Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Bank113 ที่ ธันวาคม 25, 2018, 14:59:10
-
ที่ผมพอจะรู้มาบ้างว่า ถ้าเป็นเกียร์ ออโต้ การปล่อย เกียร์ว่างไหลเข้าไฟแดง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
อยากทราบว่า ถ้าเป็นเกียร์กระปุกปล่อยเกียร์ว่างแล้ว ไหลจอดไฟแดง
จะมีผลเสีย ต่อเกียร์ไหมคับ
พอดีวันนี้ ขัยเกียร์กระปุก เลย เกิดความสงสันขึ้นมาคับ
-
ระยะสั้นๆ ไม่มีผลครับ
-
ไม่น่ามีผลกระทบครับ ถ้าความเร็วไม่มาก......
ตอนเด็กๆผมดูพ่อขับรถ พอเห็นไฟแดงจะชะลอรถก่อน ใช้แรง engine เบรคไปพลางๆ
เมื่อใกล้จะถึงท้ายรถติดไฟแดงใช้วิธีเหยียบคลัช เหยียบเบรค พอรถชะลอมากแล้วก็สับเข้า N ก่อนรถหยุด ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีปัญหาอะไรครับ
(บางคนให้รถหยุดก่อนแล้วค่อยเข้า N ก็ได้เช่นกัน)
-
ไม่มีผลต่อการสึกหรอครับ
-
ไม่น่าเป็นไรนะครับเพราะมันจะค่อยๆช้าลงอยู่แล้ว
จำได้ว่ามีครั้งนึงเคยขับรถเกียร์ธรรมดา มีน้องคนนึงนั่งไปด้วย ผมจะกลับรถ ก็ขับขึ้นเนินฝั่งนึง แล้วเหยียบคลัชแล้วปล่อยรถไหลลงมาแป๊บนึง น้องคนที่นั่งไปด้วยตกใจร้องเฮ้ย พี่รถเป็นไร
สรุปเค้าหัดขับ โดยไม่เคยสัมผัสเกียร์ธรรมดาเลยซักครั้ง ก็ขำๆกันไป
-
เกียร์กระปุกไม่มีผลเสียใดๆต่อเกียร์ครับ สมมติว่าเข้าเกียร์ว่างลากรถ (คันที่ถูกลากเข้าเกียร์ว่าง) ลากข้ามจังหวัดได้เลย ไม่เป็นไรครับ
แต่ออโต้ห้ามทำเด็ดขาด เกียร์ออโต้ ถ้าจะลากต้องยกล้อที่ขับเคลื่อนให้ลอยขึ้น ห้ามให้ล้อนั้นหมุน
ทำอย่างที่ จขกท ว่า จริงๆผลเสียที่จะเกิดขึ้นก็มีเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องเล็กครับ โดยจะมีอยู่ 2 ข้อ
1. กินน้ำมันมากขึ้น เพราะหากไปเหยียบคลัตช์ หรือเข้าเกียร์ว่าง (มีค่าเท่ากัน) ท่านไปทำให้รอบเครื่องมันหล่นมาอยู่ที่เดินเบา
ซึ่งหัวฉีดมันก็จะสั่งฉีดน้ำมัน....ซึ่งโดยปกติจังหวะที่รถมี Engine brake อยู่ (ยกคันเร่ง แต่คาในเกียร์ไว้ ห้ามเหยียบคลัตช์หรือเข้าเกียร์ว่าง)
จังหวะนี้ถ้ารอบเครื่องอยู่สูงกว่ารอบเดินเบา (สูงกว่า 800 rpm) กล่องจะสั่งให้หัวฉีด cut off ตลอดเวลา
หรือพูดง่ายๆก็ไม่ฉีดน้ำมันลงเลยสักหยดนั้นแหละครับ ECU มันจะสั่งฉีดก็ต่อเมื่อรอบลงมาอยู่ที่รอบเดินเบาแล้วเท่านั้น
(ECU รู้ได้จากเซ็นเซอร์รอบเครื่องยนต์) อันนี้พูดถึงกรณีที่ยกคันเร่งสุดหมดอย่างเดียวน่ะครับ
แต่ถ้ากรณี้เหยียบคันเร่งนะ ยังไงก็ต้องฉีดตามที่เท้าเราสั่งอยู่แล้ว กรณีหลังไม่พูดถึง
2. เปลืองผ้าเบรกมากขึ้น และเบรกมีความร้อนสะสมมากขึ้น เพราะไม่มี Engine brake มาช่วยครับ
การขับรถเกียร์ธรรมดาที่ดีที่สุด ในจังหวะที่ยกคันเร่งลดความเร็ว คือต้องพยายามเหยีบคลัตช์ให้ช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
-
แทบไม่มีผลครับ เท่าที่นึกออกก็เผื่อเหตุฉุกเฉินเช่นด้านหลังสิบล้อเบรคไม่ทันจะมาซัดท้ายเราถ้ายังอยู่เกียร์ว่างปล่อยไหลก็คงตกใจเหยียบคันเร่งหนีแต่รถไม่ไป
