Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YOCHAI ที่ ธันวาคม 23, 2018, 13:22:05
-
ผมเคยถาม ระหว่าง hrv rs กับ chr 1.8 mid ไปแล้วครั้งหนึ่งนะครับ สรุปผมเลือก hrv นะครับ
แต่ที่นี้ผมไปพบว่า เจ้า cx5 c มันก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่แพงกว่า hrv อยู่ไม่เยอะ
เลยจะขอสอบถามอีกซักนิดครับ (ถึงรถมันจะคนละระดับกันก็เถอะ)
1. ในระยะยาวอะไหล่ cx5 แพงกว่า Hrv ใช่ไหมครับ
2. ปัญหา cx5 เบนซิน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วใช่ไหมครับ (ปั๊มติ๊กยังมีปัญหาอยู่ไหม)
3.มีอะไรที่ cx5 ด้อยกว่า Hrv บ้างครับ
ขอบคุณครับ
-
ข้อ3. Cx5 ด้อยกว่า ในแง่งานออกแบบ
ข้ออื่นไม่ไม่ความเห็นครับผม
-
ถ้าใช้ยาวๆ แคร์ราคาขายต่อ HRV เลย
-
ใช้ไม่ยาว ไม่แคร์ราคาขาย cx-5
ใช้ยาวแคร์ราคาขายต่อ fortuner มือสองหรือตัวล่างสุด
cx5 อะไหล่และค่าแรงแพงเอาเรื่องนี่คือข้อด้อย
Hrv คุณภาพตัวรถสู้ไม่ได้ มีดีที่หลังคาแก้วสำหรับคนชอบ
-
เห็นว่าปั้มติ๊กพังcx5
-
คุณยังมีความกังวลเรื่องราคาอะไหล่กับปัญหา เลือกไปทาง Honda จะเสี่ยงน้อยกว่า แค่เข้าศูนย์เจอค่าบริการ Mazda คุณก็ช็อคแล้วมั้งครับ
แม้ศูนย์ Honda จะไม่ถึงกับดีเยี่ยม แต่ถ้ามีเคสปัญหาผมว่าโทร Call Center น่าจะได้รับการแก้ไขเร็วกว่า
-
ผมไม่ได้ใช้ทั้งคู่ครับ เคยลองขับ CX-5 2.2D 3 ครั้ง ส่วน HR-V เคยไปลองนั่ง
1. ในระยะยาวอะไหล่ cx5 แพงกว่า Hrv ใช่ไหมครับ
เท่าที่ทราบ CX-5 ราคาอะไหล่สูงกว่า ส่วนหนึ่งเพราะ Segment สูงกว่า รวมถึงราคาของ Mazda เองด้วย
2. ปัญหา cx5 เบนซิน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วใช่ไหมครับ (ปั๊มติ๊กยังมีปัญหาอยู่ไหม)
เห็นมีดับกลางอากาศ ส่วนปัญหาอื่นน่าจะพวก active safety ทำงานไม่ค่อย smooth ครับ
3. มีอะไรที่ cx5 ด้อยกว่า Hrv บ้างครับ
ถ้าให้ผมเลือกจริง ๆ 2 ตัว ผมคงไป CX-5 ครับ
เอาตัวรถจริง ๆ ผมว่าวัสดุ อุปกรณ์ติดรถ เบาะโดยสาร การขับขี่ คิดว่า CX-5 น่าจะดีกว่า
ด้อยกว่าน่าจะเรื่องศูนย์ ตัวรถขายได้น้อยกว่า ความชำนาญช่างก็น่าจะน้อยกว่า
ถ้าเอาจบ ๆ แบบขับไม่เร็วมาก CR-V 2.4E ก็น่าสนนะครับ แต่งบก็บานขึ้น ลองกำหนดงบจริง ๆ ก่อน เพราะราคาถ้าผ่อน มันก็เพิ่มทีละนิด ทีละนิด ยังไงรถแพงกว่าก็น่าสนกว่าครับ
-
ต่างกันไม่กี่หมื่น ผมไปรถใหญ่กว่าครับ CX5 ดีกว่าทุกด้าน
ใช้ไปห้าปี น่าจะมีความสุขกว่าด้วยความที่เป็นรถคนละระดับกันครับ
-
ถ้าคำนึงเรื่องค่าดูแล ราคาขายต่อ ซึ่งก้อไม่แปลก ใครๆก้อต้องคิด
แต่ตอนที่ต้องใช้มันเป็นเวลา 5-6 ปี ถ้าเจอรถที่ไม่ใช่ ความเซ็ง และไม่แฮปปี้ทุกครั้งที่หยิบกุญแจ มันก้อตีค่าเป็นตัวเลขลำบากอยู่นะครับ
