Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ลุง ที่ กรกฎาคม 31, 2018, 07:49:45
-
แบตเตอรี่ ลูกเล็กเพียง1.5kWh พอหมดแล้ว แรงม้าจริงๆของ Note e Power อยู่ที่ 79 หรือ 109 ครับ
-
มอเตอร์ต่อกับแบตเตอรี่ครับ เครื่องยนต์ทำหน้าที่หมุนเครื่องปั่นไฟอย่างเดียว เพราะฉะนั้น กำลังเครื่องยนต์ ไม่เกี่ยวข้องกับ กำลังมอเตอร์ ครับ
-
มันคือรถ ev ขับด้วยไฟฟ้า เครื่องไว้ปั่นไฟ
-
เท่าที่จำได้ ใช้มอเตอร์เดียวกับนิสสันลีฟรุ่นก่อน แต่ขนาดแบตน้อยกว่ามากเพราะมีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟ และอย่างรีบนบอกคือขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์อย่างเดียว เรื่องแรงม้าก็เพียงพอกับขนาดรถ ส่วนอัตราเร่งจะหวือหวาแบบในยูทูบที่โชว์ 0-100 ได้ 7 วิจริงมั้ยต้องรอพิสูจน์ เพราะเห็นกระทู้ first impression ก็กะๆได้ประมาณ 9 วิ
-
มอเตอร์ก็คงมีแรงม้าเท่าเดิมตลอดอ่ะครับ
แต่เครื่องยนต์คงมีการเร่งรอบเพื่อปั่นไฟเข้าแบตในกรณีที่แบตเหลือน้อย เพื่อรักษาสภาพให้มีแบตเพียงพอต่อการขับขี่ได้ตลอดครับ
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
นึกแล้วอยากให้ NISSAN ไปขอเพ้นท์หัวรถจักรเป็นโฆษณา e-Power เลย 5555
-
เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์โน็ต E power นานละ แต่ถามมาก็ตอบอีกครั้งว่ามันออกแบบมาสำหรับเป็นซิตี้คาร์เป็นหลัก ไม่เหมาะกับพวกเท้าหนัก
เพราะเครื่องปั่นไฟกำลังน้อยกว่ามอเตอร์ วิ่งทางไกลถ้าไม่เบรคเลย และไม่มี regen กำลังที่จ่ายได้ยังงัยก็ไม่เกินกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
ไม่เคยได้ลองขับแต่ก็เดาว่า นิสสันน่าจะออกแบบให้วิ่งสามารถความเร็วเดินทาง 100 กม./ชม. ต่อเนื่องด้วยกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
และเหลือพอชาร์จแบตเวลาต้องการเร่งแซง แต่ถ้าทำไม่ได้ส่งกลับญี่ปุ่นไปเลยครับ ขายได้ยากแน่ๆ
ปล. ข้อมูลผลการเทสที่ญี่ปุ่นเอามาเปรียบเทียบกับเมืองไทยตรงๆ ไม่ได้นะครับ ประสิทธิภาพรถไฟฟ้าแปรผกผันกับอุณหภูมืใช้งาน ยิ่งสูงยิ่งลด (ดักไว้ก่อน)
รอรีวิวจาก HLM เวลาทดสอบที่เมืองไทยดีกว่า แต่ค่าคงต่างจากญี่ปุ่นไม่มากเพราะทดสอบตอนกลางคืนช่วงดึกๆ ที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
นิสสันโน็ตปกติ เครื่อง 1200 แรงบิด 106 N-m ส่วนนิสสันโน็ต E power เครื่อง 1200 แรงบิด 109 N-m ส่งพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงบิด 254 N-m
ไม่แปลกหรอกครับว่าทำไมมันถึงไม่อืด แรงบิดขนาดนี้ สูงกว่า civic หรือ 3 อีก แถมมาตั้งแต่เริ่มออกตัว น่าจะเป็นรถที่ขับในเมืองสนุกสนานน่าดู
ใครที่วิ่งเส้นทางที่รถติดมากๆ น่าใช้จริงๆ ตัวเลขตอนออกตัว 0-60 น่าจะต่ำมาก แต่พอลอยตัว รถเครื่องยนต์สันดาปแรงบิดน่าจะตามมาจนห่างกันไม่มากแล้ว
ใครที่บอกว่าราคาควรไม่เกิน 6 แสน ลองไปคิดดูใหม่นะครับ แรงบิดขนาดนี้ รถตัวถังใหญ่แบบนี้ ราคาน่าจะอยู่ราวๆ 7 แสนปลายๆ ถึง 9 แสนต้นๆ ตามออฟชั่นด้วยซ้ำ
