต้องใช้เวลามากกว่าน้ำมันใส กว่าที่จะไหลเวียนไปหล่อลื่นได้ทั้งระบบ 100%
แต่น้ำมันข้นจะหล่อลื่นได้ดีกว่าในช่วงที่อุณหภูมสูงๆครับครับ น้ำมันที่ข้นหนืดกว่าจึงเหมาะกับรถที่วิ่งยาวๆเป็นหลัก โหลดภาระเยอะ
หรือรถแต่ง หรือรถเดิม แต่เจ้าของชอบขับอัดบ้างไรบ้าง หรืออัดบ่อยๆ อย่างถ้ารถแข่งจะใส่กันเบอร์ 60 เลยครับ ประมาณนี้ครับ
แต่น้ำมันใสเหมาะกับรถที่เน้นวิ่งในเมืองความร้อนไม่สูงจัด สตาร์ทบ่อยๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องดูที่ผู้ผลิตระบุมาจะดีที่สุดครับ ว่าเครื่องที่เราใช้สมควรใช้เบอร์ไหนถึงเบอร์ไหนได้บ้าง
แต่ผมเพียงอธิบายให้นึกภาพออกเฉยๆ
ส่วนน้ำมันเครื่องใสขนาดเบอร์ 15 นี่มีด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งทราบเลยเบอร์ 20 ผมก็ว่าใสน่ากลัวแล้วน่ะครับ 30 ก็ยังว่าใสเลย
แต่ถ้าหมายถึง 15W40 อันนี้ไม่ใช่ 15 น่ะครับ ความหนืดความข้นอิงตัวหลังเป็นหลักครับ ตัวหน้ามันเป็นจุดที่น้ำมันแข็งตัว
ตราบใดที่เมืองไทยยังไม่มีหิมะตก ก้ไม่ต้องไปสนตัวหน้าครับ สนแต่ตัวหลังพอครับ
ในเมืองเนี่ยตัวความร้อนสูงเลยล่ะครับ นอกเมืองความร้อนไม่ได้มากเท่าไหร่มีลมพัดตลอดเวลา
สำหรับเมืองร้อนอย่างเมืองไทยผมว่าน้ำมันเบอร์ 30 40 จะเหมาะสมกว่านะ เบอร์ 20 ให้เมืองที่หนาวๆเค้าใช้ไปเหอะ ที่เอามาใช้ในเมืองไทยนี่หวังผลเรื่องอัตราสิ้นเปลืองกับราคาล้วนๆ แต่มันไม่ดีต่อเครื่องในระยะยาว
อ่า เรื่องนี้เดี๋ยวขออธิบายเพิ่มครับ เพราะเป็นเรื่องที่คนชอบเค้าใจผิดเรื่องนึงเหมือนกันครับ
เข้าใจผิดไปว่าอุหณภูมิน้ำมันเครื่องจะต้องแปรไปตามอุณหภูมิหม้อน้ำเสมอไป ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ...
