Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ChotLife ที่ กุมภาพันธ์ 08, 2019, 18:25:26
-
ใส่แบตค่าแอมป์เกินจากค่าเดิมๆของตัวรถไปเยอะ มีผลกับไดร์ชาร์จ และแบตจริงหรอ ?
อย่างเช่น ติดรถมา เป็น 50Ah แต่เปลี่ยนลูกใหม่เป็น 68Ah
ทำให้ไดร์ชาร์จทำงานหนัก แบตไม่เต็มสักที ทำให้ไดร์ชาร์จ และแบตเสื่อมเร็ว จริงหรอครับ
ไปอ่านมาจากหลายเว็บมากๆ และ Youtube มีทั้งบอกว่าไม่เป็นไร และ มีผลเสียกับไดร์และแบต
ตกลงแล้วมันยังไง มีใครเคยทดลองแล้วบ้างครับ หรือมีผลทดลองจากเว็บไหนมั้ยครับ
ส่วนใหญ่แล้ว มีแต่คนบอก ยิ่งใส่ Ah เยอะยิ่งดี ทำให้แบตอยู่ได้นาน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ^_^
-
ก็ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพราะมันนานกว่าเดิมที่จะเต็ม
ถ้าไม่ได้ใช้ไฟตอนดับเครื่องแบตก็ไม่ตกเยอะ ก็ไม่ค่อยเกี่ยว เพราะตอน start รถ มันก็ทำงานของมันอยู่แล้ว
-
ต้องดูที่ไดชาร์ทครับ รถบางรุ่น เช่น นิสสันมาช
ให้ไดชาร์ทมาถ้าผมจำไม่ผิด130แอมป์
แบบนี้ขยายแบตยังไงก็ไหวครับ
-
50เป็น68ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเปลี่ยนเป็น90หรือ100ก็ว่าไปอย่าง
-
บวกไม่เกิน 20 ปกติไม่ค่อยเจอรุ่นไหนมีปัญหานะ เพราะจริงๆ ถ้าเป็นร้านข้างนอกนี่แทบทุกคนเพิ่มขนาดแบตกันทั้งนั้น มีแต่คนเปลี่ยนศูนย์ที่ใช้ขนาดเท่าเดิม
-
เก๋งFIESTA เดิมเป็น42Amps
เปลี่ยนใส่60Amps ขับทุกวัน หลายชั่วโมง อายุแบต3-4ปีครับ
-
ก็ทำงานนานกว่าเดิม ตามขนาดที่เพิ่มครับ เพิ่มนิดหน่อย ไม่มีผลนะครับเพราะรถบ้างคันเขาก็ใส่ค่าแอมสูงกว่าแบตมาอยู่แล้ว
-
ในรถทุกคัน ไดชาร์ท จะมีกำลังกระแสมากกว่าแบตรถอยู่มากครับ ไม่เกิน 20 AMP จากปกติ ไม่มีปัญหาแน่นอน แบตใหญ่ขึ้น ไฟนิ่งขึ้นหน่อย เวลาต้องเรียกใช้กำลัง เช่นตอน Start จะได้ไฟมาเต็ม ๆ สตาร์ทติดง่ายขึ้น
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
อธิบายได้ชัดเจนดีมาก ต่อให้คุณใช้แบตฯหลายลูก ต่อขนาน การทำงานของมันก็เท่าเดิม
แต่หากคุณใช้ไฟมาก เช่น เครื่องเสียงโชว์ในงานต่าง ๆ ที่กินวัตต์สูง ๆ อย่างนั้น ไม่พอจริง ซึ่งคุณจะเห็นเขาใส่ไดฯ สามสี่ลูก
-
แบตใหญ่กว่าเดิมได้
ไม่เป็นปัญหาครับ
แค่แพงขึ้นครับ
-
ลองดุครับ
https://www.youtube.com/watch?v=zrAbwR--hXo
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