-
เกียร์ไม่พัง แต่เป็นวิธีการขับที่ผิด
ปล่อยไหลโดยตาเกียร์ไปเรื่อยๆ จนใกล้หยุดสนิท เหยีบยคลัช ปลดเกียร์ว่าง
-
มีบางรุ่นแปลกๆ ก็มีผลครับ แต่ส่วนน้อยมาก เป็นข้อยกเว้นมากกว่า
-
สมัยใช้รถเกียร์ธรรมดาผมทำประจำ ไม่พังครับ
-
ไม่มีผลเสียครับ
แต่ทางที่ดีควรคาเกียร์ไว้เกือบหยุดจะดีกว่า
อย่างน้อยรถก็ยังพอมีเอนจี้นเบรคช่วยหน่วงได้บ้าง
เคยลองกับกระบะที่ทำงาน เป็นวีโก้ Champ 2.5G 4 ประตู เกียร์ธรรมดา
แค่ถอนคันเร่งออกปั้มก็หยุดจ่ายน้ำมันแล้ว (ดูจากมาตรวัด MID) ต่อให้คาเกียร์ไว้ก็ตามครับ
-
ไม่มีความจำเป็นอะไร ต้องเข้า N แล้วปล่อยไหล
เพราะเขาเกียร์ค้างไว้ ยกคันเร่ง ก็แทบไม่ต้องใช้เบรคละ จนรถเกือบจะหยัด ค่อย เปลี่ยนเป็น N
ปกติคันที่ใช้ประจำเป็น AT แต่บางครั้งก็ขับรถอีกคัน(กระบะ) เป็นเกียร์ MT ผมจะติดนิสัย คือ เมื่อไกล้ๆ ถึงไฟแดง จะค่อยๆ เชนเกียร์(พร้อมกดคันเร่งช่วย เพื่อไม่ให้รถกระชากเกินไป) ลงมาเรื่อย แบบ 4->3->2->1->N ไม่ค่อยทำแบบ 4->N เลย ไม่รู้ติดมาจากไหน ::) ::)
-
เมื่อไกล้ๆ ถึงไฟแดง จะค่อยๆ เชนเกียร์(พร้อมกดคันเร่งช่วย เพื่อไม่ให้รถกระชากเกินไป) ลงมาเรื่อย แบบ 4->3->2->1->N ไม่ค่อยทำแบบ 4->N เลย ไม่รู้ติดมาจากไหน ::) ::)
วิธีนี้ดีสุดละครับ เซฟซินโครเมชด้วย ผมก็ทำ ฝึก Heel and toe ด้วยก็ได้ถ้าอยากไปให้สุดครับ เพราะบางทียกคันเร่งเฉยๆไม่พอ
-
เกียร์ไม่พัง แต่เป็นวิธีการขับที่ผิด
ปล่อยไหลโดยตาเกียร์ไปเรื่อยๆ จนใกล้หยุดสนิท เหยีบยคลัช ปลดเกียร์ว่าง
+1
-
ทำไมเกียร์ออโต้ ถึงทำไม่ได้ครับ ทั้งลากรถเกียร์ว่าง กับ N ก่อนถึงไฟแดง
พอดีขับสามห่วงออโต้ ก็ทำแบบนี้มาหลายปี เคยลากรถด้วยเกียร์ N
ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ^^
-
ทำไมเกียร์ออโต้ ถึงทำไม่ได้ครับ ทั้งลากรถเกียร์ว่าง กับ N ก่อนถึงไฟแดง
พอดีขับสามห่วงออโต้ ก็ทำแบบนี้มาหลายปี เคยลากรถด้วยเกียร์ N
ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ^^
มันไม่พังในทีเดียวครับ แต่มันจะทำให้เกียร์อายุสั้นลง เหตุผลเพราะน้ำเกียร์ออโต้ใช้ระบบไหลเวียนคนละแบบกับเกียร์ธรรมดา
เกียร์ธรรมดาจะใช้วิธีแบบง่ายๆเลยคือ เอาเฟืองแช่น้ำมัน เมื่อเฟืองหมุน เฟืองก็จะตีน้ำมันขึ้นไปหล่อเลี้ยงทั้งห้องเกียร์โดยธรรมชาติ
พูดง่ายๆก็คือเกียร์ธรรมดาจะใช้แรงหมุนของเฟืองเกียร์ทำให้น้ำมันไหลเวียนหล่อลื่นตัวมันเอง
แต่ระบบไหลเวียนน้ำมันของเกียร์ออโต้นั้นต่างออกไป เกียร์ออโต้จะใช้ปั๊มน้ำมันเกียร์ ปั๊มน้ำมันจากอ่างขึ้นไปหล่อลื่นเกียร์
โดยจะใช้โซ่ขับปั๊มน้ำมัน ซึ่งโซ่ตัวนี้จะต่ออยู่กับลูกทอร์คอนเวอร์เตอร์ ซึ่งลูกทอร์คมันต่ออยู่กับข้อเหวี่ยง
ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือระบบหล่อลื่นของเกียร์ออโต้"ต้องอาศัยการหมุนจากเครื่องยนต์ เพื่อให้ระบบทำงาน"