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
นึกแล้วอยากให้ NISSAN ไปขอเพ้นท์หัวรถจักรเป็นโฆษณา e-Power เลย 5555
เข้าที คนจะเข้าใจไหมหว่า ทุกวันนี้หลายๆคนยังเข้าใจว่า หัวจักรดีเซล คือขับเพลาจริงๆ ทั้งๆที่ปั่นไฟอย่างเดียว หัวดีเซล แท้ๆมีไม่ถึงสิบหัวแล้วเมืองไทย
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
นึกแล้วอยากให้ NISSAN ไปขอเพ้นท์หัวรถจักรเป็นโฆษณา e-Power เลย 5555
เข้าที คนจะเข้าใจไหมหว่า ทุกวันนี้หลายๆคนยังเข้าใจว่า หัวจักรดีเซล คือขับเพลาจริงๆ ทั้งๆที่ปั่นไฟอย่างเดียว หัวดีเซล แท้ๆมีไม่ถึงสิบหัวแล้วเมืองไทย
บอกตรงๆว่าผมไม่รู้จักหัวจักรดีเซลไฟฟ้าครับ มันเป็นยังไง คือใช้ในรถไฟไทยรึเปล่า?
-
เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์โน็ต E power นานละ แต่ถามมาก็ตอบอีกครั้งว่ามันออกแบบมาสำหรับเป็นซิตี้คาร์เป็นหลัก ไม่เหมาะกับพวกเท้าหนัก
เพราะเครื่องปั่นไฟกำลังน้อยกว่ามอเตอร์ วิ่งทางไกลถ้าไม่เบรคเลย และไม่มี regen กำลังที่จ่ายได้ยังงัยก็ไม่เกินกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
ไม่เคยได้ลองขับแต่ก็เดาว่า นิสสันน่าจะออกแบบให้วิ่งสามารถความเร็วเดินทาง 100 กม./ชม. ต่อเนื่องด้วยกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
และเหลือพอชาร์จแบตเวลาต้องการเร่งแซง แต่ถ้าทำไม่ได้ส่งกลับญี่ปุ่นไปเลยครับ ขายได้ยากแน่ๆ
ปล. ข้อมูลผลการเทสที่ญี่ปุ่นเอามาเปรียบเทียบกับเมืองไทยตรงๆ ไม่ได้นะครับ ประสิทธิภาพรถไฟฟ้าแปรผกผันกับอุณหภูมืใช้งาน ยิ่งสูงยิ่งลด (ดักไว้ก่อน)
รอรีวิวจาก HLM เวลาทดสอบที่เมืองไทยดีกว่า แต่ค่าคงต่างจากญี่ปุ่นไม่มากเพราะทดสอบตอนกลางคืนช่วงดึกๆ ที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
แบตเตอรี่ ยิ่งอุณหภูมิต่ำประสิทธิภาพยิ่งลดนะครับ ที่อุณหภูมิสูงจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไว หรือ ความจุลดลงครับ
อุณหภูมิที่ดีสำหรับแบตเตอรี่ Li-ion อยู่ระหว่าง 30-38 องศา ครับ ต่ำหรือมากกว่านี้จะทำให้แบตเตอรี่ไม่เต็มประสิทธิภาพ
-
นึกถึง หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าไว้ครับ หลักการเดียวกัน เครื่องยนต์เล็กไปขับตรงมันก็อืด เลยไปปั่นไฟจ่ายให้มอเตอร์ทำให้รถเร่งได้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น เอาจริงๆถ้าใช้เครื่องเดิมทำตัวเลขได้ 10 วิ ก็ดีกว่าเดิมๆเยอะแยะแล้วครับ ความประหยัดเครื่องตัวนี้มันมีอยู่แล้ว
นึกแล้วอยากให้ NISSAN ไปขอเพ้นท์หัวรถจักรเป็นโฆษณา e-Power เลย 5555
เข้าที คนจะเข้าใจไหมหว่า ทุกวันนี้หลายๆคนยังเข้าใจว่า หัวจักรดีเซล คือขับเพลาจริงๆ ทั้งๆที่ปั่นไฟอย่างเดียว หัวดีเซล แท้ๆมีไม่ถึงสิบหัวแล้วเมืองไทย
บอกตรงๆว่าผมไม่รู้จักหัวจักรดีเซลไฟฟ้าครับ มันเป็นยังไง คือใช้ในรถไฟไทยรึเปล่า?