แล้วไดชาร์จจะมีหลายขนาดไปทำไมล่ะครับในเมื่อใช้กับแบตลูกใหญ่ได้
ปล.ตามที่รีอื่นตอบนั่นแหละ จะใช้แบตใหญ่ก็ดูขนาดให้เหมาะกับไดชาร์จ
-
หลายคนก็ว่า มันไดร์ชาร์จจะพังไว มันรับไม่ไหวหรอก แต่ต้องลองครับ
ไดร์ชาร์จ Mazda2 12v.150Ah. ผมว่ามันสบายๆนะครับ
เบนซินมาสด้า2 ของเดิม 45Ah. ผมเลยใส่ 65Ah. ครับ ลูกเล็กแบตฯไปไวเกินไปครับ
-
พี่ลองคิดตามผมแบบช้าๆ นะครับ
ผมเปรียบเทียบแบตติดรถว่าเป็นถังน้ำขนาด 5 ลิตร
แล้วรถพี่ใช้ไฟเปรียบเสมือนการดึงน้ำออกจากถังไปนาทีละ 1 ลิตร
ดังนั้นถ้าปล่อยให้คึงออกอย่างเดียว แบบนี้ 5 นาทีน้ำก็เกลี้ยงถังใช่มั้ยครับ
แต่รถมีไดชาร์จซึ่งเปรียบเสมือนกับพี่มีก๊อกเติมน้ำใส่ถังอ่ะครับ
ถ้าก็อกเติมน้ำใส่ถังได้มากกว่า 1 ลิตรต่อนาทีก็จะไม่มีปัญหาน้ำไม่พอใช้ใช่มั้ยครับ
ถ้าเป็บแบบข้างต้น ผมถามว่าพี่เปลี่ยนถังใส่น้ำให้ใหญ่ขึ้นเป็น 10 ลิตร
แต่พี่ยังคงดึงน้ำออกไปใช้แค่นาทีละลิตร แล้วก็อกน้ำมันต้องทำงานหนัก
ไปกว่าการเติมน้ำเข้ามาแค่นาทีละลิตรเหรอครับ
ผมว่าไม่นะฮะ
-
ระวังเรื่องน้ำหนักครับ
ถ้าหนักกว่าเดิมไม่มากนักไม่เป็นไร
ถ้าใหญ่กว่าเดิมมาก
ฝั่งที่แบตอยู่ เช่นด้านหน้ารถ
มีสปริงทรุดได้แน่นอนในระยะยาว
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
แล้วไดชาร์จจะมีหลายขนาดไปทำไมล่ะครับในเมื่อใช้กับแบตลูกใหญ่ได้
ปล.ตามที่รีอื่นตอบนั่นแหละ จะใช้แบตใหญ่ก็ดูขนาดให้เหมาะกับไดชาร์จ
ผมว่าน่าจะเพราะรถใช้กระแสไม่เท่ากันหรือเปล่าครับ พอใช้กระแสไม่เท่ากันก็ต้องมีไดชาร์จหลายขนาด
ผมนึกไม่ออกว่าในการใช้น้ำ 1 ลิตรต่อนาที การใช้ภาชนะ 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร จะมีผลเสียอะไรกับปั๊มน้ำ
ถ้าตัวปั๊มสามารถปั๊มน้ำได้มากกว่า 1 ลิตรต่อนาทีอยู่แล้ว (ยกเว้นค่าภาชนะที่แพงขึ้น)
เว้นเสียแต่ว่าบ้านไหนไปแปลงแล้วต้องใช้น้ำเพิ่มเป็น 2 ลิตร/นาที แบบนี้ถึงจะเพิ่มขนาดภาชนะและขนาดปั๊มน้ำไปด้วยกัน
(ปล. ลิตรต่อนาที --> A, ลิตร --> Ah หรือ แอมแปร์ชั่วโมง)
ผมว่าคำพูดว่าให้เลือกให้เหมาะกับไดชาร์จ น่าจะมาจาก การเลือกไดชาร์จให้เหมาะกับการใช้งานก่อน ในกรณีที่รถไปแต่งเพิ่มมา
แล้วค่อยมาเลือกแบตให้เข้ากับไดชาร์จ ที่จะทำให้ไฟนิ่ง แบบนี้มากกว่าครับ
แต่ถ้าไม่ได้แต่งอะไรมา จะเลือกแบตใหญ่ก็ไม่มีผลนะครับ ไดชาร์จ ชาร์จเติมส่วนที่ใช้ไป ไม่ได้ชาร์จจาก 0 ตลอดทุกครั้งที่ติดเครื่อง
ไดชาร์จ ชาร์จหนักครั้งเดียวในวันที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ลงไป แล้วแบตเตอรี่ก็ชาร์จมาบางส่วนจากโรงงานแล้วด้วยครับ
-
หลายคนก็ว่า มันไดร์ชาร์จจะพังไว มันรับไม่ไหวหรอก แต่ต้องลองครับ
ไดร์ชาร์จ Mazda2 12v.150Ah. ผมว่ามันสบายๆนะครับ
เบนซินมาสด้า2 ของเดิม 45Ah. ผมเลยใส่ 65Ah. ครับ ลูกเล็กแบตฯไปไวเกินไปครับ
เก๋งFIESTA ใส่แบต60-65Amps 6ปี
ใช้งานปกติ จนขายรถไปครับ
ไดร์ชาร์จ ประมาณเดียวกันกับMazda2
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
แล้วไดชาร์จจะมีหลายขนาดไปทำไมล่ะครับในเมื่อใช้กับแบตลูกใหญ่ได้
ปล.ตามที่รีอื่นตอบนั่นแหละ จะใช้แบตใหญ่ก็ดูขนาดให้เหมาะกับไดชาร์จ
ผมว่าน่าจะเพราะรถใช้กระแสไม่เท่ากันหรือเปล่าครับ พอใช้กระแสไม่เท่ากันก็ต้องมีไดชาร์จหลายขนาด
ผมนึกไม่ออกว่าในการใช้น้ำ 1 ลิตรต่อนาที การใช้ภาชนะ 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร จะมีผลเสียอะไรกับปั๊มน้ำ
ถ้าตัวปั๊มสามารถปั๊มน้ำได้มากกว่า 1 ลิตรต่อนาทีอยู่แล้ว (ยกเว้นค่าภาชนะที่แพงขึ้น)
เว้นเสียแต่ว่าบ้านไหนไปแปลงแล้วต้องใช้น้ำเพิ่มเป็น 2 ลิตร/นาที แบบนี้ถึงจะเพิ่มขนาดภาชนะและขนาดปั๊มน้ำไปด้วยกัน
(ปล. ลิตรต่อนาที --> A, ลิตร --> Ah หรือ แอมแปร์ชั่วโมง)
ผมว่าคำพูดว่าให้เลือกให้เหมาะกับไดชาร์จ น่าจะมาจาก การเลือกไดชาร์จให้เหมาะกับการใช้งานก่อน ในกรณีที่รถไปแต่งเพิ่มมา
แล้วค่อยมาเลือกแบตให้เข้ากับไดชาร์จ ที่จะทำให้ไฟนิ่ง แบบนี้มากกว่าครับ
แต่ถ้าไม่ได้แต่งอะไรมา จะเลือกแบตใหญ่ก็ไม่มีผลนะครับ ไดชาร์จ ชาร์จเติมส่วนที่ใช้ไป ไม่ได้ชาร์จจาก 0 ตลอดทุกครั้งที่ติดเครื่อง
ไดชาร์จ ชาร์จหนักครั้งเดียวในวันที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ลงไป แล้วแบตเตอรี่ก็ชาร์จมาบางส่วนจากโรงงานแล้วด้วยครับ
งั้นถามหน่อยครับ
ถ้าแบตปกติก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าแบตเริ่มเสื่อมคัตเอาท์จะตัดไฟเหมือนเดิมหรือไม่ หรือตัดไฟน้อยลงเพื่อให้ไดชาร์จป้อนไฟนานขึ้นกว่าแบตจะเต็ม แล้วถ้าไดชาร์จทำงานมากขึ้นมันจะเสื่อมง่ายมั้ย
ปล. ที่จขกท.บอกว่าแอมป์เยอะแบตเสื่อมช้าก็ไม่น่าเกี่ยว แต่อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าเปลี่ยนแบตไวมากกว่า เช่น แบตมี 5 รถใช้ไฟ 5 ถ้าแบตเสื่อม 95% ก็มีอาการให้เห็นแล้ว แต่ถ้าแบต 7 รถใช้ 5 ถึงจะเสื่อมไป 80% ก็ยังไม่เห็นอาการมากกว่า
-
งั้นถามหน่อยครับ
ถ้าแบตปกติก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าแบตเริ่มเสื่อมคัตเอาท์จะตัดไฟเหมือนเดิมหรือไม่ หรือตัดไฟน้อยลงเพื่อให้ไดชาร์จป้อนไฟนานขึ้นกว่าแบตจะเต็ม แล้วถ้าไดชาร์จทำงานมากขึ้นมันจะเสื่อมง่ายมั้ย
ปล. ที่จขกท.บอกว่าแอมป์เยอะแบตเสื่อมช้าก็ไม่น่าเกี่ยว แต่อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าเปลี่ยนแบตไวมากกว่า เช่น แบตมี 5 รถใช้ไฟ 5 ถ้าแบตเสื่อม 95% ก็มีอาการให้เห็นแล้ว แต่ถ้าแบต 7 รถใช้ 5 ถึงจะเสื่อมไป 80% ก็ยังไม่เห็นอาการมากกว่า
จริงด้วยครับ
กรณีนั้นมีผลแน่ครับ เหมือนภาชนะรั่ว ถ้าขนาดไดชาร์จไม่ได้เผื่อไว้ เพราะไดต้องชาร์จสู้กับไฟรั่วของแบตลูกใหญ่ซึ่งพอเสื่อมแล้วน่าจะรั่วไวกว่า
ยิ่งถ้าเผื่อแบตไว้เยอะเกินไปจะไม่เห็นอาการแบตเสื่อมเร็วนัก ไดทำงานหนักหลายสัปดาห์ก่อนที่เจ้าของรถจะรู้ตัว ซึ่งมีผล
ถ้าเป็นแบบนั้น ไดชาร์จจะเสื่อมหรือไม่เสื่อม ขึ้นกับเจ้าของรถว่ามีการตรวจสภาพแบตสม่ำเสมอหรือไม่อีกด้วย
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
แล้วไดชาร์จจะมีหลายขนาดไปทำไมล่ะครับในเมื่อใช้กับแบตลูกใหญ่ได้
ปล.ตามที่รีอื่นตอบนั่นแหละ จะใช้แบตใหญ่ก็ดูขนาดให้เหมาะกับไดชาร์จ
ผมว่าน่าจะเพราะรถใช้กระแสไม่เท่ากันหรือเปล่าครับ พอใช้กระแสไม่เท่ากันก็ต้องมีไดชาร์จหลายขนาด
ผมนึกไม่ออกว่าในการใช้น้ำ 1 ลิตรต่อนาที การใช้ภาชนะ 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร จะมีผลเสียอะไรกับปั๊มน้ำ
ถ้าตัวปั๊มสามารถปั๊มน้ำได้มากกว่า 1 ลิตรต่อนาทีอยู่แล้ว (ยกเว้นค่าภาชนะที่แพงขึ้น)
เว้นเสียแต่ว่าบ้านไหนไปแปลงแล้วต้องใช้น้ำเพิ่มเป็น 2 ลิตร/นาที แบบนี้ถึงจะเพิ่มขนาดภาชนะและขนาดปั๊มน้ำไปด้วยกัน
(ปล. ลิตรต่อนาที --> A, ลิตร --> Ah หรือ แอมแปร์ชั่วโมง)
ผมว่าคำพูดว่าให้เลือกให้เหมาะกับไดชาร์จ น่าจะมาจาก การเลือกไดชาร์จให้เหมาะกับการใช้งานก่อน ในกรณีที่รถไปแต่งเพิ่มมา
แล้วค่อยมาเลือกแบตให้เข้ากับไดชาร์จ ที่จะทำให้ไฟนิ่ง แบบนี้มากกว่าครับ
แต่ถ้าไม่ได้แต่งอะไรมา จะเลือกแบตใหญ่ก็ไม่มีผลนะครับ ไดชาร์จ ชาร์จเติมส่วนที่ใช้ไป ไม่ได้ชาร์จจาก 0 ตลอดทุกครั้งที่ติดเครื่อง
ไดชาร์จ ชาร์จหนักครั้งเดียวในวันที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ลงไป แล้วแบตเตอรี่ก็ชาร์จมาบางส่วนจากโรงงานแล้วด้วยครับ
งั้นถามหน่อยครับ
ถ้าแบตปกติก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าแบตเริ่มเสื่อมคัตเอาท์จะตัดไฟเหมือนเดิมหรือไม่ หรือตัดไฟน้อยลงเพื่อให้ไดชาร์จป้อนไฟนานขึ้นกว่าแบตจะเต็ม แล้วถ้าไดชาร์จทำงานมากขึ้นมันจะเสื่อมง่ายมั้ย
ปล. ที่จขกท.บอกว่าแอมป์เยอะแบตเสื่อมช้าก็ไม่น่าเกี่ยว แต่อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าเปลี่ยนแบตไวมากกว่า เช่น แบตมี 5 รถใช้ไฟ 5 ถ้าแบตเสื่อม 95% ก็มีอาการให้เห็นแล้ว แต่ถ้าแบต 7 รถใช้ 5 ถึงจะเสื่อมไป 80% ก็ยังไม่เห็นอาการมากกว่า
ถ้าแบตฯเสื่อม ความจุไม่เหมือนเดิม เต็มก็ไม่เท่าเดิม (13.5-14.2) เหลือโวลท์ 11.5-12.5 มันก็จะเต็มอยู่แค่นี้
ให้ท่านตัดประเด็นนี้ออกไป ให้คิดแค่ แบตฯ คือคาปาซิเตอร์ตัวหนึ่ง เป็นตัวกรองกระแสเท่านั้น เมื่อไรก็ตามที่การใช้ไฟในรถเกินลิมิตที่ไดจะทำได้ มันก็จะดึงจากแบตฯไปเสริม ถ้ามันเกิน มันก็ส่งกลับเข้าแบตฯ ถ้าแบตฯเต็ม มันก็ปั่นฟรี เฉพาะที่มันต้องใช้ในรถแค่นั้น ครับ
-
ใหญ่กว่าเดิมได้เล็กน้อยครับ
-
ใส่แบตค่าแอมป์เกินจากค่าเดิมๆของตัวรถไปเยอะ มีผลกับไดร์ชาร์จ และแบตจริงหรอ ?
อย่างเช่น ติดรถมา เป็น 50Ah แต่เปลี่ยนลูกใหม่เป็น 68Ah
ทำให้ไดร์ชาร์จทำงานหนัก แบตไม่เต็มสักที ทำให้ไดร์ชาร์จ และแบตเสื่อมเร็ว จริงหรอครับ
ไปอ่านมาจากหลายเว็บมากๆ และ Youtube มีทั้งบอกว่าไม่เป็นไร และ มีผลเสียกับไดร์และแบต
ตกลงแล้วมันยังไง มีใครเคยทดลองแล้วบ้างครับ หรือมีผลทดลองจากเว็บไหนมั้ยครับ
ส่วนใหญ่แล้ว มีแต่คนบอก ยิ่งใส่ Ah เยอะยิ่งดี ทำให้แบตอยู่ได้นาน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ^_^
เอาความเห็นส่วนตัวนะครับ
เอาทีละประเด็นเลยครับ
- ใส่แบตเตอรี่ แอมป์ เยอะกว่าเดิม ใส่ได้ครับ แต่อย่าให้เยอะเกินไป
- แบตเตอรี่ ยิ่งแอมป์เยอะ ยิ่งอยู่ได้นาน ถ้าเทียบเกรดพอๆ กัน = เรื่องจริงครับ เพราะแบตเตอรี่แอมป์เยอะ CCA ก็เยอะตามไปด้วย มันบ่งบอกว่า แผ่นธาตุเยอะด้วยเหมือนกัน อายุการใช้งานก็นานขึ้น เพราะหลักๆ อยู่ที่ CCA เนี่ยะละ แบตเตอรี่สตาร์ทรถไม่ติด CCA เหลือต่ำ แต่โวล์ปกติ ซึ่งแบตเตอรี่แอมป์เยอะ ก็ราคาแพงขึ้นเช่นกัน
