Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Mr.bear ที่ มกราคม 23, 2019, 20:04:38
-
ขออนุญาตถามหน่อยครับ เนื่องจากอากาศช่วงนี้ไม่ค่อยดี และผมกำลังมองๆ หารถคันใหม่อยู่ และจากที่เคยใช้รถดีเซลในวันทำงานมาตลอด เกือบสิบปีที่ผ่านมา
ขอถามสมาชิกหน่อยครับว่า จริงๆ แล้ว รถดีเซลยุโรป หรือเครื่องดีเซลยุคใหม่ๆ มันมีส่วนทำให้เกิด PM2.5 มากน้อยยังไงครับ เห็นข่าวบอกแต่ว่าเครื่องดีเซลเป็นสาเหตุ Euro 4 ++ ก็ยังมีผลอยู่บ้างหรือไม่ครับ
ถ้ารถดีเซลปัจจุบันมีส่วนในการสร้างมลพิษ คันใหม่ผมอาจเลือกเป็นทางเลือกเครื่องอื่นครับ
-
ถ้าดีเซล Euro 6 ไอเสียสะอาด หมดจด มลพิษน้อยมาก
Disel euro 6 ส่วนประกอบระบบบำบัดไอเสีย = cat + egr + dpf + น้ำยาดักจับฝุ่นและเปลี่ยนสภาพ adblue
euro 5 = cat +egr + dpf
euro 4 = cat + egr
Euro 3 = egr
ถ้าระดับ top euro 6 รักษ์โลก มลพิษ ต่ำมาก ปลายท่อไอเสีย ไม่มีกลิ่น แยกไม่ออก เลยว่า เป็น รถดีเซล หรือ รถเบนซิน หรือ รถใช้แก๊สครับ
-
.
.
ดีเซลที่ก่อปัญหามันคือพวก รถเมล์ รถบรรทุก รถกระบะ เก่าๆ
หรือพวกแต่งดันราง พ่นควันดำมากกว่าครับ
พวกดีเซลยุโรปรุ่นใหม่ๆมีผลน้อยมากๆ
-
.
.
ดีเซลที่ก่อปัญหามันคือพวก รถเมล์ รถบรรทุก รถกระบะ เก่าๆ
หรือพวกแต่งดันราง พ่นควันดำมากกว่าครับ
พวกดีเซลยุโรปรุ่นใหม่ๆมีผลน้อยมากๆ
มาเร่งใส่หน้ารถผม ผมนึกว่าตัวเองว๊าปไปอยู่กลางอวกาศเลยนะครับ มืดไปหมด
-
สอบถามเพิ่มเติมครับ
แล้วรถเครื่องดีเซลใหม่ที่ขายในบ้านเรา ที่ผ่านมาตรฐาน ยูโร4
แบบว่าป้ายแดงคันใหม่จากโรงงาน ไม่มีการโมดิฟายเครื่องยนต์ใดๆ ทั้งสิ้น
มันปล่อย PM2.5 เยอะมั้ยครับ ??
-
น่าจะเยอะพอสมควร ตอนนี้เมืองใหญ่ๆในยุโรปและประเทศจีน กำหนดปีที่จะห้ามไม่ให้รถดีเซลเข้าเมืองกันแล้ว
-
และโดนประท้วงจนต้องถอย
-
อือม์ ... นั้นซิ
ปล่อย CO2 น้อย แปลว่าจะปล่อยเขม่า pm 2.5 น้อยด้วยหรือเปล่า???
-
ถ้าสนใจลองอ่านบทความนี้ดูครับ
http://infofile.pcd.go.th/air/PM2.5.pdf?CFID=1590800&CFTOKEN=99365941
จะรู้ว่า หลักๆของpm2.5ในไทยมาจากเครื่องยนต์ดีเซล ที่ปัจุบันใช้มาตรฐานeuro4
ซึ่งeuro4ก็ปล่อยฝุ่นน้อยกว่าeuro3ประมาณ50%
แต่สุดท้ายงานวิจัยต่างๆ ก็สนับสนุนในทางที่ euro4ก็ยังไม่พอ และคุ้มกว่าที่จะเปลี่ยนเป็นeuro5-6 ในอีก2-3ปี
ตอบ จขกท เครื่องยนต์ดีเซล มีส่วนมากในการสร้างมลพิษ ถึงแม้ปริมาณจะน้อยลงเมื่อเทียบกับeuro3ก็ตามแต่ถ้าหากใช้รถเป็นเวลาหลายๆปีเข้า ก็ปล่อยมลพิษออกมาได้มากมายเหมือนกัน
ถ้าจะซื้อรถใหม่และใส่ใจเรื่องอากาศ อย่าไปมองเครื่องยนต์ดีเซลเลยครับ เมืองนอกเขาแบนกันหมดแล้ว
จากงานวิจัยตามลิงค์ข้างต้นมีงานศึกษาหลายๆอย่าง ที่บอกว่าpm2.5ทำให้คนตายเร็ว อายุสั้น อันตรายมากๆครับ
-
เราจะดูSpec ข้อมูลจากwebไหนได้ว่ารถดีเซลแต่ละยี่ห้อ ยี่ห้อไหนได้ euroไหนบ้าง
-
;) ผมอยู่แถวนิคม รถกระบะส่วนใหญ่ตัดแคทอุด egr รถบัสควันท่วม
กรองรถผมต้องเปลี่ยนก่อนครบระยะอ่ะครับ ดำจนน่ากลัว
ถ้าซื้อมาแล้วปล่อยเดิมๆ ผมคิดว่าปล่อยออกมาไม่เยอะหรอกครับ อย่าไปโมเป็นพอ
-
เราจะดูSpec ข้อมูลจากwebไหนได้ว่ารถดีเซลแต่ละยี่ห้อ ยี่ห้อไหนได้ euroไหนบ้าง
ที่เว็บนี้มีแยะครับ
