Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Quinn1998 ที่ กันยายน 30, 2018, 12:41:40

หัวข้อ: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Quinn1998 ที่ กันยายน 30, 2018, 12:41:40
สวัสดีค่ะ สิงอยู่ที่นี่นานแล้ว ตอนนี้กำลังจะซื้อรถใหม่ เนื่องจากรถเดิมเปลืองน้ำมันมาก และจะส่งคืนพ่อแม่ไปแล้วค่ะ คือปกติ ปกติจขกท.ใช้ Fortuner  3.0 ตัวปี 2013  อยู่ ซึ่งเป็นรถที่แม่จขกท.ยกให้เพื่อมาทำงานในกทม. ลักษณะการขับขี่คือ ขับขี่ในตัว กทม.เดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่งไปกลับที่ทำงานเลิกงานก็ไปนู่นนั่นนี่ ตกวันวันละ 100-120 กม. แล้วกลับบ้านที่ขอนแก่นทุกสัปดาห์ ซึ่งเวลาขับไกลๆก็พอรู้สึกกินน้ำมันน้อยขึ้นมาบ้าง แต่ตอนขับในกทม.แทบทำให้จขกท.หัวหงอกกับค่าน้ำมัน 5555+ ที่เอามาใช้ก็เพราะตอนแรกจะประหยัดไม่ต้องซื้อใหม่ ไหนๆก็เป็นรถที่มีอยู่แล้ว แต่พอหลังๆมามันไม่ใช่ เลยปรึกษากับที่บ้านว่าจะออกรถคันใหม่ เลยอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันซึ่งตอนแรกก็มอง City ไว้ค่ะ งบประมาณมีไม่เกิน 7แสนกลางๆ คือได้ City ตัวท็อปแน่นอนค่ะ ถ้า Mazda 2 จะได้ท็อปเบนซิล กับ ตัวรองท็อปดีเซล
ที่นี้ พอได้ไป Test Drive จขกท. ไปลอง City ก่อนเป็นอันดับแรก
City ตัวท็อป ตอนแรกที่เข้าไปนั่งรู้สึก เฉยๆค่ะ แบบออพชั่นอะไรก็ครบดี แต่รู้สึกเฉยๆยังไงก็ไม่รู้ แต่ถุงลมนิรภัยเยอะดี ทีนี้ลองขับ ช่วงล่างเราก็ว่าดีนะ รึปกติเราขับน้องฟอร์จูนที่เด้งดึ๋งๆตลอดเวลาทำให้คิดว่าช่วงล่างรถอะไรก็ดีไปหมด อัตตราเร่งดีนะคะ 0-100 มาไวดี แต่เพิ่งเคยจับเกียร์ CVT เป็นครั้งแรก เลยยังไม่ค่อยชอบสไตล์แบบนี้ เร่งแซงช่วง 100-120 ก็มาไวดี แต่เราเป็นคนกดคันเร่งจนสุดนะคะ แต่พอความเร็วซัก 120แค่นั้นแหละอิอิ รู้สึก พวงมาลัยเบาๆ หวิวๆเหมือนจะบิน เวลาจะยูเทิร์นแล้วรถผ่าน ก็มีแอบโคลงเคลง จริงๆไม่แอบหรอกค่ะ โคลงเคลงเลยแหละ แถมกินน้ำมันก็กลางๆ ยิ่งเราต้องการรถที่ประหยัดน้ำมันด้วย เราเลยรู้สึกไม่ค่อยชอบอีกต่อไปแล้ว แปลกรึเปล่าคะ
Mazda2 1.3 HighPlus ตอนที่เข้าไปนั่ง อืม เบาะหลังแคบ แต่ใช้คนสองคน ไม่เป็นปัญหา แต่การตกแต่งวัสดุภายในรู้สึกดีมาก เบาะหนังอีกต่างหาก แถมมีลูกเล่นเยอะดี แต่ถุงลมนิรภัยน้อยกว่า City ซึ่งรู้สึกรับได้ เพราะขับน้องฟอร์ก็ไม่ได้ให้ถุงลมมาเยอะแยะอะไร  ทีนี้การขับขี่ ตอนออกถนนช่วงแรกๆคือ ช่วงล่างดีมากกกกกกกกแบบเห้ยมันนิ่งมันดี 0-100 มันก็ไม่ได้ช้าอะไรนะคะ ช้ากว่า City แต่เหมือนเกียร์เป็นแบบ 6 speed ก็รู้สึกมันมาไวดี ก็โอเคเลย เวลาเปลี่ยนเลนส์มีเตือนอีกต่างหาก พอขับเร่งแซง 100-120 โดยปกติเราจะชอบกดมิดคันเร่งอยู่แล้ว ในความรู้สึกเรา เราว่ามาไวพอๆกับ City แต่รอบเครื่องคือไปแล้ว 4 พันกว่าๆ อิอิ สรุปก็คือ ก็ยังเร่งแซงได้ดีเหมือนเดิม พอความเร็ว 120+ ช่วงล่างก็ยังนิ่ง พวงมาลัยก็ไม่เบาหวิว รถไม่มีความรู้สึกว่าจะบินเลยแม้แต่น้อย พูดไปดูเหมือนเวอร์ แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ การประหยัดน้ำมันเคลมไว้ 23 กว่าๆ จำไม่ได้ ถือว่าตอบโจทย์พอควร
Mazda2 1.5 HighConnect ตัวนี้วัสดุการตกแต่งเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นเบาะหนัง กับระบบเตือนเมื่อเปลียนเลนส์ที่ไม่มีเพราะเป็นรองท็อป ช่วงล่างรู้สึกเหมือนเดิมเลยค่ะ แยกไม่ออก 55555+ ทีนี้พอลองขับ  0-100 มาไวดีกว่าตัวเบนซินเยอะ แต่เหยียบไม่ติดเท้าเท่าตัวเบนซิน แต่ก็ดึงดี มาไวกว่าอยู่ดี เร่งแซงช่วง 100-120 ไม่ต้องพูดถึง กดหมดคันเร่ง มาไวเกินจนเตลิด 120 ความเร็ว 120+ ช่วงล่างก็ดีเหมือนกับตัวเบนซิลเลย สรุปชอบตัวดีเซลมาก ในหัวตอนนี้ไม่มี City เลยค่ะ แถม Mazda 2 เบนซิลตัวท็อป ก็ประหยัดเงินไปอีก ราคาขายต่ออะไรคือไม่ซีเรียส เพราะกะใช้จนพังไปเลย
แต่ ทีนี้พอรู้มาว่าดีเซลมีปัญหาเรื่องเขม่าอุดตัน เครื่องสั่น แก้ไม่หายซักที กลัวไปร่งแซงเลนส์สวนแล้วเจอปัญหาพอดี เลยเครียดหนักว่าจะเอาตัวไหนดี เพราะใจคือไปดีเซลแล้ว แต่ถ้าปัญหาหนัก เอาตัวเบนซิลก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย
ยังไงก็แนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ และนี่เป็นกระทู้แรก มาเพื่อถามเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ผิดพลาดตรงไหน ก็ขออภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Magl ที่ กันยายน 30, 2018, 12:46:20
ใช้ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ออกต่างจังหวัดวิ่งได้สบายๆ ประหยัดก็เอา 1.3 ท็อปเลยครับ ดีเซลระยะยาวน่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ กันยายน 30, 2018, 12:55:12
ผมเป็นคนชอบเครื่องเทอร์โบ

