Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Slow But Sure ที่ มกราคม 17, 2019, 08:49:05
-
ฝุ่นเล็กๆขนาดนนี้มันมีผลกับอัตราเร่งมั้ยครับ แล้วมีผลกับเครื่องยนตร์ในระยะยาวป่าว
-
PM2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากเครื่องยนต์(ดีเซล) คงไม่มีผลจากเครื่องยนต์มั้งครับ
หรือถ้าเกิด ก็คงไม่ได้มาก หรือ อาจจะเทียบเท่าการสึกหรอปกติ ของเครื่องยนต์นั้นละ
-
มันเหมือนเอาสิ่งที่ตัวเองปล่อยออกมากลับไปเผาใหม่ครับ ไอพวกฝุ่นเล็กๆเนี่ยเอาจริงๆมันคือสิ่งที่เครื่องยนต์ความอัดสูงแบบคอมมอนเรล หรือพวกเบนซิลไดเร็คเผาไหม้ไม่หมดครับแต่เนื่องด้วยที่มันเป็นแรงดันสูงมันเลยเล็กและละเอียดมากทำให้พวกที่จะเผาไหม้ใหม่ หรือดักจับไอเสียมันจับได้ไม่หมดเป็นที่มาของฝุ่นพวกนี้ครับ
ยิ่งรถที่อุด EGR นะนี่แหละตัวการใหญ่นึงเลย แต่พวกดีเซลเก่าๆ อนุภาคมันไม่ได้ละเอียดขนาดนี้ครับ เพราะมันเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เครื่องยุคเก่าควันดำจะเป็นอนุภาคที่ใหญ่กว่ารถสมัยใหม่ที่เผาไหม้ละเอียด
-
ผลการศึกษาด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
https://www.posttoday.com/social/general/577217
ผู้เชี่ยวชาญชี้ปัญหาฝุ่นละอองขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
นักวิชาการจาก ม.ศิลปากร เผยผลวิเคราะห์ภาพดาวเทียมร่วมกับแผนที่อากาศ พบข้อมูลฝุ่นละอองที่สร้างปัญหาให้ไทยขณะนี้มาจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 62 ศ.ดร.เสริม จันทร์ฉาย ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงวันที่ 12 - 16 ม.ค. 2562 กรมควบคุมมลพิษ ประกาศว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สูงเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อสุขภาพของประชาชน และมีผู้เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นต่างๆเกี่ยวกับฝุ่นละออง
ตนจึงได้ร่วมกับทีมงานซึ่งทำงานด้านฝุ่นละอองในประเทศไทยมากว่า 10 ปี นำข้อมูลที่ได้ตรวจวัดที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อ. เมือง จ. นครปฐม มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทางบรรยากาศต่าง ๆ ซึ่งได้ข้อสรุปที่น่าสนใจดังนี้
จากการนำข้อมูลจากเครื่องซันโฟโตมิเตอร์ซึ่งตรวจวัดฝุ่นละอองที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ. นครปฐม ในช่วงสัปดาห์นี้มาวิเคราะห์ พบว่า มีค่าดัชนีความขุ่นมัวสูงถึง 0.8 ซึ่งถือว่าสูงมาก (ค่าปกติประมาณ 0.2 - 0.4) และพบว่าฝุ่นละอองส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ซึ่งโดยทั่วไปเกิดจากการเผาชีวมวล เช่น วัสดุทางการเกษตร
นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลจากเครื่องไลด้า (Lidar) ซึ่งติดตั้งที่มหาวิทยาลัยศิลปากร มาตรวจสอบ พบว่าชั้นของฝุ่นละอองอยู่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร (โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร) ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์
"ผมและทีมงานได้นำภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ (fire spots) จากดาวเทียมโมดิส (MODIS) ของนาซ่า (NASA) มาตรวจสอบร่วมกับแผนที่อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า มีจุดของการเผาไหม้หนาแน่นมากในประเทศกัมพูชา และจากแผนที่อากาศพบว่า มีกระแสลมพัดจากประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย
จากข้อมูลซันโฟโตมิเตอร์ ซึ่งบอกว่า ฝุ่นละอองส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ชีวมวลและจากภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ประกอบกับแผนที่อากาศ จึงสรุปได้ว่า ฝุ่นละอองที่ก่อปัญหาให้กับประเทศไทยขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ..ศ.ดร.เสริม กล่าว
ศ.ดร.เสริม กล่าวอีกว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว จะต้องมีการเจรจากันในระดับภูมิภาคให้มีมาตรการควบคุมการเผาวัสดุทางการเกษตร
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/B9310877AB97487CA0460F015B91688B.jpg)
