Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wa330 ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2019, 18:14:40
-
ถ้าเอามาแทน2.2Dน่าจะขายดี 0-100เวลาดีมากอะ
https://www.youtube.com/watch?v=xJiXC6oTny4 (https://www.youtube.com/watch?v=xJiXC6oTny4)
-
ถ้าให้คนไทยเลือก ส่วนมากก็ยังคงเลือก 2.2d นะครับผมว่า เพราะ 2.5 นี่กินน้ำมันกว่ามาก ยิ่งถ้าวิ่งในเมือง อัตราเร่ง 2.5 มันไม่ได้จำเป็นเลย จะมีซักกี่คนที่ต้อง kickdown ออกตัวเหยียบสุดแทบตลอด ซึ่ง 2.2d ก็ทำได้ดีแล้ว
ดีไม่ดี 2.2d จะขับในเมืองคล่องตัวกว่าด้วย เพราะเป็นดีเซล
จขกท. คงคิดแค่ในมุมคนชอบอัตราเร่งหรือเปล่า ต้องลองคิดในมุมอัตราสิ้นเปลืองด้วยครับ รถวิ่งในเมือง ถ้าออกมาเฉลี่ย 4-6 km/l แบบนั้น จะรับได้ไหม เทียบกับดีเซล เฉลี่ยออกมาแล้วได้ 9-11 km/l เป็นต้น
-
ถ้าให้คนไทยเลือก ส่วนมากก็ยังคงเลือก 2.2d นะครับผมว่า เพราะ 2.5D กินน้ำมันกว่ามาก ยิ่งถ้าวิ่งในเมือง อัตราเร่ง 2.5 มันไม่ได้จำเป็นเลย ดีไม่ดี 2.2d จะขับในเมืองคล่องตัวกว่าเพราะเป็นดีเซลด้วย
จขกท. คงคิดแค่ในมุมคนชอบอัตราเร่งหรือเปล่า ต้องลองคิดในมุมอัตราสิ้นเปลืองด้วยครับ รถวิ่งในเมือง ถ้าออกมาเฉลี่ย 4-6 km/l แบบนั้น จะรับได้ไหม เทียบกับดีเซล เฉลี่ยออกมาแล้วได้ 9-11 km/l เป็นต้น
เห็นด้วยครับ ถ้าจะมีตัวเลือกมาเพิ่มจริง ขอ 2.5 NA กลับมาดีกว่า
-
ยากครับ 2.5ไม่โบยังเอาออกเลย
คงต้องใช้เครื่องเล็กๆกับเครื่องรอวันน้ำดันต่อไป
-
คนไทยชอบประหยัดน้ำมันครับ เลยขายแต่ 2.0 กับดีเซล
ส่วนตัวผมเอานะ 2.5T ถ้าราคาไม่ได้แพงไร้สาระ ไม่แคร์ค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่อยู่แล้ว
ตอนนี้ก็ขับ 2.0 ต่อไป ซื้อมาปีนิดๆละ ไม่มาก็ดีแล้วครับ จะได้ไม่เสียดาย 555
-
มันก็เหมือน accord เอา V6 3.0 มา ใครๆ ก็บอกดีแต่ขายได้น้อยคนขายก็เอือมเลิกขายไปดื้อๆ
ผมก็ชอบนะรถแรงๆ ขับสนุกๆ แต่ก็เข้าใจกลไกตลาดว่าถ้าแนวโน้ม demand มันจะไม่ถึงจุดคุ้มทุน supply มันก็คงจะไม่มา
-
ถ้าให้คนไทยเลือก ส่วนมากก็ยังคงเลือก 2.2d นะครับผมว่า เพราะ 2.5 นี่กินน้ำมันกว่ามาก ยิ่งถ้าวิ่งในเมือง อัตราเร่ง 2.5 มันไม่ได้จำเป็นเลย จะมีซักกี่คนที่ต้อง kickdown ออกตัวเหยียบสุดแทบตลอด ซึ่ง 2.2d ก็ทำได้ดีแล้ว
ดีไม่ดี 2.2d จะขับในเมืองคล่องตัวกว่าด้วย เพราะเป็นดีเซล
จขกท. คงคิดแค่ในมุมคนชอบอัตราเร่งหรือเปล่า ต้องลองคิดในมุมอัตราสิ้นเปลืองด้วยครับ รถวิ่งในเมือง ถ้าออกมาเฉลี่ย 4-6 km/l แบบนั้น จะรับได้ไหม เทียบกับดีเซล เฉลี่ยออกมาแล้วได้ 9-11 km/l เป็นต้น
2.2D ไม่เหมาะกับในเมืองครับ
-
ถ้าเอามาแทน2.2Dน่าจะขายดี 0-100เวลาดีมากอะ
https://www.youtube.com/watch?v=xJiXC6oTny4 (https://www.youtube.com/watch?v=xJiXC6oTny4)
