Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Swenz ที่ พฤศจิกายน 23, 2018, 00:30:00
-
(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/561000012143901.JPEG)
ตัวหนังสือคำว่า นิสสัน ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อตอนค่ำวันพฤหัสบดี (22 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คณะกรรมการบริหารบริษัทนิสสันประชุมวาระฉุกเฉิน และมีมติปลด คาร์ลอส โกส์น ออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ
เอเจนซีส์ - บอร์ดบริหารของนิสสัน มอเตอร์ ลงมติเป็นเอกฉันท์ปลด คาร์ลอส โกส์น ออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ในการประชุมวาระพิเศษวันพฤหัสบดี (22 พ.ย.) ด้านรัฐมนตรีอุตสาหกรรมญี่ปุ่นบินสู่ปารีสถกเครียดขุนคลังฝรั่งเศส เรื่องประคองโครงการพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ ซึ่งทำท่าจะมีปัญหาหนัก โดยที่มีรายงานว่าฝ่ายนิสสันคัดค้านหนักตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในความพยายามของโกส์นภายใต้แรงผลักดันของรัฐบาลแดนน้ำหอม ที่จะควบรวมนิสสันกับเรโนลต์เข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันสื่อแดนอาทิตย์อุทัยสาวลึกพบพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลอีกหลายอย่างของผู้บริหารระดับตำนานผู้นี้ เช่น การสั่งนิสสันโอนเงินให้พี่สาวปีละแสนดอลลาร์โดยหลอกว่า เป็นค่าให้คำปรึกษาธุรกิจ
หลังจากการทบทวนรายงานของการตรวจสอบภายในที่มีข้อมูลรายละเอียด บอร์ด (คณะกรรมการบริหารบรษัท) จึงลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์
ปลด คาร์ลอส โกส์น ออกจากการเป็นประธานของบอร์ด คำแถลงที่ออกมาภายหลังการประชุมระบุ
ขณะเดียวกัน บอร์ดนิสสันได้ย้ำว่า ความเป็นหุ้นส่วนกับเรโนลต์ที่ดำเนินมายาวนาน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และบอกว่า ภารกิจคือการลดผลกระทบและความสับสนที่อาจเกิดขึ้นแก่ความร่วมมือกันวันต่อวันระหว่างบริษัททั้งสอง ให้มีน้อยที่สุด
ในทางเทคนิคแล้ว ถึงแม้โกส์นพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการ แต่เขายังคงเป็นกรรมการคนหนึ่งของบอร์ดอยู่ เนื่องจากตามกฎระเบียบของบริษัท ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้นจึงจะสามารถปลดกรรมการของบอร์ดได้
นิสสันกล่าวในคำแถลงว่า จะศึกษาเรื่องการก่อตั้ง คณะกรรมการพิเศษ ขึ้นมาเพื่อขอคำปรึกษาจากฝ่ายที่สาม ในเรื่องการปรับปรุงด้านธรรมาภิบาลภายในบริษัทและการจ่ายค่าตอบแทนให้ฝ่ายบริหาร
โกส์น วัย 64 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ (19) จากข้อกล่าวหาประพฤติผิดทางการเงินหลายๆ เรื่อง
อัยการญี่ปุ่นระบุว่า โกส์น และเกร็ก เคลลี กรรมการตัวแทนที่ถูกจับกุมพร้อมกัน ได้สมรู้ร่วมคิดรายงานค่าตอบแทนโกส์นที่นิสสันในช่วง 5 ปีนับจากปีการเงิน 2010 ต่ำกว่ารายได้จริงซึ่งอยู่ที่ 10,000 ล้านเยน (88.47 ล้านดอลลาร์) ถึงครึ่งหนึ่ง
ชิน คูคิโมโตะ รองอัยการสำนักงานอัยการแขวงโตเกียว แถลงยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า ศาลได้อนุมัติให้ควบคุมตัวโกส์นต่ออีก 10 วันตั้งแต่วันพุธ (21) แต่ไม่ได้ระบุว่า โกส์นยอมรับข้อกล่าวหาหรือไม่ ทั้งยังบอกว่า ความผิดของโกส์นตามข้อกล่าวหาเป็นหนึ่งในอาชญากรรมร้ายแรงที่สุด ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายเครื่องมือทางการเงินของญี่ปุ่น ซึ่งภายใต้กฎหมายนี้ บริษัทต้นสังกัดของผู้กระทำผิดอาจต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารด้วย
อัยการยังเผยว่า โกส์นถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ควบคุมตัวในโตเกียวที่มีกฎเคร่งครัดและบรรยากาศแตกต่างจากไลฟ์สไตล์หรูหราของเขาราวฟ้ากับดิน เช่น ห้ามนอนกลางวัน และต้องสวมหน้ากากเมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมเพื่อป้องกันแพร่เชื้อโรคติดต่อ
(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/561000012143902.JPEG)
จอโทรทัศน์ขนาดยักษ์บนท้องถนนสายหนึ่งในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำลังเผยแพร่รายงานข่าวบอร์ดบริหารของนิสสัน มอเตอร์ ลงมติเป็นเอกฉันท์ปลด คาร์ลอส โกส์น ออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท เมื่อตอนค่ำวันพฤหัสบดี (22 พ.ย.)
