Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: เกมส์'พิดโลก ที่ พฤศจิกายน 20, 2018, 17:17:48
-
ผมเคยแอบคิดอยู่ลึกๆว่า อีกสักกี่ปีถึงจะได้ใช้รถ EV จะแก่ก่อนไหม จะอยู่ทันเห็นไหม
วันนี้มีปั้มมาเปิด เลยแอบรู้สึกตื่นเต้นนิดๆครับ คงอีกไม่นาน สัก 10-20 ปี คงจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ
เห็นค่าบริการแล้วผมอดสงสัยไม่ได้ มันถูกหรือแพง ประหยัดกว่าขับรถน้ำมันแค่ไหน?
(https://www.img.live/images/2018/11/20/E281CB93-36AF-4B33-87C9-9369165B7327.jpg)
(https://www.img.live/images/2018/11/20/29A461F8-CD78-4179-A804-4BB56404D477.jpg)
(https://www.img.live/images/2018/11/20/D283A214-6F14-4164-9776-BB4406E92C30.jpg)
(https://www.img.live/images/2018/11/20/953C44E1-7ADF-4AAC-8012-BDE5FAD000C4.jpg)
(https://www.img.live/images/2018/11/20/EF504375-9187-47B1-AE9C-61DEC8AAF2D4.jpg)
(https://www.img.live/images/2018/11/20/77002EDB-16DC-4C9F-B4C8-B6666A514FC3.jpg)
-
ผมกลัวแค่ว่า ไม่มีรถ EV ไปชาร์จ แต่ก็ไม่เสียหาย เพราะไฟฟ้าไม่เน่าไม่เสีย แต่อาจจะเสียค่าเช่าที่
ตรงปั้ม PTT ตรงทางด่วนสุขุมวิท ขาเข้า ช่องจอดชาร์จ EV ตอนนี้ รถทั่วไปจอดกันเต็มละ เพราะไม่มีรถ EV ไปชาร์จ
ปล. แต่ผมก็ชอบแนวที่ว่า ทำก็ทำเลย ทำก่อนคนอื่นไปเลย
-
ผมกลัวแค่ว่า ไม่มีรถ EV ไปชาร์จ แต่ก็ไม่เสียหาย เพราะไฟฟ้าไม่เน่าไม่เสีย แต่อาจจะเสียค่าเช่าที่
ตรงปั้ม PTT ตรงทางด่วนสุขุมวิท ขาเข้า ช่องจอดชาร์จ EV ตอนนี้ รถทั่วไปจอดกันเต็มละ เพราะไม่มีรถ EV ไปชาร์จ
ปล. แต่ผมก็ชอบแนวที่ว่า ทำก็ทำเลย ทำก่อนคนอื่นไปเลย
นั่นสิครับ รถที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปชาร์จ ตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ Plugin Hybrid แต่ก็คงยากที่จะเข้าไปชาร์จ เพราะชาร์จที่บ้านก็น่าจะสะดวกกว่า แบ็ตหมดก็ขับน้ำมันต่อไปได้
รถ EV แท้ๆที่จะเข้าไปชาร์จคงจะไม่มี เพราะขับมาจาก กทม. คงไม่ถึงที่นี่แน่ๆ 555
แถวพิษณุโลกน่าจะยังไม่มีรถ EV เพียวๆ (หรืออาจจะมีแต่ผมไม่เห็น)
-
ผมกลัวแค่ว่า ไม่มีรถ EV ไปชาร์จ แต่ก็ไม่เสียหาย เพราะไฟฟ้าไม่เน่าไม่เสีย แต่อาจจะเสียค่าเช่าที่
ตรงปั้ม PTT ตรงทางด่วนสุขุมวิท ขาเข้า ช่องจอดชาร์จ EV ตอนนี้ รถทั่วไปจอดกันเต็มละ เพราะไม่มีรถ EV ไปชาร์จ
ปล. แต่ผมก็ชอบแนวที่ว่า ทำก็ทำเลย ทำก่อนคนอื่นไปเลย