https://www.nextgreencar.com/emissions/make-model/nissan/gt-r/?fbclid=IwAR3qsCp23tLF0-37DDNDDPCa0kH7lNnFut2JuXPx6al0Ny2n-xFpC1deM8s (https://www.nextgreencar.com/emissions/make-model/nissan/gt-r/?fbclid=IwAR3qsCp23tLF0-37DDNDDPCa0kH7lNnFut2JuXPx6al0Ny2n-xFpC1deM8s)
-
แน่อน ดีเซล มลพิษเยอะกว่าเบนซิน แน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องฝุ่น
แต่เมื่อเทียบกับดีเซลมาตรฐานเก่าแถมสภาพเก่าไม่ดูแล เช่น รถเมล์ รถบรรทุกบางคัน รถกระบะเสื่อมๆ ส่วนตัวมองว่าดีเซลรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ไม่ใช่ประเด็นอะไรขนาดนั้นครับ
เป็นความสบายใจของคนใช้เองมากกว่า
-
ไม่เยอะ แต่ก็เยอะกว่าเบนซินครับ
ตอบในฐานะคนใช้รถดีเซล euro5 เลยนะ(แต่ขี่จักรยานไปทำงาน รถซื้อมาจอด555) ถ้าห่วงสิ่งแวดล้อม ใช้เบนซินหรือไฮบริดเลยดีกว่าครับ
(แต่ถ้าห่วงใยกันจริงๆ ใช้รถส่วนตัวเท่าที่จำเป็น ควรใช้รถสาธารณะ หรือจักรยานครับ...ช้าหน่อย ลำบากหน่อย แต่ก็ช่วยๆ กันนิ)
คันต่อไปผมคงจะไปใช้เบนซินนั่นละ แนวโน้มเบนซินในอนาคตก็ประหยัด และแรงไม่ด้อยกว่าดีเซลโบนะ ในพิกัดเท่ากัน
อย่างเฟียสต้า ecoboost 1.0 มันก็แรง ส่วนความประหยัดก็ไม่ด้อยมาก เทียบกับ mz2 skyD (ตอนนั้นก็เกือบซื้อไปแล้ว แต่คำว่า ford ทำให้เปลื่ยนใจ)
....................................
อันนี้ส่วนตัว
เก็บภาษีดีเซลเพิ่มได้แล้วละครับ ภาคขนส่งตอนนี้ไปแกสกันจะหมดแล้ว
แล้วพัฒนาการขนส่งระบบรางกันดีๆ รถใหญ่จะลดลง ลดการใช้พลังงานไปเยอะนะ...
-
เราจะดูSpec ข้อมูลจากwebไหนได้ว่ารถดีเซลแต่ละยี่ห้อ ยี่ห้อไหนได้ euroไหนบ้าง
ที่เว็บนี้มีแยะครับ
https://www.nextgreencar.com/emissions/make-model/nissan/gt-r/?fbclid=IwAR3qsCp23tLF0-37DDNDDPCa0kH7lNnFut2JuXPx6al0Ny2n-xFpC1deM8s (https://www.nextgreencar.com/emissions/make-model/nissan/gt-r/?fbclid=IwAR3qsCp23tLF0-37DDNDDPCa0kH7lNnFut2JuXPx6al0Ny2n-xFpC1deM8s)
ขอบคุณมากค่า ดูในเวปรถยุโรปใหม่ๆ Euro 6 กันหมดแล้ว เสียดายในเวปไม่มีรุ่นเก่า แต่พอไปลอง seach พวกรถยุโรปดีเซลยุคปี 2000 +/- ยังเป็นแค่ Euro 4เอง ซึ่งในเมืองไทยก็ยังมีหลายคน/หลายบ้านยังใช้กันอยู่เยอะทีเดียว
-
ถ้าตราบใดที่ยังไม่มี DPF ติดมา รถดีเซลก็เป็นตัวการหลักที่ปล่อย PM ล่ะครับ
ดูแล้วการจะขยับไปยูโร 5 จากปัจจุบันทำไมทำกันได้ยากเหลือเกิน
แต่กระนั้น ถึงขยับไปยูโร 5 รถสเป็กยูโร 5 เอง ก็ยังไม่ต้องใส่ SCR (adblue) ซึ่งทำหน้าที่ลดก๊าซ NoX อยู่ดี
ที่ว่าจะไม่ได้ไปต่อในยุโรปและประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายก็เพราะหาทางลดตรงนี้ไม่ได้แล้ว หรือตันแล้วนั่นเองครับ
รถดีเซลหลักๆของประเทศไทยคือปิคอัพ และรถบรรทุก รถกลุ่มนี้ยังไม่ถูกบังคับให้ใส่ dpf และ scr ยังไงซะต่อให้เป็นป้ายแดงในปี 2019 ก็ยังก่อมลพิษสูงอยู่ดี (ไม่นับพวกอุด ตัด ดัน ยก ต่อตรงอีกนะ พวกนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย ไม่เข้าใจกฎหมายปล่อยให้เลยเถิดไปขนาดนี้ได้ยังไง มาถึงปัจจุบันจะไปกวาดล้างยังไงให้หมด ทำไมของแต่ง กล่องแต่งพวกนั้นยังขายกันได้อยู่ ยังนำเข้ากันไดด้อยู่...)
