Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: com1122 ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2019, 08:35:22
-
พอดีสนใจจะออกรุ่น 2.0S เบนซินครับ แต่เห็นช่วงสองสามเดือนมานี้เห็นคนเอาขึ้นยานแม่ไปหลายคันละ
เท่าที่ผมเห็นมี 2 ปัญหาหลักๆคือ
- เกียร์พังไว ไม่ถึงแสนโลก็ไปละ
- ปั๊มติ๊ก ช่วงนี้ฮอตมาก
เลยอยากสอบถามสมาชิกหน่อยครับว่า
- ยังมีปัญหาประจำรุ่นอีกมั้ยครับ ที่มันทำให้ขับรถไม่ได้ ต้องขึ้นยานแม่สถานเดียว
- ปัญหาที่เกิดขึ้น(เอาเฉพาะหนักๆนะครับ) ทางศูนย์/มาสด้า เขารับผิดชอบไหมครับ
ถ้าเกิดบริการหลังขายในเรื่อง defect ของสินค้าไม่ดีแบบที่ได้ยินมาจริงๆ คงต้องบายละครับ คงหนีไปคบ X Trail แทนละ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ให้ข้อมูลนะครับ
-
ข้อมูลจาก Facebook : Thai Mazda Cx-5Club
"รถเราต้องตรวจสอบปั้มเชื้อเพลิง แล้วมันจะพังก่อนไหม"
... เชื่อว่านี่เป็นคำถามที่อยู่ในใจใครหลายๆคนที่พบว่ารถของตนอยู่ในกลุ่มที่จะต้องได้รับการตรวจสอบปั้มเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลในการใช้รถ
อยากจะเรียนเพื่อนๆเจ้าของรถว่า
"ถูกแล้วครับที่เรากังวล เพราะการที่รถเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะใช้รถอย่างสบายใจ"
เพียงแต่ยังไม่อยากให้เพื่อนๆกังวลมากจนเกินไป เนื่องจากสาเหตุที่เค้าเรียกเราไปตรวจสอบ ไม่ใช่เพราะรถของเรามีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะเกิดความเสียหาย หรือปั้มเชื้อเพลิงจะต้องเสียหายอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ หากแต่อะไหล่ดังกล่าวที่ถูกนำมาติดตั้งในรถของเรา มีสัดส่วนเกิดการชำรุดสูงเกินมาตรฐานที่มาสด้าตั้งไว้ในแต่ละล๊อต จึงได้เรียกคืนหมดทั้งล๊อตเพื่อที่จะนำไปเคลมกับผู้ผลิตต่อไป
และเนื่องจากเราเองยังมีความกังวลอยู่ แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถ ทางออกที่ดีในตอนนี้คือการใช้รถอย่างระมัดระวัง ยกตัวอย่างเช่น
1. รีบนัดหมายนำรถเข้าไปเปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหา แม้ว่ารถยนต์ของเราจะใช้งานมาเป็นเวลานานแล้วโดยไม่เกิดปัญหาใดๆเลยก็ตาม
2. พยายามให้ระดับน้ำมันเชื้ออยู่ในระดับสูงอยู่ตลอดเวลา เช่นรักษาระดับให้เกินครึ่งถังตลอดเวลา
3. พยายามสังเกตอาการของรถตัวเอง หากมีอาการสั่น รอบตก สะอึก หรืออาการผิดปรกติของเครื่องยนต์ ควรหยุดใช้งานหรือใช้ความเร็วต่ำและขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
4. หากท่านต้องเดินทางไปต่างจังหวัด พยายามใช้เส้นทางสายหลักไว้ก่อนเสมอ หากเกิดปัญหาระหว่างทางจะได้หาเพื่อนร่วมทางช่วยเหลือได้
5. จดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินเก็บไว้กับตัวเสมอ เช่นหมายเลขของ Mazda Speedline หมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์บริการในที่หมายที่ท่านกำลังจะเดินทางไป หรือตำรวจทางหลวง เป็นต้น