เพราะผมเดาว่าถ้าดู HRV อยู่ แต่เอา cx5 มาเสียบเป็นตัวเทียบ เหตุผลน่าจะมาจากภายในที่ดูหรูกว่า และภาพลักษณ์ที่ cx5 น่าจะดูวัยรุ่น หรูหรากว่านิดๆ
เลือกที่ใจเราคิดเป็นตัวแรกก่อน เอาตามนั้น แล้วจะไม่ผิดหวังครับ
-
ถ้าไม่แคร์ราคาขายต่อ ที่ราคา 1.7 ล้าน เหลือ 6.5 แสน ก็ cx5
-
ผมเคยถาม ระหว่าง hrv rs กับ chr 1.8 mid ไปแล้วครั้งหนึ่งนะครับ สรุปผมเลือก hrv นะครับ
แต่ที่นี้ผมไปพบว่า เจ้า cx5 c มันก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่แพงกว่า hrv อยู่ไม่เยอะ
เลยจะขอสอบถามอีกซักนิดครับ (ถึงรถมันจะคนละระดับกันก็เถอะ)
1. ในระยะยาวอะไหล่ cx5 แพงกว่า Hrv ใช่ไหมครับ
2. ปัญหา cx5 เบนซิน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วใช่ไหมครับ (ปั๊มติ๊กยังมีปัญหาอยู่ไหม)
3.มีอะไรที่ cx5 ด้อยกว่า Hrv บ้างครับ
ขอบคุณครับ
3. ยังไง Honda ก็ main stream กว่า ถ้าแคร์ราคาขายต่อก็ได้เปรียบ
นอกจากนั้นไม่เห็นมีไรดีกว่า cx5 สักอย่าง
-
ขอแชร์ประสบการณ์นะครับ
ผมใช้ 2.0S ปี 2018 ตอนนี้เลขไมลค์ 24,680km และเป็นสมาชิก Thai Mazda CX-5 Help Club
รุ่นเครื่องเบนซิน ปัญหาที่เจอกัน หลักๆ คือ
1. เสียงต๊อกๆ ที่บริเวณล้อหน้า ด้านขวา !!!
2. ปั๊มติ๊กพัง !! (รถผมยังไม่เจอเคสนี้)
3. ได้ยินเสียงหอน ตอนขับแช่ที่ความเร็ว 69-73km/hr !!!
แต่ถ้าปล่อยคันเร่งจะไม่ได้ยินเสียงหอน เข้าใจว่ามีปัญหาที่ระบบส่งกำลัง ตอนนี้กำลังให้ศูนย์สรุปสาเหตุให้อยุ่
-
Hrv ผมว่าแพงไปนะกับสิ่งที่ได้ เมื่อเทียบกับ cx5 ที่โครงสร้างแข็งแรงกว่า ความหนึบเกาะถนนที่มั่นใจกว่า แถมเป็นเกียร์ แบบเฟือง6สปีด ซึ่งไม่ใช่เกียร์CVT ซึ่ง cvt นั้นเป็นเกียร์เน้นความนุ่มนวลต่อเนื่อง หากเท้าหนักกหรือลากรอบบ่อยๆ cvt อาจจะพังเร็วครับ
-
FTN ตัวล่างนี้ เกียร์กระปุกใช่ไหมครับ
1.7 m รถกี่ปีครับ เหลือ 650 k
เสียดาย chr ถ้าออกมาไม่อวกาศขนาดนี้ ก็จบ ที่ chr แหละ
-
ถ้าไม่แคร์ราคาขายต่อ ที่ราคา 1.7 ล้าน เหลือ 6.5 แสน ก็ cx5
2.0 C ราคา 1.29 ล้านครับ ไม่ใช่ 1.7 ล้าน
ถ้าเปรียบ 2.0 C กับ HR-V RS 1.19 ล้าน
1. อะไหล่แพงกว่าแน่นอน
2. ปั๊มติ๊กยังมีปัญหา จากรถแรกๆ แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าล็อตหลังๆ แก้ปัญหารึยัง (และคิดว่าจะไม่มีทางยืนยันจากทางมาสด้าแน่นอน)
3. ไม่มีหลังคาแก้ว, ไฟ daylight ไม่ได้แบบ LED , ไฟหน้า และไฟท้าย ไม่ได้แบบ LED
ราคาตัวรถแพงกว่า, ตัวรถคันใหญ่น้ำหนักมากอาจทำให้รู้สึกว่าอืด ไม่คล่องตัวเท่า HR-V
***ส่วนคนที่บอกว่าการออกแบบของ CX-5 ด้อยกว่า HR-V อันนี้ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าการออกแบบอะไร, ออกแบบตรงไหนที่ว่าด้อยกว่า ??