ในสายตาหลายๆชาติ ดีเซลเป็นเหมือนของที่ obsolete เป็นซากอารยธรรมหรือขยะเทคโนโลยีไปแล้วล่ะครับ
ฉะนั้น จะดูคันใหม่ ถ้าคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมจริงๆก็ไม่ควรเป็นรถดีเซล
แต่ว่าก็ว่านะ เหมือนโครงสร้างประเทศสนับสนุน (กลายๆ) ให้คนไปหาเครื่องดีเซล น้ำมันก็ถูก โสหุ้ยก็ถูก
ว่าก็ว่า ดีเซลในลายเซ็นต์ผมเองจะเป็นชุดสุดท้ายละครับสำหรับรถที่จะใช้ ขนาดขับเดิมๆ ดับเครื่องตั้งนานกว่าจะขึ้นลงรถแต่ละทียังเหม็นแล้วเหม็นอีก
-
ขอบคุณทุกท่านที่มาให้ความรู้ผมเยอะเลยครับ ดูๆแล้วไปทางเบนซิลดีกว่าครับ
-
ต่อให้รถยุโรปเป็น ดีเซล euro 6 แต่ น้ำมันดีเซลที่ขายในไทย ตอนนี้สูงสุดแค่ euro 5 เอง
-
นอกจาก จะมีระบบอะไรมากมายป้องกันแล้ว กฎหมายก็ต้องเข้มงวด ใครถอด ใครอุด ที่สำคัญ ใคร ใช่กล่อง แล้วทำควันดำพุ่นยังกับปลาหมึก จับปรับทันทีครับ เอาหนักๆ ให้มากกว่า ราคาของแต่งไปเลยครับ ประเทศไทยจะได้ดีขึ้นครับ หรือ มาอยู่ต่างจังหวัด ก็สบายใจครับ อากาศดี ครับ
-
ขออนุญาตตอบนอกประเด็นเพราะท่านข้างบนตอบไว้เยอะแล้วครับ
บ้านเรา(บางคนนะ) บอกได้ บังคับได้ แต่ไม่ทำ เพราะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งครับ หลังไม่จับ ไม่ปรับ ไม่บังคับ เพราะกลัวเข้าตัวครับ :-\
-
ถ้า ดีเซล euro 6 มันปลอดภัยระดับ ดมหอมไม่ตายจริง
ทำไมยุโรปถึงแบน ละครับ
มันมีมลพิษน้อย ไม่ได้แปลว่าไม่มี มลพิษนะครับ
แค่"น้อยลง" ไม่ได้แปลว่า "ไม่มี"
เบนซิลเอง ก็สร้าง PM2.5 แค่น้อยกว่า
ตราบใดยังมีการเผาไหม้ก็เกิดทั้งนั้น ทั้งนี้ยังไม่นับฝุ่นจากการขัดสี ฟริคชั่น เบรคและอื่นๆถือว่าน้อย
ถ้าจะไม่ให้เกิด คือไม่ใช้รถ หรือใช้รถที่ไม่มีการสันดาบ เช่นไฟฟ้า ฟิวเซล ลม (ละไว้เรื่องวิธีการได้มาของพลังงานไว้อีกเรื่องหนึ่งว่ากระบวนการสร้างมลภาวะแค่ไหน)
โดยส่วนตัว อยากให้แบนรถดีเซล ทั้งประเทศครับ ให้เหลือแค่ ภาคขนส่งคือรถบรรทุกใหญ่ รถบัส (ด้วยเหตผลทา
งด้านเศรษฐกิจและ หน่วยงานสามารถเข้าไปควบคุมได้ง่ายกว่า) ยกเลิกกระบะดีเซล และรถเก๋ง ออกไป เพราะทุกวันนี้ เราใช้กันผิดประเภทผิดจุดประสงค์ และไม่คำนึงถึงผลกระทบโดดยภาพรวม เพราะมีการเอื้อผู้ประกอบการอยู่แบบสมประโยชน์
-
อยากรักษ์โลก แต่นิสสัน leave ราคาก้อดุเกิน... :'(
แล้วเมื่อไหร่คนกรุงจะได้รักษ์โลกเหมือนประเทศอื่นเค้าบ้าง :'(
-
ขอบคุณทุกท่านที่มาให้ความรู้ผมเยอะเลยครับ ดูๆแล้วไปทางเบนซิลดีกว่าครับ
ขอบคุณและขอชื่นชม เจ้าของกระทู้ในการตัดสินใจครับ
ทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเราก่อน และมันจะค่อยๆเป็นพลังสังคมส่งต่อไปเอง
สำหรับผมตอนนี้ก็งดใช้รถดีเซล ใช้รถไฮบริดเท่าที่จำเป็น shopping on line แทน
ปลูกต้นไม้มากขึ้นอีกหน่อย
เท่านี้ก็รู้สึกว่าเป็นส่วนนึงที่ช่วยเรื่องอากาศแล้วครับ
-
ถ้าดีเซล Euro 6 ไอเสียสะอาด หมดจด มลพิษน้อยมาก
Disel euro 6 ส่วนประกอบระบบบำบัดไอเสีย = cat + egr + dpf + น้ำยาดักจับฝุ่นและเปลี่ยนสภาพ adblue
euro 5 = cat +egr + dpf
