Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: iKrit ที่ มกราคม 25, 2019, 17:34:47
-
วันก่อนผมได้จอง 1.8 HV HI ไป ตอนแรกก็มีความสุขดี จะได้ขับรถประหยัดรักโลกกับเขาบ้าง แต่เมื่อกลับถึงบ้าน เช็คอัตราเร่งใหม่ อ่าว.... อัตราเร่งมันพอกันกับ Jazz GE ที่ผมใช้อยู่ทุกวันเลยนี่หน่า แต่ไม่เป็นไร อัตราเร่งเท่านั้นก็ยังรับได้อยู่ แต่ราคาอะไหล่ที่เคยเจอโพสจากเว็บต้องห้ามนี่สิ ผมจิตตกเลย หลักๆ ก็
1. คอมแอร์ 44xxx บาท
2. แม่ปั๊มเบรคไฟฟ้า 70xxx บาท
3. อินเวอเตอร์ 80xxx บาท
4. แบตลูกเล็ก 2900 บาท
5. แบตลูกใหญ่ 61xxx บาท
ผมจึงเดินทางออกไปเช็คราคาที่ศูนย์ด้วยตัวเองทั้งสามศูนย์เพื่อความชัว ผลออกมาคือ มีราคาที่ใกล้เคียงกัน หรือเหมือนกัน ยกเว้นแม่ปั๊มเบรคไฟฟ้าที่ลดลงมาที่ 46xxx บาท แล้วผมก็ดันลืมเทียบกับแม่ปั๊มเบรคของตัวเบนซินซะงั้น มีเทียบแต่กับคอมแอร์ของตัวเบนซินที่ราคา 18xxx บาท (ส่วนใหญ่คอมแอร์ปกติเสียก็แค่ครัชคอมแอร์ราคาไม่กี่พัน ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งลูกแบบไฟฟ้าเพราะแบบไฟฟ้าไม่มีครัช)
ต่อมา ผมจึงแจ้งเซลขอเปลี่ยนเป็นตัวเบนซิน 1.8 MID แทนแล้วกัน แจ้งเสร็จปุ๊บก็กลับมาแฮปปี้ต่อ คืออย่างมากก็เกียร์ CVT พัง ซึ่งเกียร์ CVT AISIN ของโตต้าเองก็น่าจะทนกว่าของยี่ห้ออื่น ใช้ 10 ปี ด้วยระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 100k-200k km สบายแน่ๆ แต่ก็ดันจ๊ะเอ๋กับปัญหาน้ำมันเกียร์ซึมอีก เห็นหลายคนในกลุ่ม C-HR ก็ออกมาบ่นกันว่าเช็คหมื่นโลตรวจพบน้ำมันเกียร์ซึมออกมา บางคนก็ว่าเรื่องปกติ บางคนก็ว่าช่างแค่เช็ดออกให้แล้ววิ่งต่ออีกหมื่นโลก็ไม่ซึมไม่รั่ว บางคนก็แจ้งเคลมไปเลย
ผมก็ช็อคต่อว่า "นี่เราหนีเสือปะจรเข้หรือป่าวเนี่ย?" สรุปแล้วเอายังไงดี ย้ายกลับไป Hybrid หรืออยู่กับเบนซินนี่ล่ะ เสี่ยงดวงเรื่องเกียร์เอาว่าจะรอดไหม ถ้าไม่ ค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงก็คงพอกันกับ Hybrid เลย (เกียร์ลูกนึงประมาณ 80k-100k มั้ง)
สรุปว่าผมควรเลือกทางไหนดีครับ?
