Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Untouchable ที่ ธันวาคม 09, 2018, 08:40:32
-
ลิงค์เนื้อหาข่าวครับ
https://mgronline.com/local/detail/9610000122139
มันจะไม่มีทางแก้เลยใช่ไหมไอ้ปัญหาน้ำยางบนถนนเนี่ย ปีหนึ่งเกิดเหตุแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
-
เหมือนเคยมีการกำชับให้ผู้ที่ขนส่งน้ำยางพาราต้องมีถังหรือกระบะที่ทึบน้ำเพื่อป้องกันน้ำยางหยดลงบนถนนอยู่นะ แต่นอกจากน้ำยาง ยังมีขี้แป้ง เมือกปลา พวกนี้ก็ทำให้ลื่นได้
-
บอกเจ้าของสวนหรือเจ้าของรถน่าจะยากแล้วละ ถ้างั้นแบ่งชุด จนท ที่ตั้งด่านตรวจใบขับขี่ ตรวจฉี่ ไปดูแลก็ได้นะครับ ผมเห็นบางจุดมีเป็นสิบคน ทางหลวงก็ช่วยด้วยได้นะครับ
-
มีครับ ขับช้าๆไง ถ้าคันไหนขับเร็วมั่นใจรถข้าดีมาก พวกนี้แหละส่วนใหญ่ที่ลงข้างทาง ยิ่งฝนตกใหม่ๆ ต่อให้ไม่มีน่ำยางก็ลื่นมาก
แก้ที่คนอื่นมันยาก แก้ที่ตัวเรานี้แหละง่ายดี
-
คราบน้ำยาง นี่จริงๆเลยครับ แม้จะขับช้าก็ตาม
ผมก็เคยเจอแบบนี้ แต่เป็นรถเช่านะครับ ขับมาไม่ได้มีความเร็วอะไรเลย วิ่งมาเรื่อยๆ 60 70 พาลูกไปเที่ยวแถว พังงา พอเป็นทางโค้งเจอเข้าไปลงข้างทางเหมือนกัน ดีไม่ได้เป็นอะไรมาก
ช่วงรอรถมาเปลี่ยน คนแถวนั้นเขาบอกแบบนี้ โค้งมันไม่รับ บวกกับเจอน้ำยางกันด้วยเลยไปกันใหญ่ ตอนเช้าก็เพิ่งลงไปคัน เพิ่งจะมายกไปแล้วก็มาต่อที่พี่นี่แหละ ตอนนั้นผมฟังก็ งงๆ เหมือนกัน น้ำยาง ทำให้ลื่นได้ขนาดนี้เลยหรือนี่
จนมาเจอข่าวนี้ละครับ เข้าใจเลยว่ามันเป็นอย่างไง
-
ถ้าน้ำจากยางก้อน หยดลงพื้นถนนมันเป็นความมักง่ายของเจ้าของรถที่บรรทุกยางก้อนเหล่านั้น อาจจะเป็นเถ้าแก่หรือชาวสวนก็ตาม..ที่เห็นแก่ตัว ไม่คำนึง ถึงความเดือดร้อนของผู้ใช้ทาง..ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่พวกไม่สนใจ..ผู้บังคับใช้กฎหมายอ่อน..พอบังคับเยอะกลายเป็นรังแก..พูดแล้วเบื่อ.