euro 4 = cat + egr
Euro 3 = egr
ถ้าระดับ top euro 6 รักษ์โลก มลพิษ ต่ำมาก ปลายท่อไอเสีย ไม่มีกลิ่น แยกไม่ออก เลยว่า เป็น รถดีเซล หรือ รถเบนซิน หรือ รถใช้แก๊สครับ
ที่จริง euro 5 ของ MB มี adblue เพิ่มมาด้วยนะ (หรือแล้วแต่รุ่นไม่ทราบเหมือนกัน)
อยากสอบถามเรื่องเครื่องยนต์เป็นความรู้ด้วยเลย ระหว่างดีเซล กับเบนซินต่างกันยังไง ถ้านำมาใส่ในรถกระบะ กับรถบรรทุก (ไม่นับรถเก๋ง และรถตู้ เพื่อใช้ในการขนคน) แต่ถ้าปัจจุบันไม่ต่างกันแล้ว ทำไมถึงไม่ใส่มาเลยตั้งแต่โรงงาน แล้วเลิกผลิตเครื่องดีเซลไปเลย (แต่อย่าลืมว่าในเมืองไทยใช้รถกระบะผิดประเภทเยอะมาก ทุกของหนักๆ สูงๆกันซะส่วนใหญ่) จากเท่าที่อ่านคอมเม้นมาแล้วดีเซลที่ยูโร 5 ขึ้นไป ก็ปล่อย PM น้อยเกือบเท่า เบนซินแล้ว น่าจะยกเรื่องมาตราฐานนี้ในไทยมากกว่า ถ้าเครื่องยนต์ เบนซิน ยังไม่สามารถตอบโจทย์กับการใช้รถกระบะ และรถบรรทุกในไทยได้
-
ถ้าดีเซล Euro 6 ไอเสียสะอาด หมดจด มลพิษน้อยมาก
Disel euro 6 ส่วนประกอบระบบบำบัดไอเสีย = cat + egr + dpf + น้ำยาดักจับฝุ่นและเปลี่ยนสภาพ adblue
euro 5 = cat +egr + dpf
euro 4 = cat + egr
Euro 3 = egr
ถ้าระดับ top euro 6 รักษ์โลก มลพิษ ต่ำมาก ปลายท่อไอเสีย ไม่มีกลิ่น แยกไม่ออก เลยว่า เป็น รถดีเซล หรือ รถเบนซิน หรือ รถใช้แก๊สครับ
ที่จริง euro 5 ของ MB มี adblue เพิ่มมาด้วยนะ (หรือแล้วแต่รุ่นไม่ทราบเหมือนกัน)
อยากสอบถามเรื่องเครื่องยนต์เป็นความรู้ด้วยเลย ระหว่างดีเซล กับเบนซินต่างกันยังไง ถ้านำมาใส่ในรถกระบะ กับรถบรรทุก (ไม่นับรถเก๋ง และรถตู้ เพื่อใช้ในการขนคน) แต่ถ้าปัจจุบันไม่ต่างกันแล้ว ทำไมถึงไม่ใส่มาเลยตั้งแต่โรงงาน แล้วเลิกผลิตเครื่องดีเซลไปเลย (แต่อย่าลืมว่าในเมืองไทยใช้รถกระบะผิดประเภทเยอะมาก ทุกของหนักๆ สูงๆกันซะส่วนใหญ่) จากเท่าที่อ่านคอมเม้นมาแล้วดีเซลที่ยูโร 5 ขึ้นไป ก็ปล่อย PM น้อยเกือบเท่า เบนซินแล้ว น่าจะยกเรื่องมาตราฐานนี้ในไทยมากกว่า ถ้าเครื่องยนต์ เบนซิน ยังไม่สามารถตอบโจทย์กับการใช้รถกระบะ และรถบรรทุกในไทยได้
เครื่องยนดีเซลแรงบิดจะสูง แรงมาตั้งแต่รอบต่ำ แต่หมดเร็ว ไม่ต้องแค้นแรงเครื่องมาก เหมาะกับการบรรทุก ลากจูง
เบนซิลแรงช่วงรอบต่ำแรงน้อย แต่นุ่มนวลกว่า ลากรอบสูงๆ ขับมันส์กว่า ถ้าบรรทุกหนักมันจะหนืดเหมือนรถไม่มีแรง
ที่ไทย คนนิยมดีเซล หลักๆ น่าจะเพราะ
1. รถกระบะ ราคาถูกเพราะรัฐ ลดภาษี CO2 // เบนซิล CO2 สูงกว่า(แต่ pm ต่ำกว่า) ราคา กระบะเบนซิลเลยแพงกว่า
2. น้ำมันถูกกว่า เพราะทางรัฐพยายามตรึงราคา ดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท เพราะ ภาคขนส่งใช้ดีเซลเป็นส่วนใหญ่
-
ดีเซลให้แรงบิดดีกว่าเบนซินมาก ในความจุเท่ากัน วิ่งได้ไกลกว่า
ดีเซลยูโร5 ไอเสียต่ำกว่า ยูโร4มาก
ดีเซลยูโร6 เน้นการลด nox ต่ำกว่ายูโร5
ยูโร7 ยังไม่คลอด ต้องรอให้ออกก่อน
รถไฟ หัวลาก สิบล้อ ก่อสร้าง เรือ เหมือง ดีเซลเท่านั้น
เซลเชื้อเพลิงยังแทนไม่ได้ ห่างไกลกับดีเซลสองจังหวะ
นิวเคลียร์ฟิสชั่นไม่ขายพลเรือน รั่วทีหนักกว่าเยอะ