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/F1C0AA4568784966B5C8F5DD6C9D0202.jpg)
-
แล้วมากนะจุดในกทมทำไม
-
อุด egr ทำให้เครื่องสะอาด แต่ทำให้ลูกหลานมีมลพิษทางอากาศ > ก่อมะเร็ง
เปลี่ยนไปเป็นล้างไอดีแทน ทุก 4 หมื่นกม ดีกว่าครับ เพื่อคนส่วนรวม
-
อุด egr ทำให้เครื่องสะอาด แต่ทำให้ลูกหลานมีมลพิษทางอากาศ > ก่อมะเร็ง
เปลี่ยนไปเป็นล้างไอดีแทน ทุก 4 หมื่นกม ดีกว่าครับ เพื่อคนส่วนรวม
คนที่เขาทำ เขาไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้ไงครับ ผมเชื่อมากเลยว่า ใน HLM นี้ก็มี คนที่อ่านคอมเม้นนี้ก็มีคนทำ แต่เขาไม่รู้สึกรู้สาหรอก คนพวกนี้
-
อุด egr ทำให้เครื่องสะอาด แต่ทำให้ลูกหลานมีมลพิษทางอากาศ > ก่อมะเร็ง
เปลี่ยนไปเป็นล้างไอดีแทน ทุก 4 หมื่นกม ดีกว่าครับ เพื่อคนส่วนรวม
มันเป็นการรับรู้และบอกต่อจากยุคนึ่งครับ ที่ยังไม่มีการทำความสะอาดระบบไอดี ทุกคนเข้าใจว่าอุด EGR แล้วดีเครื่องยนต์จะได้แรง ไ่ม่สกปรกไม่พัง
แต่ยุคนี้มีการทำความสะอาดได้หลายรูปแบบมากทั้งถอถออกมาล้าง ฉีดสเปรย์ล้าง เครื่องปล่อยน้ำยาหรือก๊าซ HHO ล้าง อยากให้สร้างการรับรู้และการบอกต่อในยุคใหม่ว่าการทำความสะอาดทำให้เครื่องดีขึ้น แรงขึ้น และยังปล่อยมลพิษลดลงอีกด้วย
อยากให้โหมกระแสให้ฮิตกันเหมือนการอุด egr / ไฟ led /พรมหนัง 5D / ยางกันเสียงประตู/ฟอกน้ำมันเกียร์ และล่าสุดฟลัชชิ่งน้ํามันเครื่อง
และที่แน่ๆรัฐบาลคงเร่ง euro5 และรถกระบะติด dpf จากโรงงานแน่นอน
-
น่าจะไม่เป็นอะไรนะครับ
-
อยากให้รถเครืองดีเซลบังคับให้ติดตั้งระบบ DPF ได้แล้วครับ
-
คนบางคนเค้าก็รู้นะครับ ว่าอุดแล้วไอเสียมันสกปรกมากกว่าเดิมแต่ก็ยังทำ ตัวเองและลูกหลานก็ต้องได้ดมควันกันบ้างล่ะ ประหลาดดีเครื่องยนต์สกปรกไม่ได้แต่ปอดตัวเองสกปรกไม่เป็นไร
-
ผลการศึกษาด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
https://www.posttoday.com/social/general/577217
ผู้เชี่ยวชาญชี้ปัญหาฝุ่นละอองขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
นักวิชาการจาก ม.ศิลปากร เผยผลวิเคราะห์ภาพดาวเทียมร่วมกับแผนที่อากาศ พบข้อมูลฝุ่นละอองที่สร้างปัญหาให้ไทยขณะนี้มาจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 62 ศ.ดร.เสริม จันทร์ฉาย ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงวันที่ 12 - 16 ม.ค. 2562 กรมควบคุมมลพิษ ประกาศว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สูงเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อสุขภาพของประชาชน และมีผู้เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นต่างๆเกี่ยวกับฝุ่นละออง
ตนจึงได้ร่วมกับทีมงานซึ่งทำงานด้านฝุ่นละอองในประเทศไทยมากว่า 10 ปี นำข้อมูลที่ได้ตรวจวัดที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อ. เมือง จ. นครปฐม มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทางบรรยากาศต่าง ๆ ซึ่งได้ข้อสรุปที่น่าสนใจดังนี้
จากการนำข้อมูลจากเครื่องซันโฟโตมิเตอร์ซึ่งตรวจวัดฝุ่นละอองที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ. นครปฐม ในช่วงสัปดาห์นี้มาวิเคราะห์ พบว่า มีค่าดัชนีความขุ่นมัวสูงถึง 0.8 ซึ่งถือว่าสูงมาก (ค่าปกติประมาณ 0.2 - 0.4) และพบว่าฝุ่นละอองส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ซึ่งโดยทั่วไปเกิดจากการเผาชีวมวล เช่น วัสดุทางการเกษตร
นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลจากเครื่องไลด้า (Lidar) ซึ่งติดตั้งที่มหาวิทยาลัยศิลปากร มาตรวจสอบ พบว่าชั้นของฝุ่นละอองอยู่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร (โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร) ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์
"ผมและทีมงานได้นำภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ (fire spots) จากดาวเทียมโมดิส (MODIS) ของนาซ่า (NASA) มาตรวจสอบร่วมกับแผนที่อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า มีจุดของการเผาไหม้หนาแน่นมากในประเทศกัมพูชา และจากแผนที่อากาศพบว่า มีกระแสลมพัดจากประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย
จากข้อมูลซันโฟโตมิเตอร์ ซึ่งบอกว่า ฝุ่นละอองส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ชีวมวลและจากภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ประกอบกับแผนที่อากาศ จึงสรุปได้ว่า ฝุ่นละอองที่ก่อปัญหาให้กับประเทศไทยขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ..ศ.ดร.เสริม กล่าว
ศ.ดร.เสริม กล่าวอีกว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว จะต้องมีการเจรจากันในระดับภูมิภาคให้มีมาตรการควบคุมการเผาวัสดุทางการเกษตร
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/B9310877AB97487CA0460F015B91688B.jpg)
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/F1C0AA4568784966B5C8F5DD6C9D0202.jpg)
ถ้าสาเหตุมาจากนี้จริง รถดีเซลกำลังตกเป็นจำเลย :'(
-
ผลการศึกษาด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
https://www.posttoday.com/social/general/577217
ผู้เชี่ยวชาญชี้ปัญหาฝุ่นละอองขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
นักวิชาการจาก ม.ศิลปากร เผยผลวิเคราะห์ภาพดาวเทียมร่วมกับแผนที่อากาศ พบข้อมูลฝุ่นละอองที่สร้างปัญหาให้ไทยขณะนี้มาจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 62 ศ.ดร.เสริม จันทร์ฉาย ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงวันที่ 12 - 16 ม.ค. 2562 กรมควบคุมมลพิษ ประกาศว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สูงเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อสุขภาพของประชาชน และมีผู้เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นต่างๆเกี่ยวกับฝุ่นละออง
ตนจึงได้ร่วมกับทีมงานซึ่งทำงานด้านฝุ่นละอองในประเทศไทยมากว่า 10 ปี นำข้อมูลที่ได้ตรวจวัดที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อ. เมือง จ. นครปฐม มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทางบรรยากาศต่าง ๆ ซึ่งได้ข้อสรุปที่น่าสนใจดังนี้
จากการนำข้อมูลจากเครื่องซันโฟโตมิเตอร์ซึ่งตรวจวัดฝุ่นละอองที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ. นครปฐม ในช่วงสัปดาห์นี้มาวิเคราะห์ พบว่า มีค่าดัชนีความขุ่นมัวสูงถึง 0.8 ซึ่งถือว่าสูงมาก (ค่าปกติประมาณ 0.2 - 0.4) และพบว่าฝุ่นละอองส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ซึ่งโดยทั่วไปเกิดจากการเผาชีวมวล เช่น วัสดุทางการเกษตร
นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลจากเครื่องไลด้า (Lidar) ซึ่งติดตั้งที่มหาวิทยาลัยศิลปากร มาตรวจสอบ พบว่าชั้นของฝุ่นละอองอยู่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร (โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร) ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์
"ผมและทีมงานได้นำภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ (fire spots) จากดาวเทียมโมดิส (MODIS) ของนาซ่า (NASA) มาตรวจสอบร่วมกับแผนที่อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า มีจุดของการเผาไหม้หนาแน่นมากในประเทศกัมพูชา และจากแผนที่อากาศพบว่า มีกระแสลมพัดจากประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย
จากข้อมูลซันโฟโตมิเตอร์ ซึ่งบอกว่า ฝุ่นละอองส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ชีวมวลและจากภาพถ่ายจุดที่มีการเผาไหม้ประกอบกับแผนที่อากาศ จึงสรุปได้ว่า ฝุ่นละอองที่ก่อปัญหาให้กับประเทศไทยขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ..ศ.ดร.เสริม กล่าว
ศ.ดร.เสริม กล่าวอีกว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว จะต้องมีการเจรจากันในระดับภูมิภาคให้มีมาตรการควบคุมการเผาวัสดุทางการเกษตร
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/B9310877AB97487CA0460F015B91688B.jpg)
(https://static.posttoday.com/media/content/2019/01/16/F1C0AA4568784966B5C8F5DD6C9D0202.jpg)
ถ้าสาเหตุนี้จริง แล้วทำไมกรุงเทพฯ มันเยอะอยู่ที่เดียวละครับ
จากรูปภาพ มันเยอะมากที่กัมพูชา แล้วจังหวัดทางผ่านที่กว่าจะมาถึง กทม
ไม่เห็นมีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานเลยครับ