Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Peter Wen ที่ กรกฎาคม 28, 2018, 21:52:07
-
ตามหัวข้อเลยครับ
-
ซื้อรถทั้งที เลือกเทคโนโลยีใหม่ไปเลยครับ ทั้งเครื่องและเกียร์ 10 speed เทคโนโลยี ไม่ทำให้ผิดหวังแน่ครับ เรื่องความทนทานและความจุกจิกในช่วงรับประกันสบายใจได้
เลยวารันตีไปแล้วปัญหามีมาทุกยีห้อ จะมากจะน้อยอยู่ที่เทคโนโลยีที่ใส่เข้ามากับตัวรถ
ถ้ากลัวมีปัญหา ไม่อยากให้มีเลยก็ซื้อรุ่นเก่า
ถ้าไม่กลัว เอาของใหม่ขับมันส์ ก็ซื้อรุ่นใหม่ครับ
-
2.2 กำลังจะโดนทิ้งเร็วๆนี้เป็นเครื่องเก่า ปัญหาก็รู้กันแล้วว่ามีอะไรบ้างแต่ยังไงมันก็เก่าแล้ว
ส่วน 2.0 จากนี้คือเครื่องสหกรณ์ที่ฟอร์ดจะใช้ทั้งเก๋ง ทั้งกระบะ ทั้งรถตู้ ทั้ง SUV ไม่ว่าขับหน้า ขับหลัง ขับ4
แต่จะใช้พื้นฐานเครื่องนี้หมดไม่แยกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วที่แยกเครื่องดีเซลเพื่อรถการพานิชณ์ เพื่อรถนั่ง
-
เครื่อง 2.2 มันก็ทนในระดับหนึ่ง ไม่ค่อยจุกจิกนัก พวกของเหลวต่างๆ เน้นเปลี่ยนถ่ายก่อนระยะ
อย่างน้ำมันเครื่อง 15,000 โล ผมมองว่ามันนานเกินไปถึงแม้จะใช้สังเคราะห์แท้ของศูนย์ เปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 โล ดีที่สุด
พวกสายพานหน้าเครื่อง หมั่นสังเกตุ เสปคชิ้นส่วนพวกนี้พอมาเจออาการร้อนของบ้านเรา มักจะเสื่อมสภาพเร็วก่อนเวลา
เทอร์โบฟอร์ด 2.2 ไม่ค่อยทน ขับเดิมๆ ไม่แต่ง ไม่ไปจูนเพิ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร ขับทางไกลนานๆ ถึงเวลาจอดพักก็อย่าเพิ่งดับเครื่อง ช่วยป้องกันเทอร์โบพังเร็ว เท่าที่เห็นเทอร์โบพัง เพราะเอาไปจูนเพิ่ม ถ้าพัง ลูกใหม่ก็ 4 หมื่นกว่าบาท แต่เห็นอู่มักเอาเทอร์โบของ D-max มาแปลงใส่ มันทนกว่า
เกียร์อัตโนมัติ น่าห่วงตรงระบบบำรุงรักษาของฟอร์ด ถ้าเชื่อคู่มือ น้ำมันเกียร์ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายตลอดอายุเกียร์. หลัง 1 แสนโล เกียร์พังแน่นอน เปลี่ยนน่ำมันเกียร์ทุก 4 หมื่นโล ชัวร์สุด
เคยเห็นน้ำมันเกียร์ของเรนเจอร์เกียร์ออโต้ 6 สปีด ถ่ายออกมาตอน 5 หมื่นโล สีดำคล้ำมากๆ
เปลี่ยนถ่ายใช้ 13 ลิตร เยอะหน่อย แต่ดีกว่าค่าเกียร์ลูกใหม่ 1.4 แสนบาท
ชิ้นส่วนอื่นๆ อาจมีบางตัวพังเร็ว เช่นกลอนประตู รุ่นก่อนไมเนอร์ พังกันเยอะ แต่ก็หาซ่อมตามร้านกลอนประตูได้
รถกระบะไม่น่าห่วงเท่าไรครับ ก็ทน ขับดีตามสไตล์ แต่กำบำรุงรักษา บางอย่าง เปลี่ยนถ่ายก่อนระยะมันก็ดี
-
ตารางเช็คระยะ RANGER ระบุการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
ที่195,000กม.
เกรงว่า เกียร์Torq Convertor 10จังหวะจะพังก่อนเทอร์โบครับ
เปลี่ยนที่3-40,000กม./ครั้ง สบายใจนะ
-
ตารางเช็คระยะ RANGER ระบุการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
ที่195,000กม.