แต่ด้วยปัญหาของเครื่องดีเซลมาสด้า เลยต้องตัดใจ

ผมเลือกเบนซิน 1.3 SP ครับ ถ้าต้องการกำลังในการเร่งแซง ก็เปิดโหมดสปอร์ตช่วยเอาครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 30, 2018, 13:05:42
กลัวปัญหาไปเบนซิน 1.3 เลยครับ ผมว่าปัญหาดีเซลนี้ไม่จบง่าย คนที่เจอไม่ค่อยมีคนเข้าใจพวกเค้าหรอกครับ เจ็บปวดใจเปล่าๆถ้าเกิดขึ้นกับเรา

ส่วนเรื่องค่าน้ำมัน เบนซินช่วยได้นะ แต่ผมไม่แน่ใจว่ากดคันเร่งจนสุดมันจะประหยัดได้ขนาดไหนตัวเลนซิน เอาเป็นว่าเผื่อใจไว้บ้าง หรือไปเทสไดว์แล้วลองกดรีเซ็ตอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยก่อนขับทุกคัน พอทำให้เราเห็นภาพว่าถ้าเราขับจริงจะได้เท่าไหร่
อย่าไปดูว่าครอื่นขับประหยัดแล้วเราต้องประหยัดเด็ดขาด ผิดหวังแล้วจะเงิบหนัก
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: blitzpao ที่ กันยายน 30, 2018, 13:52:07
1.3 ผมใช้อยู่ถ้าใช้ในกรุงเทพการจราจรแบบติดๆ ก็ได้ 10 กม.ต่อลิตรครับ แต่ถ้าขับต่างจังหวัดความเร็วคงที่ไม่ได้เร่งอะไรมาก 20+ กม.ลิตร แต่ถ้าจะขับที่ความเร็ว 120 ตลอดอาจจะไม่ถึง 20 กม.ลิตร นะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: JeansZ ที่ กันยายน 30, 2018, 14:27:40
ขับในเมืองเป็นหลัก เอา 1.3 เบนซินดีกว่าครับ แต่ถ้าขับนอกเมืองเป็นหลัก ค่อยเอาดีเซลเทอร์โบ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: SRY ที่ กันยายน 30, 2018, 14:48:36
ดีเซลก็ประหยัดกว่าแล้ว แต่ถ้าไม่มีปัญหาน้ำดันนะ
ถ้าเจอจะปวดใจเปล่าๆ จะลองเสี่ยงก็ไม่ว่ากันครับ ไม่มีใครรับประกันได้ แม้แต่ค่ายเอง
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: mongolias ที่ กันยายน 30, 2018, 15:02:24
กลัวปัญหาก็ไปเบนซินครับ
ถ้าคุณรับได้กับอัตราเร่งก็ไม่จำเป็นต้องไปดีเซลครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: NoBiReacto ที่ กันยายน 30, 2018, 15:03:23
1.5ดีเซลเครื่องมีปัญหาเขม่าตัน แต่ใช่ว่าตัว1.3เบนซินไม่มีปัญหาครับ ตัวเบนซินนี่เกียร์พังรายวันเลยครับ บางคนเคลมเกียร์ไปแล้วรอบนึงขับๆมาอีกก็พังอีก
ตอนนี้ผมใช้Mazda2 1.3อยู่ครับ แนะนำ city sv+ครับ ไม่จุกจิกซื้อแล้วจบกว่า Mazda2
จากใจคนเคยใช้ city sv+แล้วเปลี่ยนมาใช้Mazda2 1.3
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kendow ที่ กันยายน 30, 2018, 15:11:48