เค้าใจว่าน่าจะหมายความแบบนี้
คนทั่วไปชอบเข้าใจว่ารถไฟไทย(รฟท.) ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนหัวจักร(หัวรถไฟ)
ทั้งที่จริงๆแล้ว เครื่องยนต์ดีเซลที่อยู่บนรถไฟมันเอามาปั่นไฟ แล้วเอาไฟฟ้ามันมาใช้ในการขับเคลื่อนครับ
-
สงสัยจริงๆเครื่องยนต์มันไม่น่าจะต้องใช้แรงม้าเยอะอะไรนะครับ 79 เนี่ยก็น่าจะเหลือๆด้วยซ้ำเพราะมันก็แค่ปั่นไปเก็บใส่แบตเตอรี่เฉยๆ
-
เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์โน็ต E power นานละ แต่ถามมาก็ตอบอีกครั้งว่ามันออกแบบมาสำหรับเป็นซิตี้คาร์เป็นหลัก ไม่เหมาะกับพวกเท้าหนัก
เพราะเครื่องปั่นไฟกำลังน้อยกว่ามอเตอร์ วิ่งทางไกลถ้าไม่เบรคเลย และไม่มี regen กำลังที่จ่ายได้ยังงัยก็ไม่เกินกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
ไม่เคยได้ลองขับแต่ก็เดาว่า นิสสันน่าจะออกแบบให้วิ่งสามารถความเร็วเดินทาง 100 กม./ชม. ต่อเนื่องด้วยกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
และเหลือพอชาร์จแบตเวลาต้องการเร่งแซง แต่ถ้าทำไม่ได้ส่งกลับญี่ปุ่นไปเลยครับ ขายได้ยากแน่ๆ
ปล. ข้อมูลผลการเทสที่ญี่ปุ่นเอามาเปรียบเทียบกับเมืองไทยตรงๆ ไม่ได้นะครับ ประสิทธิภาพรถไฟฟ้าแปรผกผันกับอุณหภูมืใช้งาน ยิ่งสูงยิ่งลด (ดักไว้ก่อน)
รอรีวิวจาก HLM เวลาทดสอบที่เมืองไทยดีกว่า แต่ค่าคงต่างจากญี่ปุ่นไม่มากเพราะทดสอบตอนกลางคืนช่วงดึกๆ ที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
+++ :)
-
ขับขึ้นเขาขึ้นดอย สูงๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะผมว่า แรงบิตสูงก้จริง แต่เร่งมากๆอาจะป้อนไฟไม่ทัน
-
เพียงพอมั้ย เค้าวิจัยและทำมาให้ใช้งานได้จริงไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก แต่ลืมอะไรไปรึป่าว
ทุกวันนี้ผมยังหาข้อมูลความเร็วสูงสุดของ e power นี่ไม่ได้เลย เท่าที่คุยกับวิศกรของนิสสัน ได้แต่ตอบมาว่าวิ่งได้ 140 สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้าคุณขับข้ามจังหวัด แช่ที่ 120 เครื่องมันปั่นไฟไหวใช่มั้ย หรือแรงจะตกแบบพวกรถไฮบริดทั้งหลาย แล้วถ้าต้องเร่งแซงล่ะ ความเร็วสูงสุดแค่ 140 จะไหวหรอ ต่อให้ 0-100 เร็วแค่ไหน ถ้าปลายได้แค่นี้ควรเก็บไว้ใช้ในเมืองรถติดๆ คนญี่ปุ่นเค้าก็ทำอย่างนี้กัน ข้ามจังหวัดเค้าก็นั่งรถไฟเอา
แต่พอมาขายในไทย นิสสัน ไม่ดูเลยว่านิสัยคนไทย รถคันนึงต้องทำได้ทุกอย่าง