ปล. ส่วนตัวผมใช้ทั้ง Jazz GE (2009) และ Camry 2.0 ACV41 (2008) อยู่แล้ว ผมใช้ Jazz เป็นหลักเพราะคล่องตัวและประหยัดดี ส่วน Camry นานๆ จะเอามาใช้บ้าง เพราะรู้สึกมันหน่วงๆ และไม่ประหยัดเท่า Jazz แต่ยังพอรับได้กับค่าน้ำมัน และชอบช่วงล่างที่นุ่มนิ่มดี
ปล.2 ผมใช้เดินทางทุกวัน วันละประมาณ 80 โลจาก ย่าน ม.เกษตร - ย่าน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
-
C-HR ไม่ใช่คอมแอร์ที่อาศัยกำลังจากเครื่องยนต์ครับ เป็นคอมแอร์ไฟฟ้าเหมือนแอร์บ้าน น่าจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้มันแพงกว่าปกติ
แต่ก็เหมือนแอร์บ้านครับ มันไม่ได้พังง่ายๆ แอร์บ้านเปิดทุกวัน แต่ละวันเปิดทั้งคืน ใช้กันเกิน 10 ปียังไม่พังเลย แถมตากแดดตากฝนอยู่นอกบ้านด้วย
แอร์รถยนต์ผมว่าใช้งานน้อยกว่าแอร์บ้านอีกครับในวันๆนึงไม่น่าจะพังง่ายๆ
อะไหล่ตัวอื่นก็แพงจริง แต่ก็ไม่ใช่อะไหล่ที่พังกันง่ายๆอีกเช่นกัน
อินเวอเตอร์กับแบตลูกใหญ่ ก็น่าจะรวมในประกันระบบไฮบริดที่นานตั้ง 10 ปียิ่งไม่น่ากังวล
-
รออีกนิด ได้ล้อสวยครับ
-
คอมแอร์ราคาน้องๆ f30 ผมเลย ตอนนั่นเคลม ไปประมาณ 50,000
-
เชียร์ hvครับใช้ hv hi จะ3หมื่นโลล่ะ ประหยัดมากกก
hv อะไหล่บางตัวจะดูราคาสูงแต่ก็ใช่ว่าจะเสียง่ายๆแถมประกันยาวพอควร และเกียร์ของ hv ก็ไม่น่าห่วงเพราะเป็น Planetary Gear นอกจาก mg 1/2จะเสียแต่ยังไม่เคยปรากฏ อะไหล่หลายตัวที่อยู่ในเบนซินธรรมดาก็ไม่มีเช่นพวกไดชาร์จมอเตอร์start สายพาน พูเลย์ ทั้งหลาย เวลารถติดก็เงียบ แถมออพชันความปลอดภัยช่วยการขับขี่ก็มากมาย มลภาวะก็น้อย เชียร์ hvครับ
-
ประเด็นคือรถ HV HI มันไม่ใช่รถที่ใช้แล้วทุกอย่างถูกไปหมดครับ อันนี้เตรียมใจแต่แรก
แต่สิ่งที่ผมต้องการจากมันคือ feeling ยามรถติด หรือยามเดินทางไกลจอดพักสบายๆ
ซึ่งมันตอบโจทย์ผมได้ดีพอกับที่คาดหวังไว้
เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้เท้าหนักเหมือนสมัยก่อนแล้ว ขับแบบเห็นสถานะการณ์รอบข้างตลอด
ผ่อนเพื่อชาร์จ เหยียบเมื่อจำเป็น สนุกกับการชาร์จสะสมเอาไว้แซงดีครับรุ่นนี้
ไม่รู้คิดไปเองมั้ย แต่รู้สึกว่ายามที่เหยียบเพิ่มแบบครึ่งนึง ดูมันตอบสนองดีกว่าเหยียบมิดครับ
-----------
พวกอะไหล่โดยส่วนตัวผมรู้สึกไม่ต่างกันจนเกินไประหว่างตัวธรรมดากับ HV
ปั๊มเบรค ABS รถปกติก็หลายหมื่นนะครับ ลองไปเช็คราคาดู
พวกอินเวอร์เตอร์ถ้าใช้ยาว พี่ไทยเราซ่อมได้แล้วไม่ต้องทั้งเซ็ท
แบตลูกใหญ่ก็ 10 ปี
ปอลอ ตัว HV HI มันมีระบบกรองอากาศด้วยนะครับสำหรับคนกรุงหรือที่มีมลภาวะสูง
ปอลอของปอลอ ถ้าขับแบบไม่จี้ ไม่เหยียบมิดออกตัว ไม่เบรคกระทืบ -- ประหยัดน้ำมันแบบสะใจเลยครับ
(แอบเห็นว่าจขกทสนใจความประหยัดเหมือนกัน)
ถ้าในส่วนตัวผมยังเชียร์ตัว HV HI เหมือนเดิมครับ
-