ฟิวชั่นยังไม่สำเร็จ ใส่รถเรือ อีกไกลมาก
เบนซินเต็มที่รถยก แต่ใช้lpgแทนถูกกว่า สะอาดกว่า
ที่ดันกันเพราะบ.รถยังเหลือตัวไปหากินได้บ้าง
แต่ยานเกราะดีเซลเท่านั้น ที่บรรทุกs400 เบนซิน ถ่าน ลากไม่ไป
ไม่มีพูดถึง มีแต่พลเรือนปรับตัว แล้วช่วยอะไรเขาบ้างเปล่า
จะบังคับเขาไม่ให้ทางออก เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้กลุ่มเดียว
ทีเผาไร่ ซิ่งรถ ดัดแปลง ระเบิดหิน ก่อสร้าง ผสมปูนเปิดโล่ง ทำไมไม่ไปจับ
ข้อมูลของเรา ไม่เท่ากับมาตรฐานฝรั่ง ยังฝืน หน้าพระลาน2.5ทั้งอำเภอ
แค่เครื่องฟอกที่ขายกัน แค่ปลอบใจ ดูดไม่ทัน ฟันซะรวย รมควันสบาย
พวกที่ทำเนิน ขวางถนนรับ2.5เต็มๆจากขี้เบรก ยางทีสึก ผิวถนนที่กร่อน ทำลูกระนาดก็แก้ได้
รำคาญแมงไซด์ รถซิ่งไม่กี่คัน หายนะมากมายไม่คิด รถขับดีช่วงล่างต้องพังเร็ว
บ้านไหนใกล้เนินก็รับไปเถอะ ยึดที่หลวงไม่ให้ทำไหล่ทาง รถต้องชะลอนั้นแหล่ะรับไป
ดีเซลยูโร6 เติมฉี่หมู ไม่มีติดเครื่องไม่ได้ เอาออกไม่ได้
สามแฉกเพิ่งใส่ขายปลายปีที่แล้ว เพราะคนซื้อหาว่าหลอกฟัน
บ.รถทำได้ แต่คนซื้อจะเล่นด้วยรึเปล่า ในเมื่อตั้งแง่กันแบบนี้
ฝุ่นพิษจึงยุติธรรมต่อทุกคน รวยจน โดนเท่ากันหมด ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา
ยิ่งสูงฝุ่นยิ่งหนา เพราะเบาลงพื้นยาก จนๆอยู่พื้นล่างไกลปืนเที่ยง โล่งหน่อย
ดีเซลเกิด2.5 มากหน่อย
เบนซินเกิดก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลอุ่นขึ้น
ไม่ดีทั้งคู่ แค่ดีเซลคนสูดไปตายมากกว่าในเขตที่ใช้
ส่วนเบนซิน ทำให้เกิดภัยธรรมชาติรุนแรง ตายทีเยอะเป็นที่ๆ ไม่รู้ที่ไหน
แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ไต้ฝุ่น สึนามิ
สะดวกอะไรก็ใช้ไปเถอะ เพราะมลพิษจริงมีมากกว่านี้เยอะ แค่บ้านตัวเองรอดพอ
เครื่องบิน เทอร์โบแฟน สงคราม อาวุธที่ยิงใส่กัน สร้าง2.5เยอะ ทำไมเงียบ
ทิ้งระเบิด ฝนเหลือง ตอนนี้เป็นยาฆ่าหญ้า พ่นๆไปหนักกว่าอีก
e100 ห้ามใช้ ทำเองผิดกม.
ไบโอดีเซล หาว่ามีเหมือก เครื่องพัง
สูดฝุ่นพิษ ทำลายโอโซนกันต่อไป
-
ผมคิดแค่ว่า ทำไม ยุโรป ถึงจะเลิกใช้ ดีเซล กัน หันมาใช้เบนซินหมด แล้วส่งเครื่องดีเซลมาให้ประเทศอย่างบ้านเราใช้แทน
-
ขอชื่นชมความคิดของ จขกท นะครับ อย่างน้อยเริ่มที่ตัวเราก่อน
ตัวผมเองก็เช่นกัน รถคันต่อไปจะพิจารณารถไฟฟ้า plug-in เป็นตัวเลือกแรกๆ เลย
ทั้งๆ ที่ไม่ชอบรถชาร์ทแบต แต่เราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นร่วมกัน
-
ในความคิดส่วนของตัวของคนที่รักโลกแบบผมและหลายท่าน
ถ้าปลั๊กอินและไฮบริดถูกส่งเสริมจนราคาถูกลงน่าเล่น ก็ควรซื้อแทนรถน้ำมันรุ่นเก่าๆแบบที่เราทราบกัน
ส่วนเรื่องdiesel euro6พวกBMW Audi Benzก็เป็นไอเดียที่น่าจะดีครับแต่ราคาและการบำรุงรักษารถก็มากตามด้วย
-
ผมไปฮ่องกง ยืนท้ายรถทัวร์นำเที่ยวคันใหญ่ แปลกใจรถทัวร์คันนี้ ใช้แก๊ส lpg หรือ ก๊าซ ngv หรือเปล่า ทำไมไอเสียที่ออกมา ไม่มีกลิ่นอะไร ที่จะจับอาการได้ว่าเป็นรถดีเซลได้เลย