อยากให้อธิบายครับ อยากฟังเหตุผลมากกว่าพิมพ์มาลอยๆ
-
2.0sp ใช้อยู่ 1 ปี 13xxx กิโล ก็ยังไม่เจออะไรครับ 3 ปี หรือ 60000 โล แรกเข้าศูนย์ไม่เสียซักบาท ซื้อเพิ่มได้เป็น 5 ปี หรือ 100000 โล ประกันตัวรถ 3 ปี 10000 โล ซื้อเพิ่มได้เป็น 5 ปี 140000 โล ราคาประมาณ 3xxxx บาท
เพิ่งเคยใช้ Mazda คันแรก ไม่ใช่แฟนบอย ที่บ้านมี Honda อีก 2 คัน Prius คันเก่าก็ขายทิ้งไปแล้ว รถใหม่ 1.2 ล้าน 5-6 ปี วิ่ง 70000 โล เต็นรับ 2แสนปลายๆ ใครว่า Toyota ไม่ตก
CX-5 ดีเซลราคาตกจริง ปัญหาแก้ไม่จบ
ถ้ากลัวมากหรือติดเรื่องเงินไม่พร้อมจ่าย Honda ก็สบายใจดีครับ ส่วนตัวคงเอา CX-5 2.0c มีอะไรดีกว่ามากมายเพิ่มไม่กี่บาท ส่วนลดก็เยอะ HRV ดูแพงไร้สาระสำหรับผม
-
1. CX5 อะไหล่แพงกว่าครับ
2. เห็นว่าตัวใหม่เป็นปั๊มติ๊กครับ แต่ไม่ทราบว่าล็อตหลังแก้หรือยัง
3. ไฟหน้า ไฟท้าย เป็นไฟธรรมดา ไม่ใช่ led พวกความสวยงาม การใช้วัสดุตกแต่งอ่ะครับ เพราะตัว c มัน trim ล่างสุด แล้วก็หลังคาแก้ว
ส่วนตัวผมใช้ CX5 2.0 ตัวเก่าอยู่ครับ วิ่งไป 50,000 กว่ากิโลแล้วครับ น่าจะพอแชร์ประสบการณ์ได้บ้าง
-ออกป้ายแดง เสียงเบรคดังมาก เหมือนเหล็กจับจานเลยครับ สรุปแผ่นกันฝุ่นถูจานเบรค ดัดที่ศูนย์หาย
-เสียงกระแทกที่โช้คที่ต้องเสริมยางรองสปริงในคลับเจอกันเยอะ รถผมไม่เจอครับ เพราะตอนแก้เบรคดังศูนย์ใส่ให้เลย
-มีเสียงกระจกส่องหน้าที่แผงบังแดดสั่นคลอนเบาๆ เวลารถวิ่งถนนไม่เรียบ ยังไม่ได้เคลม
-ปั๊มติ๊ก รถผมปกติครับ ซึ่งถ้าตัวใหม่แก้ตรงนี้ได้ก็ไม่น่ามีปัญหาหนักอะไรแล้วครับ (ปัญหาหนักคือ เดินทางไปไกลแล้วปั๊มติ๊กเสียเนี่ย เซ็งมากนะครับ ซึ่งถ้าเคลมน่าจะได้พาร์ทใหม่??)