ผมเห็นต่างจากพี่ๆ สมาชิกท่านอื่นนะ ขับไปกลับขอนแก่นทุกสัปดาห์ ไปกลับ 800 กม.นี่บ่อยนะ เมื่อก่อนผมก็ไปโซนนั้นบ่อยๆ เข้าใจดีว่าเป็นไง แล้วเท่าที่เคยขับ MZ2 1.3 และ Jazz 1.5 มาสำหรับผม MZ2 มันแรงไม่พอครับ แล้วเท่าที่อ่านดูน่าจะเป็นคนที่ขับรถแบบเหยียบๆ ด้วย ผมแนะนำให้ไปเล่นเครื่อง 1.5 ไปเลยดีกว่า เร่งดีกว่ามาก ขับนอกเมืองจะรู้สึกชัดเจน เว้นแต่จะเป็นคนขับแบบเปื่อยๆ ช้าๆ ไปเรื่อยๆ ก็น่าสนครับ
เห็นว่าไม่ค่อยชอบช่วงล่าง การขับขี่ของตัว city จริงๆ ออกทางไกลมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะครับ แค่มันรู้สึกเบาๆ หวิวๆ หน่อย แต่เอาอยู่ ซึ่ง MZ2 ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทางไกลได้ดีกว่า เพราะเซตช่วงล่างมาแนวแข็ง เกาะ เอาใจวัยรุ่น (คหสต.eco car ที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทางไกลได้ดีกว่า MZ2 คือ yaris แต่ก็อืดกว่าเช่นกัน) ซึ่งพวก city jazz มันก็ขับทางไกลได้ แต่โดยภาพรวมรถมันก็ถูกเซตมาเพื่อขับในเมือง
ส่วน MZ2 ดีเซล ปัญหาจากการออกแบบ แก้ยาก ไม่ค่อยแนะนำครับ
จริงๆ มีรถที่แรงทันใจ (กว่าทุกคันที่กล่าวมา) ช่วงล่างขับทางไกลดี ภายในกว้าง นั่งสบาย แต่ต้องเพิ่มเงินอีกหน่อยคือ altis 1.6g ครับ


หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ กันยายน 30, 2018, 15:12:24
เท้าหนักแค่ไหน ถ้าคิดว่าหนักพอที่จะขับไล่เขม่าได้บ่อยๆ ดีเซลให้การขับขี่ที่ดีกว่าครับ แต่ถ้าคิดว่าซื้อมาขับย่องๆ มันจะมีปัญหาเขม่าตัน ต้องไปเบนซิน ถ้ามีตัวเลือกแค่มาสด้า 2 นะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: BN` ที่ กันยายน 30, 2018, 15:22:47
ใช้ในเมืองเป็นหลัก และไม่ค่อยได้วิ่งทางไกล ผมแนะนำเครื่องเบนซิน 1.3 ครับ

เพราะเครื่องดีเซลมักจะมีปัญหามากกว่าเครื่องเบนซิน

ถ้าขับเป็น ไม่เร่งเกินความจำเป็น ขับตามไปเรื่อยๆ ยังไงก็ไม่เปลืองน้ำมันครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: comet1123 ที่ กันยายน 30, 2018, 15:37:00
อืมมมมมม แล้วถ้ามีเจ้า2แล้ว ตัวอ้ายฟอร์จูนจำเป็นต้องคืนไหมล่ะครับครับ
ถ้าไม่ แล้วที่บ้านจอดได้2คัน ก็เอาเจ้า2 1.3มาใช้ขับไปทำงาน
แล้วเอาอ้ายฟอร์จูนขับกลับบ้านขอนแก่นไหนๆก็กลับทุกweekอยู่แล้ว
ได้ใช้ตลอดรถไม่จอดตายแน่นอน
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ กันยายน 30, 2018, 15:39:30
อ่านดูแล้ว จขกท. ไม่ได้ติดขัดเรื่องสมรรถนะเครื่องเบนซิน​ 1.3 อะไร (ในระยะที่ลอง)

แนะนำเบนซิน 1.3 ครับ

ไม่ใช่ดีเซล 1.5D รถไม่ดีครับ รถดีมาก อัตราเร่งตามใจเท้า (คันเร่งหน่วงหน่อยตามที่ได้ลองขับเนื่องจากเทอร์โบ​แงะการ setting เอง แต่พอติดแล้วก็ปรู๊ดมา)​ ประหยัดน้ำมันในหลายสภาวะการจราจร
แต่ปัญหา​ที่เกิดขึ้นของดีเซล 1.5D มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลยจากบริษัท​ผู้ผลิตเอง แถมบริษัทก็ไม่ได้มีความตั้งใจและใส่ใจต่อปัญหา​ที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่น้อยเลยครับ ปัญหา​มันเลยยังเกิดขึ้นวนๆ ไม่จบสิ้น ตอนนี้รถปี 2017 ก็เริ่มมีเจอบ้างประปรายแล้ว หนทางที่จะแก้ไขได้คงมีแต่การตัดตอน DPF EGR ซึ่งก็ไม่มีใครรับประกันการแก้ปัญหา​ครั้งนี้ได้และส่งผลต่อไอเสียที่ปล่อยออกมาโดยตรง เหมือนใช้รถต้องมีความเสี่ยง ผมไม่แนะนำให้ใครเอาเงินที่มีค่ามากของเรามาเสี่ยงกับบริษัทที่ขาดความรับผิดชอบ​ เงินเรามีค่ามากกว่าที่จะจ่ายให้กับพวกเค้าครับ

ส่วนเบนซิน​ 1.3 ก็ใช่ว่าจะวางใจได้นัก ตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหาเกียร์พังมาบ้างแล้ว เพียงแต่สัดส่วนปัญหา​ที่พบกับยอดขายที่ขายออกไปได้ยังไม่มากเท่าฝั่งเครื่องสั่น 1.5D เค้า อย่างน้อยถ้าใจรักชอบใน Mazda 2 จริงๆ การเลือกเบนซิน 1.3 ก็ถือเป็นทางเลือกที่เซฟความเสี่ยงไว้น้อยสุดครับถ้าพูดกันตามตรง ไม่มีทางที่เซฟสุดไม่เจอปัญหา​อะไร เลือกมาแล้วก็คงต้องบำรุงรักษา​กันตามสมควรและตัวเราเองทำได้โดยไม่เดือดร้อนนัก อาจจะต้องเพิ่มเรื่องน้ำมัน​เกียร์​ที่ควรเปลี่ยนถ่ายก่อนกำหนดเข้ามาเพื่อลดความเสี่ยงลงบ้าง (แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้)

ผมคงแนะนำได้ตามนี้ครับในฐานะคนใช้ 1.5D จริงเจอปัญหา​จริง รถทุกรุ่นมีปัญหา​ได้ครับ แต่ Mazda ยังสอบตกในด้านบริการหลังการขาย โดยเฉพาะ​การดูแลแก้ไขปัญหา​หากเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าเลือกแล้วคงต้องศึกษาและหา 0 ที่ไว้ใจได้จริงๆ ในการใช้บริการครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: AkE ที่ กันยายน 30, 2018, 15:52:43
ผมอยากเชียร์ city แต่มันนานละอะครับอีก 1 ปีนิดๆก้คงตกรุ่นแล้วหน้าตาเริ่มout แต่เรื่องการใช้งานนั่นดีครับไม่มีปัญหาอะไร ได้ยางเกาะๆวิ่งใช้ความเร็วก้ดีขึ้นเยอะครับ การที่พวงมาลัยเบาไม่ได้เป็นตัวบอกว่ารถจะไม่เกาะนะครับถ้าชินแล้วก้ขับได้ปกติครับ เลือกไม่ถูกเลยงบนี้เอาเป็นว่าถ้าจะใช้รถเลยก้คงต้อง 2 diesel ครับคุ้มราคา อัตราเร่งดีและประหยัดแค่อาจจะลุ้นดวงนิดๆว่าจะมีปัญหาอะไรมั้ย
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: testmaster ที่ กันยายน 30, 2018, 16:15:35
ขับในเมื่องรถติดๆ ดีเซลมีปัญหากับ dpf แน่นอนครับแน่นำ เบนซิล ส่วนเรื่องเกียร์จะเอาให้รอดต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20k โลครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: mychaigit ที่ กันยายน 30, 2018, 16:33:20
ตัวดีเซลมีปัญหาที่เครื่อง
ตัวเบ็นซินมีปัญหาที่เกียร์
จขกท.ต้องทำการบ้านเยอะเลยครับ ถ้าเก็บเงินอีกสักหน่อย ไป altis หรือ civic ตัวใหม่ รุ่นล่างๆ เป็นอีกทางเลือกด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: arnuparbl ที่ กันยายน 30, 2018, 22:02:03
ตั้งกระทู้ที่อีกเว็บมาสองรอบ ก็มีแต่คนเตือนเรื่อง 1.5 ดีเซล แต่ดูคุณก็ไม่เชื่อและอยากซื้อตัว 1.5 ดีเซลนี่เหลือเกินนะครับ