เดินไปถามคนขับเขาบอกว่า ใช้เครื่องดีเซล แต่ไอเสียออกมา กลิ่น หรืออะไร ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นดีเซลได้เลยครับ ขนาดผมใช้ crv g5 disel euro 5 ไอเสียยังมีกลิ่นนิดๆ คือแทบจะไม่มีแล้ว
แต่รถ ทัวร์ euro 6 ที่ฮ่องกง เป็นรถจีนนะครับ กลิ่นไอเสีย ไม่เหลือคำว่า ดีเซลเลยครับ
รถบ้านเรารุ่นเก่า ก็ทำแบบนี้ได้ จะยากอะไร ในเมื่อไอเสียที่ออกมา มันมีฝุ่น มีกลิ่น ก็เอามันมาเข้าเครื่องบำบัด ถ้าใช้เทคโนโลยีสูงมันลงทุนไม่ได้ ก็ลงทุนแบบ บ้านๆ เอาไอเสียเครื่องดีเซลมาผ่านน้ำ ให้ เขม่า กลิ่น มาผ่านน้ำ เพื่อดักจับพวกนี้ แล้วค่อยเอาไปทำล้างทิ้งต่อไป
ให้รถทุกคันที่เป็นดีเซลเก่า ต้องมีการติดตั้งเครื่องบำบัดไอเสีย ไม่วิธีใดๆ ก็วิธีหนึ่ง ที่ใช้งานได้ผล
แล้วก็ติดตั้งกล้อง ตรวจจับควันดำ ที่ถนนทุกเส้น รถคันไหน ควันดำ ลงโทษปรับหนัก แล้วให้นำไปติดตั้งเครื่องบำบัด
เจอจับควันดำได้อีก ก็ให้ยกเลิกการใช้งานรถคันนั้นไปเลย เพียงเท่านี้ บ้านเราก็แก้ปัญหาพวกนี้ได้แล้วครับ
-
ดีเซล Euro 6 ที่เติม AdBlue จะไม่มีกลิ่นท้ายรถแบบนี้เลยครับ ลองกับ Benz ดีเซลพวกรุ่นรหัส d หรือมีคำว่า BlueTEC ในช่วง 3 ปีนี้ที่เป็น Euro 6 ได้เลย
ส่วนเครื่อง BMW, Volvo ดีเซลเหมือนจะระบุสเปค Euro 6 เหมือนกันแต่ยังไม่ต้องเติม AdBlue ยังไม่มีโอกาสทดสอบเพราะรถที่วิ่งบนถนนกะยากว่าคันไหน Euro 6 ที่เพิ่งเปิดตัว
ผมไปฮ่องกง ยืนท้ายรถทัวร์นำเที่ยวคันใหญ่ แปลกใจรถทัวร์คันนี้ ใช้แก๊ส lpg หรือ ก๊าซ ngv หรือเปล่า ทำไมไอเสียที่ออกมา ไม่มีกลิ่นอะไร ที่จะจับอาการได้ว่าเป็นรถดีเซลได้เลย
เดินไปถามคนขับเขาบอกว่า ใช้เครื่องดีเซล แต่ไอเสียออกมา กลิ่น หรืออะไร ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นดีเซลได้เลยครับ ขนาดผมใช้ crv g5 disel euro 5 ไอเสียยังมีกลิ่นนิดๆ คือแทบจะไม่มีแล้ว
แต่รถ ทัวร์ euro 6 ที่ฮ่องกง เป็นรถจีนนะครับ กลิ่นไอเสีย ไม่เหลือคำว่า ดีเซลเลยครับ
รถบ้านเรารุ่นเก่า ก็ทำแบบนี้ได้ จะยากอะไร ในเมื่อไอเสียที่ออกมา มันมีฝุ่น มีกลิ่น ก็เอามันมาเข้าเครื่องบำบัด ถ้าใช้เทคโนโลยีสูงมันลงทุนไม่ได้ ก็ลงทุนแบบ บ้านๆ เอาไอเสียเครื่องดีเซลมาผ่านน้ำ ให้ เขม่า กลิ่น มาผ่านน้ำ เพื่อดักจับพวกนี้ แล้วค่อยเอาไปทำล้างทิ้งต่อไป
ให้รถทุกคันที่เป็นดีเซลเก่า ต้องมีการติดตั้งเครื่องบำบัดไอเสีย ไม่วิธีใดๆ ก็วิธีหนึ่ง ที่ใช้งานได้ผล
แล้วก็ติดตั้งกล้อง ตรวจจับควันดำ ที่ถนนทุกเส้น รถคันไหน ควันดำ ลงโทษปรับหนัก แล้วให้นำไปติดตั้งเครื่องบำบัด
เจอจับควันดำได้อีก ก็ให้ยกเลิกการใช้งานรถคันนั้นไปเลย เพียงเท่านี้ บ้านเราก็แก้ปัญหาพวกนี้ได้แล้วครับ
-
ดีเซล Euro 6 ที่เติม AdBlue จะไม่มีกลิ่นท้ายรถแบบนี้เลยครับ ลองกับ Benz ดีเซลพวกรุ่นรหัส d หรือมีคำว่า BlueTEC ในช่วง 3 ปีนี้ที่เป็น Euro 6 ได้เลย
ส่วนเครื่อง BMW, Volvo ดีเซลเหมือนจะระบุสเปค Euro 6 เหมือนกันแต่ยังไม่ต้องเติม AdBlue ยังไม่มีโอกาสทดสอบเพราะรถที่วิ่งบนถนนกะยากว่าคันไหน Euro 6 ที่เพิ่งเปิดตัว