เกรงว่า เกียร์Torq Convertor 10จังหวะจะพังก่อนเทอร์โบครับ
เปลี่ยนที่3-40,000กม./ครั้ง สบายใจนะ
ฟอร์ดไม่รู้ทำไมให้เปลี่ยนอะไรทีนานมาก นํ้ามันเครื่อง 15,000 โล นํ่ามันเกียร์ 195,000โล สุดยอด
ผมรู้ว่าไม่มีใครรู้ดีกว่าวิศวะของผู้ผลิดรถ แต่ตอนผมดูนํ่ามันเครื่องในfiestaผมทุกๆ8,000โลมันควรเปลี่ยนแล้ว
-
ตัวไหนน่าจะทนกว่า ตอนนี้คงเดาว่า2.2แหละ พิสูจน์ตัวเองมาหลายปีละ
ส่วนตัวใหม่เครื่องไม่น่าห่วงเท่าเกียร์ แต่ถ้าถามผมไม่รู้จะซื้อ2.2เดิมทำไมเลยจริงๆ อืดกว่า ภาษีแพงกว่า กินกว่า
-
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น
-
2.2 เท่าที่เห็น ผมว่าเครื่องบล็อคนี้ทนใช้ได้นะครับ
2.0 คงต้องรอสักระยะแหละครับ
-
กลัว เกียร์ทุกคัน ตั้งแต่เฟียสต้า จุดประกาย...
-
2.2 เฉพาะเครื่องโดยรวมก็ทนทานใช้ได้ แต่เกียร์ผมว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าไรเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ทั้งในแง่การใช้งานและความทนทาน
ส่วน 2.0 ยังบอกไม่ได้หรอกครับว่าทนไม่ทน ของเพิ่งมาต้องดูกันสักพัก แต่ในใจผมรู้สึกไม่มั่นใจกับเกียร์ล้ำๆของฟอร์ดสักเท่าไร
ตัวอย่างมันมีให้เห็นมาแล้ว 10at นี่บอกตามตรง ขอดูยาวๆ เพราะขนาด 6at ตัวก่อนก็ได้ยินเสียงบ่นมาพอสมควรจากคนรอบข้างที่ใช้กัน
ส่วนตัวเล็งตัว limited 2.0 6mt ไว้อยู่เหมือนกันครับ เพราะ wt ไม่มี mt ให้เลือกแล้ว
-
2.0 เครื่องใหม่ คงยังไม่มีใครบอกได้ว่าทนไหม
จะมามองว่าพัฒนามานาน ทดสอบอย่างดี
ง่ายๆดูเกียร์dual cutch เค้าสิครับ ก่อนที่ผลิตขายก็ทดสอบเหมือนกัน
-
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น
ในมุมของผู้บริโภค ก็มี 2 แนวเหมือนกันครับ
แนวนึง ก็ไม่ค่อยจะไว้ใจ ไม่กล้าใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ย้อนไปเมื่อครั้ง
-เปลี่ยนจากคาบูเรเตอร์ มาใช้หัวฉีด แรกๆ บางคนก็ไม่กล้าใช้ ยิ่งถ้าได้ไปขอความเห็นจากช่างหัวโบราณ บางคนไม่กล้าใช้หัวฉีด
-เปลี่ยนจากกันชนเหล็ก มาเป็นไฟเบอร์ บางคนที่เกลียดญี่ปุ่นสมัยสงครามโลก ถึงกับพูดว่า ญี่ปุ่นไม่หวังดีกับคนไทย
-แม้แต่ ทีวี จากยุคปุ่มกด มาใช้รีโมท บางคนก็บอกว่า อย่าซื้อแบบรีโมท ไม่ทน ซ่อมแพง
ผู้บริโภคอีกแนว ก็จะชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ
- กล้าเสี่ยงกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งก็เจอกับปัญหาที่แก้ยาก แก้ไม่จบก็มีครับ
-
เครื่องยนต รุ่นที่ข่าวแย่ๆ สักโมเดลได้มั้ยครับ. ผมไม่ค่อยเคยได้ยิน. ขอเด็ดๆสัก1 ตัว
-
2.0 อ่างน้ำมันเครื่องคงไม่เกิน5ลิตร
ค่าบำรุงรักษาน่าจะต่ำกว่านะ
เครื่องยนต์ เกียร์ เขาวิ่งทดสอบหลายแสนโล เขาก็คงคำนวนแล้วหละการสึกหลอ