6. และแม้รถของเราจะถึงออกใหม่มาได้ไม่นาน ก็ยังอยากแนะนำให้เพื่อนๆตรวจสอบว่าอยู่ในข่ายที่ต้องได้รับการตรวจสอบหรือไม่
สุดท้ายก็ขอให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ววันและเป็นที่น่าพอใจของเพื่อนๆทุกท่านครับ
-
งง mazda 3 ไม่มีปัญหาทั้งที่เครื่องกับอะไหล่แทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทำไม cx5 มันถึงได้มีปัญหา
-
งง mazda 3 ไม่มีปัญหาทั้งที่เครื่องกับอะไหล่แทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทำไม cx5 มันถึงได้มีปัญหา
ประกอบกันคนละที่มั้งครับ
ถ้าจำไม่ผิด CX5 ประกอบมาเลเซีย
Mazda3 ประกอบไทย
ไม่แน่ใจว่าบริษัทซัพพลายจะสั่งอะไหล่ที่เดียวกันหรือเปล่า
-
;) ถ้าไม่มั่นใจผมว่า เลี่ยงดีกว่าน้ะครับ
ตอนก่อนผมจะซื้อสวิฟ ผมก็ทำใจเรื่อง พวกแรค พวกเกียร์ไว้เลย แต่เห็นว่าเคลมได้ แล้วก็ไม่ถึงกับขึ้นรถสไลด์ ยังรับได้
ที่ซื้อก็เพราะชอบทรงมัน เอาความชอบเราอ่ะครับ ถ้ามันมีทางแก้ มีทางออก แล้วเราพร้อมที่จะเสี่ยงก็จัดครับ ถ้าไม่พร้อม เลี่ยงเลยดีกว่า
;D เดี๋ยวจะพาเอาเกลียดค่ายนี้ไปเลย
-
งง mazda 3 ไม่มีปัญหาทั้งที่เครื่องกับอะไหล่แทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทำไม cx5 มันถึงได้มีปัญหา
ประกอบกันคนละที่มั้งครับ
ถ้าจำไม่ผิด CX5 ประกอบมาเลเซีย
Mazda3 ประกอบไทย
ไม่แน่ใจว่าบริษัทซัพพลายจะสั่งอะไหล่ที่เดียวกันหรือเปล่า
+1 เครื่อง เกียร์ อาจจะตัวเดียวกัน แต่วัตถุดิบต่างๆ ที่เป็นชิ้นส่วน คนละบริษัทกันครับ ฉะนั้นคุณภาพอาจไม่เท่ากัน
-
พอดีสนใจจะออกรุ่น 2.0S เบนซินครับ แต่เห็นช่วงสองสามเดือนมานี้เห็นคนเอาขึ้นยานแม่ไปหลายคันละ
เท่าที่ผมเห็นมี 2 ปัญหาหลักๆคือ
- เกียร์พังไว ไม่ถึงแสนโลก็ไปละ
- ปั๊มติ๊ก ช่วงนี้ฮอตมาก
เลยอยากสอบถามสมาชิกหน่อยครับว่า
- ยังมีปัญหาประจำรุ่นอีกมั้ยครับ ที่มันทำให้ขับรถไม่ได้ ต้องขึ้นยานแม่สถานเดียว
- ปัญหาที่เกิดขึ้น(เอาเฉพาะหนักๆนะครับ) ทางศูนย์/มาสด้า เขารับผิดชอบไหมครับ
ถ้าเกิดบริการหลังขายในเรื่อง defect ของสินค้าไม่ดีแบบที่ได้ยินมาจริงๆ คงต้องบายละครับ คงหนีไปคบ X Trail แทนละ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ให้ข้อมูลนะครับ
อ่านกลุ่ม CX-5 แล้ว ลองหาค้นหากลุ่ม Facebook ชื่อ Thai Mazda CX-5 Help Club เปรียบเทียบข้อมูลดูครับ
ผมคนนึงละที่ตอนจะเปลี่ยนรถปีที่แล้วเลือก CX-5 คันเดียวเลย ..... แต่พอหาข้อมูล ชั่งใจดู พร้อมกับไปคุยกับ "วิศวกร" จาก Mazda Thailand ในงานมอเตอร์ฯปลายปี
บอกได้คำเดียว ให้ฟรีพร้อมประกัน 3 ปีตามปกติผมยังไม่เอาเลย
-
จะซื้อรถทั้งทีแล้วมันมีอะไรที่ต้องห่วงมากมายแบบนี้ ผมไม่ซื้อครับ สวยแค่ไหนก็ไม่เอา
-
ที่เห็นบ่อยๆก็ปั๊มติ๊กพัง น่าจะเป็นปัญหาที่ Supplier
แล้วก็มีเรียก Recall กลับไปแก้ แต่เห็นว่าอะไหล่หมด ก็ต้องรออะไหล่กันอีก
ถ้าจะซื้อจริงๆก็รอให้มันผ่านช่วงนี้ไป ให้มันเปลี่ยน Supplier ไปก่อน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนรึยัง? จะเปลี่ยนเมื่อไหร่? และจะเปลี่ยนรึป่าว?)