ถ้าให้สรุปสั้นๆ ผมจะสรุปสถานะความร้อนของแต่ละจุดได้ตามนี้ครับ
สถานนะเดินเบาหรือรถติดนานๆ
อุณหภูมินำหล่อเย็นในหม้อน้ำ = ร้อนมากหรือร้อนจัด
อุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์ = ร้อนมากหรือร้อนจัด
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง = ร้อนน้อย
สถานนะวิ่งด้วยความเร็วสูงๆ ใช้รอบสูงต่อเนื่องนานๆ
อุณหภูมินำหล่อเย็นในหม้อน้ำ = ร้อนกลาง
อุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์ = ร้อนกึ่งอุ่น
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง = ร้อนมากหรือร้อนจัด
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก้เพราะว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะแปรผันไปตามในห้องเผาไหม้หรือชิ้นส่วนภายในเป็นหลักครับ
ตอนเดินเบาเครื่องทำงานน้อย ภาระน้อย รอบน้อย(เท่ากับแรงเสียดทานน้อย) ในห้องเผาไหม้มันไม่ค่อยร้อนมาก
ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ก็จะมีอุณหภูมิประมาณ 100-200 องศา แล้วแต่ว่าจุดไหน ในขณะเดิบเบา รถติด น้ำมันเครื่องก็จะไม่ค่อยร้อนครับ
ก็แค่ร้อนระดับนึง แต่พอวิ่งนอกเมือง ใช้ความเร็วสูงรอบสูง ภาระเครื่องสูง ทุกอย่างก้จะตรงกันข้ามกับตอนเดินเบา
ทุกๆชิ้นส่วนในเครื่องจะมีความร้อนสูงจัดมาก ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ก็จะมีอุณหภูมิขึ้นมาถึงประมาณ 300-800 องศา
แล้วแต่ว่าจุดไหน ทำให้น้ำมันเครื่องร้อนจัดมาก ถึงจะมีลมเข้ามาในห้องเครื่องก็ตาม แต่เนื่องจากชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มันมีอุณหภูมิสูงกว่าตอนเดินเบามากหลายเท่าตัว จึงทำให้ตอนวิ่ง น้ำมันเครื่องมันก็ยังร้อนกว่าตอนเดินเบาอยู่ดีครับ.....แต่กรณีน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ
มันมีทางเดินน้ำรังผึ้ง(ซึ่งก็คือหม้อน้ำ)ไปรอรับลม อยู่หน้ารถเลย เทียบกับตอนจอดเดินเบา เวลาวิ่งแล้วอุณหภูมิน้ำจึงลดลงหน่อยนึง เพราะลมปะทะรถที่ความเร็ว 120+ นั้นแรงกว่าพัดลมหม้อน้ำแน่นอน แล้วน้ำหล่อเย็นไม่ได้ไปสัมผัสกับชิ้นส่วนในเครื่องยนต์โดยตรงเหมือนน้ำมันเครื่อง
วนๆอยู่แค่นอกผนังเสื้อสูบ+ฝาสูบ มันจึงไม่ร้อนจัดเท่าน้ำมันเครื่องในขณะที่เครื่องทำงานรอบสูงๆครับ
เรื่องนี้ยังไม่ต้องเชื่อผมก้ได้ครับ แค่อ่านผ่านๆไป แต่ให้ลองไปถามคนที่เค้าขับรถแต่งๆที่เค้ามีเกจวัดอุณหภุมิน้ำมันเครื่องดูนะครับ
ถามเค้าดูครับว่าตอนไหนน้ำมันเครื่องร้อนกว่ากัน ระหว่างตอนจอดเดินเบากับวิ่งเร็วๆ
แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมรถแข่งถึงต้องใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ข้นมาก เบอร์ 60 เลย ทั้งๆที่วิ่งด้วยความเร็ว 200-300+ ตลอด
ไม่ได้จอดเดินเบา ลมปะทะแรงขนาดนั้นตลอดนะครับ.
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ที่ผ่านมาผมสังเกตุจากรถตัวเอง ถ้าขับในดงรถติดพอถึงที่แล้วเปิดฝากระโปรงมือแทบพองเวลาจับไม้ค้ำ ต่างจากตอนวิ่งต่างจังหวัดจะแค่อุ่นๆ ประกอบกับในคู่มือจะบอกว่าวิ่งในเมืองรถติดๆคือการใช้งานหนัก แต่ที่ท่านบอกมาคือความรู้ใหม่เลย
-
จะว่าไป ตั้งแต่ยุคอัลติสหน้าหมูปี 2544 ก็แนะนำ 10W-30 / 5W-40
ในคู่มือโดโยต้าสำหรับรถ 1.5 ขึ้นไป ไม่ได้บอกให้เติม 0W-20
แต่จะเน้นไปทาง 10W-30 หรือ 5W-40 มากกว่า
แม้กระทั่ง Prius ยังให้เติม 10W-30 ครับ
ลองเข้าไปไล่เล่นๆดู
https://www.toyota.co.th/customerservice/maintenance_lookup_128_10000
เบอร์ 0W-20 เห็นใช้เฉพาะยาริส Eco 1.2 เท่านั้น คงหวังผลเรื่องความประหยัด
ส่วนถ่ายน้ำมันพันกิโลเมตรแรก ผมก็เปลื่ยนครับ และที่ 5000 / 10,000 ด้วย
มอเตอร์ไซค์ Aerox ผมเปลื่ยนน้ำมันเครื่อง + เฟืืองท้ายที่ 100 / 500 / 1,000 / 2,000 / 3,000
ใครจะว่าหัวโบราณก็ช่าง ผมซี้อความสบายใจครับ
-
ดูคู่มือรถหรือยังครับ เห็นในคลับมีดราม่ากันว่า ถ้าศูนย์จะบอกให้เติม 5W40 แต่คู่มือจะบอกว่าเบอร์ 0W20 อะไรประมาณนี้ครับ แล้วมีลูกค้าไปทะเลาะกันสุดท้ายศูนย์เปลี่ยนให้ตาม manual รถแต่เขียนลงใบเสร็จว่า ประกันเครื่องขาด กำลังดราม่ากันเลยครับ
??? ??? ???