-
มีครับ ขับช้าๆไง ถ้าคันไหนขับเร็วมั่นใจรถข้าดีมาก พวกนี้แหละส่วนใหญ่ที่ลงข้างทาง ยิ่งฝนตกใหม่ๆ ต่อให้ไม่มีน่ำยางก็ลื่นมาก
แก้ที่คนอื่นมันยาก แก้ที่ตัวเรานี้แหละง่ายดี
ใช้อะไรคิดวะครับเนี่ย
อย่างนี้ก็ไม่ต้องมีกฎหมายกฎจราจรเลย
เมาแล้วขับก็ช่างมัน
ระวังกันเอาเอง
-
มันเป็นน้ำเซรั่มจากยางก้นถ้วยครับจะมีเมือกทำให้ลื่นมากถึงแม้จะแห้งแล้วพอมาโดนน้ำจะลื่นอีกครับจนกว่าฝนจะชะล้างหมดไปในโรงงานยางแท่งพื้นคอนกรีตในไลน์ผลิตจะลื่นมากครับแล้วรถที่บรรทุกยางก้นถ้วยชอบปล่อยน้ำเซรั่มไหลลงถนนตลอดทางชอบวิ่งขวาอีกต่างหากกลิ่นเหม็นและกัดกร่อนรถที่วิ่งตามหลังเพราะมีทั้งกรดฟอมิกและกรดซัลฟูริกผสมอยู่ครับ เป็นความเห็นแก่ตัวและมักง่ายของคนบรรทุกจริงๆ
-
ผมวิ่งอยู่ทางใต้ ผมไม่เคยเจอลื่นเพราะน้ำยางนะ
พวกนี้ที่ผมไม่ชอบคือรถผมเลอะ ล้างออกยาก และมีกลิ่นเหม็นมากกว่า
ส่วนทางภาคอื่นผมไม่ทราบ อาจจะเพราะเป็นเนิน เป็นเขามากรึเปล่า เลยมีอาการและเกิดอุบัติเหตุได้
ปล. ยางรถยนต์มีผลมาก บางค่ายเหินน้ำชัดเจน ผมเคยได้เป็นยางติดรถ พอเปลี่ยนยี่ห้อยางคนละเรื่องเลย ทำความเร็วได้เป็นเท่าตัว พูดแล้วเหมือนโกหก แต่ยี่ห้อดังทั้งคู่ ไม่รู้ผ่านรีวิวไปได้ยังไง
-
สงสัยขะปล่อยตีกันเองใช่ไหมเจ้านาย
-
เดี๋ยวก็อ้างรังแกคนจน รังแกการเกษตรแบบเดิมล่ะครับ
ข้ออ้างความจน ไม่เสียภาษี ไม่ทำตามกฎหมายมักใช้ได้เสมอ
-
ยางก้นถ้วยทางใต้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปียกเหมือนทางอีสานครับแต่บางเจ้าก็ยังมีเปียกๆเหมือนกันครับแต่กลิ่นเหม็นและเลอะรถเหมือนกันครับ
-
แบบนี้ระบบ esc เอาอยู่ไหมครับ เห็นในข่าวมี mu-xตัวใหม่ด้วย แต่ท่าทางจะลื่นจริง
-
มีครับ ขับช้าๆไง ถ้าคันไหนขับเร็วมั่นใจรถข้าดีมาก พวกนี้แหละส่วนใหญ่ที่ลงข้างทาง ยิ่งฝนตกใหม่ๆ ต่อให้ไม่มีน่ำยางก็ลื่นมาก
แก้ที่คนอื่นมันยาก แก้ที่ตัวเรานี้แหละง่ายดี
ใช้อะไรคิดวะครับเนี่ย
อย่างนี้ก็ไม่ต้องมีกฎหมายกฎจราจรเลย
เมาแล้วขับก็ช่างมัน
ระวังกันเอาเอง
งั้นก็ไม่ต้องระวังครับ ขับเท่าไรจัดไปให้หมด
-
มีครับ ขับช้าๆไง ถ้าคันไหนขับเร็วมั่นใจรถข้าดีมาก พวกนี้แหละส่วนใหญ่ที่ลงข้างทาง ยิ่งฝนตกใหม่ๆ ต่อให้ไม่มีน่ำยางก็ลื่นมาก
แก้ที่คนอื่นมันยาก แก้ที่ตัวเรานี้แหละง่ายดี
เป็นคำตอบที่ดี แต่ไม่ตรงคำถาม
ประเด็นคือ ถนนที่มีน้ำยางมันลื่นกว่าถนนที่ไม่มีน้ำยาง จะแก้ยังไง ขับมาปกติระวังแล้วแต่มันก็ลื่น
เคยเจอคำถามประมาณนี้ที่พบบ่อยๆ. เช่น 2 ยี่ห้อนี้คันไหนกินน้ำมันกว่ากัน
จะมี คำตอบ ที่ไม่ต้องตอบก็ได้ คือ. ถ้าขับเร็วก็เปลืองเหมือนกันแหละไม่ว่ายี่ห้อไหน.>>> คือทราบครับ แต่ที่อยากรู้คือคันไหนกินมากกว่ากัน. ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องตอบก็ได้
-