-ถ้าจอง CX5 อย่าลืมมาสด้าแคร์นะครับ ฟรีค่าบำรุงรักษาทุกอย่าง 3 ปี 60,000 km ใช้มา 2 ปีกว่ายังไม่ต้องเสียค่าเช็คระยะเลยครับ ถ้าหมดแล้วน่าจะอ่วม 555
-ศูนย์บริการบางที่ก็ดี บางที่ก็ไม่ค่อยโอเคครับ แล้วแต่ดวง
การขับขี่ เคยลอง hrv แล้วครับ นุ่มนิ่ม สบายดี เหมาะกับเดินทางไม่เร็วครับแล้วมันจะดีมากๆ แค่ขึ้นลูกระนาดมันนิ่มจนท้ายรถมันเด้งคืนเลยครับ แต่ CX5 ลงลูกระนาดแล้วไม่เด้งต่อ ช่วงล่างเฟิร์มพอสนุกครับ ช่วงล่างไม่ใช่แข็งแบบตึงตังนะครับ มันจะกระแทกแบบติดนิ่มเล็กๆ อธิบายไม่ถูก เครื่องยนต์ตามความรู้สึกคือไปได้เร็วพอกัน แต่ความรู้สึก CX5 มันส์กว่าเยอะ 6spd กับ cvt คนละเรื่องเลยครับ เรื่องห้องโดยสาร CX5 กว้างกว่า และที่เก็บสัมภาระมากกว่าพอควรครับ
ถ้าเลือก 2 ตัวนี้เหมือนต้องแลกกันนะครับ การตกแต่ง ภายนอก ภายใน ไฟหน้า ไฟท้าย hrv กินขาด แต่การขับขี่ CX5 ก็ดีกว่าเช่นกันครับ ภายในก็ไม่ได้แย่ครับ แต่สวยสู้รุ่นสูงกว่าไม่ได้ ราคาขายต่อน่าจะพอๆ กันมั้งครับ เพราะ CX5 แพงกว่า แต่ขายต่อน่าจะตกมากกว่าเลยไปอยู่พอๆ กัน อย่าลืมไปลองนั่ง ลองขับดูก่อนนะครับ จะได้ไม่ตัดสินใจพลาด เอาที่รถที่เราชอบครับ อิอิ
-
อยากให้ถามตัวเองว่า เราจะเลือกคันนี้มาเพื่อใช้งานแบบไหนมากกว่าครับ เอาจริงๆส่วนต่างที่คุณอยากเพิ่มขึ้นไปผมเดาว่าคุณเองก็น่าจะรับได้กับส่วนต่างค่าดูแลของมัน มันคงไม่ได้เช็คระยะผิดกันทีหลายพันบาท ราคาขายต่อยังไงแบรนด์รองก็ตกกว่า ขายต่อยากกว่า ก็แค่อย่าใช้ยาว ให้รถยังสดใหม่คนยังพอสนใจช้อนไปเล่นต่อได้ (ก็ต้องถามต่อว่ากะใช้ยาวแค่ไหน ถ้ายาวกว่า 5 ปี ไป HRV ตอนขายต่อยังพอออกง่ายกว่าบ้าง) CX5 คุณก็ได้รถที่ใหญ่กว่าทุกมิติ นั่งสบายกว่าหรือเปล่าต้องไปลองนั่งเทียบดูเอง ก้นใครก้นมัน อย่างก้นผม CRV ดีเซลคุณพ่อผม เบาะทุกตำแหน่ง เทียบ CHR ผม ทุกคนในบ้านจิ้ม CHR เบาะนั่งสบายกว่า เหยียดขาได้มากกว่า แต่ด้านกว้างมันไม่เท่า CRV นั่งแล้วไหล่เกยกัน เรื่องทำนองนี้ก็มีผลครับ คุณก็ต้องไปลองผุดลุกผุดนั่งดูว่าคันไหนดีกว่ากัน