ในที่นี้ ผมเห็นด้วยกับพี่มาก
เอามาเถอะขอแรงๆไว้ก่อน
เครื่องดีเซล จริงๆดีนะ แต่น้ำดัน แก้ไม่ตกทั้งโลก
เหลือเบนซิน แก้ปั้มติ๊กพังได้มั้ย
ตอนนี้ ปั้มติ๊กน่าจะลุกลามเร็วกว่าน้ำดันละเพราะเล่นเปนกันตั้งแต่ป้ายแดง
รถยังไม่ได้ใช้เท่าไหร่เลย พังแบบเน่าไปเลย
-
เอาอะไรมาก็ขายยากครับ ถ้าตัวรถยังมีปัญหา แก้ปัญหาก่อนดีกว่า รวมทั้งปรับปรุงหลังกาารขาย
-
ผมเฉยๆ มาก มันไม่ได้แรงอะไรขนาดนั้นเลย และ เดี๋ยวนี้รถบ้าน หรือ รถ daily used มันแรงแบบไม่กินน้ำมันแล้ว
ผมคือคนไทย และผมคงไม่เลือก 2.5T ถ้าจะเลือก Mazda จริงๆ คงเลือก 2.2D หรือไม่ก็ 2.0 AWD(ถ้าในอนาคตมี) แต่คงไม่เลือก Mazda
-
ผมว่าผมเคยอ่านข่าว ที่เขาไปสัมภาษณ์ผู้บริหารมาสด้าไทยเกี่ยวกับรถ มาสด้า cx8 ที่จะเปิดตัวเดือนนี้
และมีบอกว่าจะมีเครื่องเบนซิล 2.5 turboให้เลือกใน cx5 ด้วยเร็วนี้ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าที่พูดถึงเครื่อง 2.5 turbo
นั่นหมายถึงสำหรับตลาดไทยหรือตลาดโลก
ส่วนตัวแล้วผมว่ามีโอกาสที่จะมาขายที่ไทย เนื่องด้วยปัจจัยฝุ่น pm2.5 และปัญหาน้ำดันในเครื่องดีเซล 2.2
เพื่อเป็นทางเลือก อีกทั้งคู่แข่งเขาก็มีเครื่องเบนซิล 2.4 มี 2.5 และอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยก็ไม่ได้ต่างจากเบนซิล 2.5 มาก
-
Mazda น่าจะลองเอาตัว CX-5 2.0 เดิมมาทำเป็นรุ่นมีเทอร์โบเพิ่ม อันนี้ผมว่าน่าลุ้นกว่าครับ
ในสมัยนี้เครื่อง Turbo ในรถหลายๆรุ่นสามารถทำให้ประสิทธิภาพดีกว่าเครื่อง NA ได้ทั้งความแรง และประหยัดน้ำมัน เรื่องขับรถติดๆในเมืองแล้วจะซดน้ำมันไม่น่ากังวลเท่าไหร่
-
อัตราเร่งดีอยู่แล้วครับ ขนาด 2.5 ตัวก่อนยังดีเลย
แต่ที่ Mazda ถอด 2.5 ออกไปเพราะการปล่อย CO2 ทำให้ทำราคาไม่ได้
ยิ่งตัว 2.5T น่าจะทำให้ราคาสูงไปอีก
จริง ๆ อยากให้ CX-5 มี 2.0 กับ 2.5 น่าจะเพียงพอแล้วครับ
เพราะ Segment นี้ ราคาช่วงนี้ ยังไม่เคยมีเจ้าไหนเอาเครื่อง Benzene Turbo มาลงเลย
ถ้ามีราคาคงอยู่ช่วง 2 ล้าน
คนซื้อทั่วไปน่าจะซื้อ 2.0 มากกว่า 2.5T คงไม่คุ้มการเก็บอะไหล่
ตัว CX-5 เองเดือนนึงก็ขายไม่ได้ยอดสูงมาก
คนไทยส่วนน้อยครับ ที่ชอบเครื่องยนต์แรง ๆ เครื่องแรงยังไงมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว
แต่เรื่องราคา น่าจะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อของคนทั่วไปมากกว่า
ขนาด Civic 1.5T อัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมัน คนยังเลือก 1.8 เกินครึ่งเลยครับ
-
ถ้าให้คนไทยเลือก ส่วนมากก็ยังคงเลือก 2.2d นะครับผมว่า เพราะ 2.5 นี่กินน้ำมันกว่ามาก ยิ่งถ้าวิ่งในเมือง อัตราเร่ง 2.5 มันไม่ได้จำเป็นเลย จะมีซักกี่คนที่ต้อง kickdown ออกตัวเหยียบสุดแทบตลอด ซึ่ง 2.2d ก็ทำได้ดีแล้ว
ดีไม่ดี 2.2d จะขับในเมืองคล่องตัวกว่าด้วย เพราะเป็นดีเซล