กรณีถ้า
1. ดับเครื่องแล้วลากรถโดยที่ล้อขับเคลื่อนสัมผัสอยู่กับพื้น (ล้อขับเคลื่อนหมุน)
- กรณีนี้จะเสียหายมากสุด เพราะแน่นอน เครื่องไม่ทำงาน = ระบบหล่อลื่นไม่ทำงาน โดยที่มีชิ้นส่วนในเกียร์หมุนถูกันอยู่
แน่นอนครับ เหล็กถูเหล็กโดยที่ไม่มีน้ำมันหล่อลื่น คงไม่ต้องบอกว่าจะเป็นไง แต่ทั้งนี้จะเสียหายมากน้อยขนาดไหน จะพังเลยมั๊ยหลังจากลาก
ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วและระยะทางที่ลากด้วย (แต่คนที่มีความรู้ รู้งาน เค้าจะไม่ลากแบบนี้กันอยู่แล้ว)
2. ติดเครื่องให้เดินเบา เข้าเกียร์ N แล้วลากรถโดยที่ล้อขับเคลื่อนสัมผัสอยู่กับพื้น (ล้อขับเคลื่อนหมุน)
- กรณีนี้จะเสียหายน้อยกว่ากรณีแรก เพราะเครื่องทำงานอยู่ ระบบหล่อลื่นทำงาน แต่.....
เกียร์ออโต้ เวลาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ N แล้วเดินเบา "แรงดันน้ำมันเกียร์ในระบบหล่อลื่นจะน้อยกว่าตอนที่เข้าเกียร์ D แล้ววิ่ง"
นั่นหมายความว่า หากลากจูงรถที่ให้มันวิ่งมีความเร็ว มันก็จะมีชุดเฟืองบางตัวในเกียร์มันหมุนเร็ว มันต้องการแรงดันน้ำมันเกียร์มาก
เพื่อให้น้ำมันไหลเวียนในระบบด้วยความสูง เพื่อให้หล่อลื่นทั้งระบบได้ทั่วถึง
การที่ไปเข้าเกียร์ตำแหน่งเกียร์ N โดยที่รถวิ่งมีความเร็วอยู่ มันก็คือการทำให้ในระบบเกียร์ได้รับการหล่อลื่น"ไม่ทั่วถึง" 100%
ตามที่มันควรจะเป็นนั่นเอง....แต่ทั้งนี้จะเสียหายมากน้อยขนาดไหน จะพังเลยมั๊ยหลังจากลาก
ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วและระยะทางที่ลากด้วย แต่กรณีนี้ไม่นาจะถึงพังในทีเดียวครับ แค่สึกหรอกว่าปกติ ไม่เหมือนกรณีที่ 1 อันนั้นจะเสียหายมากกว่า
อย่างกรณีที่ 2 หากเป็นการปลดลงมาเกียร์ N ตอนที่ความเร็วลงมาต่ำกว่า 20 km/h แล้ว ก็อาจไม่ได้ส่งผลอะไรร้ายแรงมากนักครับ
แต่ถ้าเป็นการลากไปด้วยความเร็วสูงเกิน 60 อันนั้นมีผลให้สึกหรอกว่าปกติแน่นอนครับ
หวังว่าคงนึกภาพออกตามออกน่ะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้ง แม้มันอาจจะไม่พังในทีเดียว แต่ก็ทั้ง2กรณีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ....ยกเว้น
ยกเว้นว่าท่านจะอยากให้เกียร์ออโต้ลูกที่ใช้อยู่อายุสั้นลงครับ
-
MT ไม่มีผลเสียใดๆครับ
-
จำได้ว่า
ครั้งนึง เคยติดไฟแดงอยู่แยกบางคล้า เข้า D เหยียบเบรคไว้ มองกระจกหลัง เห็น Ford Explorer เบรคดังลั่นมาแต่ไกล ... มือไวครับ หักหลบวิ่งไหล่ทางขวา พร้อมกระทืบคันเร่งสุด ขึ้นไปประกบคันหน้าครับ
ประกบปุ๊บ ... Ford คันหลัง ก็เข้ามาจอด ในตำแหน่งเดิมผมทันที
คิดกลับว่า ถ้าเป็นเกียร์ M/T ปล่อยไหลเข้า เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ตูดบาน ล่ะครับ คงเข้าเกียร์ไม่ทัน
-
ไม่มีผลหรอก เกียร์ออโต้ก็ไม่มีผล ผมอยู่ในกทม. ทำมา10ปีแล้ว