ด้าน เจา เดอ เมนดอนกา กงสุลบราซิล เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีหลังเข้าเยี่ยมว่าโกส์นดูแข็งแรงดี
นอกจากมีตำแหน่งในนิสสันแล้ว โกส์นยังเป็นประธานกรรมการและซีอีโอของเรโนลต์ ซึ่งในการประชุมบอร์ดบริหารของบริษัทรถยนต์ฝรั่งเศสแห่งนี้เมื่อวันอังคาร (20) มีมติเพียงแค่แต่งตั้งผู้ที่จะเข้ารับผิดชอบแทนเขาเท่านั้น ทว่าไม่ได้แตะต้องตำแหน่งของโกส์น ขณะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส แจ้งว่าเตรียมปลดผู้บริหารสัญชาติบราซิลผู้นี้จากเก้าอี้ประธานกรรมการของบริษัท ระหว่างการประชุมบอร์ดบริษัทสัปดาห์หน้า
โกส์นเป็นหัวเรือใหญ่ในการฟอร์มทีมพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วยเรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ ที่ว่าจ้างพนักงานทั่วโลกราว 450,00 คน และปีที่แล้วมียอดขาย 10.6 ล้านคัน มากกว่าบริษัทรถยนต์ค่ายอื่นๆ ทั้งหมด
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์และสื่ออื่นๆ การตกลงจากอำนาจอย่างเสื่อมเสียเกียรติยศของโกส์นคราวนี้ บังเกิดขึ้นในขณะที่เขาพยายามผลักดันอย่างเต็มกำลังให้นิสสันผนวกกิจการอย่างสมบูรณ์กับเรโนลต์ ตามการผลักดันของรัฐบาลฝรั่งเศส แต่เรื่องนี้ถูกคัดค้านจากพวกผู้บริหารค่ายรถแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเวลานี้กลายเป็นเพลเยอร์ซึ่งทำกำไรได้สูงที่สุดในบรรดาหุ้นส่วนทั้ง 3 และไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ว่า การจากไปของโกส์น อาจถูกใช้เป็นเหตุผลข้ออ้างสำหรับการปรับสมดุลภายในกลุ่มพันธมิตรนี้ใหม่ ในทางที่เป็นผลดีแก่นิสสันมากขึ้น
เรโนลต์นั้นยังคงรั้งโกส์นเอาไว้ โดยชี้อย่างชัดเจนว่า นิสสันไม่ได้ส่งหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมไว้จากการตรวจสอบภายในไปให้
นักวิเคราะห์ยังมองว่า แม้เรโนลต์และนิสสันไม่ลงรอยกันอย่างชัดเจน แต่ไม่มีฝ่ายใดที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอที่จะลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์แต่เพียงลำพัง
อย่างไรก็ดี การที่โกส์นที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้บริหารที่มีคนนับหน้าถือตามากที่สุดในวงการยานยนต์คนหนึ่ง หมดสิ้นวาสนา ได้ส่งผลต่ออนาคตของกลุ่มพันธมิตรสามเส้านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีอุตสาหกรรมญี่ปุ่นบินไปปารีสเพื่อหารือกับรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพพันธมิตรกลุ่มนี้
ภายหลังจากเมื่อวันจันทร์ นิสสันแถลงว่า ผลการตรวจสอบภายในหลังจากได้เบาะแสจากแหล่งข่าวในบริษัทพบว่า โกส์นมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง อาทิ นำเงินของบริษัทมาใช้ส่วนตัว รายงานรายได้ต่ำเกินจริงนานหลายปี ก็มีสื่อมวลชนของญี่ปุ่นขุดคุ้ยรายงานเพิ่มเติมไม่ขาดสาย