- "ไปอ่านมาจากหลายเว็บมากๆ และ Youtube มีทั้งบอกว่าไม่เป็นไร และ มีผลเสียกับไดร์และแบต" เช่นกับใน Web board ละครับ ก็มีทั้ง 2 ความเห็นเช่นกัน
เพิ่มเติม
- แบตเตอรี่ ก็ทำงานเหมือนคาปาซิเตอร์อย่างบางท่านว่าจริงครับ และ ไดชาร์จเองก็ปั่นไฟเกินกว่าแอมป์ของแบตเตอรี่อย่างบางท่านว่าอีกเช่นกัน แต่ไฟที่ได้จากไดชาร์จมันก็ยังไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เอ๊ย..ของรถซิ ไม่ใช่ว่าปั่นไฟได้เป็น 120 แอมป์ แต่จะวิ่งเข้าแบต 120 แอมป์ ก็ไม่ใช่นะครับ แต่ไฟส่วนต่างที่เหลือจากการใช้งานในรถต่างหาก ที่พอจะเหลือชาร์จเข้าแบตเตอรี่ ซึ่งมันก็จะเหลือพอประมาณ(แล้วแต่ใช้ในรถ เยอะน้อย) ดังนั้น ถ้าไฟที่เหลือชาร์จเข้าแบตเตอรี่น้อย มันก็ต้องใช้เวลาชาร์จนานขึ้น = ไดชาร์จทำงานหนักขึ้น จริงครับ
ผิดถูกผู้รู้แก้ไขให้ด้วยนะครับ
-
ชาร์จจากไฟที่ใช้ไปนะครับ ไม่ใช่ชาร์จจาก 0 Ams. ถึงทำให้ไดร์ทำงานหนัก
แบตเก่าใช้ไป 10 แอมป์ไดร์ชาร์จก็ชาร์จ 10 แอมป์เต็ม แบตใหม่ใหญ่ขึ้นใช้ไป
10 แอมป์ก็ชาร์จเข้า 10 แอมป์เหมือนกันครับ
แล้วไดชาร์จจะมีหลายขนาดไปทำไมล่ะครับในเมื่อใช้กับแบตลูกใหญ่ได้
ปล.ตามที่รีอื่นตอบนั่นแหละ จะใช้แบตใหญ่ก็ดูขนาดให้เหมาะกับไดชาร์จ
ผมว่าน่าจะเพราะรถใช้กระแสไม่เท่ากันหรือเปล่าครับ พอใช้กระแสไม่เท่ากันก็ต้องมีไดชาร์จหลายขนาด
ผมนึกไม่ออกว่าในการใช้น้ำ 1 ลิตรต่อนาที การใช้ภาชนะ 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร จะมีผลเสียอะไรกับปั๊มน้ำ
ถ้าตัวปั๊มสามารถปั๊มน้ำได้มากกว่า 1 ลิตรต่อนาทีอยู่แล้ว (ยกเว้นค่าภาชนะที่แพงขึ้น)
เว้นเสียแต่ว่าบ้านไหนไปแปลงแล้วต้องใช้น้ำเพิ่มเป็น 2 ลิตร/นาที แบบนี้ถึงจะเพิ่มขนาดภาชนะและขนาดปั๊มน้ำไปด้วยกัน
(ปล. ลิตรต่อนาที --> A, ลิตร --> Ah หรือ แอมแปร์ชั่วโมง)
ผมว่าคำพูดว่าให้เลือกให้เหมาะกับไดชาร์จ น่าจะมาจาก การเลือกไดชาร์จให้เหมาะกับการใช้งานก่อน ในกรณีที่รถไปแต่งเพิ่มมา
แล้วค่อยมาเลือกแบตให้เข้ากับไดชาร์จ ที่จะทำให้ไฟนิ่ง แบบนี้มากกว่าครับ
แต่ถ้าไม่ได้แต่งอะไรมา จะเลือกแบตใหญ่ก็ไม่มีผลนะครับ ไดชาร์จ ชาร์จเติมส่วนที่ใช้ไป ไม่ได้ชาร์จจาก 0 ตลอดทุกครั้งที่ติดเครื่อง
ไดชาร์จ ชาร์จหนักครั้งเดียวในวันที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ลงไป แล้วแบตเตอรี่ก็ชาร์จมาบางส่วนจากโรงงานแล้วด้วยครับ
งั้นถามหน่อยครับ