เอาเลยครับ ชอบก็ซื้อ คนอื่นมีปัญหา คุณอาจจะไม่เจอก็ได้ ขอให้โชคดีครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gopz ที่ กันยายน 30, 2018, 22:04:42
1.5 ครับ ถ้ากลัวพัง พอหมดประกันก็ตัด dpf ครับผม
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Quinn1998 ที่ กันยายน 30, 2018, 22:25:36
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ตั้งหลายครั้งเพราะอยากรู้จริงๆว่ามีใครไม่เจอปัญหาอะไรไหม จะได้เป็นแนวทางบ้าง แต่ดูเหมือนจะต้องยอมแพ้จริงๆ เราตัดสินใจจะเอาตัว 1.3 แล้วนะคะ ขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ ตุลาคม 01, 2018, 06:56:19
อ่านดูแล้ว จขกท. ไม่ได้ติดขัดเรื่องสมรรถนะเครื่องเบนซิน​ 1.3 อะไร (ในระยะที่ลอง)

แนะนำเบนซิน 1.3 ครับ

ไม่ใช่ดีเซล 1.5D รถไม่ดีครับ รถดีมาก อัตราเร่งตามใจเท้า (คันเร่งหน่วงหน่อยตามที่ได้ลองขับเนื่องจากเทอร์โบ​แงะการ setting เอง แต่พอติดแล้วก็ปรู๊ดมา)​ ประหยัดน้ำมันในหลายสภาวะการจราจร
แต่ปัญหา​ที่เกิดขึ้นของดีเซล 1.5D มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลยจากบริษัท​ผู้ผลิตเอง แถมบริษัทก็ไม่ได้มีความตั้งใจและใส่ใจต่อปัญหา​ที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่น้อยเลยครับ ปัญหา​มันเลยยังเกิดขึ้นวนๆ ไม่จบสิ้น ตอนนี้รถปี 2017 ก็เริ่มมีเจอบ้างประปรายแล้ว หนทางที่จะแก้ไขได้คงมีแต่การตัดตอน DPF EGR ซึ่งก็ไม่มีใครรับประกันการแก้ปัญหา​ครั้งนี้ได้และส่งผลต่อไอเสียที่ปล่อยออกมาโดยตรง เหมือนใช้รถต้องมีความเสี่ยง ผมไม่แนะนำให้ใครเอาเงินที่มีค่ามากของเรามาเสี่ยงกับบริษัทที่ขาดความรับผิดชอบ​ เงินเรามีค่ามากกว่าที่จะจ่ายให้กับพวกเค้าครับ

ส่วนเบนซิน​ 1.3 ก็ใช่ว่าจะวางใจได้นัก ตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหาเกียร์พังมาบ้างแล้ว เพียงแต่สัดส่วนปัญหา​ที่พบกับยอดขายที่ขายออกไปได้ยังไม่มากเท่าฝั่งเครื่องสั่น 1.5D เค้า อย่างน้อยถ้าใจรักชอบใน Mazda 2 จริงๆ การเลือกเบนซิน 1.3 ก็ถือเป็นทางเลือกที่เซฟความเสี่ยงไว้น้อยสุดครับถ้าพูดกันตามตรง ไม่มีทางที่เซฟสุดไม่เจอปัญหา​อะไร เลือกมาแล้วก็คงต้องบำรุงรักษา​กันตามสมควรและตัวเราเองทำได้โดยไม่เดือดร้อนนัก อาจจะต้องเพิ่มเรื่องน้ำมัน​เกียร์​ที่ควรเปลี่ยนถ่ายก่อนกำหนดเข้ามาเพื่อลดความเสี่ยงลงบ้าง (แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้)

ผมคงแนะนำได้ตามนี้ครับในฐานะคนใช้ 1.5D จริงเจอปัญหา​จริง รถทุกรุ่นมีปัญหา​ได้ครับ แต่ Mazda ยังสอบตกในด้านบริการหลังการขาย โดยเฉพาะ​การดูแลแก้ไขปัญหา​หากเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าเลือกแล้วคงต้องศึกษาและหา 0 ที่ไว้ใจได้จริงๆ ในการใช้บริการครับ

ใช้ 1.5 D 2015 อยู่ครับ วิ่ง กทม. สระบุรีประจำ  รถเดิมๆ ยังไม่ได้ทำอะไร และยังไม่มีปัญหา และยังไม่อยากจะมีปัญหา
ตามนี้ทุกประการ
ถ้าไม่โหลด 4 คน ขับไปขอนแก่น เบนซินไม่ได้แย่เลยนะครับ(ยกเว้นจะขับตัดไปเส้นเขาใหญ่ 555)
เหลือพอครับ ผมยังเคยเจอคนขับเบนซินซิ่งๆ บนเส้นมิตรภาพเลยครับ
ตอนนี้ มาสด้าส่งจดหมายมาให้ไปอัพระบบ DPF อยู่นะ มารอดูกันว่าชีวิตจะดีขึ้น(หรือแย่ลง) รึเปล่านะครับ....
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ ตุลาคม 01, 2018, 07:01:09
ผมว่าใช้งานทั่วไป 1.3ก็เพียงพอครับ
ผมใช้รถแรงน้อยกว่านี้ก็ไปมาทั่วไทยแล้วครับ
เต็มคันครับ
เป็นผมจะไม่ยุ่งกับ เครื่องดีเซลของ มาสด้า
จนกว่าจะไม่เกิดปัญหาเดิมไปครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: koko86 ที่ ตุลาคม 01, 2018, 08:15:29
1.3ครับ ดูแล้วไม่ได้เน้นแรงมาก
เครื่องเบนซิน สะอาดกว่าและเดินเรียบและเงียบกว่าเยอะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูมิใจไหม? ที่ ตุลาคม 01, 2018, 08:45:35
1.3 เบนซิน นั่ง 2 คน มีกระเป๋าสัมภาระ เร่งแซงไหวแน่นอนครับ