ยกเว้นเราแต่งเพิ่ม การสึกหรอจึงไม่เป็นไปตามวิจัยมา ฟอร์ดมีศักยภาพนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแข่งขันตลาดตลอดเป็นการดีออก ฝั่งญีปุ่นที่ทนถึกใช้แต่เทคโนโลยีเก่าๆโบราญอยู่นั้นแหละ ญี่ปุ่นค่อนข้างจะ อนุรักษ์นิยมอยู่ด้วยแล้ว ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวเทคโนโลยีใหม่จะไม่เป็นที่ยอมรับกลัวปัญหาที่รับไม่ได้ ถ้าเกิดผิดพลาดหละเสียลูกค้า แบนด์อื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไป
พอมายุคนี้เรนเจอรมันประสบความสำเร็จเกินคาดจึงเกิดการลอกเลียนแบบ เกิดการตื่นตัว เท่าที่ทำได้ อย่างเช่นไมเนอร์เชนจ์ฟอร์ดมี ศักยภาพนำเทคโนยีใหม่ๆมาให้ใช้ตลอด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยเจอแต่หน้าทาปากเปลี่ยนสีใหม่เท่านั้นเมื่อไมเนอร์เชนจ์ทุกครััง ยุคนี้ยุคเทคโนโลยีใครใครไม่ขยับก็มีโอกาสดับ อย่างแบรนด์จีนจะเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเด็กของเด็กเล่นชองจีนทั้งนั้น
ก็ไม่นะครับว่าจะน้อย ตัว 2.2 ยังใช้ถึง8ลิตรเลย เครื่อง 2.8,3.0 เจ้าตลาดยังใช้ไม่ถึง8ลิตรแต่ถ่ายที่หมื่นโล ถ้าจะยืดระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใช้น้ำมันน้อยๆไม่ได้หรอกครับ เหมือนรถบรรทุกญี่ปุ่นใช้ 18-19 ลิตร ถ่ายที่ 20,000 โล แต่รถยุโรปถ่ายที่ 40,000-50,000 โล ใช้น้ำมันเครื่อง 35-40 ลิตรครับ
-
ผมบ่นกระทู้โน้นไปเรื่องเกียร์ลูกใหม่ ที่น้ำมันเกียร์ใสกว่าเดิมนั่นแหละ
แปะให้อีกรอบให้เสียวไส้เล่นละกันครับ
ส่วนเครื่อง ผมประเมินว่าโบเดี่ยวน่าจะปัญหาไม่มากกว่าตัวเดิมแน่ๆ
-
2.2ผมใช้มาแล้ว6ปี ประมาณ250,000กว่าโล โดยส่วนตัวก็ถือว่าโอเคนะครับไม่เคยซ่อมเลย ส่วน2.0ใหม่คงตัองรอซะพักครับ
-
เครื่องยนต์สมัยเก่าทำไมถึงทน
เพราะอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีไง
หลักการมีแค่ เครื่องยนต์ทำงานได้ขับเคลื่อนได้ ไม่ต้องมีอีเล็กอะไรตรวจสอบตัวมันเอง รถสมัยใหม่ อะไรแปลกปลอมหน่อย
เตือนไฟสีส้มสีเหลือง จริงๆแล้วไฟสีนี้พอขับเคลื่อนได้อยู่ แต่สีแดงคืออันตราย ต้องตรวจเช็คซ่อมด่วน
-
ตัว 2.0 Turbo เทคโนโลยีใหม่ ต้องดูระยะยาวๆ กับเกียร์AT 10 Speed
ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามสเปคมาตรฐานของFord เกียร์พังก่อนครับ
-
ลองหา MR16DDT Timing chain problem ดูครับ ส่วนใหญ่อยู่ใน juke เมืองนอก
ไม่รู้ว่าปัจจุบันปรับไปยัง
เครื่องยนต รุ่นที่ข่าวแย่ๆ สักโมเดลได้มั้ยครับ. ผมไม่ค่อยเคยได้ยิน. ขอเด็ดๆสัก1 ตัว
-
จริงๆแล้วก็ยังตอบไม่ได้แหล่ะครับ เพราะ 2.0 Turbo ก็พึ่งจะเปิดตัว ต้องรอดูกันอีกสักพักแหล่ะครับ
-
ตัวไหนน่าจะทนกว่า ตอนนี้คงเดาว่า2.2แหละ พิสูจน์ตัวเองมาหลายปีละ
ส่วนตัวใหม่เครื่องไม่น่าห่วงเท่าเกียร์ แต่ถ้าถามผมไม่รู้จะซื้อ2.2เดิมทำไมเลยจริงๆ อืดกว่า ภาษีแพงกว่า กินกว่า
+1