บ้านผมมี chr hv mid อยู่ครับ happy ดีมากยกเว้นเรื่องอัตราเร่งถ้าไม่สนใจเอาไฮบริดก้ประหยัดกว่าเยอะเพราะราคาต่างกันน้อยครับ แต่ถ้าห่วงอัตราเร่งคงต้องไป 1.8 ครับดีกว่าพอสมควร ส่วนเรื่องพังนั้นไม่น่าพังง่ายๆทั้งคู่ครับแต่เรื่องราคาอุปกรณ์ต่างๆของไฮบริดก้ตามที่ จขกท.บอก ก้เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าใช้ยาวหน่อย
-
ใช้1.8midอยู่ครับ ก่อนหน้าก็ลังเลระหว่าง1.8midกับ hv mid เคยมาตั้งกระทู้ถามเพื่อนสมาชิก สุดท้ายออก1.8mid มาครับเพราะตรงการใช้งานมากกว่าที่วิ่งต่อวันไม่เยอะ ใช้นานเป็น10ปี ส่วนเรื่องรุ่นเบนซินที่กังวลเรื่องน้ำมันเกียร์ซึม ผมเช็คพันโลมาปกติ คงรอเช็คอีกทีหมื่นโล ส่วนสมาชิกในเฟซคลับเท่าที่เห็นก็มีไม่กี่คันและส่วนใหญ่เป็นรถล็อตแรกๆ ล็อตหลังสิงหาผมยังไม่ผ่านตาว่ามีนะครับ ส่วนรถผมออกกันยาครับ นอกนั้นเป็นคราบจารบีครับที่ศูนย์เช็ดทำความสะอาดแล้วให้กลับมาใช้ก็เห็นว่ากลับเข้าไปก็ไม่มีครับ
-
HV ได้ลองอ่านคนใช้ Prius เจนก่อนล็อตหลังๆ ก็ไม่มีปัญหาที่ว่ามาสักเท่าไร
ประกอบกับ C-HR HV เป็นไฮบริดเจนใหม่ใช้ร่วมกับ New Prius จึงน่าวัดดวงกันหน่อย
ส่วนปัญหา 1.8 mid เรื่องซิลเกียร์ซึม อยู่ในระยะประกันก็นำไปเปลี่ยนซิลเกียร์
มีคนเปลี่ยนแล้วใช้งานหมื่นโลไปเช็คดูก็ไม่มีรอยซึม เป็นปัญหาที่แก้ได้
ปัษหาซิลเกียร์ซึม เป็นได้กับรถทุกรุ่นตามการใช้งานและอายุของมัน เป็นปัญหาที่แก้ไขได้
ไม่ใช่เกียร์พัง
-
Inverter ปั๊มเบรค คอมแอร์ ไม่พังกันง่ายๆครับ ประกัน 5 ปีไม่จำกัดกิโลครับขับๆไปเถอะไม่พังหรอกถ้าไม่โชคร้ายจริงๆ camry acv50 hv ผมยังไม่เห็นใครพังเลยนะครับระบบ hybrid เนี่ย เห็นจะมีก็คือแบตลูกใหญ่เสื่อมครับ
ปล.คอมแอร์ไฟฟ้าเป็นอะไรที่ทนมากๆสุดแล้วครับ
-
ใช้ Prius รุ่นปี 2011 มาจนทุกวันนี้ก็ยังอยู่ กับอีกคันของคุณพ่อขายไปก่อนแล้วเมือ่ปีที่แล้ว (คันนั้นพ่อขับไป 220,000) ก็เห็นมันปกติดีนะ ไอ้รายการที่กลัวๆผมเห็นมันก็ไม่มีอะไรจะพังเลย ไม่น่าห่วงนะครับ
ตอนนี้ผมก็ใช้ HV Mid อยู่ ไม่เล่น Hi เพราะผมคิดว่า safety sense P หลายๆอย่างมันใช้งานจริงบนถนนไทยไม่ได้หลังจากยืมรถไปลองเทสมาเกือบชั่วโมงก่อนตัดสินใจซื้อนะ ไปลองจริงๆดูก่อนครับ ไม่ใช่จ่ายเพิ่มจาก HV Mid อีก 9 หมื่นแล้วยังต้องมาปิดระบบขับ (ซึ่งก็แทบจะเหมือน HV Mid เลยพอปิดไปหลายๆตัว)
-
ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ผมได้เริ่มเห็นข้อดีทั้ง hybrid และ เบนซิน แล้ว และก็พึ่งรู้ว่าปัญหาน้ำมันเกียร์ซึมเป็นแค่ล็อตแรกอย่างเดียว (โล่งใจ :D)
ไม่ทราบว่าคุณ WISHSKY พอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมครับว่า 1.8 MID เติมน้ำมันถังนึงวิ่งได้เฉลี่ยหรือระยะทางทั้งหมดเท่าไร และใช้น้ำมันประเภทอะไร
-
ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ผมได้เริ่มเห็นข้อดีทั้ง hybrid และ เบนซิน แล้ว และก็พึ่งรู้ว่าปัญหาน้ำมันเกียร์ซึมเป็นแค่ล็อตแรกอย่างเดียว (โล่งใจ :D)
ไม่ทราบว่าคุณ WISHSKY พอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมครับว่า 1.8 MID เติมน้ำมันถังนึงวิ่งได้เฉลี่ยหรือระยะทางทั้งหมดเท่าไร และใช้น้ำมันประเภทอะไร