ผมไปฮ่องกง ยืนท้ายรถทัวร์นำเที่ยวคันใหญ่ แปลกใจรถทัวร์คันนี้ ใช้แก๊ส lpg หรือ ก๊าซ ngv หรือเปล่า ทำไมไอเสียที่ออกมา ไม่มีกลิ่นอะไร ที่จะจับอาการได้ว่าเป็นรถดีเซลได้เลย
เดินไปถามคนขับเขาบอกว่า ใช้เครื่องดีเซล แต่ไอเสียออกมา กลิ่น หรืออะไร ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นดีเซลได้เลยครับ ขนาดผมใช้ crv g5 disel euro 5 ไอเสียยังมีกลิ่นนิดๆ คือแทบจะไม่มีแล้ว
แต่รถ ทัวร์ euro 6 ที่ฮ่องกง เป็นรถจีนนะครับ กลิ่นไอเสีย ไม่เหลือคำว่า ดีเซลเลยครับ
รถบ้านเรารุ่นเก่า ก็ทำแบบนี้ได้ จะยากอะไร ในเมื่อไอเสียที่ออกมา มันมีฝุ่น มีกลิ่น ก็เอามันมาเข้าเครื่องบำบัด ถ้าใช้เทคโนโลยีสูงมันลงทุนไม่ได้ ก็ลงทุนแบบ บ้านๆ เอาไอเสียเครื่องดีเซลมาผ่านน้ำ ให้ เขม่า กลิ่น มาผ่านน้ำ เพื่อดักจับพวกนี้ แล้วค่อยเอาไปทำล้างทิ้งต่อไป
ให้รถทุกคันที่เป็นดีเซลเก่า ต้องมีการติดตั้งเครื่องบำบัดไอเสีย ไม่วิธีใดๆ ก็วิธีหนึ่ง ที่ใช้งานได้ผล
แล้วก็ติดตั้งกล้อง ตรวจจับควันดำ ที่ถนนทุกเส้น รถคันไหน ควันดำ ลงโทษปรับหนัก แล้วให้นำไปติดตั้งเครื่องบำบัด
เจอจับควันดำได้อีก ก็ให้ยกเลิกการใช้งานรถคันนั้นไปเลย เพียงเท่านี้ บ้านเราก็แก้ปัญหาพวกนี้ได้แล้วครับ
bmw เครื่องดีเซลผมไป search ดูที่ ตปท มี adblue หมดเลยนะครับ พอมาไมยตัดทิ้งหมด เพราะเข้าใจว่า bmw เมืองไทยเนี่ยพยายามลดต้นทุนสุดๆ เพื่อประหยัด คชจ BSI นี่ยังไม่รวม option ยิบย่อย ที่ bmwth ตัดทิ้งอีกนะครับ
ชื่นชม จขกท ที่ concern เรื่องมลพิษครับ อย่างน้อยก็เริ่มที่ตัวเราก่อน ส่วนตัวที่บ้านก็เลือกรถ hybrid 4 จาก 5 คัน
-
ผมชื่นชอบคนที่ช่วยกันตอบและพยายามที่จะพวกลดมลพิษกัน
ผมว่าสังคมในนี้ดีกว่าเยอะ ไปที่อื่นก็จะบอกไปจับรถเมล์สิ รถขนส่งสิที่ปล่อยควันดำๆ รถเราปล่อยนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก
ตัดแคท อุด egr ด้นราง มันนิดหน่อยเอง
เรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกันครับ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
คิดถึงหนัง scifi ที่ต้องใส่หน้ากากออกจากบ้านทุกคน
-
ไม่เยอะ แต่ก็เยอะกว่าเบนซินครับ
ตอบในฐานะคนใช้รถดีเซล euro5 เลยนะ(แต่ขี่จักรยานไปทำงาน รถซื้อมาจอด555) ถ้าห่วงสิ่งแวดล้อม ใช้เบนซินหรือไฮบริดเลยดีกว่าครับ
(แต่ถ้าห่วงใยกันจริงๆ ใช้รถส่วนตัวเท่าที่จำเป็น ควรใช้รถสาธารณะ หรือจักรยานครับ...ช้าหน่อย ลำบากหน่อย แต่ก็ช่วยๆ กันนิ)
คันต่อไปผมคงจะไปใช้เบนซินนั่นละ แนวโน้มเบนซินในอนาคตก็ประหยัด และแรงไม่ด้อยกว่าดีเซลโบนะ ในพิกัดเท่ากัน
อย่างเฟียสต้า ecoboost 1.0 มันก็แรง ส่วนความประหยัดก็ไม่ด้อยมาก เทียบกับ mz2 skyD (ตอนนั้นก็เกือบซื้อไปแล้ว แต่คำว่า ford ทำให้เปลื่ยนใจ)
....................................
อันนี้ส่วนตัว
เก็บภาษีดีเซลเพิ่มได้แล้วละครับ ภาคขนส่งตอนนี้ไปแกสกันจะหมดแล้ว
แล้วพัฒนาการขนส่งระบบรางกันดีๆ รถใหญ่จะลดลง ลดการใช้พลังงานไปเยอะนะ...
