Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ พฤศจิกายน 26, 2018, 22:42:11
-
ผมจะใช้ราคาแบตเตอรี่ของ CATL เป็นพื้นฐานนะครับ นั่นก็เพราะว่าแบ็ตจีนแดงเจ้านี้มียอดขายอันดับ 1 ของโลก และตอนนี้เกือบทุกยี่ห้อก็ใช้กัน
สาเหตุที่รถหลายยี่ห้อใช้แบตของ CATL คือราคาถูกและปลอดภัย ชนไม่ระเบิด ถ้าคุณใช้รถยุโรปอย่าง MB หรือ BMW หรือรถเครือ VW ก็จะใช้แบตของ CATL แทบทั้งนั้น รวมไปถึงรถจีนเกือบทุกยี่ห้อด้วย
ส่วนรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อที่ขายในจีนก็ใช้แบตเตอรี่ของ CATL เช่นกันทั้ง Honda Nissan Mitsubishi
ยกเว้นโตโยต้าที่ใช้แบ็ตที่พัฒนาโดย Panasonic ซึ่งกำลังจะเป็ดตัว SSB เร็วๆ นี้
แต่ก็พอจะพูดได้ว่าราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน พอจะอิงกับ CATL ได้เลย
ราคาแบตเตอรี่ของ CATL ย้อนกลับไป 4 ปี
2014 - 2.89 CNY/Wh
2015 - 2.28 CNY/Wh ลดลง 21%
2016 - 2.06 CNY/Wh ลดลง 9.65%
2017 - 1.41 CNY/Wh ลดลง 31.55%
เฉลี่ย คิดแบบง่ายๆ ราคาลดลงปีละประมาณ 20%
ดังนั้นถ้ามองไปในอนาคตอีก 3 ปี
2018 - 1.13 CNY/Wh
2019 - 0.9 CNY/Wh
2020 - 0.72 CNY/Wh
แล้วทีนี้มาคำนวณว่า รถยนต์ไฟฟ้าขนาด C-cegment ให้วิ่งได้จริงราวๆ 250 km ต้องใช้แบตเตอรี่ 35 kWh แปลว่าในปี 2020 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 0.72 x 35,000 = 25,200 CNY หรือแปลงเป็นเงินไทยราวๆ 120,000 บาท
ดังนั้นในปี 2021 เป็นต้นไป รถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำกว่าล้าน มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆ ครับ และพวกรถยนต์ PHEV ที่ใช้แบ็ตขนาด 7-10 kWh ก็จะมีราคาแบ็ตที่ราวๆ 24,000 - 34,500 บาทเท่านั้นเอง
คำว่า "แบตเตอรี่แพง" กำลังจะหายไปครับ หวังว่าจะได้เห็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในไทยมากขึ้นเร็วๆ นี้
-
ผมก็คิดคล้ายๆกัน ช่วงนี้รถไฟฟ้าแพงเพราะค่าเทคโนโลยี ค่าออกแบบ ค้นคว้า วิจัย พัฒนา อีก 5 ปีข้างหน้าราคารถไฟฟ้าคงจับต้องได้แล้ว ช่วงนี้ผมจะไม่ซื้อรถคันใหม่ รออีก 5 ปีซื้อรถไฟฟ้าเลยดีกว่า
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
อนาคตมลพิษทางคาบอนจะลดลง สิ่งที่จะตามมาให้หาทางแก้คือการกำจัดพวกแบต ที่ใช้แล้ว หรือ recycle มาใช้ใหม่ให้กระทบหรือเกิดปัญหาทางมลพิษต่อคนให้น้อยสุดต่อไป
รีบๆมาก็ดีครับ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงว่าจะเป็นอย่างไร
-
มีอ้างอิงไหมครัช อยากหาอ่านดู
ปอลิง ราคามันจะถึงจุดอิ่มตัวไหมครัช(คือจะไม่ลงไปกว่านี้อีกแล้วอะไรงี้)
-
เครื่องยนต์ใหม่ แรงและสะอาด!
ในปี 2025 รถใหม่ 25% จะเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ 3 ใน 4 ของรถยนต์ใหม่ทั่วโลกยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุลดลงแต่มีกำลังมหาศาล กินเชื้อเพลิงน้อยลงและปล่อยมลพิษต่ำกว่าเดิม https://www.thairath.co.th/content/1225667 (https://www.thairath.co.th/content/1225667)