จขกท. คงคิดแค่ในมุมคนชอบอัตราเร่งหรือเปล่า ต้องลองคิดในมุมอัตราสิ้นเปลืองด้วยครับ รถวิ่งในเมือง ถ้าออกมาเฉลี่ย 4-6 km/l แบบนั้น จะรับได้ไหม เทียบกับดีเซล เฉลี่ยออกมาแล้วได้ 9-11 km/l เป็นต้น
2.2D ไม่เหมาะกับในเมืองครับ
ใช่เลยครับไม่เหมาะใช้ในเมืองรถติดๆ รำคาญระบบdpfมาก
ถ้าวิ่งยาวๆต่างจังหวัดจะดีมาก เครื่องเทอร์โบกับ2.5ธรรมดา
ในบางสถานะการ์ณ เทอร์โบประหยัดกว่าNA แรงแซงเทอร์โบแค่คลึงๆคันแรงก็เพียงพอ
แต่NAต้องคิกดาว ยิ่งถ้ามี2.0Tน่าจะแรงและประหยัดกว่า2.5NA
นอกจากซัดเต็มที่เทอร์โบแรงกว่ากินกว่าแน่
-
น่าจะเหมาะกับคนที่อยู่ ตจว. เหยียบดึงๆ พุ่งกระจาย
ปล. ในเมืองอย่าว่าแต่ดีเซลเลย รถไฮบริต ยังไม่ค่อยจะประหยัด
คนไทยแต่ละคนต่างมีรถส่วนตัว และเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ถนนเท่าเดิม
พักหลังๆ ผมคิดว่าจะเอารถแรงๆไปทำไม หาคันที่นั่งสบายที่สุดดีกว่า
อัตราเร่งคงพอแล้ว เน้นสุนทรีย์แห่งการขับขี่บนถนน กทม. ดีกว่า 8)
-
เลิกขาย 2.2D แล้วเอา 2.5 มาขายแทนดีกว่า
จะ 2.5 ธรรมดาหรือ 2.5T ก็ได้ แต่ไม่เอาดีเซล
-
ผมว่าผมเคยอ่านข่าว ที่เขาไปสัมภาษณ์ผู้บริหารมาสด้าไทยเกี่ยวกับรถ มาสด้า cx8 ที่จะเปิดตัวเดือนนี้
และมีบอกว่าจะมีเครื่องเบนซิล 2.5 turboให้เลือกใน cx5 ด้วยเร็วนี้ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าที่พูดถึงเครื่อง 2.5 turbo
นั่นหมายถึงสำหรับตลาดไทยหรือตลาดโลก
ส่วนตัวแล้วผมว่ามีโอกาสที่จะมาขายที่ไทย เนื่องด้วยปัจจัยฝุ่น pm2.5 และปัญหาน้ำดันในเครื่องดีเซล 2.2
เพื่อเป็นทางเลือก อีกทั้งคู่แข่งเขาก็มีเครื่องเบนซิล 2.4 มี 2.5 และอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยก็ไม่ได้ต่างจากเบนซิล 2.5 มาก
ได้อ่านมาเหมือนกันครัช
ยังสงสัยอยู่ว่า นักข่าวจดคำพูดผู้บริหารมาผิดรึป่าว ถึงเขียนลงไปว่า2.5เทอร์โบ
เลยยังไม่เชื่อข่าวเท่าไหร่
-
ผมว่าผมเคยอ่านข่าว ที่เขาไปสัมภาษณ์ผู้บริหารมาสด้าไทยเกี่ยวกับรถ มาสด้า cx8 ที่จะเปิดตัวเดือนนี้
และมีบอกว่าจะมีเครื่องเบนซิล 2.5 turboให้เลือกใน cx5 ด้วยเร็วนี้ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าที่พูดถึงเครื่อง 2.5 turbo
นั่นหมายถึงสำหรับตลาดไทยหรือตลาดโลก
ส่วนตัวแล้วผมว่ามีโอกาสที่จะมาขายที่ไทย เนื่องด้วยปัจจัยฝุ่น pm2.5 และปัญหาน้ำดันในเครื่องดีเซล 2.2
เพื่อเป็นทางเลือก อีกทั้งคู่แข่งเขาก็มีเครื่องเบนซิล 2.4 มี 2.5 และอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยก็ไม่ได้ต่างจากเบนซิล 2.5 มาก
ได้อ่านมาเหมือนกันครัช
ยังสงสัยอยู่ว่า นักข่าวจดคำพูดผู้บริหารมาผิดรึป่าว ถึงเขียนลงไปว่า2.5เทอร์โบ
เลยยังไม่เชื่อข่าวเท่าไหร่
CX-5 มาจากมาเล แต่มาเลตัวMY19ปรับนิดๆหน่อยๆ อย่าไปหวัง