ถ้าแบตปกติก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าแบตเริ่มเสื่อมคัตเอาท์จะตัดไฟเหมือนเดิมหรือไม่ หรือตัดไฟน้อยลงเพื่อให้ไดชาร์จป้อนไฟนานขึ้นกว่าแบตจะเต็ม แล้วถ้าไดชาร์จทำงานมากขึ้นมันจะเสื่อมง่ายมั้ย
ปล. ที่จขกท.บอกว่าแอมป์เยอะแบตเสื่อมช้าก็ไม่น่าเกี่ยว แต่อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าเปลี่ยนแบตไวมากกว่า เช่น แบตมี 5 รถใช้ไฟ 5 ถ้าแบตเสื่อม 95% ก็มีอาการให้เห็นแล้ว แต่ถ้าแบต 7 รถใช้ 5 ถึงจะเสื่อมไป 80% ก็ยังไม่เห็นอาการมากกว่า
ถ้าแบตฯเสื่อม ความจุไม่เหมือนเดิม เต็มก็ไม่เท่าเดิม (13.5-14.2) เหลือโวลท์ 11.5-12.5 มันก็จะเต็มอยู่แค่นี้
ให้ท่านตัดประเด็นนี้ออกไป ให้คิดแค่ แบตฯ คือคาปาซิเตอร์ตัวหนึ่ง เป็นตัวกรองกระแสเท่านั้น เมื่อไรก็ตามที่การใช้ไฟในรถเกินลิมิตที่ไดจะทำได้ มันก็จะดึงจากแบตฯไปเสริม ถ้ามันเกิน มันก็ส่งกลับเข้าแบตฯ ถ้าแบตฯเต็ม มันก็ปั่นฟรี เฉพาะที่มันต้องใช้ในรถแค่นั้น ครับ
+1 ตามนี้เลยครับ
ฟอร์จูนเนอร์ผม ตอนออกมา 2005 ตัวเบนซินแบตน้ำลูกเล็กคล้ายของเก๋ง
ใช้ๆไปน้ำ(ในแบต)ดัน จนเคลม(สี)ไปรอบนึง แล้วอายุสั้นด้วยประมาณ 8 เดือน
พอเปลี่ยนไปใช้แบตน้ำขนาดของตัวดีเซล ใหญ่ขึ้นมาพอสมควร
ปัญหาต่างๆหายไป อายุยืดเป็นประมาณ 20 เดือน
อาจจะเพราะไดชาร์จมันใหญ่พออยู่แล้ว(แต่ก็คนละรุ่นกับดีเซล)
ไฟแบตกระชากทีเยอะ แบตลูกใหญ่กว่าจึงเอาอยู่
ยิ่งตอนนี้ใช้แบตแห้งขนาดของดีเซล ขยันเปิดกระโปรง(รถ) ระบายอุณหภูมิ
ระยะเวลาใช้ได้เกิน 3 ปีอีกครับ
ส่วนระยะเวลาชาร์จแบต ก็จะเหมือนที่ท่านข้างบนบอก ชาร์จจากที่ใช้
ไม่ได้ชาร์จจาก 0 ซึ่งชาร์จจาก 0 ตอนเปลี่ยนแบต ร้านก็ชาร์จโดยเครื่องชาร์จ
ประเด็นคือรถสมัยนี้ จำพวกรถเล็ก พื้นที่ในการจัดวางจำกัด
ทำให้ใช้ได้แต่ขนาดที่ผู้ผลิตแนะนำ จึงจะสามารถใส่ลงได้มากกว่าครับ
ปล.ผมไม่รู้ว่าวงการเครื่องเสียงรถที่พ่วงแบตกับใส่คาปาเยอะๆนี่มีทำอะไรกับไดชาร์จบ้างรึเปล่านะครับ
-
ผมว่าแบตใหญ่หรือเล็กไม่ได้มีผลต่อการทำงานหนักของไดชาร์จ(หรือเรียกให้ถูกคืออัลเทอร์เนเตอร์)นะครับ เพราะไดชาร์จทำงานตลอดเวลาตามเครื่องยนต์ เมื่อแบตเต็มแล้วก็จะตัดการชาร์จด้วยรีเลย์ แต่มันยังคงหมุนตามเครื่องยนต์เหมือนเดิม (ซึ่งก็คือทำงานหนักเท่าเดิม) มันไม่ได้มีคลัชแบบคอมแอร์นะครับที่จะตีจากเมื่อทำความเย็นถึงระดับแล้ว