-
น่าสงสัยเครื่องยนต์ตอนปั่นไฟ ใช้รอบเต็มที่เท่าไร เสียงดังมากไหม
-
เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์โน็ต E power นานละ แต่ถามมาก็ตอบอีกครั้งว่ามันออกแบบมาสำหรับเป็นซิตี้คาร์เป็นหลัก ไม่เหมาะกับพวกเท้าหนัก
เพราะเครื่องปั่นไฟกำลังน้อยกว่ามอเตอร์ วิ่งทางไกลถ้าไม่เบรคเลย และไม่มี regen กำลังที่จ่ายได้ยังงัยก็ไม่เกินกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
ไม่เคยได้ลองขับแต่ก็เดาว่า นิสสันน่าจะออกแบบให้วิ่งสามารถความเร็วเดินทาง 100 กม./ชม. ต่อเนื่องด้วยกำลังจากเครื่องปั่นไฟ
และเหลือพอชาร์จแบตเวลาต้องการเร่งแซง แต่ถ้าทำไม่ได้ส่งกลับญี่ปุ่นไปเลยครับ ขายได้ยากแน่ๆ
ปล. ข้อมูลผลการเทสที่ญี่ปุ่นเอามาเปรียบเทียบกับเมืองไทยตรงๆ ไม่ได้นะครับ ประสิทธิภาพรถไฟฟ้าแปรผกผันกับอุณหภูมืใช้งาน ยิ่งสูงยิ่งลด (ดักไว้ก่อน)
รอรีวิวจาก HLM เวลาทดสอบที่เมืองไทยดีกว่า แต่ค่าคงต่างจากญี่ปุ่นไม่มากเพราะทดสอบตอนกลางคืนช่วงดึกๆ ที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
แบตเตอรี่ ยิ่งอุณหภูมิต่ำประสิทธิภาพยิ่งลดนะครับ ที่อุณหภูมิสูงจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไว หรือ ความจุลดลงครับ
อุณหภูมิที่ดีสำหรับแบตเตอรี่ Li-ion อยู่ระหว่าง 30-38 องศา ครับ ต่ำหรือมากกว่านี้จะทำให้แบตเตอรี่ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เรื่องแบตเตอรี่เห็นด้วยครับ
ตัวอย่างคือแบตไอโฟนบ้านเรา กับ ไอโฟนเมืองหนาว คนละสเปคกัน
ต้นปีสายการบินส่งผมไปประจำที่สนามบินฮอกไกโด อุณหภูมิกลางวันติดลบ - 3 กลางคืน - 15
ช่วงหัวค่ำปั่นจักรยานจากโรงแรม Grand Terrace Chitose ไปห้าง Aeon ราวๆกิโลครึ่ง
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ซักพักมือถือดับไปเอง เลยเก็บไว้ในเสี้อโค้ทก่อน
พอถึงห้าง ลองเปิดอีกรอบ อ่ะ ใช้ได้ แต่แบตเหลือแค่ 55% จากที่ชาร์จเต็ม 100%
เลยถามพี่ๆลูกเรือ เค้าบอกว่าแบตบ้านเรา กับ แบตญี่ปุ่น คนละสเปคกัน
บ้านเค้าเมืองหนาว แบตค่อนข้างทน แต่บ้านเราเมืองร้อน แบตจะใช้อีกแบบนึงครับ
-
ผมว่าคุณไปอ่าน first impression หรืออะไรนี่แหละของรุ่นนี้ก่อนนะครับ
พละกำลังเหลือเฟือท่าน
-
ถ้าเป็นผมจะเลือก ขับรถน้ำมัน หรือรถ EV ไปเลย จะได้ไม่ต้องดูแลรักษาทั้งแบตและเครื่องยนต์