ไม่มีค่าเช่าที่ครับ ea เป็นพาร์ทเนอร์ ใครมีที่ก็ติดต่อ ea ไป เค้าจะไปติดตั้งแท่นชาร์จให้ แล้วแบ่งรายได้จากผู้ไปชาร์จให้เจ้าของที่ แต่ตอนนี้ ที่เก็บเงินของเท่าที่รู้ ea มีแค่พารากอน สบาม และสวนลุมไนท์ที่แยกรัชดาลาดพร้าวแค่นั้นที่คิดค่าบริการ นอกนั้นไม่คิดค่าบริการ
แต่.... สำหรับสถานที่ตรงอื่นที่ไม่คิดค่าบริการ จ่ายไฟต่ำมาก ระดับที่รถ ปลั๊กอินทั่วๆไปที่แบตเตอรี่ความจุประมาณ 7kw มาตรฐาน ใช้เวลาชาร์จถึง 6 ชม กว่าจะเต็ม ในขณะที่ถ้าใช้ไฟแบบเก็บค่าบริการอยู่ที่ 2 ชม เท่านั้น
-
ใน กทม โซนพระราม 7 เข้ามาชาร์จใน กฟผ ได้ มีอยู่ 2 ตู้
-
น่าจะสร้างหลังคาบังแดดให้หน่อยนะครับ
Electronic มันแพ้ความร้อนนะ
-
เรื่องความคุ้มค่าสำหรับเจ้าของรถ PHEV ที่มาชาร์จ คงไม่คุ้มครับ ยกตัวอย่างเช่น
Volvo ความจุแบต 10.4 kW มี onboard charger (ตัวควบคุมการชาร์จในรถ) พิกัด 3.6 kW
วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางประมาณ 40 กม. ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม อย่างน้อย 2.5 ชม.
ถ้าชาร์จด้วยสถานีชาร์จตามในรูป ต้องจ่ายเงิน 110 บาท คิดเป็นกิโลเมตรละ 2.75 บาท ซึ่งแพงกว่าใช้น้ำมันอีกครับ และยิ่งเทียบกับการเสียบปลั้กที่บ้าน ที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ กม.ละ 1 - 1.25 บาท จะยิ่งรู้สึกว่าชาร์จที่สถานีไม่คุ้มครับ
ถ้าคิดด้วยวิธีเดียวกัน Cayenne e-hybrid ที่ขนาดแบต 14.1 kW และเลือกออพชั่น 7.2 kW onboard charger จะใช้เวลาชาร์จสั้นลง เหลือประมาณ 2 ชม. และราคาต่อ กม. ถูกลงเหลือประมาณ กม.ละ 2 บาท ซึ่งก็ยังไม่ได้ถูกกว่าการใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด และยังต้องไปเสียเวลาคอยตอนชาร์จถึง 2 ชม. ครับ
-
ที่ศูนย์เบนซ์พิษณุโลกยังไม่มีสถานีชาร์ตไฟฟ้าหรือ
-
โดยส่วนตัวผมว่าแพงมากครับ
เทียบจาก E350e ประจุแบตเตอรี่ที่ 8% กว่าจะชาร์จเต็ม 100%
ต้องมีประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งราคาอยู่ที่ 110 บาท
ทีนี้ เวลาชาร์จเต็ม รถมันวิ่งไฟฟ้าได้แค่ 23 กิโลเมตร
ฉะนั้น 1 กิโลเมตรที่วิ่ง การใช้พลังงานจากไฟฟ้าจะอยู่ที่ 4.78 บาท ต่อกิโลเมตร
เทียบกับการวิ่งไปชาร์จไป (ซึ่งพลังไม่ค่อยเต็ม) กินน้ำมันเฉลี่ยที่ 11.5-12 Km/L
หากตัวผมเองคิดเฉพาะจากราคาน้ำมัน ลิตรละประมาณ 30 บาท ก็ตกกิโลเมตรละ 2.5 บาทเท่านั้นเอง
หรือหากเลือกกดโหมดชาร์จไฟเข้าอย่างเดียว (เมื่อแบตเต็ม ผมกดเปลี่ยนเป็น Hybrid พอไฟตกเหลือ 8% ผมก็กดชาร์จอีก) จะกินน้ำมันประมาณ 8 กิโลเมตรต่อลิตร