ตั้งแต่ออกมา4เดือนผมวิ่งอยู่แต่ในกรุงเทพฯครับ ยังไม่เคยวิ่งไปต่างจังหวัด ไปกลับทำงานจากเจริญนครข้ามสะพานสาทรไปแถวเซ็นฯเวิล์ดไปกลับแล้วออกไปรับแฟนกับลูกbtsกรุงธนวันนึงตกไม่เกิน30กิโล เคยลองเทสทั้งeco mode กับ normal mode ก็กินพอกัน(อาจจะขึ้นอยู่กับการขับขี่ครับผมค่อนข้างเท้าหนัก) ลองเติมe85กับe20มา4เดือน e20จะได้ระยะทางมากกว่า10%แต่จ่ายแพงกว่า10% ในสถานะการณ์ที่ใช้รถทุกวันทำงานและวิ่งแบบนี้ทุกวันในย่านรถติดๆเวลาเช้าเย็นครับ เช่นe85วิ่งได้ประมาณ22x km e20 24x km แต่มีวันหยุดที่วิ่งขึ้นทางด่วนออกชานเมืองe85 ได้2xx ยังไม่ถึงครึ่งถังดีครับ ถ้ารถไม่ติดหรือวิ่งชานเมืองหรือต่างจังหวัดประหยัดมากครับ
-
ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ผมได้เริ่มเห็นข้อดีทั้ง hybrid และ เบนซิน แล้ว และก็พึ่งรู้ว่าปัญหาน้ำมันเกียร์ซึมเป็นแค่ล็อตแรกอย่างเดียว (โล่งใจ :D)
กรณี้ยังไม่ยืนยันนะครับ แค่บอกเล่าจากการติดตามอ่า่นในเฟซคลับหลายคลับและสอบถามสมาชิกที่มีปัญหา ส่วนล็อตหลังนี่อาจจะยังใหม่หรือยังไม่ถึงกำหนดเช็คระยะ ยังไงคอยติดตามอีกทีครับ
ไม่ทราบว่าคุณ WISHSKY พอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมครับว่า 1.8 MID เติมน้ำมันถังนึงวิ่งได้เฉลี่ยหรือระยะทางทั้งหมดเท่าไร และใช้น้ำมันประเภทอะไร
-
ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ผมได้เริ่มเห็นข้อดีทั้ง hybrid และ เบนซิน แล้ว และก็พึ่งรู้ว่าปัญหาน้ำมันเกียร์ซึมเป็นแค่ล็อตแรกอย่างเดียว (โล่งใจ :D)
ไม่ทราบว่าคุณ WISHSKY พอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมครับว่า 1.8 MID เติมน้ำมันถังนึงวิ่งได้เฉลี่ยหรือระยะทางทั้งหมดเท่าไร และใช้น้ำมันประเภทอะไร
E20 ผมวิ่งได้ 680-700 โล
E85 ผมวิ่งได้ 550-600
ปล. เส้นทางภาคเหนือล้วนๆครับ
ปล.2 ผมรุ่น 1.8Mid ใช้มาจะครบ 70,000 โลละครับ
-
รอสักพัก น่าจะมีตัวแต่งพิเศษ สำหรับเครื่อง 1.8 mid 8)
-
HV อย่างไปกลัวเลยครับ ปัญหาHV ของโตโยต้ายังน้อยกว่า ปัญหาเครื่องยนต์สันดาบบางค่ายอีกครับ
-
ใช้ Prius รุ่นปี 2011 มาจนทุกวันนี้ก็ยังอยู่ กับอีกคันของคุณพ่อขายไปก่อนแล้วเมือ่ปีที่แล้ว (คันนั้นพ่อขับไป 220,000) ก็เห็นมันปกติดีนะ ไอ้รายการที่กลัวๆผมเห็นมันก็ไม่มีอะไรจะพังเลย ไม่น่าห่วงนะครับ
ตอนนี้ผมก็ใช้ HV Mid อยู่ ไม่เล่น Hi เพราะผมคิดว่า safety sense P หลายๆอย่างมันใช้งานจริงบนถนนไทยไม่ได้หลังจากยืมรถไปลองเทสมาเกือบชั่วโมงก่อนตัดสินใจซื้อนะ ไปลองจริงๆดูก่อนครับ ไม่ใช่จ่ายเพิ่มจาก HV Mid อีก 9 หมื่นแล้วยังต้องมาปิดระบบขับ (ซึ่งก็แทบจะเหมือน HV Mid เลยพอปิดไปหลายๆตัว)
safety sense มันยังไม่มีตัว P ไม่ใช่รึครับ
ถ้ามี P ต่อท้าย ถึงจะเป็นอแดพทิฟ ครุยซ์ แบบstop&go
ดังนั้น CHR ณ ตอนนี้ ระบที่มีอยู่เลยใช้ไม่ได้เต็มที่
แบบนี้ป่าวครับ