กดให้มิดจนโดนปุ่มที่อยู่ใต้คันเร่งสิครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: -Brian ที่ ตุลาคม 01, 2018, 09:39:35
เลือก 1.3 ครับ ผู้หญิงขับ ผมว่าเหลือๆ ไปได้ทั่วไทย ออกต่างจังหวัดขับไปตามกระแสการจราจรได้สบายครับ

ตัวดีเซลยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไรครับ ส่วน City เองก็ใช่ว่าจะไร้ปัญหา นั่นก็เกียร์พังรายวันเหมือนกัน ทางแก้คือเปลี่ยนน้ำมันเกียร ทุกๆ 2-4หมื่นโล จะช่วยได้เยอะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Life is a Highway ที่ ตุลาคม 01, 2018, 10:51:22
555 ทำไมผมขำจขกท ที่บอกว่าสิงอยู่ที่นี่นานแล้ว

ผมก็โหวต1.3
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: bahamu ที่ ตุลาคม 01, 2018, 13:32:15
งงกับจขกท.มากกว่า ถ้าสิงในเวบนี้จริง ต้องหากระทู้ที่ตอบเรื่อง 2ดีเซลได้สิ อธิบายละเอียดด้วย
เครื่องไม่มีปัญหาอะไร ถ้าดูแลแบบรถยุโรป ถ้าคิดว่าเป็นมังกรทองเลิกคิดเสียเวลาอธิบาย

cx5 ดีเซลมีน้ำดัน บ.ไม่แก้ให้จบ โฉม3ยังไม่แน่ชัด
2ดีเซล ไม่มีปัญหาที่เสื้อเครื่อง แต่คนใช้บางคนไม่ดูแลตามคู่มือ ถึงปีไม่ล้างegr เติมน้ำมันผิดชนิด ไม่ล้างหัวฉีด dpfตันเร็ว

ใครบอกว่า 2ดีเซลมีปัญหาน้ำดัน มีช่วยลงรูปหน่อยอยากเห็น ถอดปลอดสูบออกด้วยจะได้รู้ว่าของจริง
เครื่องสั่นเพราะไม่ล้างegr dpfก็ตันตามมา ตัดทิ้งก็ตันอยู่ดีเพราะegr ร้านรวยเจ้ารถหมดประกัน
ส่วนที่มาจากสปริงวาล์วไอเสียเจอน้อย ไม่เคยเปลี่ยน กรองโซล่าไม่เปลี่ยนแรงดันน้ำมันก็พร่อง
น้ำเข้าระบบก็สำลัก มากเข้าก้านสูบคด เจ้าของรถที่เจ้าปัญหามักไม่บอกว่าดูแลยังไง ดีไม่ดีไม่ได้ขับด้วยฟังเขามา

น้ำมันยูโร5 อย่าให้ขาด เติมยูโร4 ยังไงก็ตันเร็ว ดีเซลรุ่นใหม่ต้องทำตามคู่มือ หัวหมอพังเองซ่อมเองบ.ไม่ประกัน

น้ำมันเกียร์หมั่นถ่าย เปลี่ยนกรองเกียร์จบ ถ้าแสนโลถ่ายยี่ห้อไหนก็เสีย เชื่อตารางเทวดาพังทุกคัน
ไปดูรถเซลมาสด้าก็ได้ ออก2ดีเซลกี่คัน ไม่นับเซลสายอื่นวิ่งเกินแสนโลไม่พังเยอะไป

ไม่รีบรอ2 ตัวถังใหม่ เครื่องใหม่ออก 2020 หรือ 3 ไร้หัวเทียนปีหน้า แจ่มกว่าดีเซลถ้าไม่โม้

ยี่ห้ออื่นที่มีegr มีปัญหาคล้ายกัน แต่เครื่องฉีดตรงจะอ่อนไหวกว่ามาก แต่ประหยัด ขับมันกว่า
เล่นเครื่องโบราณปัญหาน้อย ขับไม่มัน กินน้ำมันต้องแลกกัน

ทียุโรปจุกจิกสารพัดไม่ว่าอะไร อยากได้อยากมี พอกินข้าวลิงที เรียกยานแม่บ่อยๆ กลับมาขับยุ่นก็เยอะ
ทียุ่นไฮเทคเท่ากัน ขายถูกกว่าสามเท่า ซ่อมก็ถูกกว่ามาก ขับไม่ต่างกันมาก บอกไม่ดี เหมาเข่งไปเปล่า

รถดีเซล เบนซิน ที่แคทตัน จะมีกลิ่นไอเสียเข้าห้องโดยสาร เป็นครั้งคราว เพราะแคทร้อนแต่เป่าไอเสียไม่ออก
กลิ่นไอเสียลอยเข้าจากใต้ท้องรถ เบิกห้างเกือบแสน ส่วนใหญ่ตัดทิ้งตีหม้อพัก ไอเสียไม่มีกรอง คนในบ้านหายใจเข้าไปเต็มๆ