ภาคขนส่งตอนนี้ไปแกสกันจะหมดแล้ว <--- ขออนุญาติเห็นต่างนะครับ
ตอนนี้รถบรรทุกที่ใช้ NGV จากโรงงานไม่คุ้มลงทุนสำหรับผู้ประกอบการแล้วครับ เพราะราคาน้ำมันดีเซลตอนนี้ถูก จนไม่คุ้มกับรถก๊าซ Ngv แล้ว เห็นได้ว่ารถบรรทุกใหม่ๆบนท้องถนนจะใช้รถน้ำมันกัน และที่สำคัญคือ ราคา NGV จะถูกแค่แถวภาคกลาง,ตะวันออก ยิ่งไกลจาก กทม ราคายิ่งสูง จนค่าบรรทุกไม่คุ้มกับรถใช้ดีเซล
-
ดีเซล บ้านเรา รัฐเอามาอุ้มอุตสาหกรรมมากกว่า ทนๆดมช่วยกัน พวกผลิตเครื่องยนก็ดันเครื่องดีเซล ขายกำไรไปเรื่อยๆ ทั้งที่มันถึงทางตันเรื่องค่าไอเสีย มานานแล้ว
-
ส่วนตัวคันหน้าจะซื้อก็อยากไปเบนซิล
จากที่ใช้ดีเซลมาสองคันหกเจ็ดปี ส่วนที่ไม่ชอบคือ
๑.สั่น กว่าเบนซิล เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่องกะเกียร์เร็ว
๒.รั่ว โบ ท่อร่วมไอดี ปะเก็นฝาวาล์ว จะbenz bmไม่รอด แสนกว่าโลจะมา อยู่ที่ไปเจอหรือปล่อยซึมจนหยด
๓.EGR ต้องล้างหรือปล่อยให้เขม่าเกาะจนมีปัญหา หลายคนอุดมันซะเลย ส่วนตัวกลัวnoxเลยไม่อุด
๔.ปลายเหี่ยว คือขับเร็วแล้วรอบมันตันที่สามพันกว่า สี่พันนี้ก็เริ่มหอบละ เบนซิลจะไปเรื่อยยยย
๕.ไอเสียมัยเยอะ เยอะกว่าเบนซิลมาก อันตรายกว่าด้วย อันนี้ไม่ต้องอิงpm2.5 แค่จอดรถถอยเข้าบ้าน ไอเสียที่เข้ามาในบ้านเรา ถ้าเผาไม่สมบูรณ์ ไม่หมด คนในบ้านคือคนสูดเข้าไป พ่อแม่ลูกหลาน โดนกันหมด
๖.ราคารถที่แพงกว่าเบนซิล ส่วนต่างเอาไปเติมน้ำมันได้หลายหมื่นโล
-
ดีเซล BMW ในไทยยังเป็นมาตรฐาน euro5 นะครับ
เพราะไม่มีระบบ scr ที่ต้องเติมสาร adblue
และข้างตัวรถใหม่ใบรับรองจะเขียนว่า euro5 เลยครับ
และน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายในไทยตอนนี้ก็มีแค่
ปตท กับ บางจาก ตัวพรีเมียม เท่านั้นครับที่เป็น euro5
พวกรถที่ได้ euro5/6 แต่ไม่ได้เติมน้ำมัน euro5
เลยมักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบ dpf ครับ
-
จากที่เคยติดตามข่าวเมื่อประมาณ 7-8 ปีมาแล้ว
ทำให้ผมคิดว่า นี่คือสาเหตุหนึ่ง ในการกำจัดเครื่องยนต์ดีเซล ออกจากท้องถนนในยุโรป
เนื่องมาจาก องค์การอนามัยโลก ได้มีการประกาศยกระดับอันตราย ของอนุภาคจากไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล
จาก สารอาจก่อให้เกิดมะเร็ง เป็น สารก่อมะเร็ง
ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าคุณยังจะทำรถแบบนี้ขาย
คุณจะต้องชดเชยคืนสังคมด้วยภาษีที่แพงขึ้นนะ นั่นหมายความว่า จะทำให้ต้นทุนของรถเครื่องยนต์ดีเซลแพงขึ้น
ไม่ว่า ภาษีตรงนี้จะเป็นค่ายรถ หรือ คนซื้อจ่ายก็ตาม มันหมายความว่า รถจะมีราคาแพงขึ้นมากกกก
ซึ่งหลังจากองค์การอนามัยโลกได้ประกาศตรงนี้ออกมา หลังจากนั้นไม่น่าจะเกิน 5 ปีมั้งครับ
รัฐบาลของบางประเทศ เริ่มประกาศแผนชัดเจนว่า จะไม่อนุญาต รถเครื่องยนต์ดีเซล วิ่งเข้าเมือง หรือ เขตชุมชน
รวมถึง เริ่มมีการผลักดัน การใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น และมีแผนการควบคุมเครื่องยนต์สันดาปภายในตามมาด้วย
ดังนั้น ในความเห็นส่วนตัวของผม เครื่องดีเซลถูกตัดตอน ไม่ใช่เพียงเพราะมันปล่อย ฝุ่นควัน PM 2.5 หรอกครับ
แต่เพราะ ไอ้ตัวฝุ่นควันจากการเผาไหม้ดีเซล ดันถูกยกระดับ เป็นสารก่อมะเร็งต่างหาก เลยทำให้เครื่องดีเซล
ถึงเวลากำจัดออกไปเร็วขึ้นเท่านั้นเอง
ถ้าจะถามว่า แล้วทำไม ไม่ประกาศยกเลิกหรือกำจัดเครื่องดีเซลไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย
น่าจะเพราะว่า การที่จะบังคับใช้กฏหมาย หรือเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใดๆก็ตาม มันต้องอาศัยช่วงเวลา
ในการเปลี่ยนผ่าน นั่นคือ ให้ผู้ผลิต หาเทคโนโลยีใหม่มาทดแทน รวมถึงการรักษาอุตสาหกรรมนั้นไว้ ไม่ให้เกิด
ภาวะวิกฤติ จึงต้องใช้เวลาสำหรับการกำหนดนโยบาย เพื่อการบังคับใช้น่าจะราวๆ 10 ปีครับ
ทั้งหมดนี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ที่ติดตามและสัมผัสข่าวสารมาบางส่วนนะครับใ