แต่เกียรผมเคยพังครั้งนึงตอนเอาไปเอนจิ้นเบรคลงเขาอะ(ปุ่มกดระบบลงเขา เกียร์ต่ำกว่าปกติอัตโนมัติ)เล่นเอาเกียร์เอ๋อไปเลยวิ่งต่อไม่ได้ หลังจากนั้นใช้เบรคอย่างเดียว
-
ใส่เกียร์ไว้แบบความเห็นบน ปลอดภัยกว่านะครับ เผื่อคันหน้าเบรคฉุกเฉิน
เหยียบเบรคบอกรถที่ตามหลังด้วย เดี๋ยวโดนจูบท้าย เซ็งแย่เลย
-
กระบะคันเก่าใช้จนหงำหงึกไม่มีอะไรเสียหายนะครับ คันใหม่ก็ทำเหมือนกัน 3 ปีแล้วก็ไม่มีอะไรพัง แต่ผมจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เอนจิ้นเบรกครับ และอยู่ในช่วงที่ความเร็วต่ำๆ
-
คือถ้าเข้าใจเรื่องโครงสร้างของเกียร์แมนนวลแล้ว ก็จะทราบเองแหละครับ มันสามารถทำได้โดยไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ
ผิดกับเกียร์อัตโนมัติที่ไม่แนะนำให้ทำ แต่ก็พอจะทำได้โดยต้องเข้าใจก่อนว่า มันคนละกรณีกับการลากจูงรถเกียร์ออโต เพราะปั้มน้ำมันเกียร์ที่ทำหน้าที่ส่งน้ำมันเกียร์ออกไปเพื่อ หล่อลื่น ระบายความร้อน และส่งกำลัง มันมีอยู่ 2 ตัว ตัวแรกจะรับแรงจากชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (TC) ซึ่งกังหัน impeller ในชุด TC มันจะหมุนตามเครื่องยนต์อยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นรอบเดินเบามันก็จะหมุน มันจะหยุดหมุนกรณีเดียว คือ ใส่เกียร์ D แล้วเหยียบเบรคไม่ให้รถขยับเท่านั้นแหละครับ มันถึงจะหยุดหมุน ส่วนปั้มอีกตัวรับแรงจากชุดเฟืองท้าย ซึ่งจะหมุนตามล้อ ดังนั้นหากเดินเบา ใส่เกียร์ N แล้วปล่อยไหล มันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเครื่องดับ แล้วลากรถ ปั้มตัวสองจะทำงานเพียงตัวเดียว อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการหล่อลื่นชิ้นส่วน
แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจ เกียร์ออโตออกแบบให้ใส่เกียร์ D ในจังหวะที่รถหยุด แต่ถ้ารถไหล แล้วเราปลดไป N แล้ว คืนกลับมา D ชุด Brake band ที่ทำหน้าที่หยุดการหมุนฟรีของชุดเฟืองภายในเกียร์จะต้องทำงานหนักขึ้น การสึกหรอก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นให้ระวังตรงจุดนี้ไว้ก็แล้วกันครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำแนะนำว่า ให้ปลดเกียร์ D ไปเกียร์ N ในขณะรถไหลอยู่นะครับ มันยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ใช้อธิบายว่า ไม่น่าจะทำอยู่เช่นกัน
:) :) :) :) :) :) :) :) :) :)
ส่วนข้อเสียของการใส่เกียร์ว่าง ในเกียร์แมนนวล แล้วปล่อยให้รถไหลไปนั้น ก็คือ เราจะไม่มี engine brake ครับ แล้วเราจะต้องพึ่งแรงเบรคจากระบบเบรคเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังว่าระยะเบรคจะยาวขึ้น
( ถ้าใครทันปีที่น้ำมันดีเซลลิตรละ 45 บาท เบนซินลิตรละ 50 บาท เราจะเห็นรถกระบะดีเซลหลายคันทำแบบนี้ คือ วิ่งๆอยู่ แล้วปลดเป็นเกียร์ว่างให้รถไหลไปเองด้วยแรงเฉื่อย ผมคนหนึ่งก็ทำครับ มันจำยอม )