ในสามแฉกดีเซลรางร่วมรุ่นแรก แคทอยู่ปลายท่อเขาควาย เปลี่ยนยากต้องถอดทั้งยวง แคทเทียบสองหมื่นกว่า
ไส้สแตนเลสล้างได้ ไม่ต่างdpf ตันต้องล้าง ไม่ล้างเครื่องอืด ไอเสียเข้ารถ เร่งไม่ขึ้น กินน้ำมัน

ใครที่บอกว่า ดีเซลยุโรปไม่มีเขม่าตัน แนะนำให้ไปล้างท่อไอเสีย หรือ ตรวจสภาพรถกับขนส่ง แล้วจะรู้ว่า เขม่าอุดท่อเป็นยังไง
ลูกหลานปลอดภัยเพราะ กรองดักท่อไม่ให้เป็นมะเร็งตายกัน สารก่อมะเร็งทั้งนั้น น้ำมันยูโร5สะอาดกว่าเดิมหลายเท่ายังมีเขม่า
ดีเซลมีเขม่ามากกว่าเบนซิน เบนซินเขม่าเริ่มมากเครื่องดับ สำลักไว egrสกปรกยากเพราะน้ำมันเกิดเขม่าน้อย ไม่ใช่ไม่มี

ส่วนใหญ่ที่เจอคือ คนขับไม่เคยส่งซ่อม ขับลูกเดียว พออะไรไม่สบายเหมือนเดิมก็ไม่ดี แต่คนคอยซ่อมบอกไม่ต่างกัน 
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: BOBBY_7 ที่ ตุลาคม 01, 2018, 15:01:20
ใช้ในเมือง ไม่ท่องเที่ยวเขาดอย ไม่สนใจเรื่องอารมณ์การขับขี่ 1.3
ถ้าตรงกันข้ามก็ 1.5 ดีเซล

ผมวิ่งขึ้นดอยขึ้นภู เห็นรุ่น 1.3 เค้นกำลังขึ้นกันบ่อยๆ (ดูมันลำบากสำหรับผม)
มีแต่ผู้รู้ว่าดีเซลมันมีปัญหา แถวบ้านก็พูดกันเป็นตุเป็นตะ แต่น้อยคนที่ใช้จริงแล้วพบปัญหา

เอาเป็นว่าสำหรับผมไม่มีปัญหาจะ 4 ปีแล้วไม่เคยคิดว่าตัดสินใจผิด
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: CHANOM ที่ ตุลาคม 01, 2018, 17:01:52
ส่วนตัวใช้ Mazda 2 ดีเซลอยู่ พฤศจิกายนนี้จะครบ 2 ปีแล้ว ยังไม่เจอปัญหาอะไร
แต่ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปซื้อใหม่ คงไปซื้อ City ค่ะ หรือไม่ก็อาจจะแหวกแนวไปเอา Yaris เลย

ขอให้โชคดีนะคะ :)
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: oak_s ที่ ตุลาคม 01, 2018, 23:40:17
ส่วนตัวใช้ Mazda 2 ดีเซลอยู่ พฤศจิกายนนี้จะครบ 2 ปีแล้ว ยังไม่เจอปัญหาอะไร
แต่ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปซื้อใหม่ คงไปซื้อ City ค่ะ หรือไม่ก็อาจจะแหวกแนวไปเอา Yaris เลย

ขอให้โชคดีนะคะ :)
อยากทราบเหตุผลที่จะเลือก city ได้มั้ยครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ ตุลาคม 02, 2018, 07:39:53
1.3 เพียงพอครับ ถ้าไม่ใช่ขาซิ่งอะไร

เรื่องเกียร์ คนรู้จักก็เจอปัญหาครับ แต่ Mazda ก็แก้ปัญหาได้ไวครับ แต่ไม่แน่ใจว่าปัญหาคืออะไรนะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: @MIN ที่ ตุลาคม 02, 2018, 09:10:27
1.5 D ครับ

เรื่อง DPF จบแล้ว วิ่งกัน 2 แสนโล ไม่มีปัญหา ลองเข้าไปอ่านดูครับ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100014815395608
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Noncyclopedia ที่ ตุลาคม 02, 2018, 16:59:59
มาสด้า ผมว่ามันอืด เกิ๊นนนน
ซิตี้ ผมว่าพวงมาลัยมันเบาไป

คนมันมาสด้า 2 จนเว่อ
และให้ราคาซิตี้กันน้อยไป

หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: bingoman ที่ ตุลาคม 02, 2018, 22:12:22
ยังไง City ก็วิ่งทางไกลไม่มั่นคง ไม่เสถียรเท่า 2 ครับ

เครื่อง 1.5 แรงม้าเยอะ อัตราเร่งดี  แต่ช่วงล่างและพวงมาลัย เอาใจคนนั่ง และทรยศคนขับ