ถ้าจะขับแค่คนเดียว หรือสองสามคน ไม่ขนของเยอะ แค่ HRV ก็อาจจะเหลือๆแล้ว ถ้ารับได้กับช่วงล่างที่เด้งไม่เป็นท่าของมัน (ซึ่งผมแคร์ความปลอดภัยเวลาขับขี่ จึงตัดทิ้งไป บวกกับรุ่นก่อน MC ถุงลมน้อยกว่า CHR ก็เลยตัดออกเช่นกัน) แต่ถ้าคุณใช้งานแบบนั่ง 2 คน แล้วถ้ามีลูกแบบผม + ต้องซื้อของเข้ากิจการตัวเอง พวก B-SUV เล็กเกินไปนิดๆ ถ้าผมมีลูกอีกคน อาจต้องเปลี่ยนรถอีก แบบนี้ก็ไม่ตอบโจทย์ละ เพราะงั้นคุณก็ต้องมองด้วยว่า ชีวิตคุณอีก 5 ปี หรืออย่างน้อยช่วงที่คุณคิดจะใช้รถคันนี้ คุณจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตอีกด้วย แล้วรถมันพอใช้งานไหม ลองเลือกแบบนี้ดูครับ ผมว่าดีทั้งคู่แหละ แค่คันไหนเหมาะกับเรามากกว่า
-
ไปลองขับดู กับถนนหลายๆแบบและหลายช่วงความเรวที่ใช้ จะได้คำตอบครับ บอกได้เท่านี้ ตธดใครตูดมัน ความชอบไม่เหมือนกัน ถ้าจังหวัดที่ผมอยุ่บอกได้เลย ศูนย์ฮอนด้าไม่จำเป็นไม่เหยีบเข้าไป เข้าเฉพาะเวลาเช็คระยะ ซื้อสดคันละล้านกว่าของเค้ามาหลายคัน ทำอย่างกับขอรถเค้าใช้ฟรีแปลกดี เทียบกับมาสด้า ทั้งๆที่ใช้คันแรก แต่บิการต่างกันมาก ขออภัยนอกเรท่องไปเยอะครับ
-
1.อะไหล่CX-5บางตัวแพงกว่าเยอะโดยเฉพาะช่วงล่าง ส่วนต่างเป็น1000%ก็มี แต่หลายๆตัวก็ปกติ
2.หลักๆก็ปั้มติ้ก เสียงช็อคอัพตอนขึ้นลูกระนาด
3.ข้อด้อยกว่าหายากนะ หลักๆก็อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองที่ด้อยกว่านิดหน่อย
ถ้าจะออก2.0C แนะนำให้เบิกไฟหน้าและไฟท้ายใส่มาเลยน่าจะได้ เพราะไฟมันไม่มีความสวยเลย
-
ไปลองขับดู กับถนนหลายๆแบบและหลายช่วงความเรวที่ใช้ จะได้คำตอบครับ บอกได้เท่านี้ ตธดใครตูดมัน ความชอบไม่เหมือนกัน ถ้าจังหวัดที่ผมอยุ่บอกได้เลย ศูนย์ฮอนด้าไม่จำเป็นไม่เหยีบเข้าไป เข้าเฉพาะเวลาเช็คระยะ ซื้อสดคันละล้านกว่าของเค้ามาหลายคัน ทำอย่างกับขอรถเค้าใช้ฟรีแปลกดี เทียบกับมาสด้า ทั้งๆที่ใช้คันแรก แต่บิการต่างกันมาก ขออภัยนอกเรท่องไปเยอะครับ
โหวว ฟังดูฮาดีครับ
เด๋วทาง0 พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ
HONDAที่เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่รับลูกค้าSA ให้ข้อมูลละเอียด เช็คข้อมูลย้อนหลัง
วันต่อไป จนท โทรสอบถาม ประเมินความพึงพอใจ
ค่าแรงH เชียงใหม่ ไม่แพง 4xxบ/ชม.