ในวันพฤหัสบดี หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุง รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า โกส์นเคยส่งอีเมลสั่งให้เคลลีแจ้งค่าตอบแทนของตนต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งมีแนวโน้มว่า อัยการโตเกียวยึดอีเมลที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ไว้แล้วและอาจใช้เป็นหลักฐานเอาผิดผู้บริหารคู่นี้
ด้านหนังสือพิมพ์โยมิอุริที่มียอดตีพิมพ์สูงสุดในญี่ปุ่น อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อเช่นเดียวกันว่า การสอบสวนภายในของนิสสันพบว่า นับจากปี 2002 โกส์นสั่งให้บริษัทจ่ายเงินให้พี่สาวตัวเองปีละประมาณ 100,000 ดอลลาร์เป็นค่าให้คำปรึกษา ทั้งที่จริงแล้วพี่สาวของโกส์นอาศัยอยู่และบริหารอพาร์ตเมนต์หรูในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่นิสสันซื้อผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ ไม่ได้ทำงานให้คำปรึกษาบริษัทแต่อย่างใด
https://mgronline.com/around/detail/9610000116814
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20181123_02/
-
ผมมองว่ามันเป็นการเมืองระหว่างบริษัท ข้ามชาตินะ
นิสสันและมิตซู หรือคนญึ่ปุ่น ไม่อยากให้แบรนด์ของตนเองตกไปอยู่ในมือของต่างชาติหรอก
ในขณะเดียวกัน ผมว่า Ghosn คนอย่างเขาไม่น่าจะมาคิดโกงอะไร เพียงแต่ถ้ามองในแง่ของคนที่ทำงานทำให้ได้ผลสำเร็จอย่างมาก
ก็ควรจะได้ผลตอบแทนที่สูงมาก เพื่อตอบแทนการที่เข้าทำให้เกิดผลสำเร็จขึ้นมา ขนาดทำให้บริษัทที่แทบล้มละลายกลับมายืนแข่งขัน
ได้อย่างดี และมีกำไรในระยะเวลาอันสั้นนะ เพียงแต่ไม่ได้แจ้งรายได้เพื่อต้องเสียภาษีทั้งหมด ก็อาจเหมือนหลายบริษัท ที่พยายามหาทาง
จ่ายรายได้แบบที่ ไม่ให้ผู้บริหารต้องเสียภาษีเยอะ เพื่อเป็นการอะไรทำนองนั้นนะ
และผมว่าคนอย่าง Ghosn เขาอยู่ในญี่ปุ่นก็นานและอาจเข้าใจว่า การจะควบรวมไม่ยากและคงจะไม่สำเร็จได้ง่ายๆด้วย แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้
และยิ่งถ้าต้องพยายามทำ ความรู้สึกดีๆที่คนญี่ปุ่นมีต่อเขาในอดีต อาจจะกลายเป็นรู้สึกแย่ไปก็ได้
เขาอาจหาเลือก ที่จะไม่ทำให้คนญี่ป่นที่เคยรักและนับถือเขามากๆ รู้สึกกับเขาในทางตรงข้ามทั้งหมด และไม่ทำให้เขามีผปัญหา กับ Renault ที่เป็นต้นสังกัดนะ เขาเลยอาจหาทางออกหรือทางลง ที่ไม่ต้องไปหักหารเพื่อควบรวมกิจการ และ ไม่ถูกมองว่าเป้น ผู้บริหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ต้นสังกัดต้องการก็ได้ แม้อาจต้องยอมเสียบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึก โอเค และยอมรับในฝีมีอการบริหาร แต่เพียงเสียตำแหน่งบริหารในญุ่ี่ปุ่น ไปเท่านั้น ซึ่งมันก็จะตรงกับความต้องการของคนญี่ปุ่น มากกว่าที่บริษัทญุี่ปุ่นจะตกไปเป็นของชาติอื่นไปเลยจากการควบรวมกิจการนะ
-
กลับไปแสดงหนังคอมเมดี้เหมือนเดิมอาจจะรุ่งกว่า
-
แค่โหงวเฮ้งก็ไม่น่าไว้ใจละ
-
งานนี้ Mitsubishi ตกกระไดพลอยโจน ไปด้วย งานนี้ ผมกลับห่วง Mitsubishi มากกว่าใคร จะเอาไง แยกเดี่ยว หรือยังกอด Nissan อยู่ แต่ทำไมดูเหมือน ญี่ปุ่นต้องการเขี้ยฝรั่งออกจากองค์กรมั้ง หรือคิดจะแยกตัวจาก Renault น่าติดตาม....
-
มิตซูโดนเรื่องไรครับ ผมว่ารวมกันอ่ะดีแล้ว ลดต้นทุนการพัฒนา แชร์ความรู้ จะได้แกร่งขึ้น ศูนย์บริการก็มากขึ้น จากค่ายรองจะพลิกเป็นค่ายหลักได้ แค่ CEO คนนึงไม่กระทบไรหรอก โดนปลดแล้วด้วย
-
เมื่อประสพความสำเร็จ บางทีก็จะลุแก่อำนาจ ก็ขอให้ได้คนที่ดีๆกลับมาคุมงานไวๆ
ปล
หรือนี่จะเป็นผลจากการที่คุณจิมมี่ไปออกทริปกับ Nissan กันแน่
-
กลับไปแสดงหนังคอมเมดี้เหมือนเดิมอาจจะรุ่งกว่า
Mr. Bean !!
-
คิดว่า 3ค่ายพันธมิตร แต่ละค่ายน่าจะกระทบแน่นอน แต่คงยังต้องจับมือกันต่อไป เพราะความจำเป็น
-
ออกไปเหอะนิสสันเสียมามากละ
-
มะเร็ง !! 8)
-
การเมืองและธรรมาภิบาลล้วนๆ 8)
-
บอกยากเรื่องแบบนี้
-
ออกไปเหอะนิสสันเสียมามากละ
ถ้าไม่เกี่ยวกับในไทย
Nissan กลับมาทำกำไร รถหลายๆรุ่นในยุคของเขาก็ขายดีในหลายๆตลาดนะครับ
-
ออกไปเหอะนิสสันเสียมามากละ
ถ้าไม่เกี่ยวกับในไทย
Nissan กลับมาทำกำไร รถหลายๆรุ่นในยุคของเขาก็ขายดีในหลายๆตลาดนะครับ
ก็ห่วงทำแต่ในยุโรปไงครับ ไม่ลุยตลาดเอเชียเลย ยิ่งบ้านเราไม่ต้องพูดถึง อาการร่อแร่มาก
-
น่าจอโทรทัศน์น่าจะเปลี่ยนเป็น
2018 Elimination
Carlos gone............
Merry Christmas. ::)
-
สุดท้าย CEO ยอดเยี่ยมสุดในช่วง 20 ปี วงการรถยนต์คงเป็น Alan Mullay CEO Ford
-
รอดูกันยาวๆ :D
-
เตะตัดขากันระหว่าง ญี่ปุ่นกับฝรั่ง ... ต่อไปค่ายญี่ปุ่นจะรอดมั้ยต้องคอยดูครับ
ผมเชื่อว่าผู้บริหารองค์กรระดับโลกทุกคน มีชนักติดหลังทั้งนั้น ไม่ว่าผลประโยชน์ทับซ้อน หรือว่าเอางบบริษัทมาใช้จ่ายให้ตัวเอง
เพียงแต่สุดท้ายแล้ว บ. มีกำไร บอร์ด หรือผู้ถือหุ้นก็มองข้าม ๆ ไป แต่พอถึงเวลาก็เก็บไว้เชือดแบบกอร์นส นี่แหละครับ
-
เรื่องโกงก็อีกเรื่อง พูดยากอยู่
แต่ผมชอบลุงคนนี้ตรงนี้เป็นคนผุดไอเดียให้สร้าง R35 GTR นี่แหละ
-
รอดูว่าญี่ปุ่นจะทำอะไรได้แค่ไหน นึกภาพวันที่เปิดตัว สามตัน รถแบรนด์ลูก ญี่ปุ่นยังถูกด่าขนาดนั้น
-
เกมการเมืองภายใน ยากที่จะหยั่งรู้
-
ผมว่ายุคต่อไป แบรนด์ติดลมอาจเป็นรถจากเมืองจีนนะ
-
น่าจะเขี่ยทีมออกแบบรถตลาดออกด้วยนะ 8) 8)
-
ออกไปเหอะนิสสันเสียมามากละ
ถ้าไม่เกี่ยวกับในไทย
Nissan กลับมาทำกำไร รถหลายๆรุ่นในยุคของเขาก็ขายดีในหลายๆตลาดนะครับ
ก็ห่วงทำแต่ในยุโรปไงครับ ไม่ลุยตลาดเอเชียเลย ยิ่งบ้านเราไม่ต้องพูดถึง อาการร่อแร่มาก
ปัญหานี่มีเฉพาะที่ไทยรึเปล่าครับ ก่อนหน้านั้นนี่คนญี่ปุ่นเขายกย่องมากเลยนะครับ เท่าที่ติดตามมา ไม่ได้เขานิสสันอาจล้มละลายไปแล้ว
-
รอดูว่าจะให้ใครเข้ามาดำรงตำแหน่ง ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ เป็นการชี้ชะตาอนาคตของบริษัท