ผมขาซิ่งคนนึงที่เคยใช้ City บอกเลยว่าวิ่งทางไกล เหนื่อยมากๆ  ถ้าวิ่งเกิน 120  ต้องประคองพวงมาลัย เลี้ยงซ้าย-ขวา ทุกวินาทีเลย เพราะรถไม่มั่นคงแถมพวงมาลัยเบา หวิว ทดเยอะ จนว๊อกแว๊ก  ขนาดเลิกใช้มาหลายปีแล้ว ยังจำไม่ลืมกับพวงมาลัยและช่วงล่างนรกนั้น
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Quinn1998 ที่ ตุลาคม 06, 2018, 00:04:48
สรุปคือถ้าจะใช้ Mazda 2 1.5 ก็ต้องเอารถไปอุด ตัวกรองเขม่าเหมือนที่พูดกันใช่ไหมคะถึงจะใช้ได้ดีใช่ไหมคะ แต่ควรรอหมดประกันไปก่อน
หัวข้อ: Re: Mazda 2 1.3 หรือ 1.5 ดีคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Quinn1998 ที่ ตุลาคม 06, 2018, 00:28:42
คือเราไม่ได้เป็นคนกระทืบคันเร่งขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ในช่วงที่ต้องการจะแซงก็อยากจะแซงให้พ้น และที่ขับ 120 ก็ไม่ใช่อยู่ๆจะกระทืบตั้งแต่ไฟแดงให้ขึ้นถึงให้ไวที่สุดอะไรนะคะ เพียงแต่ก็เยียบไปเรื่อยๆจนถึง 120 แค่นั้นเอง อาจจะมีแซงรถที่ขับ 100-120 อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ ซึ่งเราคิดว่าที่เลือก Mazda 2 เพราะประหยัดน้ำมันเวลาขับไกลๆ หรือแม้แต่ในเมือง ซึ่งพี่ฟอร์จูเนอร์ก็แรงดีมากกกกก แต่การกินน้ำมันน้ันก็เป็นยอดรถซดน้ำมันจริงๆค่ะ และถ้าซื้อคันใหม่มาก็จะเอาฟอร์จูนเนอร์กลับบ้านไปเลย ให้มันได้ทำหน้าที่รถครอบครัวจริงๆจังๆซักที เฉลียแล้วใช้รถเดือนละ 4-5พันโลชัวร์ๆยังไงก็ถึง เลยต้องซื้อใหม่จริงๆซึ่งไปมองตัวอื่นหลายๆยี่ห้อเราก็ไม่ชอบหน้าตาเอาซะเลย ถูกใจจริงๆแค่ City กับ Mazda 2 พอไปขับ City ช่วงล่างก็ดีกว่าฟอร์จูเนอร์เราแน่นอน แต่ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด พอนั่ง Mazda 2แค่นั้นแหละ ช่วงล่างคือดีสำหรับเรา เวลาขับ 120 เรารู้สึกว่าปลอดภัย ซึ่งเรื่องถุงลมที่น้อยกว่า City เราก็คิดนะคะว่า City ปลอดภัยกว่า แต่เราก็คิดไปอีกว่า แต่ระบบต่างๆของ Mazda เป็นการป้องกันก่อนเกิดเหตุการที่ดีกว่า เพราะถ้าชนที่ 100+ ถุงลมก็น่าจะช่วยได้น้อยกว่าการที่รถมีระบบความปลอดภัยต่างๆที่มากกว่ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องแคบไม่เป็นปัญหาเลย ปกติคือนั่งมากสุด 2 คน ประเป๋าเป้3-4ใบ ต้องแบบจำเป็นจริงๆถึงจะนั่งเต็ม 4 คน ซึ่งถ้าจำเป็นจริงๆคนที่นั่งเบาะหลังก็คงไม่บ่นอะไรหรอกค่ะ เพราะมันจำเป็น อิอิ เลยมาจบที่ Mazda 2 ซึ่งคิดว่าจะช่วยประหยัดน้ำมันไปได้เยอะ แต่เห็นหลายคนบอกว่าตัวเบนซินเห็นว่าขับเร็วก็กินน้ำมันมาก ไม่รู้ว่าขับเร็วที่ว่าคือเหยียบสุดให้ถึง 120 เลยรึว่า ค่อยๆเหยียบให้ขึ้น 120 แล้วยังกินน้ำมันอยู่อีก แต่ปกติเราเป็นคนที่ถ้าขับทางไกลยาวๆก็110-120นิ่งๆนะคะ แล้วแต่ตรงจุดไหนมีกล้องไม่มีกล้อง ซึ่งเราคิดว่าเราน่าจะทำอัตราสิ้นเปลืองไม่ได้สิ้นเปลืองมาก และขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ เราแค่อยากรู้มากไปหน่อย เพราะเห็นบางคนใช้ตัวดีเซลแล้วก็บอกว่าไม่มีปัญหาเลย สรุปมันยังไงกันแน่ ถ้าไม่มีจริงๆก็จะซื้อตาม คือเป็นรถคันที่เราใช้ประจำ ก็ต้อเอาทั้งความชอบทั้งความมีคุณค่าของการเป็นรถคันนึง คือกะใช้จนพัง ให้เราเอารถที่ไม่มีปัญหา รถตลาดที่มีปัญหาน้อย แต่เราไม่ชอบเอาซะเลย มันก็จะยังไงๆอยู๋ใช่รึเปล่าคะ  ขอบคุณทุกความเห็นมากๆเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