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์AT 795บ
ตั้งวาล์ว ค่าแรง1.5ชม. 7xxบ
-
1. CX-5 แพงกว่า HRV และแพงกว่า FORESTER
2. ทราบมาว่าแค่เรื่องปั๊มติ๊กครับ
3. จำนวนศูนย์บริการ และราคาอะไหล่
-
ผมขับ HRV เรื่องช่วงล่างห่วย ผมทราบดีอยู่แล้ว หลังจากจัด Tein Enduro Pro plus โช๊ค 4 ต้นสปริงเดิมไป
รถขับดีขึ้นมากๆ ขับดีแบบหน้า teen เป็นหลังมือ หลายสะพานแทบไม่ชะลอ การแต่งซ้ายขวาแทบไม่มี แช่ 140 ได้ชิวๆ บวกกับรถเดิมที่ อัตราเร่งดี ภายในห้องโดยสารโอเค กินน้ำมันกลางๆ สูงระดับนึง ผมว่าค่อนข้างจบมากๆ
-
ใช้ CX-5 2.0C อยู่ครับ
1. ถ้าเป็นอะไหล่สิ้นเปลืองทั่วไป ราคาไม่ต่างกันมากครับ แต่ถ้าเป็นอะไหล่เชิงลึก บางอย่างมาสด้าราคาโหดมาก
2. CX-5 เบนซิน ปั๊มติ๊กพังกันหลายคันครับ แต่ถ้าคิดเป็น % แล้ว น่าจะยังน้อย แต่ถือว่ามีปัญหากันจริงๆ ไม่รู้ว่าแก้หรือยัง
3. ฟีลลิ่งการขับ น่าจะเป็นตัวตัดสินใจได้ดีกว่าครับ
-
โดยปกติถ้าเทียบท๊อปล่างกับโลบน ก็ต้องโลบนครับ ดีกว่าทุกอย่าง รวมทั้งราคาอะไหล่
คำถามไม่มีไรมาก เอาไปใช้แบบไหนร ออฟชั่นแต่ละอันที่ให้มา สำคัญหรือจำเป็นมั้ย
กังวลอะไหล่ ราคาขายต่อ ก็ง่ายๆ เจ้าตลาดครับ ตัวรถมันไม่ได้แย่หรอก แค่อีกคันดีกว่าแค่นั้นเอง
-
HRV RS มีดอกเบี้ย
CX-5 2.0 C ไม่มีดอกเบี้ย (โปรตอนซื้อ)
ผ่อนหมดน่าจะไม่หนีกันเท่าไร
ตัวรถไปลองเลยครับ
ใช้ 2.0S ออกเมื่อปลายเดือนตุลาคม ตอนนี้ปั๊มติ๊กพังยังไม่เจอ โช๊คดัง ยังไม่เจอ
จากที่เคยลองนั่ง HRV มา นอกจากความเป็น Honda (ซึ่งมันดีนะ) แล้วยังไม่เจออะไรที่ดีกว่า CX-5
-
วันนี้ไปดู cx 5 มาแล้วนะครับ มีโปรลด 1 แสน ดอก ไม่เกิน 3 บาท นัดเทสรถ พรุ่งนี้ครับ
ตัวจริงคันใหญ่มาก
ตัว hrv ก็เคยไปดูมาแล้วนะครับ ได้ลองระยะสั้นๆ ก็พอได้อยู่ ส่วนลดไม่มีครับ
-
อยากลองของแปลกไหม ?
เดินเข้าโชว์รูม subaru ไปขอลอง รถป้าๆ หน้าตาน่าเกลียด อย่าง Forester นิดนึงนะครับ อิอิ
-
คู่นี้สำหรับผม ผมเลือก cx5 ครับ
ชอบ สวย ดูดี ขับแล้วเทห์ แค่นั้น
แต่ถ้า segment นี้ เอาจริงๆ รอ new forester ครับ
-
CX-5 ครับ
-
ถ้าเลือกแค่ 2 ตัวนี้ผมเอา cx5 ครับ ราคาซื้อพอ ๆ กัน (มาสด้ามีส่วนลด) ต่างกันตรงค่าซ่อม ซึ่ง เชคระยะ มาสด้า ฟรี 3 ปี เหลือค่าอะไหล่ กับค่าน้ำมันครับ รถคนละ segment มันต่างตั้งแต่ เริ่มเข้าไปนั่ง สตาร์ต และขับออกไปแล้วครับ
-
เป็นแฟนHONDA ใช้แต่honda ที่บ้านใช้มาตั้งแต่เข้าประเทศไทยเลย แอคคอร์ด6คัน
Civic1 crv2 แม้แต่กระบะก็HONDA แต่ผมเห็น cx5ใหม่นี่ผมตกหลุมรักเลยทีเดียว พอศึกษาในเพจ cx5 helpปุ๊บ ผมเลยได้แต่มองครับ กินข้าวลิงนี่ เมียผมคงบ่นไม่น้อย มาสด้าแคร์ผมไม่รู้รายละเอียด
แต่ไม่น่าครอบคลุมอะไหล่สึกหรอ ผมเห็นราคาหลอดไฟหน้า หลอดละ13000 ลูกปืนล้อคู่ละ30000ผมก็ถอยมาใช้hondaกระโดกกระเดกแล้วใส่โช้ค endurapro plus แบบในaccord g9ผม หรือ เบิกโช้คศูนย์
4ต้น 10000 ใส่CRV g2แก่ๆดีกว่าครับ