เกียร์พังส่วนมากเป็นเพราะไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์กันเลย
เพราะเห็นว่าตามคู่มือระบุเป็นน้ำมันเกียร์ Life-time แล้วศูนย์บริการก็เลยไม่เปลี่ยนให้ สุดท้ายก็บ๊ายบาย
-
ที่จังหวัดผมยังไม่เจอปัญหานี้นะครับ แต่เห็นมีการrecallมาเปลี่ยนแล้วครับ
เอาจริงๆคือผมว่าซื้อรถที่ขับแล้วสบายใจดีกว่าครับ ถ้าขับแล้วต้องพะวงนี่อย่าเลยครับ อิอิ
-
ปั้มติกส์เสีย
แบ็ตเตอรี่เสื่อม
เซ็นเซอร์ร่วน
แต่ผมเฉยๆกับเรื่องดีเฟลก เพราะเบนซ์ก็มี บีเอ็มก็มี ฮอนด้า โตโยก็มี(เช่นถุงลม) เพราะคันเก่าเคยใช้แคปติว่าเป็นหนักกว่าcx5อีก ก็ยังใช้ได้ แค่หาศูนย์ที่ดีไว้เข้ารับบริการพอ และวาเรนตีเผื่อเครมก็พอ ปัจจุบันก็แฮปปี้ดี ใช้cx52.0 sp มา4เดือน เข้าเชคแบ็ต1ครั้งเพราะเออเร่อฟ้อง อย่างอื่นก็แฮปปี้ดี เพราะต้องยอมรับว่าในรถราคาระดับเดียวกัน หารุ่นอื่นเทียบได้ยาก
-
หมดกัน เริ่มขับไม่สนุกแหละ ยิ่งหลังๆ หันมาคบคานแข็ง กระโดดเป็นกบอีก
-
ผมใช้2.0SPอยู่ครับตอนนี้วิ่งได้62000KMยังไม่เจอปัญหาใดๆครับ รถปี2018เดือนมกราคมครับ
1ผมเติมน้ำมัน95หนึ่งถังสลับกับE20สองถังโดยไม่เคยให้น้ำมันลดเกินครึ่งของครึ่งถังครับ
2สตาร์ทเสร็จทุกครั้งปิดistopทุกครั้งครับ
3เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไปแล้ว1ครั้งที่40000กิโลครับ
วิ่งทางไกลเป็นส่วนใหญ่ทั้งแบต ทั้งเกียร์และปั๊มติ๊กยังไม่มีอะไมารบกวนและจุกจิกอื่นๆก็ไม่มีนะครับ
-
ผมใช้ CX-5 2.0 ปี 2016 50,000 km ปัญหาใหญ่ๆ ไม่เคยมี เติมน้ำมัน e20 ตลอด เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20,000 km
ไม่เคยมีปัญหา
ปัญหาที่เจอ
-เบรคดัง
-เสียงพลาสติกภายในห้องโดยสาร
-พวงมาลัยสั่น แก้โดยตั้งศูนย์ ถ่วงล้อหาย
ปัญหาประจำรุ่น
-โช้คหน้ามีเสียงกระแทก แก้โดยเสริมยางรองสปริง ถ้าไม่หายเปลี่ยนศูนย์
-ปั๊มติ๊ก (ตัวใหม่) ตัวเก่าไม่มีปัญหาครับ
เกียร์ไม่ใช่ปัญหาประจำรุ่น ที่พังกันเพราะไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทั้งนั้น ผมใช้เองยังไม่รู้สึกเลยว่ามันจะพังง่ายขนาดนั้น ถ้าจะซื้อเบนซิล ผมยอมเสี่ยงถ้าพังเปลี่ยนปั๊มแล้วจบ ใช้รถ happy ได้รถที่ชอบ แต่ถ้าปัญหาเรื้อรังแบบดีเซล ผมไม่เสี่ยงด้วย
ลองตั้งถามในกลุ่มดูซิครับ คนไม่มีปัญหาอีกเยอะ เค้าก็ไม่มาโพสกันหรอกครับ อ่านเยอะก็เครียดเปล่า ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว กังวลเกินไปเอง
-
ผมอยู่ใน CX-5 help club เก็บข้อมูลมานานเพราะชอบ CX-5
บอกตรงๆว่าไม่คิดจะซื้อยี่ห้อนี้ครับ เพราะ
- ปัญหาน้ำดันของ Gen.1 ถึงค่ายรถจะรับผิดชอบเปลี่ยนเครื่องให้ก็จริง แต่เปลี่ยนแล้ว การรับประกันก็คงเดิมที่ 1.8 แสนโล คำถามคือถ้าหลังจากนั้นเครื่องน้ำดันขึ้ยมาอีก เจ้าของรถก็ต้องจ่ายเองเต็มๆ