แก้ได้มั้ย แก้ได้ และก็แก้ไม่ได้ครับ
แก้ได้ = จัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เจอที่ไหนเรียกจอดจับปรับหนัก เดี๋ยวก็หมดไป และหาวิธีจนไม่หกบนถนนไปเอง
แก้ไม่ได้ = โอ้ย ชาวบ้านเดือดร้อน ใครๆก็ทำกันวิ่งแปปๆเอง คนอื่นขับช้าๆสิ กูจะทำงาน จน ไม่ขนแล้วจะได้เงินแบบไหน บราๆๆ
ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลัง
-
มีครับ ขับช้าๆไง ถ้าคันไหนขับเร็วมั่นใจรถข้าดีมาก พวกนี้แหละส่วนใหญ่ที่ลงข้างทาง ยิ่งฝนตกใหม่ๆ ต่อให้ไม่มีน่ำยางก็ลื่นมาก
แก้ที่คนอื่นมันยาก แก้ที่ตัวเรานี้แหละง่ายดี
เป็นคำตอบที่ดี แต่ไม่ตรงคำถาม
ประเด็นคือ ถนนที่มีน้ำยางมันลื่นกว่าถนนที่ไม่มีน้ำยาง จะแก้ยังไง ขับมาปกติระวังแล้วแต่มันก็ลื่น
เคยเจอคำถามประมาณนี้ที่พบบ่อยๆ. เช่น 2 ยี่ห้อนี้คันไหนกินน้ำมันกว่ากัน
จะมี คำตอบ ที่ไม่ต้องตอบก็ได้ คือ. ถ้าขับเร็วก็เปลืองเหมือนกันแหละไม่ว่ายี่ห้อไหน.>>> คือทราบครับ แต่ที่อยากรู้คือคันไหนกินมากกว่ากัน. ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องตอบก็ได้
+1
-
ไปเที่ยวเส้นภูเรือ ภูหลวง วังสะพุง เลย แถบๆนี้ผม โคตรกลัวเรื่องน้ำยางบนถนนเลยล่ะ
เจอประจำ แก้ไขที่ตัวเองได้ก่อนเลยคือลดความเร็วลง..มาเร็วๆเอาไม่อยู่จริงๆ
อย่าว่าแต่ฝนตกเลยครับ น้ำค้างลงจัดๆ ตอนเช้าก็ลื่นแล้ว
-
แก้ได้ = จัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เจอที่ไหนเรียกจอดจับปรับหนัก เดี๋ยวก็หมดไป และหาวิธีจนไม่หกบนถนนไปเอง
โซลูชั่นมันก็อันเดิมตามนี้แหละ
แต่ไม่มีการจัดการตามกฎหมาย
-
Thailand only :'( :'( :'( :'( :'(
-
วิธีแก้ปัญหามันมีอยู่แล้วเหลือแค่ปฏิบัติ ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายผู้ประกอบการ แต่ที่ไม่ยอมทำกันจริงจังเพราะคงมีได้มีเสียอะไรกันอยู่ อย่างแถวบ้านผมพวกรถอ้อยเดี๋ยวนี้บรรทุกจัดเรียงกันเป็นระเบียบมาก ไม่ล้นไม่เกิน ตูดไม่ย้อยไม่บาน เป็นแบบนี้มา 2-3 ปีแล้ว แบบนี้แสดงว่าทำจริงจัง
-
ผมเป็นคนจังหวัดนี้นะครับ เรื่องน้ำยางนี่ลื่นจริงๆครับ ถนนจังหวัดนี้ส่วนใหญ่ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จะมีโค้ง+ภูเขาค่อนข้างเยอะครับ
ถ้ามาขับรถเที่ยวแถวนี้ก็ลดความเร็วลงช่วยได้ระดับหนึ่งครับ
ถนนแถบนี้โดนน้ำยางสะสมเรื่อยมา จนซึมเข้าเนื้อถนนหมดแล้ว ฝนตกยิ่งน้อยๆ คือปรอยๆหรือหมอกหนาหน่อย ถนนเปียกนิดเดียว ยิ่งอันตรายครับ
ถ้าลองสักเกตที่พื้นถนน จะเห็นเป็นฟองเล็กๆขึ้นเลย
เพราะถนนเปียกนิดเดียว ฝนตกแค่ปรอยๆนิดเดียว เลยทำให้คนใช้รถ ลดความเร็วลงไม่มาก + ไม่ค่อยชำนาญทาง ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ครับ
สังเกตอีกอย่างคือถนนจะดำผิดปกติเลยครับ ส่วนมากจะเป็นเลนที่ขึ้นเขาครับ เพราะน้ำยางจะไหลออกมาเยอะ