มีดราม่ากันด้วยหรือครับ พอดีงานยุ่งมาก
เร่งเปิดโรงแรมอยู่ไม่ได้ตามในชมรมเลยครับ
ก็รอดูกันต่อไป :-\
-
ใช้เบอร์อะไร ผมขอไม่ออกความคิดเห็นเพราะหลายๆคนก็ตอบไปแล้ว แต่ที่สำคัญ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=63416.msg1116070#msg1116070)
ลองไปอ่านดูว่าโตโยต้าให้ใครผลิตน้ำมันเครื่องให้
แล้วผมถามคุณ จขกท ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นคนรักรถแน่นอนจึงเปลี่ยน นมค ที่ 1000 โล ว่าทุกวันนี้คุณเติมน้ำมันเจ้าไหน
โตโยต้าตอนนี้เป็น Shell ครับผม ตามที่คุณ Jae บอกมาเค้าใช้ระบบ Bid ใครได้ราคาต่ำสุดคนนั้นก็ได้ไป ตอนนี้ (2018) Shell Bid ได้ครับ
จริงครับ ไม่ได้เติมปั๊มหัวโจกนานแล้วครับ
ส่วนน้ำมันเครื่อง อันนี้ส่องเหมือนกันครับ สบายใจขึ้นมาหน่อย
ยืนยันด้วยรูป :)
-
จะว่าไป ตั้งแต่ยุคอัลติสหน้าหมูปี 2544 ก็แนะนำ 10W-30 / 5W-40
ในคู่มือโดโยต้าสำหรับรถ 1.5 ขึ้นไป ไม่ได้บอกให้เติม 0W-20
แต่จะเน้นไปทาง 10W-30 หรือ 5W-40 มากกว่า
แม้กระทั่ง Prius ยังให้เติม 10W-30 ครับ
ลองเข้าไปไล่เล่นๆดู
https://www.toyota.co.th/customerservice/maintenance_lookup_128_10000
เบอร์ 0W-20 เห็นใช้เฉพาะยาริส Eco 1.2 เท่านั้น คงหวังผลเรื่องความประหยัด
ส่วนถ่ายน้ำมันพันกิโลเมตรแรก ผมก็เปลื่ยนครับ และที่ 5000 / 10,000 ด้วย
มอเตอร์ไซค์ Aerox ผมเปลื่ยนน้ำมันเครื่อง + เฟืืองท้ายที่ 100 / 500 / 1,000 / 2,000 / 3,000
ใครจะว่าหัวโบราณก็ช่าง ผมซี้อความสบายใจครับ
โห รักรถมากๆเลยครับ :-*
-
ผมไม่พูดถึงเรื่องเบอร์หนา เบอร์บางนะครับ.............................
แต่จะมาเล่าให้ฟัง วันก่อนมีเรื่องว่าลูกค้าเอา CH-R เข้าศูนย์แล้วต้องการถ่ายน้ำมันเบอร์ W20 ตามคู่มือ
แต่ช่างจะให้ใส่เบอร์ W40 แทน โดยอ้างว่าประกันจะขาด..!!
คืองงไหม ??? เปลี่ยน้ำมันเครื่องตามคู่มือแต่ประกันขาด ต้องเปลี่ยนตามความเห็นช่างแทน
โหดมาก อยากเจอกับตัวจัง กล้าให้ประกันขาดเพราะเติมตามคู่มือ มีเรื่องแน่ๆ