- CX-5 ดีเซล Gen.2 ยังคงใช้เครื่องบล็อกเดิม รหัสเดิม ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไขใดๆ และมีคนใช้ Gen.2 พบว่าระดับน้ำมันเครื่องเพิ่มขึ้นเองแล้ว นั่นหมายถึงระบบรีเจนของ DPF มีน้ำมันดีเซลลงไปผสมกับน้ำมันเครื่อง
เมื่อน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ระยะยาวปัญหาน้ำดันจะตามมาอย่างแน่นอน และการรับประกันของ Gen.2 ก็มีแต่ 1 แสนโลเท่านั้น
- ปัญหา Cx-5 เบ็นซิน Gen.2 ที่ดับกลางอากาศ กว่าจะออกมาตรการแก้ไขปัญหา ก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานมาก ลูกค้าดับกลางอากาศไปหลายคัน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอุบัติเหตุ จนลูกค้าออกมาเรียกร้องผ่านสื่อโซเชี่ยลจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตนั่นล่ะ ค่ายรถถึงขยับตัวออกมารับผิดชอบ
- และเการให้ผู้ใช้โทรเข้าไปตรวจสอบเลขตัวถัง แต่พอถึงเวลากลับไม่สต็อกอะไหล่ให้เพรยงพอ ปล่อยให้ลูกค้าต้องรออะไหล่ บางคันรอเป็นอาทิตย์ แถมบางคันระหว่างรอรถก็ดับกลางอากาศไปเรียบร้อย
คำถามคือ ปัญหานี้ค่ายรถรู้มานานแล้ว แต่ทำใมไม่สั่งอะไหล่ เตรียมให้พร้อม ให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเปลี่ยนได้เลย ทั้งๆที่ปัญหารถดับกลางอากาศนี่ มันอันตรายมากๆ
ผมอ่านปัญหาต่างๆแล้ว คงไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับรถที่ยังไว้ใจไม่ได้ ถ้าเกิดซื้อมาแล้ว ขับๆอยู่แล้วรถดับกลางอากาศที่ 120 กม/ชม ก็คงเป็นอันตรายต่อครอบครัวผมมากๆ
ยังไม่รวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าเก่าๆอีก อย่างดีเซลน้ำดันของ Gen.1 หลัง 1.8 แสนโล ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆว่าถ้ามันดันขึ้นมาอีก ลูกค้าต้องจ่ายเงินค่าเครื่องเองทั้งหมด และก็มีคนที่เปลี่ยนเครื่องแล้ว ก็ยังดันรอบที่ 2 รอบที่ 3 ก็ยังมีครับ
-
เกียร์ไม่ค่อยมีพังนะครับไม่น่าห่วงถ้าเปลี่ยนนมก.เป็นประจำ
ใหญ่ๆหลักก็ปั้มติ้กนั่นแหละ ส่วนดีเซลก็น้ำดัน
ส่วนบริษัทเค้ารับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าขับๆไปดับกลางอากาศ เป็นผมคงขอบายนะ อันตรายมาก
-
ขอบคุณสำหรับความเห็นทุกๆท่านนะคร้าบ
-
ถ้า2.0ผมใช้ gen1 3ปี ยังไม่เจออะไรผิดแปลก.
-
เพิ่งออกมาเหมือนกันครับ 28 กพ 62 ...
ดูเหมือนล๊อตนี้เค้าจะเรียกไปเปลี่ยนปั๊มติก แต่ผมเองยังไม่ได้รับจดหมาย ตั้งแต่ออกมาจนถึงวันนี้ก็เพิ่งวิ่งได้ ร้อยกว่า กม.เอง
จริงรถคันนี้จะให้แฟนใช้ .. พออ่านปัญหาดับกลางอากาศแล้วชักแหยงๆ ...