ก็จะตกกิโลเมตรละ 3.75 บาทเท่านั้นเอง
-
คงต้องรอดูกันไปอีกยาวๆแหล่ะครับ ถึงจะยังไม่เข้าสู่ยุค EV อย่างเต็มตัวในเร็วๆนี้
แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ค่ายรถยนต์คงหันไปพัฒนารถ Hybrid กันมากขึ้นแน่นอน
-
ผมว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีนะ แสดงว่าเริ่มมีคนสนใจทำแบบจริงจังแล้ว
-
มีสายชาร์จให้มั้ย กลัวคนมาขโมยสายชาร์จ แต่บ้านเราขนาดที่เติมลมยังสายพัง นี่สายไฟถ้ารั่วมาจะเป็นไง
ปล.แต่ส่วนตัวอยากให้รถไฟฟ้าเกิดเร็วๆ วันก่อนเจอกระบะพ่นหมึก เขม่าติดเต็มท้ายกระบะ แล้วปอดคนจะเป็นยังไง
-
มันเป็นสถานีชาร์จประจุความจุสุงแบบเร่งด่วนครับ เหมาะเอามาชาร์จรถไฟฟ้าเพียวๆ มากกว่า ส่วนการชาร์จรถยนต์ไฮบริดเป็นแค่ลูกเล่นเสริมค่าเวลาเพราะรถไฟฟ้ายังไม่มา
เรื่องหน่วยการชาร์จ ต้องเข้าใจว่ามันก็เหมือนน้ำเปล่าขึ้นห้าง หน่วยการชาร์จ ก็เป็น kWh เหมือนค่าไฟในบ้านแหละ ชาร์จ 1 ครั้ง หน่วยมันขึ้นไม่กี่บาทหรอก
แต่ถ้าให้คิดแบบนั้น คงได้เงินนิดเดียวใครมันจะลงทุน การคิดเลยเอาเรื่องเงื่อนไขเวลามาแทน ซึ่งถ้ารถไฟฟ้าเป็นหลักเมื่อไหร่ การใช้งานมากขึ้น ค่าชาร์จเดี๋ยวมันก็ปรับเอง
-
เรื่องความคุ้มค่าสำหรับเจ้าของรถ PHEV ที่มาชาร์จ คงไม่คุ้มครับ ยกตัวอย่างเช่น
Volvo ความจุแบต 10.4 kW มี onboard charger (ตัวควบคุมการชาร์จในรถ) พิกัด 3.6 kW
วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางประมาณ 40 กม. ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม อย่างน้อย 2.5 ชม.
ถ้าชาร์จด้วยสถานีชาร์จตามในรูป ต้องจ่ายเงิน 110 บาท คิดเป็นกิโลเมตรละ 2.75 บาท ซึ่งแพงกว่าใช้น้ำมันอีกครับ และยิ่งเทียบกับการเสียบปลั้กที่บ้าน ที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ กม.ละ 1 - 1.25 บาท จะยิ่งรู้สึกว่าชาร์จที่สถานีไม่คุ้มครับ
ถ้าคิดด้วยวิธีเดียวกัน Cayenne e-hybrid ที่ขนาดแบต 14.1 kW และเลือกออพชั่น 7.2 kW onboard charger จะใช้เวลาชาร์จสั้นลง เหลือประมาณ 2 ชม. และราคาต่อ กม. ถูกลงเหลือประมาณ กม.ละ 2 บาท ซึ่งก็ยังไม่ได้ถูกกว่าการใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด และยังต้องไปเสียเวลาคอยตอนชาร์จถึง 2 ชม. ครับ
เห็นภาพเลยครับพี่ คิดสะว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีในอนาคตอันใกล้
ขอบคุณมากเลยครับที่ช่วยยก ตย ให้เห็นภาพ
-
บริษัทนี้อยู่แถวบ้านผมนี่เอง ใช้รถ EV กันหมด ถือว่าเข้ากับบริษัทมากๆ