อันที่จริง เดนโซ่ที่ซัพลายปั๊มก็เป็นเจ้าใหญ่ในโลกอยู่นะ ไม่น่าพลาดเรื่องนี้เลย ...
-
Gen 2 เบนซิน ตอนนี้มีเรื่องปั๊มติ๊กนี่แหละครับ โดยมาสด้าใช้วิธีออกจดหมายน้อยเรียกเป็นรายคนให้เข้าไปตรวจสอบ และเปลี่ยนอะไหล่ตัวปัญหานี้
ถ้าไม่สบายใจก็รอผ่านช่วงนี้ไปก่อนก็ได้ครับ เพราะเหมือนว่าตอนนี้ซัพพลายเออร์ผลิตอะไหล่ให้ไม่ทัน ทำให้ต้องรออะไหล่นานหน่อย (ประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือ 1เดือน)
นอกนั้นก็หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ อย่าให้เกิน 40,000 โลครับ
-
ผมอยู่ใน CX-5 help club เก็บข้อมูลมานานเพราะชอบ CX-5
บอกตรงๆว่าไม่คิดจะซื้อยี่ห้อนี้ครับ เพราะ
- ปัญหาน้ำดันของ Gen.1 ถึงค่ายรถจะรับผิดชอบเปลี่ยนเครื่องให้ก็จริง แต่เปลี่ยนแล้ว การรับประกันก็คงเดิมที่ 1.8 แสนโล คำถามคือถ้าหลังจากนั้นเครื่องน้ำดันขึ้ยมาอีก เจ้าของรถก็ต้องจ่ายเองเต็มๆ
- CX-5 ดีเซล Gen.2 ยังคงใช้เครื่องบล็อกเดิม รหัสเดิม ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไขใดๆ และมีคนใช้ Gen.2 พบว่าระดับน้ำมันเครื่องเพิ่มขึ้นเองแล้ว นั่นหมายถึงระบบรีเจนของ DPF มีน้ำมันดีเซลลงไปผสมกับน้ำมันเครื่อง
เมื่อน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ระยะยาวปัญหาน้ำดันจะตามมาอย่างแน่นอน และการรับประกันของ Gen.2 ก็มีแต่ 1 แสนโลเท่านั้น
- ปัญหา Cx-5 เบ็นซิน Gen.2 ที่ดับกลางอากาศ กว่าจะออกมาตรการแก้ไขปัญหา ก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานมาก ลูกค้าดับกลางอากาศไปหลายคัน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอุบัติเหตุ จนลูกค้าออกมาเรียกร้องผ่านสื่อโซเชี่ยลจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตนั่นล่ะ ค่ายรถถึงขยับตัวออกมารับผิดชอบ
- และเการให้ผู้ใช้โทรเข้าไปตรวจสอบเลขตัวถัง แต่พอถึงเวลากลับไม่สต็อกอะไหล่ให้เพรยงพอ ปล่อยให้ลูกค้าต้องรออะไหล่ บางคันรอเป็นอาทิตย์ แถมบางคันระหว่างรอรถก็ดับกลางอากาศไปเรียบร้อย
คำถามคือ ปัญหานี้ค่ายรถรู้มานานแล้ว แต่ทำใมไม่สั่งอะไหล่ เตรียมให้พร้อม ให้ลูกค้าสามารถเข้าไปเปลี่ยนได้เลย ทั้งๆที่ปัญหารถดับกลางอากาศนี่ มันอันตรายมากๆ
ผมอ่านปัญหาต่างๆแล้ว คงไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับรถที่ยังไว้ใจไม่ได้ ถ้าเกิดซื้อมาแล้ว ขับๆอยู่แล้วรถดับกลางอากาศที่ 120 กม/ชม ก็คงเป็นอันตรายต่อครอบครัวผมมากๆ
ยังไม่รวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าเก่าๆอีก อย่างดีเซลน้ำดันของ Gen.1 หลัง 1.8 แสนโล ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆว่าถ้ามันดันขึ้นมาอีก ลูกค้าต้องจ่ายเงินค่าเครื่องเองทั้งหมด และก็มีคนที่เปลี่ยนเครื่องแล้ว ก็ยังดันรอบที่ 2 รอบที่ 3 ก็ยังมีครับ
ชัดเจนครับ